Skip to main content

Barack Obama vs KKK

โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก?

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี

โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา

แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน แต่ดูเหมือนว่าคนผิวสีต่างยอมรับให้เขาเป็นตัวแทนอย่างเต็มใจ

แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะถูกรายงานถึงบรรยากาศแห่งความหวังใหม่ๆ และความสดชื่นของคนรุ่นใหม่ ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีผิวสีวัยหนุ่มผู้นี้ กำลังต้องเผชิญกับคำขู่ซึ่งเป็นเสมือนเงาหลอนอีกด้านหนึ่งของความสว่างไสว ของประชาธิปไตยแบบอเมริกา

หนังสือพิมพ์ เดอะ ซัน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์หัวสีของอเมริกา ได้เสนอข่าวก่อนจะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเพียงวันเดียวว่า บุคคลที่อ้างตัวว่า เป็นสมาชิกของกลุ่ม คู คลักซ์ แคลน (KKK) ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงได้ออกมาวิพากษ์ว่า โอบามาคือพวกต่างด้าว เพราะโอบามาเป็นคนผิวดำ และคนผิวดำก็คือคนต่างวด้าว สิ่งที่สมาชิกขบวนการ KKK ผู้นี้กล่าวกับเดอะซันก็คือ หากนายโอบามาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็ คือ "สงครามเผ่าพันธุ์" และพร้อมที่จะประกาศสงครามดังกล่าวกับโอบามาในทันที

 

อเมริกาอาจจะได้ชื่อว่า เป็นดินแดนแห่งโอกาส ความหวัง และประชาธิปไตย ทว่า ประวัติศาสตร์อเมริกาก็บอบช้ำไปด้วยความขัดแย้งทางความคิดและสงครามกลางเมือง เป็นราคาที่อเมริกาจ่ายไปอย่างหนักในห้วงเวลา 221 ปีของประเทศมหาอำนาจแห่งนี้

 

สำนึกของการกีดกัน ดูแคลน และต่อต้านคนที่เป็นอื่น' ทั้งต่างด้วย วัย เชื้อชาติหรือ เพศ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่อเมริกาได้ผ่านประสบการณ์ทั้งในแง่ของความขมขื่น และการต่อสู้ ขณะที่อเมริกากำลังต่อสู้เพื่อปกป้องโลกโดยชี้นิ้วไปที่มุสลิมบางกลุ่ม และประเทศบางประเทศ ในอเมริกาเองนั้น ก็มีกลุ่มที่อเมริกาต้องขึ้นบัญชีในฐานะที่เป็นกองกำลังที่เป็นอันตรายอยู่เช่นกัน  และหนึ่งในนั้น คู คลักซ์ แคลน ซึ่งเคยรุ่งเรืองมากในช่วงหลังสงครามกลางเมืองและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เผยตัวขึ้นมาหลอกหลอนความเสรี และโอกาสของทุกคน' อีกครั้งเมื่อประธานาธิบดีคนใหม่ไม่ใช่คนผิวขาว!!!

 

เดอะซันเป็นหนังสือพิมพ์หัวสีที่ไปได้ดีกับการขายข่าวบันเทิง ข่าวซุบซิบ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้รับข่าวสารจะต้องพินิจพิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือของข่าวสารด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม การนำเสนอเรื่องการกีดกันด้วยสีผิวบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่ได้รับความนิยมก็เป็นเรื่องต้องคิดและตั้งคำถามกับความฝันแบบอเมริกันเช่นกันและล่าสุด การวิเคราะห์ของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาก็ปรากฏต่อหน้าสื่ออเมริกาว่า โอบามามีโอกาสสูงที่จะถูกลอบสังหารเช่นเดียวกับ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า JFK

 

แม้ JFK จะไม่ใช่คนผิวสี แต่การถูกลอบสังหารของเขาก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้มากที่กลุ่ม KKK จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะ JFK มีนโยบายที่เข้มข้นเรื่องความเสมอภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการผลักดันกฎหมายที่ออกมาปกป้องคนผิวสีในช่วงสมัยของเขา

 

KKK คืออะไร

KKK นั้น ถูกเรียกแบบรวมๆ ว่าเป็นขบวนการเหยียดผิว แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เพียงเท่านั้น จริงอยู่ว่า KKK ในยุคแรกเริ่มเป็นการหยียดคนดำ แต่เมื่อลดบทบาทลงและถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ KKK ไม่เพียงเหยียดคนดำเท่านั้น แต่ขยายวงกว้างไปถึงคนเอเชีย คนอพยพจากละตินอเมริกา และรวมถึงชาวคริสต์นิกายคาทอลิกด้วย ประเด็นของ KKK จริงๆ ก็คือการธำรงรักษาสถานภาพที่เหนือกว่าของคนผิวขาวที่เป็นคริสเตียนเอาไว้ เหนือคนทั้งมวล

 

คู คลักซ์ แคลนถูกอธิบายอย่างเป็นทางการว่าเป็นกลุ่มกองกำลังลับในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานอยู่ในรัฐทางใต้ ทำตัวเป็นศาลเตี้ย และปรากฏตัวภายใต้ผ้าคลุมและหน้ากากสีขาว โดยมีนัยยะแสดงถึงวิญญาณของทหารผิวขาวที่ตายไปในสงครามกลางเมืองเพื่อสร้างความกลัวให้กับพลเมืองผิวดำ ขณะเดียวกัน หมวกหน้ากากและผ้าคลุมสีขาวก็ช่วยปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของสมาชิกกลุ่มซึ่งออกปฏิบัติการฆาตกรรมเหยื่อซึ่งพวกเขาชิงชังในเวลากลางคืนด้วย

 

KKK ถูกบันทึกว่ามีการกระทำที่เป็นการก่อการร้าย ความรุนแรง ฆ่าแขวนคอและกดขี่คนแอฟริกันอเมริกัน ยิว ชาวคริสต์นิกายโรมันแคธอลิก และสหภาพแรงงาน

 

KKK แบ่งได้เป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรก หลังสงครามกลางเมืองซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างรัฐทางเหนือกับรัฐทางใต้โดย ประเด็นความขัดแย้งที่สำคัญก็คือ การค้าทาส ทั้งนี้ ทาสสำหรับอเมริกาในยุคสมัยนั้น ไม่ได้มีฐานะเป็นมนุษย์ หากแต่มีฐานะเป็นทรัพย์สินเช่นเดียวกับเกวียนหรือสัตว์ เช่น ม้า หรือวัว

 

KKK ก่อตั้งขึ้นโดยสมาชิก 6 คนซึ่งเป็นปัญญาชน คนชั้นกลางและทหารผ่านศึก ในวันที่ 24 เดือนธันวาคม ปี 1865 เริ่มจากเมืองปูลาสกี มลรัฐเทนเนสซี โดยชื่อนั้นเป็นการสนธิกันของคำว่า kyklos ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก แปลว่า วงกลม และคำว่า Clan ซึ่งแปลว่าครอบครัว หรือคนในตระกูลเดียวกัน เพื่อยืนยันถึงความเหนือกว่าของพลเมืองผิวขาว

 

ผู้นำคนสำคัญของขบวนการนี้คือ นาธาน เบรดฟอร์ด ฟอร์เรส ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นอัศวิน และผู้นำของประชาชาติ KKK การต่อสู้นี้ลามมาถึงการดิสเครดิตทางการเมืองว่าคนผิวดำมีแนวโน้มที่จะเลือกพรรครีพับลิกันด้วย มีรายงานว่าขบวนการ KKK ขณะนั้นมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธผู้นำจากพรรครีพับลิกัน

 

ภายใน 18 เดือนนับแต่มีการก่อตั้งกลุ่มดังกล่าว มีรายงานฆาตกรรม 197 คดี และยังมีคดีข่มขืนกว่า 584 คดี

การก่อความรุนแรงของ KKK มีเป้าหมายที่การยับยั้งการใช้สิทธิเลือกตั้งของพลเมืองผิวดำ โดยมีรายงานว่าคนผิวดำกว่า 2,000 คนถูกฆ่าตาย ทำร้ายร่างกายในหลุยส์เซียนาในระหว่าง 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. 1866 มีรายงานว่า ชาวผิวดำซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันราว 200 คนถูกฆ่าตาย

 

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีซึ่งชนะการเลือกตั้งในเวลาต่อมาคือ ยูลิซิส เอส แกรนต์ ได้ดำเนินมาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด ขณะที่ขบวนการซึ่งมีสมาชิกกว่า 550,000 คนกำลังขยายตัวไปทั่วประเทศ ก็ถูกปิดตัวลงโดยผลของกฎหมายว่าด้วยสิทธิพลเมือง และถูกจัดกลุ่มเป็นกลุ่มก่อการร้าย

 

KKK เฟส 2 การขยายฐานศัตรู สู้เพื่อสิทธิของคนขาว

มีการวิเคราะห์ว่า KKK ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสภาพเศรษฐกิจผลักดันให้พวกเขาออกมาหาเหยื่อที่ทำให้เกิดความขาดไร้โอกาสทางเศรษฐกิจของคนผิวขาวหลังสงคราม สิ่งที่เกิดขึ้นคือเศรษฐกิจฝืดเคือง การจ้างงานที่มีอยู่ในระดับต่ำยังถูกบวกเข้าไปด้วยการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าว ทั้งจากเอเชียและจากชายแดนทางใต้ รวมไปถึงสมาชิกศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิกด้วย

 

ขบวนการ KKK ในสมัยที่ 2 ระหว่างปี 1915-1944 เกิดขึ้นรัฐทางใต้ เช่น ดีทรอยท์ เมมฟิส ดัลลัสและฮูสตัน

ฐานจำนวนของเหยื่อเติบโตขึ้นเคียงกันไปกับฐานของมวลชน KKK ที่เพิ่มขึ้นถึงระดับ 6 ล้านคน ในปี 1924 โดยที่ในจำนวนนี้ มีคำถามว่า ประธานาธิบดีบางคนเป็นสมาชิกด้วยหรือไม่ พร้อมๆ กับที่วุฒิสมาชิกบางคนก็ยอมรับว่าตนเองสังกัดขบวนการนี้เช่นกัน

 

การขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวางของขบวนการเหยียดเชื้อชาติและศาสนานี้ ได้ก่อให้ KKK มีพลังทางการเมืองอย่างมาก โดยมีบทบาทสำคัญในหลายๆ รัฐ ทั้งในด้านนโยบายและปฏิบัติการทางสังคม พวกเขาต่อต้านสิทธิของคนที่แตกต่างไม่เพียงสิทธิทางการเมือง แต่รวมถึงสิทธิทางการศึกษาและสิทธิแรงงาน รวมถึงแผ่ขยายจากรัฐทางใต้ไปสู่รัฐภาคกลางและภาคเหนือ รวมกระทั่งแคนาดาด้วย มีการก่อตั้งขบวนการต่อต้านแรงงานคาธอลิก ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่ในแคนาดา

 

ในบางรัฐเช่น อัลบามา KKK ได้ดำเนินการปฏิรูปการเมืองและสังคม เช่นการพัฒนาสถานภาพของชนผิวขาวที่เป็นคนระดับล่าง ดำเนินการก่อตั้งสมาชิกภาพ KKK เพื่อต่อต้านอำนาจของเกษตรกรผิวดำ

 

สมาชิกที่เพิ่มขึ้น มาพร้อมๆ กับเงินอุดหนุนนโยบายรัฐขนาดใหญ่ โดยสมาชิกหลายคนก็ก่อตั้งกองทุนทุนอุดหนุนการศึกษา การสาธารณสุข และพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

 

ขณะชาวแอฟริกันอเมริกันได้ปลอดภัยมั่นคงมากขึ้นจากการบัญญัติกฎหมาย ซึ่งปกป้องสิทธิพลเมืองและสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง KKK ก็ ปฎิบัติการต่อต้านด้วยการระเบิดรถโรงเรียน เผาบ้าน ฆ่าแขวนคอ หรือการจับคนผิวดำไปเผาแล้วเอาขนไก่ไปติดตามเนื้อตัวของเหยื่อ ยังรวมไปถึงคดีฆาตกรรมบุคคลสำคัญระดับผู้นำของรัฐและของขบวนการที่ข้องเกี่ยวกับการให้สิทธิเสรีภาพแก่คนผิวดำ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสำนักงาน FBI ก่อตั้งขึ้นก็มีส่วนทำให้ KKK อ่อนแอ ลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่สิ้นสลายไป และยังคงมีรายงานอาชญากรรมโดยสมาชิกของกลุ่มนี้ในหลายๆ รัฐ เช่น อัลบามา จอร์เจีย มิสซิสซิปปี้ ในอีกด้านหนึ่ง ขบวนการทางสังคมที่เบ่งบานขึ้นจากยุคบุปผาชน ก็ทำให้พลังทางสังคมที่กดดันต่อกลุ่มที่มีปฏิบัติการอยู่บนพื้นฐานของความเกลียดชังต้องค่อยๆ คลายตัวลงในที่สุด มีการต่อต้านความรุนแรงที่ KKK ได้กระทำขึ้น ทั้งโดยผ่านสื่อมวลชนและองค์กรเอกชน รวมไปถึงภาพลักษณ์ของ KKK ซึ่งตกต่ำลงในด้านการทุจริตคอร์รัปชั่นเงินที่สมาชิกให้การสนับสนุน

 

We shall overcome

วาทะอมตะ อันเป็นที่มาของบทเพลงรณรงค์ในยุคบุปผาชน ถูกกล่าวในสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายของมาร์ติน ลูเธอร์คิง นักต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวผิวดำในอเมริกาซึ่งถูกฆาตกรรมขณะอยู่ระหว่างการรณรงค์เพื่อสิทธิของคนผิวดำในวันที่ 4 เม.ย. 1968 ซึ่งแม้ในปีนั้นเอง ในหลายๆ โรงเรียน คนผิวดำก็ไม่มีสิทธิแม้แต่จะเข้าไปเรียน หรือเข้าไปกินข้าวในโรงอาหาร

 

บารัก โอบามา ได้นำมันมากล่าวถึงอีกครั้งในสุนทรพจน์หลังชัยชนะในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

 

KKK ในปัจจุบันถูกรายงานว่ามีสมาชิกเพียงประมาณ 2,500 คน ซึ่งในจำนวนนี้ก็รวมเอานักการเมือง และดารานักแสดงรุ่นเก่าๆ เข้าไปด้วย ทำให้ KKK ในปัจจุบันถูกมองว่ามีความหลากหลายและมีหลายเฉดสี

 

อย่างไรก็ตาม KKK ในปัจจุบัน ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกถูกคุกคามจากคนที่ไม่ใช่ผิวขาว ซึ่งกำลังจะก้าวเข้ามากุมทิศทางของประเทศที่เป็นของพวกเขา ขณะที่จำนวนประมาณการสมาชิก 2,500 คนนั้นก็ยืดหยุ่นไปถึงราวๆ 8,000 คน และอันที่จริงสมาชิกของกลุ่ม KKK ก็เชื่อมโยงกับขบวนการทางการเมืองเพื่อสิทธิที่เหนือกว่าของคนผิวขาวอื่นๆ ด้วย เช่น นีโอนาซี 

 

ปัจจุบันนี้ กลุ่ม KKK ยังใช้กฎหมายที่ปกป้องสิทธิของพลเมืองอเมริกันนั้นเองเป็นดาบเข้ารบรากับผู้ใดก็ตามที่เขียนหรือกล่าวถึงขบวนการ KKK ในลักษณะที่ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือการให้ข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อน รวมถึงมีการเรียกร้องสิทธิในการแสดงออกทางการเมือง เช่น การเดินขบวน การจัดพาเหรด และการส่งผู้แทนเข้าชิงชัยในสนามเลือกตั้ง นี่คือสิทธิขั้นพื้นฐานซึ่งอเมริกา ประเทศแห่งเสรีภาพจะปฏิเสธไม่ได้

 

  

000

สุนทรพจน์จากประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกา บารัก โอบามา

สวัสดีชิคาโก

หากยังคงมีใครยังสงสัยอยู่ว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ทุกอย่างเป็นไปได้จริงหรือไม่ หากยังมีคนที่ยังสงสัยว่าความฝันของผู้สถาปนาประเทศยังคงดำรงอยู่ในห้วงเวลาของพวกเราหรือไม่ ใครที่ยังสงสัยถึงพลังประชาธิปไตยของเรา คืนนี้คือคำตอบของคุณ

มันคือคำตอบที่ถูกบอกเล่าด้วยแถวของผู้คนที่ยาวเหยียดอยู่รอบโบสถ์และโรงเรียนซึ่งเป็นจำนวนของคนที่ประเทศชาติไม่เคยได้เห็นมาก่อน เป็นคำตอบที่บอกโดยประชาชนผู้เฝ้ารอเวลากว่า 3-4 ชั่วโมง และเป็นครั้งแรกของหลายๆ คนเพราะพวกเขาเชื่อว่าครั้งนี้มีความแตกต่าง ซึ่งเสียงของพวกเขาคือความแตกต่างนั้น

มันคือคำตอบที่บอกเล่าโดยคนหนุ่มสาวและผู้อาวุโส คนรวยและคนจน เดโมแครต และรีพับลิกัน คนดำ คนขาว คนเชื้อสายเสปน คนเอเชีย  ชนพื้นเมือง เพศทางเลือก คนปกติ ผู้พิการหรือไม่พิการ ชาวอเมริกันผู้ส่งสารต่อโลกว่าเราเราไม่เพียงเป็นการรวมตัวของปัจเจกชน หรือการรวมตัวระหว่างรัฐสีแดงกับรัฐสีน้ำเงินเท่านั้น

แต่ที่เป็นอยู่ตลอดมา และจะเป็นต่อไป เราคือการรวมตัวของสหรัฐอเมริกา (United state of America)

มันคือคำตอบที่ชี้นำประชาชนซึ่งถูกบอกให้ เย้ยหยัน ขลาดกลัว  ระแวงสงสัย ให้พวกเขาได้วางมือลงบนจุดสำคัญแห่งประวัติศาสตร์และดัดเส้นทางของมันให้ไปสู่ความหวังถึงวันที่ดีกว่า

มันคือการเดินทางบรรลุเป้าหมายด้วยเวลายาวนาน แต่สิ้นสุดลงในคืนนี้, ด้วยสิ่งที่พวกเราได้กระทำลงไปในวันเลือกตั้งวันนี้ ในวาระแห่งห้วงเวลาแห่งการกำหนดความเปลี่ยนแปลงของอเมริกา

ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ในช่วงเย็น ผมได้รับโทรศัพท์อันทรงเกียรติจากวุฒิสมาชิกแมคเคนผู้ซึ่งต่อสู้อย่างยาวนานและยากลำบาก และเขาก็ต่อสู้มาอย่างยาวนานกว่าเพื่อประเทศที่เขารัก เขายืนหยัดอุทิศตนเพื่ออเมริกาอย่างที่พวกเราหลายคนไม่อาจจะจินตนาการถึง  พวกเราจะได้รับโอกาสที่ดีเช่นกันจากผู้นำซึ่งกล้าหาญและไม่เห็นแก่ตัวผู้นี้

ผมแสดงความยินดีกับเขา และผมแสดงความยินดีกับผู้ว่าการฯ แพลิน ผมแสดงความยินดีกับทุกๆ สิ่งที่พวกเขาได้บรรลุเป้าหมาย และผมตั้งตารอที่จะร่วมงานกับพวกเขาเพื่อการพลิกฟื้นอนาคต

ผมขอขอบคุณหุ้นส่วนในการเดินทางครั้งนี้ ชายผู้ซึ่งรณรงค์หาเสียงด้วยหัวใจของเขาและพูดเพื่อชายหญิงที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเขาบนถนนสแครนตัน รวมถึงผู้ที่ร่วมขบวนรถไฟมุ่งหน้าสู่บ้านในเดลาแวร์...รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา โจ ไบเด็น

ผมจะไม่มายืนอยู่ตรงนี้ในคืนนี้ หากปราศจากการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งของเพื่อนที่ดีที่สุดของผมในช่วง 16 ปีที่ผ่าน คนที่คอยดูแลครอบครัวของเรา คนรักแห่งชีวิต และคนที่กำลังจะเป็นสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอมริกา, มิเชล โอบามา

ซาชา และมาลีอา พ่อรักลูกทั้งสองเกินกว่าที่ลูกจะจินตนาการได้ และลูกได้ลูกหมาตัวใหม่ซึ่งจะย้ายไปอยู่กับเราที่บ้านสีขาวหลังใหม่ (The new White House) ด้วย

และแม้ว่าคุณยายของผมจะไม่อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว ผมรู้ว่าท่านกำลังเฝ้าดูอยู่ รวมไปถึงครอบครัวของผมซึ่งสร้างให้ผมเป็นอย่างที่ผมเป็น ผมคิดถึงพวกเขาในคืนนี้ ผมรู้ว่าผมเป็นหนี้พวกเขาอย่างมหาศาล

มายาและอัลมา น้องสาวของผม พี่ชายและพี่สาวของผมทั้งหลาย ขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุน ผมซาบซึ้งในบุญคุณของพวกเขา

ผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงของผม เดวิด พลูฟเฟ่ วีรบุรุษไร้นามของการหาเสียงครั้งนี้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเป็นผู้สร้างการรณรงค์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา

ขอบคุณหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ เดวิด แอ็กเซลรอด ซึ่งอยู่เคียงข้างผมทุกๆ จังหวะก้าว

ขอบคุณทีมหาเสียงที่ดีที่สุดที่กำเนิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทางการเมือง พวกคุณได้สร้างให้มันเกิดขึ้นแล้ว และผมซาบซึ้งต่อสิ่งที่พวกท่านอุทิศให้ผมตลอดไป

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมจะไม่มีวันลืมบุคคลที่เป็นเจ้าของชัยชนะครั้งนี้ ชัยชนะครั้งนี้เป็นของพวกคุณ ชัยชนะเป็นของพวกคุณ

ผมไม่ใช่ผู้สมัครที่มีโอกาสมากที่สุด เราไม่ได้เริ่มต้นด้วยเงินหรือการให้การสนับสนุนจำนวนมาก การหาเสียงของเราได้เกิดขึ้นในที่ประชุมในวอชิงตัน แต่มันเริ่มต้นขึ้นที่สวนหลังบ้านของเดส มอยเนส และห้องนั่งเล่นของคอนคอร์ด และระเบียงหน้าบ้านชารลส์ตัน มันก่อร่างขึ้นโดยคนงานชายหญิงที่ทำงานหนักเพื่อเงินสะสมเล็กน้อยซึ่งเขาเจียดมาให้ 5 เหรียญบ้าง 10 เหรียญ หรือ 20 ตามแต่ความสามารถ

มันงอกงามขึ้นจากประชาชนหนุ่มสาวผู้ปฏิเสธความเฉื่อยชาอันน่าพิศวงในรุ่นของตัวเอง ละทิ้งบ้านและครอบครัวมาเพื่อหางานซึ่งตอบแทนพวกเขาด้วยค่าจ้างและการพักผ่อนที่น้อยนิด

มันถูกขีดวาดขึ้นโดยกลุ่มคนที่พ้นวัยหนุ่มสาว ซึ่งต้องกล้าต่อสู้กับความหนาวเหน็บและร้อนอบอ้าวของอากาศ ไปเคาะประตูบ้านของคนแปลกหน้า และเกิดขึ้นจากชาวอเมริกันนับล้านที่อาสา จัดตั้ง และพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ซึ่งดำรงมากว่า 200 ปีไม่ได้สูญสลายไปจากโลกนี้

นี่คือชัยชนะของพวกคุณ

และผมรู้ว่า ที่พวกคุณไม่ได้ทำเพื่อชนะการเลือกตั้งเท่านั้น และก็ไม่ได้ทำเพื่อผม

พวกคุณทำ เพราะคุณเข้าใจในพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้า แม้ว่าพวกเราจะร่วมกันเฉลิมฉลองในวันนี้ แต่เราต่างก็รู้ถึงความท้าทายอย่างใหญ่ยิ่งซึ่งจะมาในวันพรุ่งนี้ สงคราม 2 ประการ นั่นคือ ภาวะที่โลกตกอยู่ท่ามกลางภัยพิบัติ และสถานการณ์การเงินที่ตกต่ำที่สุดในรอบศตวรรษ

แม้พวกเราจะรวมตัวกันอยู่ ณ ที่นี้ ในคืนนี้ แต่เรารู้ว่ายังมีชาวอเมริกันผู้หาญกล้ายังคงตื่นอยู่ในทะเลทรายอิรัก บนภูเขาของอัฟกานิสถาน เสี่ยงภัยเพื่อพวกเรา

ยังมีแม่และพ่อที่ยังนอนลืมตาตื่นคอยดูแลลูกๆ ซึ่งหลับใหล และครุ่นคิดถึงการจำนองบ้าน หรือการชำระค่ารักษาพยาบาล หรือการออมเงินเพื่อการศึกษาในระดับวิทยาลัยของลูกๆ

ยังคงมีพลังงานในรูปแบบใหม่ๆ ที่รอการใช้ประโยชน์ งานใหม่ๆ ที่รอการสรรสร้าง โรงเรียนใหม่ๆ รอการปลูกสร้าง การคุกคามใหม่ๆ ที่ยังต้องเผชิญ ความร่วมมือที่รอการเยียวยา

หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล การป่ายปีนของเรานั้นสูงชัน เราไม่สามารถได้มาในเวลาเพียงหนึ่งปี หรือแม้แต่หนึ่งวาระ แต่ อเมริกา...ผม ไม่เคยมีความหวังมากไปกว่าที่มีในคืนนี้ ว่าเราจะทำได้

ผมสัญญากับพวกคุณว่า พวกเราในฐานะประชาชนจะไปถึงซึ่งจุดหมาย

จะมีความพ่ายแพ้และผิดพลาดเกิดขึ้น และจะมีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับหลายนโยบายซึ่งผมตัดสินใจในฐานะประธานาธิบดี และเรารู้ว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ทุกปัญหา

แต่ผมจะซื่อสัตย์ต่อพวกคุณเสมอในทุกๆ ความท้าทายที่พวกเราต้องเผชิญ จะรับฟังคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เราไม่เห็นพ้องต้องกัน และ เหนือสิ่งอื่นใด ผมจะขอให้พวกคุณร่วมในการทำงานเพื่อสร้างชาติขึ้นอีกครั้ง ด้วยหนทางเดียวกับที่เราเคยทำมาแล้วเมื่อ 221 ปีก่อน ช่วงตึกหนึ่งไปยังอีกช่วงตึกหนึ่ง อิฐก้อนหนึ่งสู้อิฐอีกก้อนหนึ่ง และมืออันแข็งกร้านสู่มืออันแข็งกร้าน

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 21 เดือนก่อนในช่วงหนาวที่สุดของฤดูหนาว จะไม่จบลงในค่ำคืนแห่งฤดูใบไม้ร่วงนี้

ชัยชนะครั้งนี้เพียงอย่างเดียวไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงที่เรามองหา มันเป็นแค่โอกาสของเราที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้น และไม่สามารถเกิดขึ้นหากเรากลับไปสู่สิ่งที่เราเคยเป็น

มันจะเกิดขึ้นไม่ได้โดยปราศจากพวกคุณ โดยปราศจากจิตวิญญาณของการรับใช้ จิตวิญญาณใหม่ของการอุทิศตน

ฉะนั้น ขอพวกเราจงหลอมรวมจิตวิญญาณใหม่แห่งความรักชาติ และสำนึกรับผิดชอบซึ่งเราได้ตกลงใจเข้าร่วม ทำงานหนัก และเฝ้าดู ไม่เฉพาะเพื่อตัวเราเองแต่เพื่อคนอื่นๆ ด้วย

ขอพวกเราจงจดจำว่า หากวิกฤตการณ์การเงินครั้งนี้จะสอนอะไรบางอย่างแก่เรา นั่นก็คือการที่เราไม่สามารถจะอยู่กับความเฟื่องฟูของวอลสตรีท ในขณะที่ถนนสายหลักยังคงทนทุกข์

ในประเทศแห่งนี้ เรารุ่งโรจน์และร่วงโรยในฐานะที่เป็นประเทศเดียวกัน เป็นคนๆ เดียวกัน ขอให้พวกเราร่วมกันต่อต้านความพยายามที่กลับไปสู่การแบ่งพรรคแบ่งพวก ความน่าเวทนา และความไม่มีวุฒิภาวะซึ่งเป็นพิษต่อการเมืองของเรามายาวนาน

โปรดจดจำว่า ชายคนหนึ่งจากรัฐนี้เคยแบกป้ายของพรรครีพับลิกันเข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นครั้งแรก พรรครีพับลิกันซึ่งก่อตั้งอยู่บนฐานคุณค่าของความเชื่อมั่นในตนเอง เสรีภาพในปัจเจกชนและความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศ

นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อร่วมกัน และเมื่อพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่ในคืนนี้ เราก็จะทำเช่นเดียวกันนั้นด้วยความอ่อนน้อมและมุ่งมั่นที่จะเยียวยาความแตกแยกซึ่งสกัดกั้นความเจริญก้าวหน้าของเรา

ดังที่ลินคอล์นได้กล่าวว่าประเทศแตกแยกมากกว่าตัวเรา เราไม่ใช่ศัตรูแต่เราคือเพื่อน แม้ความไม่พึงพอใจจะยังคงตึงเขม็ง แต่มันจะต้องไม่ทำลายสายใยแห่งความสมัครสมานของเรา

และสำหรับชาวอเมริกันที่ให้ความสนับสนุนผม ผมจะไม่เพียงแค่ได้คะแนนเสียงของพวกคุณในคืนนี้ แต่ผมจะฟังเสียงของพวกคุณ ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ และผมจะเป็นประธานาธิบดีของพวกคุณ

สำหรับทุกท่านที่เฝ้าดูอยู่ในคืนนี้ ผู้ที่อยู่ไกลออกไปจากชายฝั่งของประเทศเรา ไม่ว่าจากรัฐสภาหรือพระราชวัง ผู้ที่รวมตัวกันอยู่เพื่อฟังวิทยุในมุมใดมุมของโลกซึ่งถูกหลงลืม เรื่องราวของประเทศเราเป็นเรื่องเฉพาะ ทว่าชะตากรรมนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องร่วมแบ่งปัน และอรุณรุ่งวันใหม่แห่งความเป็นผู้นำของอเมริกาก็ใกล้จะมาถึงแล้ว

และถึงท่านทั้งหลายผู้ซึ่งปรารถนาจะทำลายโลกลง เราจะเอาชนะพวกคุณ ท่านทั้งหลายผู้แสวงหาสันติภาพและความมั่นคง เราสนับสนุนคุณ และสำหรับคนที่ยังคงสงสัยว่าแสงไฟนำทางของสหรัฐจะยังคงโชติช่วงหรือไม่นั้น: คืนนี้เราได้พิสูจน์อีกครั้งหนึ่งแล้วว่า ความเข้มแข็งที่แท้จริงของเราไม่ได้มาจากอาวุธ หรือระดับของความมั่งคั่ง แต่มาจากการความคงมั่นของอุดมการณ์ ประชาธิปไตย เสรีภาพ โอกาส และ ความหวังอันแข็งแกร่ง

อัจฉริยภาพที่แท้จริงของอเมริกาคืออเมริกาสามารถเปลี่ยนแปลง การรวมตัวกันของเราสามารถสัมฤทธิ์ผลสมบูรณ์ สิ่งที่เราได้บรรลุแล้วนั้นได้มองความหวังแก่เราเพื่อให้เราบรรลุผลสำเร็จที่มากกว่าในวันพรุ่ง

การเลือกตั้งครั้งนี้ได้ก่อให้เกิด ครั้งแรก' ในหลายๆ เรื่อง และก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายที่เราจะบอกเล่าสู่คนรุ่นต่อไป แต่เรื่องหนึ่งที่อยู่ในใจของผมในคืนนี้เป็นเรื่องของหญิงผู้หนึ่งซึ่งออกมาลงคะแนนเสียงที่แอตแลนตา เธอก็เหมือนกับคนอื่นๆ อีกนับล้านซึ่งเข้าแถวรอเพื่อจะลงคะแนน เว้นแต่ว่า แอน นิกสัน คูเปอร์ หญิงผู้นั้นอายุ 106 ปีแล้ว

เธอเกิดขึ้นมาในยุคของทาส ในห้วงเวลาที่ยังไม่มีรถยนต์วิ่งอยู่บนถนน ไม่มีเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้า ในยุคที่คนเช่นเธอไม่สามารถลงคะแนนเสียงได้ด้วย 2 เหตุผล คือ เพราะเธอเป็นผู้หญิงและเพราะสีผิวของเธอ

และคืนนี้ ผมคิดว่าทุกสิ่งในอเมริกาที่เธอได้เห็นมา 1 ศตวรรษ ความร้าวรานใจและความหวัง การต่อสู้และความก้าวหน้า ช่วงเวลาที่พวกเราถูกบอกว่าเราไม่สามารถทำได้, กับผู้คนผลักดันความเชื่อของอเมริกา, ใช่ เราทำได้

ณ ห้วงเวลาที่เสียงของผู้หญิงเงียบงัน และความหวังของพวกเธอถูกละเลย เธอดำรงชีวิตอยู่เพื่อมองหญิงเหล่านั้นลุกขึ้น เปล่งเสียง และเรียกร้องสิทธิเลือกตั้ง, ใช่ เราทำได้

เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วประเทศ เธอเคยมองเห็นประเทศชาติต่อสู้กับความกลัวด้วยข้อตกลงใหม่ งานใหม่ และด้วยสำนึกใหม่, ใช่ เราทำได้

เมื่อลูกระเบิดหล่นลงบนอ่าวของเรา และทรราชคุกคามโลก เธออยู่ที่นั่น เป็นพยานของคนในรุ่นนั้นซึ่งเติบโตขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ และประชาธิปไตยที่พวกเราพิทักษ์รักษา, ใช่ เราทำได้

เธออยู่ที่นั่นเพื่อได้เห็นรถเมล์ในมอนท์โกเมอรี่ บ้านในเบอร์มิงแฮม ถนนในเซลมา และบทหลวงจากแอตแลนตาผู้บอกกับประชาชนว่า "เราจะได้ชัยชนะ", ใช่ เราทำได้

ชายซึ่งได้เหยียบดวงจันทร์ กำแพงที่สลายลงในเบอร์ลิน และโลกซึ่งเชื่อมโยงถึงกันด้วยวิทยาศาสตร์และจินตนาการของเรา

และในปีนี้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เธอแตะนิ้วของเธอลงบนจอคอมพิวเตอร์ ออกเสียงเลือกตั้ง เพราะหลังจากผ่านประสบการณ์ 106 ปี ในอเมริกา ทั้งในยามรุ่งเรืองที่สุดและในโมงยามที่มืดมิดที่สุด เธอย่อมรู้ว่าอเมริกาสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ใช่ พวกเราทำได้!!!

อเมริกา เราเดินมาไกลแล้ว เราพบพานมามาก แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องทำ คืนนี้ ผมขอให้พวกเราทั้งหลายถามตัวเราเองว่า หากเด็กๆ ของเราจะต้องอยู่ไปถึงศตวรรษหน้า ถ้าหากลูกสาวของผมสามารถมีชีวิตยืนยาวได้เหมือน แอน นิกสัน คูเปอร์  เราต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในลักษณะใด เราจะสร้างสรรค์ความก้าวหน้าแบบใด

นี่คือโอกาสที่จะให้คำตอบต่อเสียงเพรียก นี่คือห้วงเวลาของเรา

นี่คือห้วงเวลาของพวกเรา ที่จะนำประชาชนกลับสู่การงาน เปิดประตูแห่งโอกาสให้เด็กๆ ของพวกเรา  ฟื้นฟูความรุ่งเรืองและส่งเสริมสันติภาพ ฟื้นคืนความฝันของอเมริกันชน และยืนยันรากฐานแห่งความจริง เราคือหนึ่งจากจำนวนหลากหลาย ขณะที่เราหายใจ เรามุ่งหวัง และจากที่ซึ่งเราพบการเย้ยหยันและข้อกังขา และจากผู้คนที่บอกเราว่าเราทำไม่ได้ เราจะตอบด้วยความเชื่ออันเป็นนิรันดร์ซึ่งหลอมรวมเป็นจิตวิญญาณของประชาชนว่า  ใช่ เราทำได้

ขอบคุณ ขอให้พระเจ้าอวยพรแก่พวกคุณ และขอให้พระเจ้าอำนวยพรแก่สหรัฐอเมริกา

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง อาจจะฮือฮามาสักพักแล้วกับเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของนักการเมืองค่ายประชาธิปัตย์ นำโดย หล่อใหญ่ อภิสิทธิ์ ตามมาด้วยสาทิตย์ วงษ์หนองเตย  แต่ก็ยังอาจจะยังไม่เห็นประสิทธิผลมากนักสำหรับการเปิดพื้นที่ใหม่ในสื่อใหม่ในโลกออนไลน์ เพราะยังไม่มีการใช้สำหรับแคมเปญหาเสียง หรือแคมเปญกิจกรรมอะไรพิเศษ แต่แล้ว เมื่อเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ชื่อ thaksinlive เริ่มเป็นที่รับรู้ของชาวไซเบอร์เพียงไม่กี่วัน ก็กลับฮือฮาเป็นกระแสพ้นพรมแดนโลกไซเบอร์ออกมาเหมือนปีศาจที่ตามหลอกหลอนไปทุกพรมแดนความรับรู้ของขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม
หัวไม้ story
ในฐานะที่กระแสรางวัลซีไรต์ปีนี้ช่างแผ่วเบา เราจึงขอกระตุ้น ยั่วยวน ให้หันมองด้วยงานวิจารณ์ของ “นายยืนยง” ซึ่งยืนยันกับการชื่นชม “วิญญาณที่ถูกเนรเทศ” เล่มหนึ่งที่เข้ารอบสุดท้าย ไม่ว่าใครจะครหาอย่างไรก็ตาม         ชื่อหนังสือ         :           วิญญาณที่ถูกเนรเทศ ผู้เขียน              :           วิมล ไทรนิ่มนวล จัดพิมพ์โดย       :   …
หัวไม้ story
โดย ทีมข่าวการเมือง 5 แกนนำพันธมิตร ขึ้นปราศรัย ระหว่างงานรำลึก 1 ปีแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 25 พ.ค. 52 ที่สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี (ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 25 พ.ค. 52)
หัวไม้ story
หลังการชุมนุมคนเสื้อแดงจบลงไปในวันที่ 14 เมษายน 2552 โดยการชุมนุมครั้งนั้นเกิดความรุนแรงขึ้นในหลายจุด ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการใช้อาวุธ ทั้งจากฝ่ายตำรวจ ผู้ชุมนุม และกลุ่มไม่ทราบฝ่าย ช่วงเวลา 2-3 วันให้หลัง ประชาไทพยายามติดตามหาพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ทว่าพยานบุคคลหลายคนเลือกที่จะเป็นเสียงเงียบ และหลายคนเลือกการเดินทางกลับต่างจังหวัด บรรยากาศภายใน 1 สัปดาห์หลังจากนั้น ดูเหมือนเป็นบรรยากาศแห่งความเงียบและหวาดระแวงสำหรับผู้เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง นั่นทำให้เราเริ่มคิดถึงคนเสื้อแดงที่ต่างจังหวัด…
หัวไม้ story
สัมภาษณ์ เสรี สาระนันท์ ส.ส. หลายสมัยจากอ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ถึงเหตุผลที่ ส.ส. ยังคงต้องอยู่กับเสื้อแดงและทักษิณ และกระบวนการจัดการเสื้อแดงที่เป็นฐานเสียง และเป็นมวลชนที่เข้าร่วมการชุมนุม รวมถึงให้เขาประเมินอนาคตของทั้งตนเองและขั้วอำนาจฝ่ายสีแดง การสัมภาษณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงพลังของ "ปีศาจ" อย่างทักษิณ ที่จะยังครอบงำจิตใจชาวบ้านและหลอกหลอนการเมืองขั้วตรงข้ามต่อไปอย่างยากจะเปลี่ยนแปลง
หัวไม้ story
เสียง ภาพ ชาวบ้านเสื้อแดง ตำบลหนองไผ่ จังหวัดอุดรธานี บอกเล่าความรู้สึกและความเห็นทางการเมือง ว่าด้วยประชาธิปไตย และทักษิณ หลังการชุมนุมคนเสื้อแดงที่ยุติลงในช่วงบ่ายของวันที่ 14 เม.ย. อนึ่ง ชาวบ้านบางส่วน ได้เข้ามาร่วมการชุมนุมคนเสื้อแดงในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่อีกบางส่วนไม่ได้เข้าร่วม แต่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่ที่บ้าน ผ่านสถานีดีสเตชั่น และวิทยุชุมชนคนรักอุดร ประชาไทบันทึกคลิปวีดีโอ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา
หัวไม้ story
ทีมข่าวการเมือง [การโหยหาอดีตของสองทหารแก่ สุรชัย-เปรม อาจไม่ต่างกันมาก ผิดกันตรงที่ ทหารแก่คนหนึ่งอาจสมใจ สังคมไทย Nostalgia ย้อนยุคขุนศึก อำมาตย์ เป็นใหญ่ได้อีกหลัง 19 ก.ย. 49 มีองคมนตรีมาเป็นนายกฯ ที่ป๋าเห็นเป็นวินสตัน เชอร์ชิล มีนายกฯ หนุ่มที่ป๋าบอก “ผมเชียร์” … เช่นนี้กระมัง สหายเก่า-ทหารแก่อีกคนจึงขอแต่งชุดทหารป่าเข้ามอบตัว ขอ Nostalgia อีกรอบ] ]   000 นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำ นปช. ขณะเข้ามอบตัวเมื่อ 27 เม.ย. 52 (ที่มาของภาพ: ASTVผู้จัดการออนไลน์)
หัวไม้ story
[ ทีมข่าวการเมือง ]   ทุกๆ เช้าของวันจันทร์-ศุกร์ ถ้าไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ภารกิจของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือเตรียมเดินทางมายังสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแห่งเอเชีย (Asia Satellite Television) หรือ เอเอสทีวี ถ.พระอาทิตย์ เพื่อดำเนินรายการ “Good Morning Thailand” รายการเล่าข่าวและวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งเขาจัดเป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 6.00-7.00 น. แต่วันนี้ 17 เมษายน เขาไม่ได้จัดรายการ “Good Morning Thailand” เหมือนเคย เพราะถูกลอบยิงเมื่อเวลาราว 5.40 น. ก่อนที่รถของเขาจะมาถึงสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี   000   ที่มา:…
หัวไม้ story
(ทีมข่าวการเมือง)ทีมข่าวการเมือง สัมภาษณ์ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง ระหว่างการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา โดยถามพวกเขาว่า “ออกมาชุมนุมทำไม?” ต่อไปนี้คือคำตอบของพวกเขา 
หัวไม้ story
ห้องพิจารณาคดี 904 หลังสิ้นเสียงคำพิพากษาให้จำคุก 10 ปี...
หัวไม้ story
[ทีมข่าวการเมือง]"พี่สนธิก็เคยคุยกับผมเป็นการส่วนตัวว่าคิดถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยซ้ำ มีโปลิตบูโร หรือคณะกรรมการนโยบายของพรรคที่อาจจะไม่ได้มามีตำแหน่งบริหาร ไม่ได้มามีตำแหน่งทางการเมือง แต่ว่าคุมยุทธศาสตร์ คุมทิศทางพรรค ซึ่งอันนี้น่าสนใจ และคงต้องดูว่าโครงสร้างเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน เรายังมีเวลาศึกษาพรรคการเมืองจากหลายประเทศ เพื่อเปรียบเทียบกัน และต้องดูบริบทสังคมไทยด้วย แบบไหนมันเข้ากับสังคมไทย"สุริยะใส กตะศิลา, สัมภาษณ์ใน เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 876, 13 มีนาคม 2552  000 แกนนำพันธมิตรฯ บน “เวทีคอนเสิร์ตการเมืองครั้งที่ 4” ของพันธมิตรฯ ที่เกาะสมุย เมื่อ 4 มีนาคม 2552…
หัวไม้ story
ทีมข่าวการเมือง การเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 13-15 มี.ค. มีหลายประเด็นจากการเยือนดังกล่าวที่ยังไม่ได้รับการพูดถึง หลายเรื่องถูกบิดเบือน และผลิตซ้ำ จนกลายเป็นชุดความคิดที่ถูกยอมรับโดยไม่มีการตั้งคำถาม “ประชาไท” ขอนำเสนอเรื่องที่ยังไม่มีการรายงาน เรื่องที่ยังไม่ถูกพูดถึง และเรื่องที่บิดเบือนดังกล่าว ในระหว่างการเยือนอังกฤษของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  1.เปิดต้นทางข่าว “ไม่ได้หนี แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร”   สื่อมวลชนไทยทุกฉบับพร้อมใจรายงานภารกิจของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ…