Skip to main content

เช้าตรู่ หมอกยังไม่ทันจาง เพื่อนผมแซะตัวเองออกจากเตียงนอนเพื่อลงสัมภาษณ์ชาวบ้าน ประเด็นที่ต้องการ คือ ,รัฐบาลเตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนของตัวเองแค่ไหน
...

\\/--break--\>
มากกว่าร้อยละ 80 ของจิตตะกองเป็นพื้นที่ภูเขา เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ประกอบด้วยชนหลายกลุ่ม มากกว่าครึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่อยู่อาศัยกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ มีภาษาแตกต่างกัน เช่น ชาวชักม่า ทริปุระ มาร์ม่า (อ่านออกเสียงว่า มาม่า) เป็นต้น

ส่วนชาวเบงกาลีเพิ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานในภายหลัง (โห ตัวเลขกว้างมาก)
กลุ่มชนเผ่าจะนับถือศาสนาพุทธ
ชาวเบงกาลีจะนับถือศาสนาอิสลาม

ตามประวัติศาสตร์ จิตตะกองเป็นดินแดนใต้การปกครองของชาวชักม่า ภายใต้ระบอบกษัตริย์ ก่อนถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย ก่อนจะแยกเป็นบังคลาเทศและปากีสถาน ช่วงนั้นเองที่ชาวเบงกาลีเข้ามามีอิทธิพลทางด้านการปกครอง

ชาวชักม่าต่อสู้ยาวนานก่อนจะทำสัญญาสันติภาพในปี 1997
"ชั้นคิดว่า ลึกๆ พวกเขายังรู้สึกขัดแย้งเชิงชาติพันธุ์ ชาวชักม่าบางชุมชนแยกตัวเองออกไปอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ซึ่งความเอื้ออาทรต่อกันนะ" มันร่ายยาว
"อืม เหมือนประวัติศาสตร์ไทย-พม่า" ผมว่า
"พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ลงสมัครในเขตนี้เป็นอดีตกลุ่มต่อต้านอำนาจรัฐมาก่อน"
เออ เอาเข้าไป (แล้วมันจะแบ่งแยกดินแดน เป่าหว่า)
...

เพื่อนผมไปเจอเด็กชายชาวชักม่า เขาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 เป็นเพื่อนรุ่นน้องของล่ามซึ่งอยู่ในช่วงปิดเทอม เขาอาสาเป็นไกด์พาเที่ยวหรือเป็นล่ามให้หากต้องการสัมภาษณ์ชาวชักม่า

เขารู้จักทุกอย่างตั้งแต่ท้องฟ้าถึงคนที่ยากจนที่สุดในหมู่บ้าน

ช่วงหนึ่ง ...
"..พรรคไหนกำลังเป็นที่นิยม" เพื่อนเริ่มบทสนทนา
"พรรค... ซึ่งผมไม่ชอบ" เด็กชายยิ้มเผล่
เขาตอบชัดเจน ไม่มีท่าทีกระอักกระอ่วนอ้ำอึ้งเหมือนชาวชักม่าอื่นๆ 

แม่ของเขาทำงานให้กับยูเอ็นดีพี!!!  

 


หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะที่เพื่อนผมถ่ายรูปในรถตู้ ทั้งชาวชักม่าและเบงกาลีออกมายืนมุงดู



หญิงสาวชาวเบลกาลี บนรถบัส


รอยยิ้มของเด็กชายชาวชักม่าและเบงกาลี


ถั่วอุ่นๆ ในคืนหนาว จะขายอะไรก็ต้องชั่งตวงกันซะก่อน

 


รถมันเต็ม




ลุงกะป้า ชาวชักม่า ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งมีความเปราะบางระหว่างเชื้อชาติ
แต่ลุงบอกเพื่อนผมว่า ทุกอย่างปกติดี






เด็กหญิงชนเผ่าในอิริยาบถต่างๆ






ชาวทริปุระริมลำธาร

 

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สะพานมอญเป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่ ,ที่คนส่วนใหญ่จะไป ข้อแรก ไปง่าย ข้อสอง สวยดี นอกเหนือจากนี้ ยังมีเรื่องราวของคนหลากหลายกลุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวันที่บ้านชื่นใจเต็มไปด้วยสายหมอก ไอชื้นหนาก่อตัวเป็นหยดน้ำ เกาะตามร่องใบสีเขียวอ่อนของยอดหญ้า ... บนทางดิน ดอกปีบสีขาวร่วงเกลื่อนดินนุ่ม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
คนกลัวลิงจากหลายเหตุผล ?? จากหน้าตา ท่าทางที่เอาเรื่อง จากความซุกซน อยู่ไม่นิ่งและอารมณ์ปรวนแปร "อย่าเข้าไปใกล้มันนะ" คุณแม่ยื้อยุดมือลูกสาวที่ยื่นขนมสีหวานไปให้ ... ขณะกดชัตเตอร์ จ๋อบางตัวกระโดดเกาะหลัง ผมคิดว่า มันคงอยากรู้อยากเห็น  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ลิง เรียนรู้การมีชีวิตจากคน ,เราเป็นบรรพบุรุษของลิงผ่านสายใยของวิวัฒนาการ ดวงตาใสแหน๋ว มองตรงมายังกล้วยและถั่วลิสงต้ม ,ไอติมปั่นสีแดงในมือเด็กน้อยถูกฉกไปดูดเลียคลายความร้อนจากอากาศยามเที่ยง ,ทั่วบริเวณพระปรางค์สามยอดแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานโต๊ะจีนลิงที่จัดเป็นประจำทุกๆ ปี
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้า รวมพลก่อนออกเดินทางไกล จะเห็นได้ว่าทุกคนยังสดใส ภาพนี้ถ่ายระหว่างรอรถไปส่งปากทางเข้าดงนาทาม รอยยิ้มใสใสกับผิวพรรณใสใสจะกลายเป็นสีแทนในอีกไม่ช้า  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาวไกล สายน้ำสีขาวหายเข้าไปในขุนเขา โขดหินและทิวป่า .. เหล่าผู้นิยมไพร ยังคงเดินทางไกล ,ยาวนาน จนเสียงหัวเราะกลายเป็นเสียงพึมพำ “เพ่ ทามมายมันร้อนอย่างงี้” นายคนหนึ่งเอ่ย “ป่าอิสานไม่เหมือนป่าภาคเหนือ” พี่ลม นายกท้องถิ่นเอ่ยอย่างนิ่มนวล ก่อนออกตัวอย่างเป็นทางการถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะนิยมป่าแถบเหนือมากกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ ....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สายลมต้นฤดูหนาวกระหวัดวนบนยอดหญ้า เห็นเป็นริ้วๆ เหนือผลาญหินแห่งดงนาทาม ทุ่งดอกแดงอุบลสลับเหลืองพิมร บานสะพรั่ง ถึงแม้จะดูแห้งแล้งแต่ในโลกของธรรมชาติกลับมอบชีวิตและความสมดุล
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แดดร้อนเปรี้ยง ผ่าลงกลางหัว , เบื้องหน้า คือ ทางเดินหินที่ดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ,แต่ทุกคนต่างมีความหวังจะเดินไปให้ถึงจุดหมาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ปลาหมึกสีชมพู ใต้ท้องทะเลสีฟ้า ,มันเอาหนวดยาวๆ เกี่ยวกระหวัด เรือสีน้ำตาลที่มีใบสีเขียว ในสายตาของใครหลายคน ,สีน้ำบนกระดาษดูเลอะเทอ ,แต่ไม่เป็นไร สำหรับน้องกายส์ ซ์ซ์ซ์ , "นี่มันเรื่อง โจรสลัดแห่งทะเลแคริบเบี้ยน ใช่ไม๊" "ไม่ใช่" น้องกายทำหน้า งง อะไรเหรอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
นิ้วเล็กๆ บรรจงแต้มสีและกาว ด้วยความตั้งใจ ,เด็กๆ มักจะไม่กังวลกับความเลอะเทอะ ,ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ,ศิลปะ กว้างและลึก จรรโลงและสร้างสรรค์ ,เด็กๆ มองเห็นภาพในความว่างเปล่าของอากาศ จนกระทั่ง พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ,และความจำเป็นในชีวิตโบยตี ,เหตุผลของมันทำให้ดวงตาแบบนั้นหายไป  
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สำหรับคนที่รักการเดินทาง ยาดาเป็นหนึ่งในนั้น, สำหรับเธอ โลกนี้ไร้กาลเวลา,และเขตแดน หลากเชื้อชาติ ,มีชีวิตและเรื่องราวเสมอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หลังวันเลือกตั้งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอดของชาวมุสลิม ,ยาดาและทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้งกลับมายังกรุงคาบูล์ เมืองทั้งเมืองสงบนิ่งด้วยบรรยากาศแห่งความศรัทธาและเป็นครั้งแรกที่อัลเฟรลอนุญาตให้ทีมงานออกไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องมีล่ามและทีมการ์ด   บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เคร่งขรึม ไม่ดื่ม ไม่กิน จนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ไร้ข่าวของความรุนแรง ถึงแม้ว่า กลุ่มตาลีบันจะพยายามล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่วันนี้ ถือเป็นวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเช่นเดียวกับชาวมุสลิมทั่วโลก ทุกคนกลายเป็นหนึ่ง ไม่ว่า พ่อค้า ข้าราชการหรือกรรมกร ชิกเก้น สตรีท เป็นถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว…