Skip to main content
 

พิณผกา งามสม

  

ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภา

เมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า แนวทางของอันวาร์ในการสู้รบกับรัฐบาลที่ครองอำนาจมายาวนานโดยรัฐบาลแนวร่วมแห่งชาตินั้น ต้องถือว่าขยันขันแข็งและใช้เทคโนโลยีสื่อสารได้อย่างมีศักยภาพ

ใครที่อยู่ในเครือข่ายผู้ได้รับข่าวสารทางอีเมล์ของออฟฟิศนายอันวาร์ย่อมทราบดี ว่ากล่องรับข้อความของคุณจะเต็มไปด้วยข้อมูลจากฝ่ายค้าน รายละเอียดความคืบหน้าการเคลื่อนไหว และมีตารางเวลาคอยเป็นตัวกระตุ้นความสนใจอยู่ตลอด ฉะนั้น เมื่อเขาประกาศวาระการเขย่ารัฐบาลครั้งใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ แต่ก็น่าติดตาม

เมื่อพรรคยุติธรรมประชาชนกวาดเก้าอี้ได้ 32 ที่นั่ง และรวมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ แล้วเป็นจำนวน 82 ที่นั่ง จากจำนวน ส.ส. ทั้งหมด 222 คน พรรคยุติธรรมประชาชนไม่ได้หยุดความฮือฮาไว้แค่นั้น แต่ประกาศเดินหน้าปฏิรูประบบเลือกตั้งและระบบยุติธรรม ซึ่งพรรคถือว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในมาเลเซีย

นอกจากนี้ ยังประกาศคัดง้างแนวนโยบายหลักที่อัมโนได้ดำเนินมายาวนานก็คือ นโยบาย ภูมิบุตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจแผนใหม่ (New Economic Policy) ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นนโยบายที่กีดกันเชื้อชาติและเป็นต้นเหตุให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจของคนมาเลย์เชื้อชาติอินเดียและจีน

เมื่อวันที่ 13 กันยายน อันวาร์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านที่เรียกขานกันในอีกชื่อว่าแนวร่วมเพื่อประชาชน ได้ประกาศว่า จะมีการเขย่ารัฐบาลครั้งใหญ่และเตรียมจะยึดสภาในวันที่ 16 กันยายน....!!!

จนกระทั่งวันที่ 16 ก.ย. มาถึงจริง อันวาร์ประกาศว่ามีรายชื่อ ส.ส. พรรครัฐบาลอยู่ในมือ 31 คนที่พร้อมจะก้าวมาร่วมหัวจมท้ายกับเขา และนั่นก็จะทำให้พรรคฝ่ายค้านมีที่นั่งรวมกันเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ในสภา เขาได้ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี ในเวลา 14.30 น. ของวันที่ 16 กันยายน เพื่อขอเปิดการเจรจากันในวันที่ 23 ก.ย. ที่จะถึงนี้

ท่าทีของบาดาวีขณะนี้ยังคงนิ่งเฉยอยู่ และข้อสงสัยของผู้ติดตามข่าวสารคือ รายชื่อ 31 ส.ส. พรรครัฐบาลนั้นมีจริงหรือไม่ และเป็นใครบ้าง ซึ่งคงอีกไม่กี่วันจะได้รู้ผลกัน

อย่างไรก็ตาม แนวทางแบบนี้ของแนวร่วมฝ่ายค้านนั้นน่าสนใจว่า การต่อสู้เพื่อโค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเดินไปตามแบบเผนอย่างน่าทึ่ง เมื่อย้อนมองกลับไป เราจะพบการต่อสู้ที่เป็นระบบ และเป็นกระบวน แยกบทบาทอย่างชัดเจนระหว่างระดับพรรคการเมือง และระดับแนวร่วมภาคประชาชน

แม้ว่าข้อกล่าวหาที่พุ่งเป้าไปสู่รัฐบาลมาเลเซียนั้น มี 3 ประเด็นใหญ่ๆ ก็คือ แนวนโยบายแห่งรัฐที่เลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์ การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด และการคอร์รัปชั่น

แต่ขบวนการต่อสู้ทางการเมืองครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมา (2007) ของภาคพลเมืองมาเลเซียก็คือ การร่วมมือกันเรียกร้องการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และเป็นธรรม เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองได้ลงสู่การแข่งขันอย่างเท่าเทียม อย่างไรก็ตามดูเหมือนสาสน์ ที่ส่งออกมาไม่ใช่การส่งไปยังรัฐบาลโดยตรง และแม้หวังส่งสัญญาณไปที่รัฐบาลโดยตรงก็คงต้องบอกว่าไม่ได้ผล เพราะการเลือกประกาศวันเลือกตั้งในวันที่ 8 มีนาคม 2008 นั้นบอกชัดอยู่แล้วว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการสร้างโอกาสที่เป็นธรรมให้แก่นายอันวาร์ซึ่งติดทัณฑ์บนห้ามลงเลือกตั้งจนกว่าจะพ้นวันที่ 14 เมษายนของปีเดียวกัน แต่หากคิดว่าสาสน์นั้นส่งผ่านไปยังประชาชนผู้เป็นเจ้าของคะแนนเสียงที่จะกำหนดทิศทางการเมืองมาเลย์อย่างแท้จริงก็ควรนับว่าได้ผลเมื่อพิจารณาจากผลการเลือกตั้งที่ออกมาชนิดหักปากกาเซียน

พรรคน้องใหม่อย่างพรรคยุติธรรมประชาชนซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี 2003 ได้ที่นั่งในสภาเพียงที่นั่งเดียว กลับกวาดมาได้ถึง 31 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2008 เมื่อรวมกับพรรคกิจประชาธิปไตย (Chinese-based Democratic Action Party- DAP) ได้ 28 ที่นั่ง และพรรคปาส (Parti Islam Se-Malaysia- PAS) ได้ 23 ที่นั่ง รวมเป็น 82 ที่นั่ง นี่คือจำนวน ส.ส. ฝ่ายค้านที่มากที่สุดในรอบ 40 ปี และนี่เป็นผลการเลือกตั้งที่เขย่าเสถียรภาพของรัฐบาลชนิดที่ช็อกความรู้สึกนักลงทุนและส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งฮวบทันทีด้วยความไม่แน่ใจในเสถียรภาพของนโยบายเศรษฐกิจ

ขณะที่เส้นทางในระบอบรัฐสภาดำเนินมาได้ด้วยดีด้วยจำนวน ส.ส. ที่มากเป็นประวัติการณ์ และ อันวาร์ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำฝ่ายค้านแม้ตัวเองจะอยู่นอกสภา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทางการเมืองเชื่อว่า ที่สุดแล้ว อันวาร์จะต้องได้ลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ภายในปีนี้ ในการเลือกตั้งซ้อมเขตใดเขตหนึ่งอย่างแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริง

วันที่ 31 ก.ค. ดร. วัน อาซีซาร์ วันอิสมาอิล ประธานพรรคยุติธรรมประชาชน ภรรยาของนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซีย ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นสมาชิกรัฐสภาอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดทางให้สามีเข้าสู้สภา

27 สิงหาคม ผลการเลือกตั้งซ่อมในเขต เมืองเปอร์มาตัง ปาอูห์ ในรัฐปีนัง นายอันวาร์ชนะคู่แข่ง เข้าสู่สภาพร้อมประกาศว่าจะรวบรวมสมาชิกฝ่ายรัฐบาลมาเข้าร่วมกับ กับฝ่ายค้าน เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนเพียงพอในการโค่นล้มรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี ในวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งถือเป็นวันชาติของมาเลเซีย (เป็นวันชาติที่มีการรวมรัฐเประ และตรังกานูร์ รวมทั้งสิงคโปร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2506 )

ก่อนจะไปถึงวันที่ 23 กันยายน สาสน์ที่นายอันวาร์ส่งถึงประชาชนชาวมาเลเซียนั้น ระบุยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลว่า ประเด็นที่ผู้นำฝ่ายค้านต้องการเจรจากับนายกรัฐมนตรีนอกเหนือจากเรื่องของตัวผู้นำประเทศที่อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามจำนวน ส.ส. ในสังกัดแล้ว อีก 4 ประการที่รัฐบาลของนายบาดาวี อย่างไรเสียก็ต้องตระหนักคือ

ประการแรก รัฐบาลพรรคแนวร่วมแห่งชาติจะต้องไม่ขัดขวางหรือกีดกัน ส.ส. ในซีกรัฐบาลในการตัดสินใจอย่างเป็นอิสระ และเป็นไปตามสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

ประการที่ 2 รัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติจะต้องไม่ นำเอากฎหมายความมั่นคงภายในมาใช้เพื่อกักขังสมชิกรัฐสภาที่มีเจตนาจะเข้าร่วมกับฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกฝ่ายค้านในปัจจุบัน

ประการที่ 3 รัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติจะต้องไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือใช้กำลังตำรวจหรือระงับใช้รัฐธรรมนูญ หรือยุบสภาโดยต้องยอมเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่

ประการที่ 4 รัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติ ต้องไม่ปิดกั้นถนน ขัดขวางสมาชิกรัฐสภาในการเดินทางไปที่ทำการรัฐสภาและสถานที่ทำการของรัฐบาล

นอกจากนี้ ได้เรียกร้องต่อสื่อมวลชนกระแสหลักให้ยอมรับความเป็นจริงของประวัติศาสตร์การเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้ และรายงานอย่างเป็นธรรม และปราศจากอคติ

แถลงการณ์ที่ออกมาจากผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียนั้นย่อมสะท้อนภาพปัญหาของการเมืองมาเลเซียที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการปิดกั้นถนน ทำให้ผู้ชุมนุมในกรณีต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงนักการเมืองที่เป็นเป้าหมายได้ หรือการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนักเคลื่อนไหวโดยปราศจากการตั้งข้อหา

เฉพาะตัวของนายอันวาร์เองนั้น เผชิญข้อกล่าวหาที่ส่งเขาเข้าคุกไปแล้ว 2 ครั้ง ข้อหาหนึ่งก็คือคอร์รัปชั่น (ถูกตัดสินปี 1999 รับโทษจำคุก 6 ปี ) อีกข้อหาคือ การประพฤติผิดทางเพศ (ถูกตัดสินปี 2000 รับโทษจำคุก 10 ปี) ซึ่งเป็นข้อหาที่เขาถูกกล่าวหาซ้ำอีกเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเหจุให้เขาต้องลี้ภัยเข้าไปอยู่ในสถานทูตตุรกีประจำประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. และต้องเรียกร้องให้รัฐบาลรับประกันความปลอดภัยหากเขาเดินทางออกมาจากสถานทูต

ทั้งนี้ ที่น่าสนใจที่สุดของแถลงการณ์ในวันที่ 16 ซึ่งเป็นแถลงการณ์จากผู้นำฝ่ายค้านที่เผชิญมรสุมจากเกมการเมืองมาเป็นเวลา 10 ปีพอดิบพอดี (เมื่อนับจากการเผชิญข้อกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่นและประพฤติผิดทางเพศที่ส่งเขาเข้าไปเผชิญการทำร้ายร่างกายในคุก) คงจะเป็นส่วนที่กล่าวว่า....

"เรา ในนามแนวร่วมเพื่อประชาชนเชื่อว่า เราสามารถธำรงรักษามาเลเซียไว้จากภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่กีดกันเชื้อชาติในระดับที่น่าอันตราย เราจะกระทำการอย่างรอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย และจะไม่กระทำการที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศรวมถึงความปลอดภัยของประชาชน...

"เราได้รับการยืนยันจากสมาชิกรัฐสภาในจำนวนที่มากพอที่จะก่อตั้งรัฐบาลใหม่ และรัฐบาลของเราจะเป็นภาพสะท้อนความหลากหลายของสังคมมาเลเซีย

การเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสงบเรียบร้อยคือสิ่งที่เราตระหนัก"

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
 ทีมข่าวการเมืองข่าวเรื่องนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ถูกแบน ในประเทศไทย ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเอพี และเสตรทไทม์ ขณะที่ในเมืองไทย [1] ข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก และเพิ่งมาปรากฏขึ้นในลักษณะของการตอบโต้จากทางการไทย ผ่าน.นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงบรรณาธิการนิตรสาร ดิ อิโคโนมิสต์  ระบุว่า....            "รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อมุมมองและทัศนคติของนิตยสารฉบับดังกล่าว ซึ่งลงบทความเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และตีความเหตุการณ์ต่างๆ ไปตามการคาดเดา…
หัวไม้ story
“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม” สุริยะใส กตะศิลา, 5 ธ.ค. 2551  ทีมข่าวการเมือง   ภาพในตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลหลังการชุมนุมยุติที่มาของภาพ: คุณ Me.....O กระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนินhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7288033/P7288033.html  
หัวไม้ story
"ถ้างวดนี้ มีการใช้ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทย ต้องลุกฮือขึ้นมาแล้วให้เลือดนองแผ่นดิน"  ... "ผมจะบอกให้พวกสัตว์นรกรู้ ว่างวดนี้ถ้าประชาชนเขามา เขามาพร้อม ‘ของ' กันหมด" - สนธิ ลิ้มทองกุล 20 พ.ย. 2551 ทีมข่าวการเมืองประชาไท สนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับการอารักขาโดย ‘นักรบศรีวิชัย’ เมื่อ 26 ส.ค. 51 ที่มาของภาพ adaptorplug (CC)  
หัวไม้ story
  วันที่ 15 พฤศจิกายน คือวันประชุมสุดยอดผู้นำโลก 20 ชาติว่าด้วยเศรษฐกิจ ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการทางการเงินของโลกอีกครั้งหลังจากมันเคยเกิดขึ้นแล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจโลกพังพาบลง จนนำมาสู้ระบบแลกเปลี่ยนเงินที่ชื่อว่า Bretton Woods SystemG20: "we must rethink we must rethink the financial system from scratch, as at Bretton Woods."นิโคลัส ซาร์โกซี ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสเป็นผู้เอ่ยประโยคนี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา และนำมาสู่การกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. นี้
หัวไม้ story
โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก? ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน…
หัวไม้ story
แม้ว่าคนจนในประเทศไทย จะเลือกตาย ด้วยหวังให้การตายส่งเสียงได้มากกว่ายามที่พวกมีชีวิตอยู่ ทว่า ไม่ช้าไม่นาน ความทรงจำของสังคมก็เลือนรางลงไป แต่คนจนอย่างนวมทอง ไพรวัลย์ เลือกวิธีตาย และเลือกใช้การตายของเขาส่งเสียงดังและอยู่ยาวนาน อย่างน้อยก็ใน 2 ปีต่อมา เขายังไม่ถูกลืมเลือน
หัวไม้ story
ประชาไทขอนำเสนอคลิปวิดิโอ 'หลังทักษิณ' มุมมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากคนใกล้ตัวที่บ้านเกิด อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และบทวิเคราะห์การเมืองไทยหลังทักษิณ โดย รศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
หัวไม้ story
  ทีมข่าวภาคใต้มายาภาพของการต่อสู้ทางการเมืองไทยในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถูกกล่าวว่าอ้างว่าเป็นสงครมมระหว่างภูมิภาค คือ ภาคใต้ กับภาคเหนือและภาคอิสาน แต่หากมองลึกลงไปในกระบวนการต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคพลังประชาชน อาจพบว่าแท้จริงแล้วการพื้นที่ทางการเมืองระดับนำก็ยังคงเป็นของคนใต้อยู่เช่นเดิม
หัวไม้ story
จับตาการเดินทัพของพันธมิตรฯ จากคำปราศรัยของแกนนำชื่อ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หลังประกาศทบทวนแนวทางสันติวิธี ระบุแกนนำทั้งหลายไม่กลัวตาย “แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้”
หัวไม้ story
  เมื่อพูดกันถึงเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็ไม่แคล้วตามมาด้วย การแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง นับเป็นสิ่งที่สังคมไทยถนัดในการแก้ปัญหาการเมืองโดยการเขียนอะไรบางอย่างขึ้นมาบังคับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่งแม้แต่นักกฎหมายมหาชนเองก็ยังแซวผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเองได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญในการร่างรัฐธรรมนูญที่สุดในโลกนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 กล่าวในรายการตอบโจทย์  ทางสถานีไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่าที่สุดแล้ววิกฤตของการเมืองไทยวันนี้มันก็เริ่มมาจากการแก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายรัฐบาลนำเสนอนั่นเองย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้งว่า…
หัวไม้ story
  พิณผกา งามสม   ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ ‘เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภาเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า…
หัวไม้ story
  วิทยากร  บุญเรืองขณะที่ Frank Lampard ดาวเตะแข้งทองของทีม Chelsea พึ่งบรรลุข้อตกลงสัญญา 5 ปีที่มีมูลค่าสูงถึง 39.2 ล้านปอนด์ โดย Lampard จะได้รับค่า 151,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 3,775 ปอนด์ต่อชั่วโมง! แต่จากการสำรวจของ The Fair Pay Network และ Institute of Public Policy Research (IPPR) พบว่าพนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว และแรงงานตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ของสโมสรอย่าง Chelsea, Spurs, Arsenal, West Ham และ Fulham กลับได้รับค่าเหนื่อยจากสัญญาจ้างค่าแรงขั้นต่ำแค่ 5.52 ปอนด์ต่อชั่วโมงเท่านั้น