Skip to main content

สื่อนอกจุดตายรัฐบาล?

 

ทีมข่าวการเมือง

ภายในประเทศ สื่อไทยและรัฐบาลใหม่ดูจะยังดำเนินไปตามขนบที่เป็นมายาวนานคือยังอยู่ในช่วงเวลาน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่นอกพรมแดนรัฐไทยออกไป กลับเป็นบรรยากาศที่แตกต่าง ข้อมูลข่าวสารที่ถูกรายงานออกไปดูจะไม่เป็นมิตรต่อรัฐบาลใหม่ของประเทศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้สักเท่าใด

น้ำผึ้งไม่หวาน

พลันที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ สิ่งที่รอยเตอร์แนะนำเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยก็คือ....

ภูมิความรู้ของเขาไม่เป็นที่สงสัย และการไปเล่าเรียนยังต่างแดนก็ส่งผลต่อการเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่นักธุรกิจระหว่างประเทศ แต่ไม่ได้รับความนิยมในภาคอิสานซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาในฐานะผู้นำฝ่ายค้านเขาเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ และพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของประชาธิปัตย์ในภาคใต้น้อยมาก และเกือบทุกครั้งก็จะพบกับการต่อต้าน

ครั้งหนึ่ง ผู้สนับสนุนทักษิณได้ขัดขวางการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดเชียงใหม่โดยขว้างปาผักเน่าใส่นายอภิสิทธิ์

อภิสิทธิ์ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนักฉวยโอกาสซึ่งไร้ที่อยู่ที่ยืนหากปราศจากซึ่งความช่วยเหลือจากกองทัพและกลุ่มต่อต้านทักษิณที่ชื่อว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เขาล้มเหลวในการกล่าวโทษพันธมิตรฯ แม้แต่เมื่อครั้งที่กลุ่มนิยมกษัตริย์ยึดสนามบินหลักสองแห่งก็ตาม และพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคที่ตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2006 ซึ่งนำมาสู่ภาวะวิกฤตรัฐธรรมนูญ และเกิดการรัฐประหารในที่สุด

นโยบายของอภิสิทธิ์นั้นหยิบยืมมาจากทักษิณมาก โดยเฉพาะการคงไว้ซึ่งระบบสุขภาพและกองทุนเงินกู้ในเขตชนบทซึ่งริเริ่มมาจากช่วง 5 ปีแรกของทักษิณ

http://www.reuters.com/article/topNews/idUSTRE4BE0IV20081215

 

 

ขณะที่เทเลกราฟ จับตาไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างเทศนามกษิต ภิรมย์ ว่าเคยเป็นผู้เข้าร่วมการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอันมีพฤติกรรมบันลือโลกด้วยการปิดสนามบิน กักผู้โดยสารชาวต่างประเทศกว่า 350,000 คนไว้เป็นตัวประกันทางการเมืองไทย โดยเทเลกราฟตีพิมพ์คำกล่าวของนายกษิต ว่า การกระทำดังกล่าวนั้น ‘a lot of fun' ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ออกมาแก้ข่าวแล้วว่าเป็นความเข้าใจผิด เพราะที่ a lot of fun นั้นหมายถึงที่ทำเนียบต่างหาก

 

กษิต ภิรมย์ วัย 64 ปี กำลังจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ หน้าที่ของเขาคือการกอบกู้ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาต่างประเทศ แต่คงยากเมื่อความจริงนั้นเขาคือผู้สนับสนุนคนสำคัญของการประท้วง และยังคงเป็นอยู่

ผู้โดยสารกว่า 350,000 คนตกค้างเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์เมื่อผู้ประท้วงซึ่งเป็นพวกคลั่งระบอบกษัตริย์ซึ่งใช้ชื่อว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลักสองถึงสามพันทำการประท้วงยึดสนามบิน ความมั่นใจของนักลงทุนถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าความเสียหายที่เกิดแก่ธุรกิจท่องเที่ยวจะส่งผลให้มีการว่างงานกว่า 1 ล้านตำแหน่ง

แต่กษิตกล่าวกับนักการทูตและผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ต้องตกอยู่ในอาการอัศจรรย์ใจว่า การประท้วงนั้น สนุกสนานมาก อาหารดี ดนตรีไพเราะ

พันธมิตรฯ กล่าวหารัฐบาลว่าคอร์รัปชั่นและมีความโยงใยกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ แม้ว่ารัฐบาลจะได้รับการเลือกตั้งมาเมื่อปีก่อน แต่ชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ จำนวนมาก รวมถึงชนชั้นนำอาวุโสนั้นเชื่อว่าอิทธิพลของทักษิณที่มีต่อการเมืองไทยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด

นายกษิต เป็นผู้ปราศรัยหลักคนหนึ่งของการประท้วง ซึ่งมีส่วนช่วยในการโค่นรัฐบาลของฝ่ายทักษิณลง พรรคประชาธิปัตย์ของเขา ขณะนี้ได้ทำการจัดตั้งรัฐบาลผสม แม้ว่าพรรคของเขานั้นจะพ่ายแพ้การเลือกตั้งมาโดยตลอดในการเลือกตั้ง 3 ครั้งที่เกิดขึ้นในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

"คุณต้องมองการประท้วงครั้งนี้ในฐานะที่มันเป็นการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยให้ก้าวไปข้างหน้า" กษิต กล่าวแนะ

ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากเชื่อว่าพันธมิตรฯ สามารถที่จะดำเนินการประท้วงได้โดยจะได้รับการยกเว้นโทษ และช่วยเหลือในการคว่ำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะพันธมิตรฯได้รับการหนุนหลังจากปัจจัยที่ทรงพลังในการต่อต้านทักษิณจากราชสำนักและกองทัพ

กองทัพมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของสนามบิน แต่ไม่กระทำการใดๆ เลยที่จะป้องกันผู้ประท้วงจากการเข้ายึดศูนย์กลางการบินที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย

มีการรายงานอย่างกว้างขวางว่าเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกองทัพมีบทบาทสำคัญในการชักจูงให้ส.ส.สลับขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถูกถามถึงบทบาทของกองทัพในการผลักดันพรรคประชาธิปัตย์เข้าสู่อำนาจ กษิตตอบว่า "ผมไม่ทราบ"

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้คำมั่นว่าจะนำขบวนการพันธมิตรฯ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ว่านอกเหนือจากที่เขาเลือกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาจากคนที่เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของพันธมิตรฯ แล้ว หนึ่งในแกนนำของพันธมิตรฯ ก็ยังเป็น ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย

ดร. ผาสุก พงษ์ไพจิตร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า "เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า พันธมิตรฯ มีบทบาทสำคัญในการนำพาพรรคประชาธิปัตย์มาสู่การเป็นรัฐบาล ฉะนั้นแล้ว ดิฉันคิดว่าเราจะต้องผิดหวังต่อการดำเนินการตามกฎหมายที่รัฐบาลบังคับใช้ต่อกรณีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และการกระทำของพันธมิตรฯ"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ได้ตำหนินักการทูตและสื่อมวลชนจากต่างประเทศที่ไม่ได้ให้ความเห็นอกเห็นใจที่มากพอแก่เหตุผลของฝ่ายพันธมิตรฯ "คุณควรจะยินดีกับครั้งแรกที่คนธรรมดาออกมากดดันและต่อต้านการคอร์รัปชั่น" กษิต กล่าว "ถ้าสังคมต้องการการเปลี่ยนแปลง มันก็มีราคาที่จะต้องจ่าย" พันธมิตรฯ จ้างการ์ดซึ่งติดอาวุธอันประกอบไปด้วยไม้กอล์ฟ ปืน และระเบิด แต่กษิตกล่าววิพากษ์เหล่าชาวต่างชาติที่กังวลมากเกินไปเกี่ยวกับแนวโน้มของเหตุรุนแรง

"มีคนกล่าวหาว่าเราติดอาวุธ ภรรยาของผมไปร่วมชุมนุมด้วยทุกเย็น เธอเอาอะไรไป? เพียงแค่อาหารและยาเท่านั้น"

http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/asia/thailand/3885612/Bangkok-airport-protests-were-fun-says-Thailands-new-foreign-minister.html

 

 

ด้าน ส.ส.ระบบสัดส่วนจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นบุคลากรด้านการศึกษาที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง ดร.เจริญ คันธวงศ์ ก็ต้องออกมาแก้ไขข้อเข้าใจผิดเมื่อสื่อต่างประเทศลงคำให้สัมภาษณ์ของเขาว่า เขาไม่กังวลกับเสียงของคนอิสาน และว่าคนอิสานนั้นเป็นลูกจ้างของคนกรุงเทพฯ เด็กปั้มน้ำมันก็เป็นคนอิสาน และคนใช้ที่บ้านของเขาก็เป็นคนอิสาน

ถ้อยคำนี้เผยแพร่ครั้งแรกในบทความของนิรมล โฆษ ผู้สื่อข่าวของเสตรทไทม์ สิงคโปร์ ในบทความที่มีชื่อว่า รัฐบาลใหม่ของไทยจะอยู่ได้นานแค่ไหน และถูกนำไปอ้างอิงซ้ำอีกทีในเดอะการ์เดียน ในบทความที่ชื่อว่า สงครามชนชั้น เบื้องหลังการปะทะของสี (http://www.guardian.co.uk/world/2008/dec/21/thailand-election-abhisit-thaksin-protests)

รัฐบาลใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

ในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงดูเหมือนจะมาพร้อมคำถามที่ว่าแล้วจะเปลี่ยนอีกทีเมื่อไหร่

ฉะนั้นแล้ว การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ความสนใจก็ดูจะมุ่งไปที่ว่า รัฐบาลของเขาจะอยู่ไปได้นานสักเท่าไหร่

รวมด้วยกับที่ว่า ภายหลังจากอภิสิทธิ์ชนะการโหวดในสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.แบบสัดส่วน เจริญ คันธวงศ์ ซึ่งเป็นนักกฎหมายของ บริษัทติลลิกี แอนด์ กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บอกกับเสตรทไทม์ว่า มี 2 ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์พึงให้ความสำคัญ หนึ่งคือการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ และสองคือ การแก้ปัญหาความแตกแยกในชาติ

แต่เจริญไม่ได้หวั่นเรื่องการแบ่งแยกเชิงภูมิภาคที่เกิดจากความแตกแยกทางการเมือง กรุงเทพฯ และภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงที่เข้มแข็งของประชาธิปัตย์ ส่วนภาคเหนือและภาคอิสานนั้นเป็นฐานเสียงที่เข้มแข็งของเพื่อไทย

"คุณรู้ไหม คนอิสานเป็นลูกจ้างของคนกรุงเทพฯ" เขากล่าว "คนใช้ของผมก็มาจากอิสาน คนทำงานปั๊มน้ำมันในกรุงเทพฯ ก็มาจากอิสาน" สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นข้อสรุปถึงจุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์ดังที่นักวิเคราะห์หลายคนได้ชี้ไว้ว่าประชาธิปัตย์นั้นไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตัวของพรรคเอง หากแต่นี่คือพรรคของกลุ่มชนชั้นนำในกรุงเทพฯ

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยปราศจากการหนุนหลังจากตัวเล่นอื่นทางการเมือง เช่นกองทัพ และชนชั้นนำที่อยู่เบื้องหลังขบวนการต่อต้านทักษิณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตระหนักดีถึงความข้อนี้ อภิสิทธิ์กล่าวยอมรับอย่างสุจริตใจต่อสเตรทไทม์ในระหว่างการเดินทางหาเสียงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดว่าพรรคไม่สามารถได้ที่นั่งเพิ่มในพื้นที่ภาคอิสานเพราะพรรคถูกมองว่าเป็นพรรคของคนกรุงเทพฯ

ในการเยี่ยมเยือนต่างจังหวัดสองสามครั้งในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน เขาถูกต้อนรับด้วยผักเน่าซึ่งขว้างปาใส่รถของเขา และขณะนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ถูกคัดเลือกผ่านการควบคุมของกองทัพโดยการหนุนหลังของผู้ทรงอำนาจในราชสำนัก การต้อนรับเขาก็คงจะมีสภาพไม่ต่างไปจากเดิมนักหากเดินทางไปยังพื้นที่ภาคอิสาน

จะมีความยุ่งยากยิ่งกว่านั้นเมื่อเขาต้องแก้ปัญหาอันท้าทายในการฟื้นสภาวะเศรษฐกิจ

ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ถูกกระทบอย่างจริงจังจากการยึดสนามบินเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งหนึ่งในแกนนำเป็นส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ การกระทำของพันธมิตรฯ ส่งผลต่อหัวใจของเศรษฐกิจ

ภาคการส่งออก ถูกกระทบจากภาวะชะงักงันของตลาดต่างประเทศและเริ่มส่งผลต่อภาวะการว่างงาน การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากทั้งสองปัจจัยทั้งด้านการส่งออกและการท่องเที่ยวจะเริ่มส่งผลในเดือนหน้า และเมื่อถึงเวลานั้น อภิสิทธิ์จะต้องเผชิญกับคนว่างงานในประเทศจำนวนนับล้านผนวกด้วยปัญหาความน่าเชื่อถือจากภายนอกประเทศ

ด้วยการหนุนหลังของกองทัพและราชสำนัก ชนชั้นกลางในกรุงเทพฯและชุมชุนนักธุรกิจรวมถึงนักการเมือง นักยุทธศาสตร์และนักจัดการ พรรคประชาธิปัตย์คงจะสามารถนำเสนอแนวทางและมีความเด็ดเดี่ยวในการวางนโยบายได้

เสียงเงียบซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของคนไทยเหน็ดเหนื่อยกับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อและปรารถนารัฐบาลที่ทำงานได้

การเริ่มเมกะโปรเจ็กต์จะเป็นความสำคัญลำดับแรกเพื่อกระตุ้นการลงทุนและสร้างงาน แต่ การเยียวยาความแตกแยกในสังคมไทยที่ถูกสร้างขึ้นโดยการต่อสู้ทางการเมืองที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2006 และหยั่งรากลึกในปีนี้ ก็เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า

พรรคประชาธิปัตย์จะต้องจัดการกับเหล่ารอยัลลิสต์เสื้อเหลืองจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเหล่าเสื้อแดงที่นิยมประชาธิปไตยและทักษิณ ชินวัตรซึ่งได้แสดงพลังแล้วว่าสามารถระดมคนได้เป็นหลักแสน

บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าเสียงข้างมากที่บอบบางของรัฐบาลประชาธิปัตย์จะอยู่ได้ไม่นานนัก โดยมีพื้นฐานมาจากบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการเจรจาต่อรองของกลุ่มธุรกิจการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลเอง

หากว่าพรรคไม่สามารถที่จะจัดการกับความคาดหวังและแรงกดดัน การจัดการเลือกตั้งภายใน 1 ปีหรือสั้นกว่านั้น ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

"ความท้าทายนั้นใหญ่หลวง และจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก" มล. พฤฒิสาน ชุมพล นักวิชาการจากคณะรัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวกับเสตรทไทม์ "ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการอธิบายตัวเองเป็นหลักและการตัดสินใจของพรรค พวกเขาต้องทำงานและขณะเดียวกันก็ต้องทำการตลาดด้วย"

อภิสิทธิ์และทีมของเขาจะมีเวลาที่จำกัดในการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถถือหางเสือพานาวาฝ่าคลื่นไปสู้ผืนน้ำที่สงบกว่า และเช่นกันพวกเขาต้องชนะใจเสียงส่วนใหญ่ในภาคเหนือและภาคอิสาน หากไม่เช่นนั้น พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายถูกนำทางในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

http://www.asianewsnet.net/news.php?id=3129&sec=1

 

ขอโทษคนไทย สื่อนอกเข้าใจผิด

ภายใน 1 สัปดาห์ รัฐมนตรีและส.ส.ของประชาธิปัตย์ต้องออกมากล่าวขออภัยและแก้ไขความเข้าใจผิด 2 เรื่องแล้ว ทั้งนี้ เนื้อหาในการขอโทษมุ่งไปที่ความเข้าใจผิดของผู้สื่อข่าวต่างประเทศ แต่เป้าหมายของคำขอโทษดูเหมือนจะอยู่ที่คนไทย

ท่านทูตกษิตนั้น เป็นบุคลากรทางการเมืองที่มีความขยันขันแข็งมาก ไม่ทันที่รัฐบาลจะแถลงนโยบาย ก็ทำงานอย่างเอาจริงเอาจังนอกเหนือจากต้องตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่อง ‘a lot of fun' แล้ว ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเขายังได้สั่งการให้ทูตไทยทั่วโลกทำหน้าที่ชี้แจงต่อชาวต่างชาติถึงประชาธิปไตยแบบไทยๆ ด้วย พร้อมกับคำชี้แจงถึงบทบาทของพระมหากษัตริย์ไทยว่าทรงอยู่เหนือการเมือง

ที่น่าสนใจมากก็คือ สื่อต่างประเทศนั้น เหตุใดยิ่งอยู่เมืองไทยนานก็ยิ่งเข้าใจผิดมาก ดังที่ท่านทูตยังต้องเอ่ยถามนายโจนาธัน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำประเทศไทยซึ่งตั้งคำถามเรื่องกลุ่มพันธมิตรกับกิจกรรมการเมืองที่ผ่านมาโดยเฉพาะเรื่องปิดสนามบินว่า "คุณอยู่เมืองไทยมากี่ปีแล้ว ผมว่าคุณไม่เข้าใจสังคมไทย ไม่เข้าใจพัฒนาการการเมืองของไทย"

ทว่า...หากเราท่านอ่านสื่อต่างประเทศเหล่านี้ดีๆ แล้วจะพบว่า ประเด็นของสื่อต่างประเทศไม่ได้สนใจว่าใครพูดอะไร มากเท่ากับตัวละครในการเมืองไทยได้แสดงอะไรต่อสายตาของพวกเขา โดยอาศัยฐานข้อมูลที่เก็บสั่งสมและเหตุการณ์ที่ร้อยเรียงกันมาตามลำดับ

การนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับการยึดสนามบินที่เป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญแห่งหนึ่งของเอเชียนั้น ถูกนำเสนอในทางลบอย่างต่อเนื่องโดยผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (http://blogazine.prachatai.com/user/headline/post/1569 )ทั้งคำอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ถูกอธิบายโดยสื่อเหล่านี้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย สื่อบางสำนักกล้ากล่าวว่ามันคือขบวนการเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับชื่อ และมีปัจจัยอื่นนอกระบอบประชาธิปไตยหนุนหลังอยู่ การมาถึงของรัฐบาลภายใต้การนำของประชาธิปัตย์ซึ่งมีสมาชิกพรรคคนสำคัญเป็นแกนนำและรัฐมนตรีของพรรคเป็นผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ จึงเป็นเรื่องที่ถูกร้อยเรียงเชื่อมโยงเข้ากันโดยง่ายสำหรับคนทั่วๆ ไป ที่สมาธิไม่สั้น และการใช้เหตุผลไม่บกพร่อง

การทำให้ประเด็นของเรื่องหดแคบเหลือเพียงความเข้าใจภาษาอังกฤษที่คลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่ประโยคซึ่งเป็นประเด็นนำเสนอหลักในสื่อไทยนั้น จึงไม่ได้ช่วยคลี่คลายข้อฉงนสนเท่ห์ หรือภาพลักษณ์ติดลบที่สื่อต่างประเทศมีต่อการเมืองไทยแต่ประการใดเลย การออกมาแก้ต่างเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาษาไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด ทั้งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาภาพลักษณ์ในสายตาต่างประเทศ หากแต่เป็นเพียงการแก้ปัญหาภาพลักษณ์รัฐบาลในสายตาของคนไทย (ที่ไม่อ่านภาษาอังกฤษ) เท่านั้น

ส่วนผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มีความเข้าใจต่อการเมืองไทยเพียงใด และจะยอมรับกับคำอธิบายที่รัฐบาลไทยจะผลิตต่อไปอย่างต่อเนื่องได้มากเพียงใด คงต้องย้อนกลับไปอ่านสิ่งที่สื่อเหล่านี้เขียนอีกครั้ง

ตราบเท่าที่ไทยยังไม่เลือกการปิดประเทศ เชื่อได้ว่า สื่อต่างประเทศจะยังคงเป็นจุดเปราะบางของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของประชาธิปัตย์ต่อไป และคำถามที่สำคัญซึ่งสื่อไทยไม่ได้ถามแต่สื่อต่างประเทศถามตั้งแต่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ยังไม่มีการประกาศนโยบายคือ รัฐบาลใหม่ของไทยจะอยู่ไปได้นานแค่ไหน........

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- กระทรวงการต่างประเทศงานเข้า กษิต' สั่งทูตทั่วโลก แจงประชาธิปไตยไทย
http://www.prachatai.com/05web/th/home/14981

- เทเลกราฟตีข่าว กษิต ภิรมย์บอกยึดสนามบินสนุก อาหารดี ดนตรีไพเราะ
http://www.prachatai.com/05web/th/home/14969

- เทศกาล แบน เพื่อชาติ
http://blogazine.prachatai.com/user/headline/post/1569

- ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศยืนยัน "เราจะไม่เป็นรัฐที่ล้มเหลว"
http://www.prachatai.com/05web/th/home/14942

- ส.ส.ประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์สื่อนอก บอกไม่กังวลเสียงคนอิสานเพราะเป็นแค่ลูกจ้างของคนกรุงเทพ
http://www.prachatai.com/05web/th/home/14972

- ส.ส.ปชป.ปฏิเสธพูดดูถูกคนอิสาน ระบุเป็นปัญหาด้านภาษา
http://www.prachatai.com/05web/th/home/14990

- How long can the new Thai govt last?
http://www.asianewsnet.net/news.php?id=3129&sec=1

 

 

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
 ทีมข่าวการเมืองข่าวเรื่องนิตยสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ถูกแบน ในประเทศไทย ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเอพี และเสตรทไทม์ ขณะที่ในเมืองไทย [1] ข่าวดังกล่าวไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก และเพิ่งมาปรากฏขึ้นในลักษณะของการตอบโต้จากทางการไทย ผ่าน.นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงบรรณาธิการนิตรสาร ดิ อิโคโนมิสต์  ระบุว่า....            "รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อมุมมองและทัศนคติของนิตยสารฉบับดังกล่าว ซึ่งลงบทความเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย และตีความเหตุการณ์ต่างๆ ไปตามการคาดเดา…
หัวไม้ story
“ผมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฝีมือของพวกฉวยโอกาส หากพันธมิตรฯจะทำก็ต้องเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี เพราะสามารถสร้างความเสียหายมากกว่า ได้ผลมากกว่า และสะใจมากกว่า ไม่อย่างนั้นจะเก็บไว้อย่างดีทำไม” สุริยะใส กตะศิลา, 5 ธ.ค. 2551  ทีมข่าวการเมือง   ภาพในตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาลหลังการชุมนุมยุติที่มาของภาพ: คุณ Me.....O กระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนินhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P7288033/P7288033.html  
หัวไม้ story
"ถ้างวดนี้ มีการใช้ความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ พี่น้อง พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศไทย ต้องลุกฮือขึ้นมาแล้วให้เลือดนองแผ่นดิน"  ... "ผมจะบอกให้พวกสัตว์นรกรู้ ว่างวดนี้ถ้าประชาชนเขามา เขามาพร้อม ‘ของ' กันหมด" - สนธิ ลิ้มทองกุล 20 พ.ย. 2551 ทีมข่าวการเมืองประชาไท สนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับการอารักขาโดย ‘นักรบศรีวิชัย’ เมื่อ 26 ส.ค. 51 ที่มาของภาพ adaptorplug (CC)  
หัวไม้ story
  วันที่ 15 พฤศจิกายน คือวันประชุมสุดยอดผู้นำโลก 20 ชาติว่าด้วยเศรษฐกิจ ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการทางการเงินของโลกอีกครั้งหลังจากมันเคยเกิดขึ้นแล้วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเศรษฐกิจโลกพังพาบลง จนนำมาสู้ระบบแลกเปลี่ยนเงินที่ชื่อว่า Bretton Woods SystemG20: "we must rethink we must rethink the financial system from scratch, as at Bretton Woods."นิโคลัส ซาร์โกซี ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสเป็นผู้เอ่ยประโยคนี้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา และนำมาสู่การกำหนดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. นี้
หัวไม้ story
โอบามากับสงครามสีผิวที่กำลังจะเปิดฉาก? ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งจบลงไปด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบารัก โอบามา ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นคนผิวสี คนแรกที่เดินเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดี โอบามา เป็นลูกผสมระหว่างแม่ซึ่งเป็นคนผิวขาว กับพ่อเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งไม่ได้ย่างเท้าลงบนแผ่นดินอเมริกาในฐานะทาส แต่เป็นนักศึกษา แม้จะไม่ใช่คนผิวดำ หรือลูกหลานแอฟริกันขนานแท้ ที่เติบโตขึ้นจากครอบครัวที่มีบรรพบุรุษเป็นทาส แต่บารัก โอบามา ก็ถูกจำจดในฐานะเป็นตัวแทนของคนผิวสีที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะไม่ได้ผ่านประวัติศาสตร์ร่วมกับคนแอฟริกัน-อเมริกัน…
หัวไม้ story
แม้ว่าคนจนในประเทศไทย จะเลือกตาย ด้วยหวังให้การตายส่งเสียงได้มากกว่ายามที่พวกมีชีวิตอยู่ ทว่า ไม่ช้าไม่นาน ความทรงจำของสังคมก็เลือนรางลงไป แต่คนจนอย่างนวมทอง ไพรวัลย์ เลือกวิธีตาย และเลือกใช้การตายของเขาส่งเสียงดังและอยู่ยาวนาน อย่างน้อยก็ใน 2 ปีต่อมา เขายังไม่ถูกลืมเลือน
หัวไม้ story
ประชาไทขอนำเสนอคลิปวิดิโอ 'หลังทักษิณ' มุมมอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากคนใกล้ตัวที่บ้านเกิด อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และบทวิเคราะห์การเมืองไทยหลังทักษิณ โดย รศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นักวิชาการภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
หัวไม้ story
  ทีมข่าวภาคใต้มายาภาพของการต่อสู้ทางการเมืองไทยในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถูกกล่าวว่าอ้างว่าเป็นสงครมมระหว่างภูมิภาค คือ ภาคใต้ กับภาคเหนือและภาคอิสาน แต่หากมองลึกลงไปในกระบวนการต่อสู้ของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพรรคพลังประชาชน อาจพบว่าแท้จริงแล้วการพื้นที่ทางการเมืองระดับนำก็ยังคงเป็นของคนใต้อยู่เช่นเดิม
หัวไม้ story
จับตาการเดินทัพของพันธมิตรฯ จากคำปราศรัยของแกนนำชื่อ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หลังประกาศทบทวนแนวทางสันติวิธี ระบุแกนนำทั้งหลายไม่กลัวตาย “แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้”
หัวไม้ story
  เมื่อพูดกันถึงเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็ไม่แคล้วตามมาด้วย การแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง นับเป็นสิ่งที่สังคมไทยถนัดในการแก้ปัญหาการเมืองโดยการเขียนอะไรบางอย่างขึ้นมาบังคับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่งแม้แต่นักกฎหมายมหาชนเองก็ยังแซวผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเองได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีความเชี่ยวชาญในการร่างรัฐธรรมนูญที่สุดในโลกนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2539 กล่าวในรายการตอบโจทย์  ทางสถานีไทย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ว่าที่สุดแล้ววิกฤตของการเมืองไทยวันนี้มันก็เริ่มมาจากการแก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายรัฐบาลนำเสนอนั่นเองย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอีกครั้งว่า…
หัวไม้ story
  พิณผกา งามสม   ในระหว่างที่การต่อสู้ทางการเมืองไทยยังคงถกเถียงกันเรื่องโมเดลการเมืองใหม่ การเมืองใหม่กว่า รวมถึงระบบโควตาและระดับความชอบธรรมของ ‘เสียง' การเมืองเพื่อนบ้านของไทยก็กำลังเข้มข้นอยู่บนหนทางเดิมๆ ตามระบอบรัฐสภาเมื่อนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียประกาศว่าจะเขย่ารัฐบาลมาเลย์ให้ล่มเพื่อเปิดโอกาสในการจัดสรรที่นั่งในสภากันใหม่ โดยยึดเอาวันที่ 16 กันยายนเป็นวันดีเดย์ แรกทีเดียว หลายฝ่ายอาจคิดว่าเป็นเพียงการสร้างสีสันให้การรณรงค์ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้านอย่างที่เคยทำมาอย่าแข็งขัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า…
หัวไม้ story
  วิทยากร  บุญเรืองขณะที่ Frank Lampard ดาวเตะแข้งทองของทีม Chelsea พึ่งบรรลุข้อตกลงสัญญา 5 ปีที่มีมูลค่าสูงถึง 39.2 ล้านปอนด์ โดย Lampard จะได้รับค่า 151,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 3,775 ปอนด์ต่อชั่วโมง! แต่จากการสำรวจของ The Fair Pay Network และ Institute of Public Policy Research (IPPR) พบว่าพนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว และแรงงานตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ของสโมสรอย่าง Chelsea, Spurs, Arsenal, West Ham และ Fulham กลับได้รับค่าเหนื่อยจากสัญญาจ้างค่าแรงขั้นต่ำแค่ 5.52 ปอนด์ต่อชั่วโมงเท่านั้น