ทีมข่าวการเมือง ประชาไท
บันทึกปฏิกิริยาฝ่าย ‘ขวาใหม่' ภายใต้ฉายา ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' หลังจากการปราศรัยที่สนามหลวงของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด' เมื่อวันที่ 18 กรกฎคมที่ผ่านมา
โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้หยิบประเด็นการปราศรัยของ ‘ดา ตอร์ปิโด' มาวิพากษ์วิจารณ์เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายคืนนับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นมา กระทั่ง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) ขอให้ศาลอาญากรุงเทพฯ อนุมัติหมายจับเลขที่ 2209/51 ให้จับกุม น.ส.ดารณีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 22 ก.ค.
ทำให้ น.ส.ดารณี ต้องสิ้นอิสรภาพตั้งแต่ถูกจับที่บ้านพักเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา และในวันที่ 23 ก.ค. ศาลก็ยกคำร้องไม่ให้ ผศ.ดร.สุทธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ตำแหน่งประกันตัว น.ส.ดารณี
คดีของ น.ส.ดารณี ยังทำให้เกิดการออกหมายจับพ่วง ‘นายสนธิ ลิ้มทองกุล' เมื่อวันที่ 23 ก. ค. ด้วยข้อหาเดียวกัน คือเผยแพร่ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างไรก็ตาม หลังสอบปากคำตำรวจยินยอมให้นายสนธิประกันตัว หลังจากนายสนธิพร้อมผู้สนับสนุนหลายพันคนเดินขบวนมาให้กำลังใจที่หน้ากอง บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งที่คดีนี้อยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่มีใครพูดได้ว่า ‘ดา ตอร์ปิโด' มีความผิดหรือไม่ แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำเรื่องนี้ไปขยายผล บอกว่า ‘ดา ตอร์ปิโด' หมิ่นสถาบันกษัตริย์ และบนเวทีก็เต็มไปด้วย ‘การพิพากษา' โดยแกนนำพันธมิตรว่าต้องจัดการ ‘ดา ตอร์ปิโด' ชนิด ‘เอาให้ตาย' ‘ตบให้คว่ำ' ‘ต้องกระทืบ' ฯลฯ
บัดนี้ ปฏิกิริยาบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อ ‘ดา ตอร์ปิโด' หลายวันหลายคืนได้กลายเป็น ‘คำนิยม' มุมกลับ พวกเขาได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากสนทนาถึง ‘ดา ตอร์ปิโด' และมีส่วนกระตุ้นความกระหายใคร่รู้คำพูดคำปราศรัยของเธอ
ต่อไปนี้คือปฏิกิริยาอันเป็นความเห็นของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หวังว่าผู้อ่านจะเต็มอิ่มกับปฏิกิริยาอันกลายเป็น ‘คำนิยม' มุมกลับให้กับคำปราศรัยของ ‘ดา ตอร์ปิโด'
000
(คำชี้แจง - คำปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อไปนี้ อาจมีบางช่วงใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ และถ้อยคำบางช่วงมีความจำเป็นต้องตัดออกจึงต้องขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้)
18 กรกฎาคม 2551
น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด' ปราศรัยในที่ชุมนุมต่อต้านพันธมิตร ที่สนามหลวง
โดย ก่อนที่จะมีการกล่าวถึงการปราศรัยดังกล่าวโดย สนธิ ลิ้มทองกุล ได้มีการเผยแพร่เสียงปราศรัยดังกล่าวในอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตามหลังการกล่าวถึงคำปราศรัยดังกล่าวโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์การเมืองไทยต่างๆ ได้มีประกาศขอความร่วมมือผู้ใช้อินเตอร์เน็ตงดเผยแพร่ไฟล์และการเข้าถึงไฟล์ ดังกล่าว
000
20 กรกฎาคม 2551
มีการพูดถึงการปราศรัยของ ‘ดา ตอร์ปิโด' ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระหว่างการปราศรัยของเขา
สนธิ ลิ้มทองกุล
"อีนางนี่นอกจากจะต้องติดคุกแล้ว จะต้องเอามันให้ตาย ผมพูดจากตัวผมเองสาบาน อย่าให้กูเจอมึงที่ไหนนะ กูจะตบให้คว่ำเลยอีห่า มันเลวที่สุดพี่น้อง อย่าไปฟัง เพราะมันหมิ่นยิ่งกว่าหมิ่น ไอ้จักรภพว่าหมิ่นแล้ว อีนี่คูณสิบเข้าไป"
ลั่น ‘เอาให้ตาย' สาบาน ‘ตบให้คว่ำ'
ในเวลา 22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตร กล่าวถึง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" หนึ่งในกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) ซึ่งปราศรัยที่เวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยนายสนธิชูแผ่นซีดีขึ้นมาและบอกว่าหลักฐานอยู่ที่นี่ และกล่าวว่า "ผมไม่เคยเห็นเห็นใครเลวทรามต่ำช้า ชั่วช้ายิ่งกว่าเหี้ย เหี้ยเรียกแม่" โดยนายสนธิกล่าวว่าดา ตอร์ปิโดบังอาจปราศรัยหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
นายสนธิกล่าวต่อว่า "พี่น้อง ... พี่น้องไม่อยากฟังหรอกว่ามันพูดว่าอย่างไร"
ผู้ชุมนุมกล่าวว่า "อยาก"
นายสนธิปฏิเสธว่า "ไม่ได้" และกล่าวต่อว่า "เอาสั้นๆ" และสรุปให้ผู้ชุมนุมว่า น.ส.ดารณีปราศรัยว่าอะไร เมื่อผู้ชุมนุมได้ฟังที่นายสนธิสรุป ได้แสดงความไม่พอใจ น.ส.ดารณีเป็นอย่างมาก มีการโห่ และตะโกนคำว่า "เหี้ย" ขึ้นมาเป็นระยะ
นายสนธิกล่าวว่าอาทิตย์หน้าจะไปแจ้งความ น.ส.ดารณี ที่ สน.ชนะสงคราม และต้องการจับตาดูว่า พล.ต.ต.อำนวย พล.ต.ท.อัศวิน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. นายตำรวจเหล่านี้จะทำงานได้รวดเร็วเหมือนกับคดีของอาจารย์สมเกียรติหรือ เปล่า โดยมีหลักฐานที่ชัดเจนอยู่ในมือแล้ว
นายสนธิยังกล่าวว่า
"อีนางนี่นอกจากจะต้องติดคุกแล้ว จะต้องเอามันให้ตาย ผมพูดจากตัวผมเองสาบาน อย่าให้กูเจอมึงที่ไหนนะ กูจะตบให้คว่ำเลยอีห่า มันเลวที่สุดพี่น้อง อย่าไปฟัง เพราะมันหมิ่นยิ่งกว่าหมิ่น ไอ้จักรภพว่าหมิ่นแล้ว อีนี่คูณสิบเข้าไป"
นี่ไง นปก. แล้วคนที่อยู่เบื้องหลัง นปก. คือไอ้ห้อย บุรีรัมย์ เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ผู้อยู่เบื้องหลังนายธีระชัย แสนแก้ว เกณฑ์คนไปข่มขู่ทำร้ายพันธมิตรฯ ที่อุดรธานี และการจัดตั้งคนไทยปะทะกันเองที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทั้งหมดทำกันเป็นขบวนการ โดยไอ้ห้อยทำงานรับใช้นายมัน
"สังคมไทยแบ่งข้างกันชัดเจนแล้ว มึงไปยืนข้างนรกไป กูจะยืนข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" นายสนธิกล่าว
"พี่น้อง ทำไมเราต้องมาสู้ เพราะเราต้องล้างสังคมไทยใช่ไหมพี่น้อง ล้างไอ้คนชาติชั่วพวกนี้ ให้มันตกเวทีไปให้หมด ใช่ไหม"
"ผมไม่อยากเอ่ยคำว่าเหี้ย เพราะมันยิ่งกว่าเหี้ย มันเลวทรามต่ำช้าที่สุด ยังไม่เคยเห็นใครเลวทรามต่ำช้าเท่าอีดาตอร์ปิโด"
"ผมตั้งใจจะพูดหลายเรื่อง แต่มันโกรธมันคั่งแค้น มันไม่รู้ว่าจะควบคุมอารมณ์ได้อย่างไร ผมทนไม่ได้จริงๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ใช่ไหมพี่น้อง มันเกิดมาตั้งแต่ปี 2545-46 แล้ว เป็นกระบวนการมาตลอด รวมไปจนถึงกระบวนการโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ไอ้นรกป่วนกรุงพวกนี้ ไอ้โชติศักดิ์ที่ไม่ยอมยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ คดีไปถึงไหนแล้ววะตำรวจ ถ้าพวกคุณจะไม่เคารพนับถือ ราชบัลลังก์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า บอกมาสิ แยกค่ายกันให้ชัดเลย ขนาดเสื้อมันยังใส่เสื้อสีแดง X__________________________________________________X (ผู้ชุมนุมตอบ - สี แดง) ไปดูได้เลยไอ้นรกป่วนกรุงตามจังหวัดต่างๆ เสื้อสีแดงทั้งนั้น มันจงใจที่แท้จริง เห็นไหมพี่น้อง มันทำทุกอย่างให้เป็นสัญลักษณ์ไปหมด แน่จริงประกาศออกมาสิ แยกข้างให้เห็นไปเลย"
นายสนธิกล่าวว่าที่สังคมไทยเป็นแบบนี้ เพราะข้าราชการที่แต่ก่อนเรียกก่อนเรียกว่าข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตอนหลังทักษิณมาเปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา
เรื่องที่ผมพูด หลักฐานมีหมด ผมได้ยิน คนเอามาให้ พี่น้อง ผมตัวชาไปทั้งตัวเลย ผมนึกว่าตายแล้วกูเป็นอัมพาตหรือเปล่านี่ มือมันชา มือมันแข็ง เพราะผมนึกไม่ถึงว่าเป็นมันคำพูดออกมาจากปากคน ผมนึกว่าเป็นคำพูดออกมาจากสัตว์นรก พี่น้องอีดา พ่อแม่อีดา ทำไมไม่สั่งสอนลูกตัวเอง ชาญเชิงศิลปกุลมันก็ลูกเจ๊กคนหนึ่ง ผมก็ลูกเจ๊ก ลูกจีน แต่ผมว่าอีกหน่อยผมนี่ลูกจีนแท้ ส่วนพวกมันลูกจีนเตี๊ยะ
ผมบอกกับปานเทพ (พัวพงษ์พันธ์) อะไรมันจะเกิดให้มันเกิด เราอย่ามาคิดว่าเรามาแค่ขึ้นปราศรัย ผมบอกเรามาทำงานให้ประชาชน เราเป็นลูกจ้างประชาชน ถ้าประชาชนให้เรามาทุกวันเราจะมา ถ้าวันไหนประชาชนไม่ให้เรามาเราก็ไม่มา เพราะเราเป็นลูกจ้างประชาชน
"พี่น้องผมสาบานกับตัวเองไว้แล้ว ผมเจอมันที่ไหนผมจะตบมันให้คว่ำเลยอีนี่ มันจะเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย และในประวัติศาสตร์ชีวิตผมที่ผมตบมัน พี่น้องครับผมพูดความจริงพี่น้อง เนื้อหาที่มันพูดในนี้ เลวทรามต่ำช้าชั่วช้า เหี้ยเรียกพี่ ผมยืนยัน ยืนยัน พี่น้องครับ เรามาที่นี่เราเลือกข้างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เราเลือกยืนข้างความดีความถูกต้อง เราเลือกยืนข้างราชบัลลังก์ พระบาทสมเด็จพระนางเจ้า เราพร้อมสละชีวิตต่อสู้กับอ้ายและอีคนไหนก็ตามที่มาล่วงเกินพระองค์ท่าน ใช่ไม่ใช่ครับพี่น้อง"
000
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
"แหม ฟังหัวหน้าใหญ่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลพูดตะกี้ เท่าที่ดูการ ตบ ตบ ตบ นี่ เข้าใจว่า ดา ตอร์ปิโด ฟันร่วงหมดเกลี้ยงเลยครับพี่น้อง นี่เขาเรียก ตบเพื่อชาติ ตบเพื่อสถาบัน"
ซูฮกสนธิ "ตบเพื่อชาติ ตบเพื่อสถาบัน"
22.30 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ขึ้นปราศรัยต่อ เขาแนะนำตัวเองเลียนนายศรัณยู วงศ์กระจ่างนักแสดงที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรว่า "สวัสดีครับ ผมศรัณยู ขอขอบคุณมากครับ" เรียกเสียงกรี๊ดจากผุ้ชุมนุม กล่าวติดตลกว่าผมปราศรัยมาเกือบตายไม่เคยได้รับการต้อนรับเท่านายตั้วเลย นายสมเกียรติยังกล่าวหา นปก. ว่า นปก.ได้ชกพระแล้วจะกระทืบเด็ก ขอให้พันธมิตรอย่าเอาเด็กมาชุมนุมตอนกลางวัน
ในช่วงหนึ่ง นายสมเกียรติ กล่าวถึงการปราศรัยของนายสนธิว่า
"ท่าน สนธิบรรเลงไปหมดแล้ว ประเภทคำที่ฉวัดเฉวียน และหนักสุดๆ เลยตั้งแต่ฟังคุณสนธิมา สงสัยไฟธาตุใกล้แตกอีกคนหนึ่งแล้วครับพี่น้อง แหม ฟังหัวหน้าใหญ่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลพูดตะกี้ เท่าที่ดูการ ตบ ตบ ตบ นี่ เข้าใจว่า ดา ตอร์ปิโดฟันร่วงหมดเกลี้ยงเลยครับพี่น้อง นี่เขาเรียก ตบเพื่อชาติ ตบเพื่อสถาบัน"
000
ภูวดล ทรงประเสริฐ
"คนๆ นี้ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินนี้ เพราะคนๆ นี้ บัดซบเกินไปจะที่เป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาท"
"คนๆ นี้แสดงความอาฆาดมาดร้าย อย่างจริงใจ จริงจัง อย่างบัดซบ อย่างสามานย์ อย่างสถุนที่สุด เท่าที่ผมเคยเจอมนุษยชาติที่พูดต่อผู้นำตัวเองอย่างนั้น"
"ผม ที่จริงเป็นคนเกลียดดูเว็บที่สุด ยังต้องไปฟังมัน ฟังด้วยความทุเรศตัวเองว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมาในประเทศนี้ ที่ไอ้ชนชั้นนำ ที่สมุนรับใช้ของไอ้หน้าเหลี่ยมมันทำได้ขนาดนี้ พี่น้องที่รักทั้งหลาย โปรดไปเลือกหาเอาเองเถิด ถ้าถึงวันนั้น ถ้าพี่น้องจัดการอะไร พี่น้องไม่ต้องเสียดอกเสียดายเลยนะครับ กระทืบคนอย่างนี้ผมว่า กระทืบมดยังมีค่ากว่าด้วยซ้ำ"
รับประกัน "สามหาว บัดซบที่สุด เท่าที่พี่น้องจะเคยได้ยินมา"
ต่อมา ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวปราศรัยถึง น.ส.ดารณี หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด' โดยเปิดรูป น.ส.ดารณี ให้ผู้ชุมนุมดูผ่านจอโปรเจกเตอร์และบอกให้ผู้ชุมนุมจำหน้าบุคคลนี้ไว้และบอกว่า "คนๆ นี้ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินนี้ เพราะคนๆ นี้ บัดซบเกินไปจะที่เป็นข้าฝ่าละอองธุลีพระบาท"
ศ.ดร.ภูวดล กล่าวว่า น.ส.ดารณีขึ้นเวทีปราศรัย 2 ครั้งที่สนามหลวง ซึ่งเป็นเวทีที่ ศ.ดร.ภูวดลระบุว่า "มีคนฟังไม่เกิน 50 คน และมีสุนัขไม่เกิน 50 ตัว" เขายังระบุว่า
"มีการแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ คนๆ นี้แสดงความอาฆาดมาดร้าย อย่างจริงใจ จริงจัง อย่างบัดซบ อย่างสามานย์ อย่างสถุนที่สุด เท่าที่ผมเคยเจอมนุษยชาติที่พูดต่อผู้นำตัวเองอย่างนั้น" ศ.ดร.ภูวดลกล่าว
"นี่ ไม่ใช่เพียงเป็นหน้าที่ของคนไทย ที่จะต้องประณาม จำหน้าคนบัดซบนี้ไว้ได้เลย ผมขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเปิดเทปทั้งสองม้วนดู หาได้ง่าย ขนาดผมไม่ใช่ตำรวจยังมีของ ยังมีสิทธิได้ฟังเลย มีการไรท์ลงในเว็บไซต์เสียด้วยซ้ำ ผมอยากเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดการโดยรีบด่วนไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าไม่จัดการเรื่องนี้ก็ขอให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เลยครับ" ศ. ดร.ภูวดล กล่าวว่ายิ่งกว่ากรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแขพูดที่ลอส แองเจลลิส และที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อีดอกนี่ สามหาว บัดซบที่สุด เท่าที่พี่น้องจะเคยได้ยินมา
"มันถึงกับบอกว่า XXXXXX XXXXXX XXXXXX XXXXXX XXXXXX XXXXXX มันถามอย่างนี้เลยครับพี่น้อง"
เรียกร้องกระทืบ ไม่ต้องเสียดาย ชี้จาบจ้วงรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์
ศ.ดร.ภูวดลยังเรียกร้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบรรดาทหารรักษาพระองค์ทุกคนให้ "จัดการ แก้ไขปัญหาอีนางมารตัวนี้ให้เสร็จ เพราะจริงๆ แล้วอีนางตัวนี้เป็นลูกน้องใครก็รู้ ไม่ใช่เป็นลูกน้องแค่ นปก. ลูกน้อยไอ้ห้อยร้อยยี่สิบแต่นายที่แท้จริงของมันคือไอ้หน้าเหลี่ยม" ศ.ดร.ภูวดลให้เหตุผลว่า น.ส.ดารณี ปราศรัยพูดถึงความดีงามของ ‘ไอ้หน้าเหลี่ยม' เปรียบเทียบไอ้หน้าเหลี่ยมเท่ากับปรีดี พนมยงค์ นอกจากนี้ยังมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย ศ.ดร.ภูวดลให้คำจำกัดความว่า "มัน จาบจ้วงมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ชัดเจนที่สุด ไม่ต้องไปหาตำราไหนๆ มาตีความ ถ้าคุณฟังภาษาไทยได้ คุณไปจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณก็เลิกเป็นทหารรักษาพระองค์ได้แล้วทุกคน"
"ผม ไม่คิดว่าคนไทย พ.ศ.นี้จะบัดซบขนาดนี้ มันสุดบัดซบ ผมเชื่อว่าเทปม้วนนี้ พี่น้องดึงออกมาได้ เพราะมันใส่ในเว็บ นปก. นะครับ ผมที่จริงเป็นคนเกลียดดูเว็บที่สุด ยังต้องไปฟังมัน ฟังด้วยความทุเรศตัวเองว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมาในประเทศนี้ ที่ไอ้ชนชั้นนำ ที่สมุนรับใช้ของไอ้หน้าเหลี่ยมมันทำได้ขนาดนี้ พี่น้องที่รักทั้งหลาย โปรดไปเลือกหาเอาเองเถิด ถ้าถึงวันนั้น ถ้าพี่น้องจัดการอะไร พี่น้องไม่ต้องเสียดอกเสียดายเลยนะครับ กระทืบคนอย่างนี้ผมว่า กระทืบมดยังมีค่ากว่าด้วยซ้ำ"
ตอนท้ายของการปราศรัย ศ.ดร.ภูวดล ยังถามไปถึงบรรดา ‘นายพลผู้รักชาติ' ว่าอย่ารักแต่ปาก เพราะเข้าพิธีสวนสนามทุกวันที่ 3 ธ. ค. ท่านปฏิบัติตัว แต่งตัวเท่อย่างเดียวไม่ได้ ท่านสวนสนามด้วยผ้าสักหลาดครั้งละกี่ล้านบาท จงทำให้เห็นว่าจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดได้ไหม
ศ.ดร.ภูวดล ระบุว่า ดา ตอร์ปิโด "จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงที่สุด เท่าที่เคยมีคนไทยเคยวิพากษ์วิจารณ์ เคยมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เท่ากับคนๆ นี้ ไม่เคยมี เท่าที่ผมเกิดมา เท่าที่ผมศึกษามา ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์กว่า 200 ปี ไม่เคยมีใครวิจารณ์ วิพากษ์ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เท่ากับอีนางเปรตตัวนี้"
000
21 กรกฎาคม 2551
วันนี้ พ.อ.(หญิง) ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยกองทัพบกได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร ว่า น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ณ บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 โดย มีการใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และถือเป็นการมิบังควรอย่างที่สุด
พ.อ.(หญิง) กล่าวว่า จากการกระทำดังกล่าว กองทัพบกจึงได้มีหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2551 ถึง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า กองทัพบกขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้กรุณาตรวจสอบการปราศรัยของ น.ส.ดารณี หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วในวันเดียวกัน
ภูวดล ทรงประเสริฐ
"มันจงใจลบหลู่ ชิงชัง เคียดแค้น มุ่งร้าย ชิงชัง ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ตามรัฐธรรมนูญ สำนักงานตำรวจ เอ็งไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไอ้ผู้บริหารทั้งหลาย ผมไม่ต้องเรียนนิติศาสตร์ เรียนประวัติศาสตร์กูก็ตีความเป็น ว่าสิ่งเหล่านี้ คือความชั่วช้า สามานย์ บัดซบ ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจนที่สุดกว่ายุคใด สมัยใด"
ภูวดลแจ้งที่อยู่ ‘ดา ตอร์ปิโด' ให้ผู้ชุมนุม ไปจัดการตามศรัทธา
เวลา 19.30 น. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวปราศรัยกล่าวถึง "ระบอบขายชาติขายแผ่นดิน ภายใต้การชี้นำของไอ้หน้าหอย" เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างที่มีการถ่ายทอดสดการปราศรัยของ ศ.ดร.ภูวดล ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV จะฉายภาพบุคคลและสิ่งที่ ศ.ดร.ภูวดล กล่าวถึงทางหน้าจอโทรทัศน์ตลอด
เขาได้กล่าวถึง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด' เป็นวันที่สองว่าเป็นลูกจีนต่างด้าว พ่อแม่เป็นจีนต่างด้าว ระบุชื่อพ่อแม่ของ น.ส.ดารณี ระบุภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน และบอกกับผู้ชุมนุมพันธมิตรว่า "ไปจัดการ ไปสนองพระเดชพระคุณ ตามศรัทธาเอาเอง"
ศ.ดร.ภูวดล กล่าวว่ารัฐบาลหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ทำอะไรกับกรณีการปราศรัยของ น.ส.ดารณีเลย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ไปทำหน้าที่ที่สนามหลวงในช่วงหัวค่ำของวันที่ 18 นั้น ถือว่า ท่านกำลังฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะนอกจากจะไม่จับคนดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งๆ หน้าแล้ว ยังปกปิดด้วย ซึ่งการกระทำครั้งนี้มีเอกสารเยอะแยะ แม้กระทั่ง กลุ่ม นปก.ที่มีจิตวิญญาณเป็นมนุษย์ รักสถาบันยังทนไม่ได้ต้องเอาหลักฐานมาให้เรา
อ้างไม่ได้มีแค่ ‘ดา ตอร์ปิโด' แต่ทำกันเป็นขบวนการ
ศ.ดร.ภูวดลบอกว่า พฤติกรรมของ น.ส.ดารณี ทำกันเป็นขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริงๆ และกล่าวหาว่าหลายกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยทำกันเป็นขบวนการและเชื่อมโยงกัน
โดยเขาระบุว่า สถานีโทรทัศน์ NBT ที่ออกอากาศเรื่องการโค่นล้มราชวงศ์ฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และการล้มล้างระบอบกษัตริย์ของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ที่ทำให้พระเจ้าจอห์นที่ 1 สิ้นอำนาจ และวันที่ 14-16 เมษายน 2551 สถานี NBT ก็เสนอการเลือกตั้งในเนปาล และการล้มลงของสถาบันกษัตริย์เนปาล โดยสถานีโทรทัศน์ NBT สมัยนั้นมีนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.สำนักนายกฯ กำกับดูแลในขณะนั้น ตำรวจยังสอบสวนไปไม่ถึงไหนในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นกัน
นายภูวดลยังกล่าวหานายภูมิวัฒน์ นุกิจ ด้วย โดยระบุว่า ต่อมาในวันที่ 19 เมษายน ลูกน้องมันอีกคนคือนายภูมิวัฒน์ นุกิจ ก็มีการท้าทายพระราชอำนาจของพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการถวายฎีกาคัดค้านพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ว่าไม่มีเหมาะสมที่จะเป็นองคมนตรี "มึงเสือกอะไรไอ้ห่าเหวทั้งหลาย" คนๆ นี้อยู่ในกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ มีลูกพี่ชื่อว่านายสมบัติ บุญงามอนงค์เป็นแกนนำ นปก.รุ่นสอง คนๆ นี้และลูกพี่มันได้ออกเว็บ www.thaisayno.com ซึ่งใกล้ชิดกับนักวิชาการอนุบาลเที่ยงวันหรือมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
กล่าวหา ‘โชติศักดิ์' ไม่ยืนเป็นการรับใช้ ‘ไอ้หน้าหอย'
"และอีกกรณีหนึ่ง คือ วันที่ 22 เมษายน นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ซึ่งเป็นลูกน้องมันอีกที ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี นี่หน้าตามัน ซึ่งคนๆ นี้เสียชาติเกิด เสียชาติเกิดความเป็นคนใต้แท้ๆ แต่ทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ไอ้หน้าหอยและพรรคพวกมันตลอดเวลา" ศ.ดร.ภูวดลกล่าว
"ถัดจากนั้นยังมีอีหน้าหมวยอีกคนหนึ่ง น.ส.จิตรา คชเดช ประธานสหภาพแรงงานโรงงานไทรอัมพ์ แรงงานยกทรงน่ะขายยกทรง เล็กๆ ใส่วาโก้ ใหญ่ๆ ก็ใส่ไทรอัมม์ก็แล้วกัน ก็ใส่เสื้อยืดมาออกรายการที่ช่องเอ็นบีที ที่มีข้อความ "ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม" บ้านมึงสิไม่ใช่ บ้านกูใช่แน่นอน"
"พี่น้องทั้งหลายแก๊งเหล่านี้ จะมีความใกล้ชิดสนิทสนม เป็นลูกน้อง เป็นพลพรรค กับระบอบทักษิณ สร้างเครือข่ายมา 5 ปีแล้ว ซึ่งเป็นเครือข่ายของเว็บหนึ่งที่ถูกปิดไปแล้ว
แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีเว็บประชาไท มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าของวารสาร กองบรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน ซึ่งฟ้าเดียวกันฉบับล่าสุด ซึ่งกำลังจะวางขายบนแผงเร็ววันนี้ พี่น้องรู้ไหมหน้าปกเป็นรูปอะไร XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX
XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX แล้วมันเขียนว่า ‘ขวาไทย'
มันจงใจลบหลู่ ชิงชัง เคียดแค้น มุ่งร้าย ชิงชัง ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ตามรัฐธรรมนูญ สำนักงานตำรวจ เอ็งไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไอ้ผู้บริหารทั้งหลาย ผมไม่ต้องเรียนนิติศาสตร์ เรียนประวัติศาสตร์กูก็ตีความเป็น ว่าสิ่งเหล่านี้ คือความชั่วช้า สามานย์ บัดซบ ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจนที่สุดกว่ายุคใด สมัยใด
ศ.ดร.ภูวดล ยังกล่าวถึงเว็บประชาไท และนิตยสารฟ้าเดียว ว่าเชื่อมโยงกันเป็นขบวนการ และ ศ.ดร.ภูวดล ยังอ้างว่านิตยสารฟ้าเดียวกันอยู่ได้เพราะนายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ (น่าจะเป็นนายธนาธร แต่ ศ.ดร.ภูวดล อ่านออกเสียงแบบนี้) โดยนายธนากรเป็นบุตรชายนายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจซึ่งเสียชีวิตแล้ว โดยนายพัฒนาเป็นพี่ชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดย ศ.ดร.ภูวดลได้กล่าวโจมตีกองบรรณาธิการฟ้าเดียวกัน และนายธนากรด้วยถ้อยคำรุนแรง
สดุดี ‘ดา ตอร์ปิโด' ทรงคุณค่าต่อระบอบไอ้หอย
ในตอนท้ายของการปราศรัย ศ.ดร.ภูวดลกล่าวถึง ‘ดา ตอร์ปิโด' อีกครั้งว่า "โดยเฉพาะอีดา หน้าดอ นี่แหละ จงจำไว้พี่น้อง จำหน้าไอ้คนๆ นี้ไว้ นี่แหละ ไอ้นี่ลูกจีนต่างด้าว เป็นคนกร่างที่สุด ทำตัวบัดซบที่สุด ทำตัวเป็นสมุนรับใช้ที่ทรงคุณค่าที่สุดของระบอบไอ้หอยจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ก็ยังทำมาหาแดกที่พีทีวี และทำหน้าที่ประสานงานไปประสานงานมาในช่อง 11 ด้วยพี่น้อง พี่น้องจงจำไว้ว่า ถ้าหากสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังคงถูกลบหลู่จากคนเหล่านี้ โดยที่สำนักงานตำรวจไม่ทำอะไร พี่น้องจงจำไว้ได้เลยภายในเวลาไม่นาน ผมเชื่อว่าแผ่นดินนี้จะลุกเป็นไฟ จากความไม่พอใจที่อีนางกะหรี่ตัวนี้ด่าสถาบันสูงสุดอย่างแน่นอน" ศ.ดร.ภูวดล กล่าว
000
สนธิ ลิ้มทองกุล
"ถ้าสังคมเป็นแบบนี้ ถ้ามันต้องเกิดสงครามประชาชนก็ต้องเกิด ใช่ไหม"
ปูดหมิ่นรายใหม่ ‘สหายสมชาย' จ้อผ่านวิทยุชุมชน
ต่อมา เวลาประมาณ 22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวขออภัยประชาชน ‘ที่ใช้วาจาหยาบคายไปนิดหนึ่ง' ในการปราศรัยเมื่อวันก่อน โดยผู้ชุมนุมบอกว่าไม่เป็นไร นายสนธิกล่าวต่อว่า "ผมเรียกเขาอย่างมากก็อีดา อาจารย์ภูวดลเรียกว่าอีดอก ผมลงไปถึงเวทีเขาบอกอีห่า ผมเลยไม่รู้ว่าใครหยาบ เพราะผมพูดแค่อีดา"
นายสนธิ กล่าวถึงการปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ที่ปราศรัยบนเวทีของ นปก.ที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งเป็นการปราศรัยต่อหน้าตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ทั้งตำรวจสันติบาล ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ไปอัดเสียง น่ามหัศจรรย์มากที่ตำรวจเหล่านั้นนั่งเฉย
"ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล รองผบ.ตร. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโณ ผบก.น.1 ก็ยังนั่งเฉย เห็นหรือยังพี่น้อง แล้วบรรดารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ยังนั่งเฉย ให้ไอ้ลูกเจ๊กอย่างผมมาพูดมื่อวันที่ 20 จึงเกิดเรื่องเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาในสังคม"
นายสนธิ ระบุ และว่านี่เกิดอะไรขึ้นในแผ่นดินไทย ผมไม่เคยคิดว่าในชีวิตผม อายุ 60 ย่าง 61 จะได้เห็น XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX แล้วตำรวจนั่งเฉยๆ ศรภ.นั่งเฉยๆ มันเกิดอะไรขึ้นพี่น้อง พี่น้องครับ สังคมไทยวันนี้มันแบ่งข้างชัดเจนแล้ว
นายสนธิ ยังกล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าเมื่อตอนเย็นวันเดียวกันมีวิทยุชุมชนคลื่นหนึ่งแถวนนทบุรี มีดีเจคนหนึ่งซึ่งเคยเข้าป่าในเขตอีสานใต้มีชื่อจัดตั้งว่าสหายสมชาย และเคยเป็นที่ปรึกษาของคนใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยเป็นฝ่ายซ้ายมาก่อน โดยนายสนธิอ้างว่าสหายสมชายคนนี้เป็นผู้ดำเนินรายการคลื่นวิทยุชุมชนดังกล่าวได้กล่าวจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงหลายประการ XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX
นายสนธิ ชี้ให้เห็นว่า คนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงเป็นพวกเดียวกันทั้งสิ้น เป็นสัตว์ครอกเดียวกันทั้ง ‘ดา ตอร์ปิโด' ก็เคยขึ้นเวทีร่วมกับ นายจักรภพ เพ็ญแข สหายสมชายก็เป็นที่ปรึกษาของคนใกล้ชิด พ.ต.ทักษิณ และกลุ่ม นปก.ก็มี ยี้ห้อยร้อยยี่สิบชักใยอยู่เบื้องหลัง หรือนายวีระ ที่เป็น นปก.ออกทีวีช่อง 11 แล้ว นายสมัคร ที่บอกว่าพ่อเป็นพระยา อ้างว่าจงรักภักดี มันปล่อยให้คนพวกนี้จาบจ้วงพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผย ไม่ได้ซ่อนเร้น ได้อย่างไร
"ถ้าสังคมเป็นแบบนี้ ถ้ามันต้องเกิดสงครามประชาชนก็ต้องเกิด ใช่ไหม" นายสนธิระบุ และยังกล่าวว่าการเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ภูมิใจโคตร โคตรภูมิใจ
000
22 กรกฎาคม 2551
กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บ.ชน.) ขอให้ศาลอาญากรุงเทพฯ อนุมัติหมายจับเลขที่ 2209/51 ให้จับกุม น.ส.ดารณีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นำไปสู่การจับกุม ‘ดา ตอร์ปิโด' ในช่วงบ่ายในที่พักย่านพหลโยธิน และต่อมาเว็บไซต์ส่วนตัวของ ‘ดา ตอร์ปิโด' ก็ถูกปิด
สุริยะใส กตะศิลา
"กรณีของ นายจักรภพ และ ดา ตอร์ปิโด ตนเชื่อว่า เป็นเพียงแค่เบี้ยๆ หนึ่ง แต่เชื่อว่ายังมีเบื้องหลังที่ยังทำเป็นกระบวนการ กรณีนี้ตนคิดว่าเป็นสถานการณ์อ่อนไหว รัฐบาลไม่สามารถจัดการพวกจาบจ้วงได้ กองทัพจึงต้องออกมาดำเนินการ"
สุริยะใสชี้รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ กองทัพต้องออกมาจัดการพวกจาบจ้วง
เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 22 ก.ค. ระหว่างการแถลงข่าวช่วงหนึ่งของนายสุริยะใส กตะศิลา เขากล่าวถึงกรณีที่กองทัพบก มีท่าทีกับคดี "ดา ตอร์ปิโด" ว่า
ขอตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดกองทัพถึงมีความฉับไวต่อเหตุการณ์นี้ แต่ตำรวจกับรัฐบาลกลับนิ่งเฉย โดยเฉพาะตำรวจสันติบาลที่อยู่ในพื้นที่สนามหลวงกลับยังนิ่งเฉย ดังนั้น ประเด็นนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทหารดำเนินการเหมือนกับเป็นการตบหน้ารัฐบาลและตำรวจ ซึ่งถือว่าทราบกระบวนการจาบจ้วงรัฐบาลกลับไม่มีท่าที โดยเฉพาะกรณีของ นายจักรภพ และ ดา ตอร์ปิโด ตนเชื่อว่า เป็นเพียงแค่เบี้ยๆ หนึ่ง แต่เชื่อว่ายังมีเบื้องหลังที่ยังทำเป็นกระบวนการ กรณีนี้ตนคิดว่าเป็นสถานการณ์อ่อนไหว รัฐบาลไม่สามารถจัดการพวกจาบจ้วงได้ กองทัพจึงต้องออกมาดำเนินการ
000
พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์
"รู้สึกดีใจกับประเทศที่สุด ที่วันนี้มีการจับกุมผู้ซึ่งผมคิดว่า บังอาจที่สุดเท่าที่ผมรับราชการมา ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเป็นแบบนี้ คำพูดที่สุภาพ คงใช้กับ ... ผมอยากจะพูดว่ามันเดียรัจฉานดีๆ นี่เอง
พล.อ.ปฐมพงษ์ เฟื่องการหมิ่นเชื่อมกับเรื่องสูญเสียดินแดนแน่นอน
เวลาประมาณ 19.00 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด โดยก่อนที่จะเริ่มปราศรัย ก็ได้กล่าวขอบคุณ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอบคุณเอเอสทีวี และพี่น้องประชาชนที่ดำเนินการจนนำไปสู่การจับกุมคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทำให้ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้อีก
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า "รู้สึกดีใจกับประเทศที่สุด ที่วันนี้มีการจับกุมผู้ซึ่งผมคิดว่า บังอาจที่สุดเท่าที่ผมรับราชการมา ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเป็นแบบนี้ คำพูดที่สุภาพ คงใช้กับ ... ผมอยากจะพูดว่ามันเดียรัจฉานดีๆ นี่เองพวกนี้ เรื่องที่จะได้ดำเนินการต่อไปก็คือ ประสานงานกับคณะกรรมการพลังแผ่นดิน นำไปสู่การปฏิบัติการเชิงรุก อย่าให้อ้ายและอีคนไหน คิดบังอาจเช่นนี้ต่อไป ผมไม่เชื่อว่า คนๆ นี้ ทำอะไรโดยคนเดียว มันมีขบวนการแน่นอน จากฐานข่าวที่เราได้รับทราบ ผมได้ดำเนินการทางด้านงานข่าวกรอง และได้รู้เส้นสายของการทำงานบ้างระดับหนึ่งแล้ว"
พล.อ.ปฐมพงษ์ ย้ำว่าจากนี้ไปจะประสานกับคณะกรรมการพลังแผ่นดิน ที่มี พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เป็นประธาน เพื่อปฏิบัติการเชิงรุก มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
"จากหลักฐานด้านการข่าว พบว่า มีหลายคนร่วมเป็นขบวนการ และคนๆ นี้ไม่ได้ทำคนเดียว มีทั้งผู้สนับสนุน ผู้ปฏิบัติการ และผู้ที่เพิกเฉย คนพวกนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซาก ก็ยังนับว่าตำรวจยังทำหน้าที่ให้ความเมตตากับนางดารณี ถ้าให้ประกันตัวออกมา ผมยังสงสัยว่าเลือดเลวๆ แบบนี้มันจะเปรอะแผ่นดินไทยหรือเปล่า และไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ผมไม่เคยคิดว่าโจรชั่ว ผู้ร้ายคนใด ซึ่งอยู่ในคุก อยู่ในที่คุมขัง ร่วมกันกับนางดารณีจะมีความชั่วร้ายเช่นนางดารณี วันนี้ก็อาจจะต้องนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะคนในที่คุมขังก็รับไม่ได้เหมือนกันว่าอีนี่มันเป็นอย่างไร" ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ระบุ และว่า การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของกลุ่มหรือคณะบุคคลใดก็แล้วแต่ เชื่อมโยงกับการสูญเสียดินแดนของประเทศอย่างแน่นอน
พล.อ.ปฐมพงษ์ เรียกร้องให้ทหารราชองครักษ์ และตำรวจราชสำนัก ให้จับตา มองดู ผู้ซึ่งกระทำการหมิ่นบรมเดชานุภาพทุก 24 ชั่วโมง คนพวกนี้ให้ความปรานีไม่ได้ แม้แต่นิดเดียว เราจะได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
000
สนธิ ลิ้มทองกุล
"ยังมีจุลสารเพื่อสหายร่วมอุดมการณ์ไม่จำกัดชนชั้นชื่อว่า ‘สหาย' มันเอารูปเลนินขึ้นหน้าปก มันเขียนว่าผู้นำ ผมไม่กล้าอ่านพี่น้อง อ่านไม่ได้พี่น้อง อ่านไม่ได้ เพราะว่าไอ้คนทำหนังสือเล่มนี้เหี้ยเรียกพ่อ"
เผย ‘สหายสมชาย' คือชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ก่อนอัดจุลสาร ‘สหาย' เหี้ยเรียกพ่อ
ในเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวปราศรัยถึง ‘สหายสมชาย' ที่เขากล่าวเมื่อวานนี้ ว่าเป็นผู้จัดรายการวิทยุชุมชนเอฟเอ็มคลื่น 102.75 ที่ออกอากาศจากนนทบุรีและถ่ายทอดสัญญาณไปที่ราชบุรี มีการพูดจาจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว โดยนายสนธิเปิดเผยว่า ‘สหายสมชาย' คือ นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ซึ่งเคยเคลื่อนไหวในพื้นที่อีสานใต้ และคนคนนี้ยังเป็นที่ปรึกษาของที่ปรึกษาฝ่ายซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายสนธิ กล่าวว่า นายชูชีพคนนี้ยังเคยมาปราศรัยที่เวทีสนามหลวงด้วย พร้อมทั้งเปิดเผยว่า มีบันทึกระบุถึงการจาบจ้วงจำนวน 19 หัวข้อ ซึ่งแต่ละหัวข้อไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ ทั้งนี้ การออกอากาศของสหายสมชายที่กล่าวจาบจ้วงได้ออกอากาศต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมานี่เอง
ผมอยากถามว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์คนนี้ทำอะไรอยู่ มีอย่างที่ไหนปล่อยให้สถุนบ้านสถุนเมืองออกวิทยุมาพูดจาจาบจ้วงได้อย่างต่อเนื่อง นายสนธิ ระบุ และว่านอกจากนี้ ยังมีจุลสารเพื่อสหายร่วมอุดมการณ์ไม่จำกัดชนชั้นชื่อว่า ‘สหาย' มันเอารูปเลนินขึ้นหน้าปก มันเขียนว่าผู้นำ ผมไม่กล้าอ่านพี่น้อง อ่านไม่ได้พี่น้อง อ่านไม่ได้ เพราะว่าไอ้คนทำหนังสือเล่มนี้เหี้ยเรียกพ่อ XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX XXX กระบวนการนี้รุนแรงยิ่งขึ้นๆ รุนแรงมาก ม็อบสนามหลวงไม่รู้จะเอาใครขึ้นแล้วมันเอาไอ้เสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) ขึ้น เสธ.แดงขึ้นไปสำรากว่าไง บอกว่าเขาพระวิหารเป็นของเขมรนานแล้ว มาโวยวายทำไมกัน นี่ทหารนะ นายสนธิกล่าว และได้สาปแช่งให้ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ติดคุกจนตาย
000
23 กรกฎาคม 2551
ศาลยกคำร้องไม่ให้ ผศ.ดร.สุทธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ตำแหน่งประกันตัว น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ‘ดา ตอร์ปิโด'
นอกจากนี้เมื่อ เวลา 15.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อนุมัติหมายจับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ตามคำร้องของ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความว่า เนื่องจากนายสนธิ แกนนำพันธมิตรได้ขึ้นปราศรัย การกล่าวอ้างถึงเหตุการณ์ที่ น.ส.ดารณี กล่าวข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา
ทำให้ในการปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคืนดังกล่าว ไม่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุลร่วมปราศรัยด้วย โดยแกนนำพันธมิตรที่เหลือต่างยืนยันความบริสุทธิ์ของนายสนธิว่าไม่มีเจตนาเหมือน ‘ดา ตอร์ปิโด'
สุริยะใส กตะศิลา
"กรณีของ ‘ดา ตอร์ปิโด' เชื่อหรือว่าดำเนินการตามลำพังคนเดียว อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผมดูแล้วยังขนลุก ไม่สามารถฟังจบได้ เป็นถ้อยความที่รุนแรงมาก"
ยืนยันสนธิไม่หมิ่น เปรียบเทียบเหมือนบอกตำรวจจับขโมย
เวลา 00.20 น. ของเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 นายสุริยะใส กล่าวปราศรัยย้ำเจตนารมณ์ของการเปิดโปงบันทึกการปราศรัยของ ดา ตอร์ปิโด ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุลระบุชัดเจนว่า ไม่สามารถเปิดซีดีได้ เพราะอาจผิดกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าไม่มีลักษณะของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เป็นการสรุปให้ตำรวจรีบดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้คดีอาญาของ นายจักรภพ เพ็ญแข ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใดๆ สิ่งที่นายสนธินำมาพูดบนเวที เหมือนคนๆ หนึ่งกำลังชี้หน้าคนๆ หนึ่งให้ตำรวจจับว่าผิดซึ่งหน้า ขโมยทรัพย์สินคนอื่น ให้ตำรวจจับคนขโมย ไมใช่มาจับคนที่ชี้นิ้วว่าใครเป็นโจร ทำให้เชื่อถือกระบวนการยุติธรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้แล้ว
ถ้าเขาไม่ให้ประกันตัว เราชุมนุมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลดีไหม จะได้รู้กันพรุ่งนี้ ถ้าตำรวจตุกติกกับเรา และนายสุริยะใสยืนยันว่าผู้ชุมนุมที่ชุมนุมจะไม่มีการกดดันศาล มีแต่จะให้กำลังศาล เพราะพันธมิตรเป็นวัคซีนที่ดีของกระบวนการยุติธรรม ว่าจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมไปทำลายล้างกระบวนการยุติธรรม
เผยฟังดาแล้ว ‘ขนลุก' โบ้ยข้อหาหมิ่นใช้กับ นปก. เท่านั้น
"คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องใช้กล่าวหากับฝ่าย นปก. ไม่ใช่ฝ่ายพันธมิตร แกนนำผู้ปราศรัยบนเวทีไม่มีข้อคลางแคลงใจแม้แต่โน้นว่าไม่จงรักภักดี กรณีของ ‘ดา ตอร์ปิโด' เชื่อหรือว่าดำเนินการตามลำพังคนเดียว อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผมดูแล้วยังขนลุก ไม่สามารถฟังจบได้ เป็นถ้อยความที่รุนแรงมาก
"ที่น่าสนใจระหว่างที่นังดาปราศรัย ถ้าคนนั่งฟังจงรักภักดีด้วย ถ้าพูดจาหมิ่นเหม่พี่น้องต้องชี้หน้า ขว้างปาสิ่งของ ไล่ลงเวที แต่การกลับตรงกันข้าม ฝั่งโน้นไชโยโห่ร้อง ชอบใจ ไม่มีใครห้ามให้หยุด สาระที่นังดารณีพูดไม่ได้จบที่เวทีนั้นที่เดียว มีการขยายความในเครือข่าย มีการเปลี่ยนภาษา สาระ ไปออกรายการสดในวิทยุชุมชน แม้แต่ออกในพีทีวี เรามีหลักฐานและเตรียมดำเนินคดีกลับภายในสัปดาห์นี้"
000
24 กรกฎาคม 2551
แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายพันคนเดินทางมาส่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
โดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเสร็จสิ้นแล้ว และได้มอบ พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รองผบช.น.ดูแลคดีนี้ต่อไป ซึ่งการสอบสวนได้ดำเนินตามขั้นตอน และนายสนธิ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยนายคำนูญ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้ตำแหน่งค้ำประกัน และเมื่อได้พิจารณาตำแหน่งของผู้ประกันและหลักฐานอื่นๆ ประกอบแล้ว เห็นว่าสามารถให้ประกันได้เนื่องจากมีตำแหน่งที่น่าเชื่อถือ หากผิดสัญญาที่ยื่นประกันตัวไว้ ต้องชดใช้ 300,000 บาท ซึ่งเมื่อครั้งที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้มามอบตัวที่ สน.นางเลิ้ง และ บชน.พนักงานสอบพิจารณาดูแล้วไม่น่าจะหลบหนีและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงให้ประกันตัว โดยทั้งสองกรณีให้ประกันตัวเพราะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตำแหน่งค้ำประกันมั่นคง
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า นายสนธิ ได้เข้ามอบตัวเพราะทราบข่าวจากสื่อว่าถูกออกหมายจับ ซึ่งได้ให้ทนายยื่นประกันตัวเองได้ จึงพิจารณาให้ประกันตัวได้ ส่วนกรณีของ นางสาวดารณี เชิงชาญศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ไม่ยอมมอบตัว ตำรวจต้องตามไปจับกุม ตามหมายจับ อีกทั้งสอบปากคำเสร็จก็ไม่ได้ยื่นประกันตัวทางตำรวจจึงต้องนำตัวไปฝากขัง และค้านการประกันตัว เนื่องจากเห็นว่า น่าจะมีพฤติการณ์หลบหนี ทั้งนี้ ในส่วนของนายสนธิ ได้นัดมาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 16 สิงหาคม เวลา 13.00 น.ที่ สน.นางเลิ้ง โดยจะเดินทางมาพร้อมกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งนัดวันเดียวกัน