Skip to main content

ความโกลาหลเริ่มต้น

,07.00 . ,เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งเตรียมงานของพวกเขาพร้อมกับการอารักขาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ,ฟายซาบัด แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 ฝั่ง มีแม่น้ำค็อกช่าคั่นระหว่างเมือง ,ฝั่งหนึ่งเป็นเขตเมืองเก่า อีกฝั่งเป็นเขตเมืองใหม่

\\/--break--\>
การลงสำรวจพื้นที่จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม ,ทีมการ์ด บอกว่า มีข่าวถึงการโจมตีที่ฟายซาบัดในวันนี้ อย่าพยายามออกไปนอกเมือง ขณะที่ การทำงานของยาดาต้องกระจายการลงสัมภาษณ์ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตามหน่วยหรือเขตต่างๆ ออกไปให้มากและครบถ้วน


เดินทางเป็นวงกลม หากต้องย้อนไปย้อนมา กลุ่มผู้ไม่หวังดีอาจจะย้อนรอยเรา” ยาดากล่าวขรึมๆ ,เพราะวันเลือกตั้งถือว่าเป็นวันที่อันตรายที่สุด ก่อนหน้านั้นเพียง 2 วัน เกิดระเบิดขึ้นนอกเมือง เจ้าหน้าที่เลือกตั้งเสียชีวิตไป 3 คน


ตาลีบัน ขุดถนน ฝังระเบิดแสวงเครื่อง เมื่อรถเจ้าหน้าที่ผ่านมา กด บึ้ม ,รถจะลอยสูงไม่ต่ำกว่า 5-10 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักระเบิดและน้ำหนักรถ !!


วันนั้น เราวางแผนเอาไว้ว่าจะลงพื้นที่สัมภาษณ์ชาวบ้านใน 2 อำเภอ คือ อาโก้และบาฮารัค” เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า ทั้ง 2 เมืองใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมงเท่ากัน ถนนดีพอกัน แต่ภูมิประเทศของบาฮารัคสวย ยาดาตัดสินเลือกเส้นทางที่ 2 ซึ่งเป็นภาคตะวันออกของประเทศ มุ่งหน้าสู่พรมแดนปากีสถาน


ชั้นวางแผนเอาไว้ว่าจะไปเมืองบาฮารัคและจวมแล้ววนกลับฟายซาบัด” ยาดาพูดถึงงานของตัวเอง ,เช้าวันนั้น หน่วยข่าวกรองทีมการ์ดจากคาบูล์ แจ้งข่าวถึงแผนลอบวางระเบิดแต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเหตุจะเกิดที่ไหน


เขาห้ามไม่ให้เราออกนอกเมือง แต่ชั้นจะมานั่งกลัวอยู่ไม่ได้หรอกนะ” ยาดากล่าว ถึงแม้จะกังวลอยู่บ้างก็เหอะ ,เธอ ต่อรองจนได้ไปเมืองบาฮารัคแล้วกลับฟายซาบัด


บนความแตกต่างของหน้าที่

,หน้าที่ของยาดา คือ ลงพื้นที่ หาข้อมูล

,ส่วนหน้าที่ของหน่วยการ์ด คือ รักษาชีวิตนักสังเกตุการณ์การเลือกตั้งและนำพวกเขากลับบ้าน

ภายในวันนั้น ทีมการ์ดจากคาบูล์ ยืนยัน ตาลีบันก่อการที่อาโก้ ทีมเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งเสียชีวิต 3 คน พร้อมกับข่าวลือสะพัด

,เธอ โชคดี

.....


หน่วยเลือกตั้งในฟายซาบัดอยู่ในโรงเรียน โรงพยาบาลและคุก

,ยาดามีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์นักโทษ พวกเขามีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ,ภายในนั้นห้ามถ่ายภาพ นอกจากการสัมภาษณ์ถึงความคิดเห็น


นักโทษร่วม 100 คน ยืนเรียงแถว ยาดาตั้งคำถามและมีล่ามคอยแปล

,เธอถามพวกเขาเหล่านั้นว่า

,รู้เรื่องการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ ทุกคนบอกว่า รู้ดีและต้องการเป็นหนึ่งในการสร้างประเทศตามระบอบประชาธิปไตย

,และคาดหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ,พวกเขาคิดและอึกอัก บางคนบอกว่า ใช่ คิดว่า ชาวอัฟกันน่าจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เสียงของพวกเขาแผ่วเบา อย่างมีความหวัง

.....


วันเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี ประชาชนมากกว่า 70% ตื่นตัวและออกมาใช้สิทธิ์ของพวกเขา ถึงแม้จะมีข่าวลือว่า ตาลีบันจะตัดนิ้วคนทุกคนที่มีรอยน้ำหมึก

,เป็นวิธีการการเลือกตั้งของอัฟกานิสถาน

คนที่มีสิทธิ์จะเดินทางมายังหน่วยเลือกตั้ง เขาถูกตรวจค้นร่างกาย ตรวจบัตรประชาชนเพื่อแสดงหลักฐาน ‘จุ่มนิ้วลงในหมึก,แล้วเข้าไปลงคะแนน

..


ทุกคนมีความหวัง

แม้จะมีข่าวข่มขู่

แม้ชาวอัฟกันหลายคนบอกว่า ,กลัว

แต่พวกเขาคิดว่าดีกว่าให้ประเทศนี้ตกอยู่ในภาวะเช่นเดิมที่ไร้ความหวัง

.....


,2
เดือน ผ่านมาจนถึงวันนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งอัฟกันยังไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลของการทุจริตและความรุนแรงยังคงอยู่

เพียงหนึ่งวันหลังการเลือกตั้ง บางจังหวัด กลายเป็นสนามรบพร้อมข่าวนาโต้บอมบ์ผิดเป้าหมายลงหลังคาชาวบ้านและหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยกลายเป็น WAR ZONE
ประชาชนกำลังเหนื่อยเปล่า” ยาดาคิด

มันเป็นอย่างนี้กันทั้งโลก” แต่คงต้องดิ้นรนกันต่อไป ประชาธิปไตยสร้างไม่ได้เพียงชั่วข้ามคืน


วันนี้อาจจะยังไม่ประสบความสำเร็จแต่เราหยุดไม่ได้ ยาดาเชื่อเช่นนั้น !!!



กลุ่มผู้หญิงในชุดคลุมเบอก้า เดินข้ามทุ่งไปยังหน่วยเลือกตั้งและมีทีมการ์ดคอยประกบเพื่อรักษาความปลอดภัย

 


ซาเดีย ล่ามของยาดากำลังตรวจบัตรแสดงหลักฐานเพื่อเข้าไปเลือกตั้ง

 


เจ้าหน้าที่เจาะบัตรเลือกตั้ง เพื่อป้องกันการลงคะแนนเสียงซ้ำ

 


ประชาชนมุงกันอยู่หน้าคูหา ก่อนเข้ามาใช้สิทธิ์ของตนเอง

 


ตรวจร่างกาย รักษาความปลอดภัยกันอย่างเต็มที่

 


บัตรประชาชนและรอยนิ้วเปื้อนหมึก แสดงว่า พวกเธอได้ผ่านการกำหนดชะตากรรมประเทศในครั้งนี้แล้ว

 


โฉมหน้า ผู้ประกาศตนเป็นผู้แทนประชาชนในการนำพาประเทศ

 


การเลือกตั้งในอัฟกานิสถานจะแยกระหว่างหญิงชาย
หน่วยเลือกตั้งแห่งนี้เป็นของผู้ชายที่มาใช้สิทธิ์ด้วยใจจดใจจ่อ

 


หญิงในชุดคลุมเบอก้า เบียดเสียดเพื่อใช้สิทธิ์



หีบบัตรใส ตามมาตรฐานระหว่างประเทศ

 

 

 

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เรากลับถึงฮานอยอีกครั้งและเป็นช่วงสุดท้ายของทริปส์แบ็กแพ็กครั้งนี้โดยมีเวลา 2 คืน ก่อนจะเดินทางกลับ หมายความว่า เรามีเวลา 1 วันเต็ม สำหรับการตะลุยฮานอยการเช่ามอเตอร์ไซค์หรือมอเตอร์ไบค์ในฮานอยจัดว่าเป็นความท้าทายของนักขับและได้รับการกล่าวขวัญเอาไว้ในโลนลี่ แพลนเนต ว่า หากคุณไม่มั่นใจ ‘อย่า' ให้พึ่งพาเท้าทั้งสองข้างเพราะการจราจรที่นี่คับคั่งเกินกว่าเพราะตำรวจจราจรที่นี่เอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวยามเช้า เมื่อคนเริ่มพลุกพล่าน ร้านรวงบนจักรยานของแม่ค้าเปิดทำการแต่เช้าตรู่ เรากินอาหารเช้าที่แบมบู โฮเต็ล ก่อนจะตัดสินใจ เช่ามอเตอร์ไบค์ที่โรงแรมนั่นแหละ ด้วยราคา 6 เหรียญ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
 เรือแคนนู ความเฟื่องฟูของกิจการการท่องเที่ยวยามเย็น พระอาทิตย์ตกที่ริมขอบผา
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราแกร่วอยู่ในร้านอาหารหน้าสถานีรถไฟเลาไค รอรถเที่ยว 2 ทุ่ม ถึงฮานอยเช้าแล้วต่อรถไปยังอ่าวฮาลอง หมู่เกาะกั๊ตบา ฝนตกกระหน่ำ นักท่องเที่ยวหลายชาติที่จะเดินทางไปฮานอยทยอยกันมาเรื่อยๆ จนแน่นขนัด ร้านใครร้านมันแล้วแต่คอนเนคชั่นของเอเจนซี่ เรานั่งจิบเบียร์ไปเกือบโหล เบียร์ที่เวียดนามมีหลายยี่ห้อ แตกต่างกันไปตามเมือง เบียร์ฮานอย เบียร์เว้ เบียร์(สด)โฮยอาน (อร่อยและราคาสุดคุ้ม ขอบอก) ฝนซาเม็ดและตกกระหน่ำ สลับกันหลายชั่วโมง ชวนให้คิดถึงหนังสงครามเวียดนาม ในแบบฉบับของฮอลลีวูด ทหารอเมริกันที่ถูกส่งมารบที่ตะวันออกไกล นอกจาก ต้องเผชิญกับนักรบกองโจรเวียดกง ไข้มาลาเรีย…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เด็กเจ้าของร้านขายสินค้าที่ทำจากเครื่องเงินแห่งหนึ่งในซาปา ดูจากบุคลิกแล้ว 'คิดว่า' เธอน่าจะเป็นคนจากเมืองอื่นที่ย้ายมาทำมาหากินในซาปา ซึ่งร้านลักษณะนี้มีมากมายเหมือนแหล่งท่องเที่ยวในบ้านเราที่มีคนจากแหล่งอื่นเข้ามาลงทุน ในแง่นี้เป็นทั้งกลุ่มทุนรายย่อยและกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ได้ยินข่าวมาเร็วๆ นี้ก่อนที่เวียดนามจะประสบภาวะเงินเฟ้ออย่างในปัจจุบันว่า รัฐบาลเวียดนามเปิดให้นักลงทุนต่างชาติทั้งรายย่อย-ใหญ่ เข้ามาลงทุนได้เต็ม 100% ครับ .. ใครทุนหนา รีบๆ เข้าเด้อ!!
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราใช้สูตรซื้อทัวร์ไปตลาดบั๊กฮาในช้าวันสุดท้ายที่เราอยู่ในซาปา เป็นรถตู้ร่วมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ แล้วรอรถที่สถานีรถไฟเลาไค เพื่อเดินทางกลับฮานอย รถแล่นเรียบเรื่อยไปตามถนน ลัดเลาะภูเขาสูงชัน บางแห่งจะมีการซ่อมสร้างเสริมถนน ผ่านหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน บางแห่งเป็นหมู่บ้านชาวม้งดอกไม้ที่ไกด์คนดีบอกเราว่าให้สังเกตุเอาจากสีสันของลายเสื้อ ฝนโปรยเม็ด ตอนที่เราออกมาจากซาปาทำให้เห็นหมอกหนาขึ้นมาตามชายป่าริมเขาข้างทาง เย็นแต่สวยงามดี ตลาดบั๊กฮาจะต้องผ่านเมืองเลาไค เป็นเขตพรมแดนอีกแห่งของประเทศเวียดนาม ที่ติดต่อกับประเทศจีน…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
  เมาท์เทนวิว เป็นโรงแรมขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในซาปาที่มีคนไทยนิยมไปพักมากที่สุดอย่างน้อย รีเซฟชั่นโรงแรมอย่างมิงก็เม้าท์ให้ฟังเอาไว้อย่างนั้นเราพบเมาท์เทนวิวในเว็บไซต์แนะนำที่พักจากนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่เขียนบันทึกเรื่องราวของเขาในเวียดนามเอาไว้อย่างน่าสนใจ "เมาท์เทนวิว สวยและสะอาด ข้างหลังเป็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนและตรงกับจุดที่พระอาทิตย์ตกพอดี ด้านซ้ายจะเห็นกลุ่มบ้านเรือนกลางใจเมืองซาปา ขวาจะเป็นถนนสีเทายาวเหยียดและกลุ่มนาขั้นบันได ทุกเช้า (หากคุณตื่นเช้า) จะมองเห็นละอองหมอกระเรี่ย"เท่านั้นแหละครับ เมื่อผมกะยาดาไปถึงซาปา เราดิ่งไปเมาท์เทนวิวโดยไม่รอรีเควสซ้ำสอง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
รถไฟจะออกจากฮานอยไปซาปา สองทุ่มตรง ลงสถานีเลาไคและต่อรถตู้ อีกครึ่งวัน เรายังย่ำต็อกอยู่ในฮานอย รอเวลา จึงหอบผ้าหอบผ่อนไปจองแบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้สำหรับวันที่จะกลับมา ตามแผน เราจะอยู่ที่ซาปา 2 คืน 3 วัน แล้วกลับมาฮานอย จองทัวร์ไปอ่าวฮาลอง อีก 2 คืน 3 วัน ถึงจะกลับมาพักที่ฮานอย 2 คืน ก่อนจะกลับบ้าน จองห้องที่แบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้กันเหนียว ฮานอย 18.00 น. ก็เหมือนกับกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเร่งด่วน รถติดและคนกลับบ้าน เราอยากมั่นใจว่าจะไม่ตกรถไฟ จึงติดต่อให้ทางแบมบูจัดหารถแท็กซี่ไปส่ง ที่การันตีว่า ไม่มีชาร์ต จากคำบอกเล่าของเราที่เจอกับรถแท็กซี่ ออน ทัวร์ วนรอบเมืองในเช้าวันเดียวกัน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ผ่านไปครึ่งทริปส์ จากกรุงเทพฯถึงเวียดนามภาคกลาง เว้ ดานังและโฮยอาน กับการเดินทางในฐานะแบ็กแพ็คเกอร์ เรากำลังวางแผนขึ้นเหนือ ฮานอย ซาปา และหมู่เกาะกั๊ตบาในอ่าวฮาลอง ก่อนจะจบทริปส์แล้วบินกลับเมืองไทย จากสนามบินนอยไบ ในฮานอย ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราปั่นจักรยานไปเจอสตีฟที่ เดอ สลีฟปี้ เกกโก    ยามเช้าในโฮยอาน เหมือนกับยามเช้าในเว้ของเวียดนามวุ่นวายด้วยเสียงบีบแตรและการค้าจากโรงแรมถึงตลาดปลาและร้านขายรองเท้า ร้านขายรูปวาดและร้านขายหมวก รวมถึง เสื้อยืดที่มีดวงดาวสีเหลืองตรงหน้าอก มีให้ได้ซื้อหาเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวสตีฟเป็นชาวอังกฤษ จากยอร์กเชียร์ เขาออกจากบ้านเกิดมาตั้งแต่วัย 24 ปีและอยู่ในเวียดนามเข้าปีที่ 40 เปิดเกกโก บาร์พร้อมกับเป็นไกด์นำนักท่องเที่ยวทัวร์โฮยอานนอกจาก บ้านหลังเก่าในโอลด์ ทาวน์ และบรรยากาศล่องเรือชมแม่น้ำเขาแนะนำว่า ชนบทโฮยอานไม่อะไรให้ดูมาก
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สถานีรถไฟดานังติดแอร์คอนดิชันเย็นฉ่ำแดดร้อน ดานังเป็นเมืองท่าทางเศรษฐกิจพร้อมท่าเรือขนาดใหญ่ ยาดาเดินแหวกผู้คนออกมาทางตามชานชาลา ช่วงนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่หยุดพักผ่อน ประตูใหญ่จากชานชาลาปิด เราแทรกตัวออกมาตามบานพับของประตูเหล็กชนิดยืดได้หดได้บริเวณก่าดานังเต็มไปด้วยรถแท็กซี่และมอเตอร์ไบค์(รับจ้าง) แท็กซี่มิเตอร์ที่เวียดนามมี 2 แบบ คือ แท็กซี่ของรัฐและแท็กซี่อิสระ สังเกตุได้จากสภาพรถและบุคลิกภาพของคนขับรถ ทันทีที่เห็นนักท่องเที่ยวอย่างเราออกมา (อย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มไปไหนอย่างไรดี) แท็กซี่กลุ่มใหญ่ก็กรูกันเข้ามาสอบถามและเสนอราคาอย่างไม่ปรานีปราศรัย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราจับรถไฟเช้าจากสถานีรถไฟเว้ (ก่าเว้) ไปยังเมืองดานังเพื่อโดยสารรถไปยังเมืองโฮยอานอีกต่อ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องใช้เส้นทางนี้เพราะสามารถเดินทางจากเว้ตรงไปโฮยอานได้โดยรถทัวร์ เพียงแต่ว่า ข้อมูลจากโลนลี่ พลาเน็ต บอกเอาไว้ว่าเส้นทางรถไฟสายเว้-ดานัง เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเราจึงตัดสินใจลองของ!ยามเช้า คนเริ่มพลุกพล่าน ผมกับยาดาเรียกแต็กซี่(ตามสำนวนคนเวียด)ไปก่าเว้ก่าเว้ เป็นอาคารรูปทรงโคโลเนี่ยล ทาด้วยสีส้ม-เหลือง ผู้คนคึกคัก อุ้มลูกจูงหลานเดินทางไปทำธุระพบปะญาติมิตร นักท่องเที่ยวบางคนจับกลุ่มยืนสูบบุหรี่อยู่มุมหนึ่ง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทันทีที่ออกจากด่านลาวบาว รถทัวร์ปุเรงมาบนถนนหมายเลข1 นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งรถเพื่อเข้าไปยังมหานครเว้อีกราวๆ 160 กิโลเมตร (หลังจากที่ตื่นๆ หลับๆ มาแล้วราว 250 กม. บนทางหลวงหมายเลข9) รวมระยะทางจากมุกดาหาร-เว้ ประมาณ 410 กิโลเมตรนักท่องเที่ยวบางคนพักที่ด่าน ซึ่งมีเกสต์เฮาส์เล็กๆ สบายๆ และเป็นที่ขึ้นชื่อว่า ตลาดเช้าลาวบาวช่างน่ารักน่าชังนักเรื่องของเรื่อง คือ เราควรจะถึงเว้ไม่เกิน 18.00 น. ตามเวลาในตั๋วระหว่างเส้นทางจะต้องผ่านเมืองใหญ่ 2 เมือง คือ เมืองเคเซนและเมืองดองฮา ทั้ง 2 เมือง คือ จุดยุทธศาสตร์ที่ถูกโจมตีอย่างหนักในสงครามเวียดนาม โดยเฉพาะเมืองดองฮาหรือเรียกชื่อย่อว่า DMZ นั้น…