Skip to main content
 มุทิตา เชื้อชั่ง

 

 

รู้ว่าหลายคนเห็นความไม่ถูกต้อง รู้สึกได้ถึงหายนะ แต่ไม่มีใครจัดการอะไรกับพวกเขาซักคน.......

ถ้าไม่เพราะกลัวเครือข่ายอันกว้างขวางของพวกเขา ก็อาจเพราะไม่อยากเป็นเป้า ถูกโจมตีเสียเอง มันไม่ใช่เรื่องสนุกที่ต้องคัดง้างกับพวกนักบุญที่แสนอาฆาตมาดร้าย ป่าเถื่อน ราวกับหลุดมาจากยุคกลาง

แต่มันก็น่าสำรอกไม่หยอก ที่เขาทำตัวเป็นผู้จงรักภักดีกับอะไรต่อมิอะไรมากมาย มากกว่าคนอื่นๆ และเล่นงานศัตรูของเขาด้วยการตระเวรพูด พูด พูด พูด พูดทุกคืน ทุกวัน ทุกชั่วโมง ไม่หยุดหย่อนถึงความชั่วร้ายเลวทรามของศัตรู ง่ายๆ แบบสีขาว-สีดำ

ใครก็ตามที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้องตามนิยามที่พวกเขาตั้งขึ้น เขาจะหยิบยกมันผู้นั้นขึ้นมาวางบนแท่น อย่างปราณีต แล้วโจมตีตั้งแต่หัวจรดตีนอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ความเกลียดชังจะแผ่ซ่านไปถึงไหน ใครจะตายกี่คน

เขาอาจอ้างได้ว่าเขามีสิทธิจะโจมตีใครก็ได้เพื่อตรวจสอบ ถ่วงดุล นั่นอาจจะถูกส่วนหนึ่ง แต่หากมองเลยจากรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ แล้วดูเป้าหมายของเขา มันชัดเจนอย่างยิ่งว่า ชาตินี้จะไม่มีทางให้ใครก็ตามที่เขาหมายหัวเป็น "ศัตรู" ได้ผุดได้เกิด แม้ว่าศัตรูของเขาจะได้รับเลือกมาอย่างถูกต้องตามกติกา อาจเพราะเขารู้ดีว่า "กติกา" ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนที่นี่ยึดถืออย่างจริงจัง มากไปกว่าเอาไว้พูดโก้ๆ

แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่า เขาโหดเหี้ยมเกินไป เพื่อจะทำลายศัตรูตัวเบิ้มของเขา เขาสามารถใช้เครื่องมือสารพัดชนิด เพื่อนำไปสู่การปลุกปั่นความเกลียดชัง  

จู่ๆ วันก่อนก็ทำให้คนคนหนึ่งไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ได้ภายในไม่กี่คืน ด้วยการจี้ไปที่ปุ่มกลางสันหลังของผู้คนที่นี่ เพราะเขาถือความได้เปรียบว่าเข้าใจธรรมชาติ เนื้อนาดินของที่นี่อย่างดี และไม่อายที่จะหยิบมันมาใช้ทำลายคนที่ต้องการ

เขาสามารถทำให้คนที่มีความคิดเห็นไม่เหมือนเขา และบังเอิญ (หรือไม่ก็ตาม) ไปสนับสนุนศัตรูของเขา กลายเป็นสัตว์ประหลาดตาเดียว ตัวสีเขียว มีน้ำเมือกเยิ้มเต็มตัว พ่นไฟได้ และกำลังจะเผาหมู่บ้านของเรา ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้คนฟังกลายเป็นฝูงชนกระหายเลือด อยากฆ่าสัตว์ประหลาด

คนที่น่านับถือหลายคนให้การสนับสนุนเขา เพราะถือว่านี่คือการเคลื่อนไหวของ "ประชาชน" และมืดบอดต่อสิ่งไม่ดีที่เขากระทำ พวกเขาจะพูดจาปลุกปั่นแค่ไหนก็ได้ เรียกร้องสิ่งไม่ถูกต้องก็ไม่เป็นไร เพียงเพราะพวกนี้ประกาศว่ามีเจตนาอันบริสุทธิ์ที่จะ "รักษาสีขาว" อันเป็นที่รัก และ "ทำลายสีดำ" อันสามานย์

จริงๆ ถึงอย่างนั้น ... ถึงแม้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ สาบานได้ว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างอื่น เขาก็ไม่ควรจะทำให้ใครซักคน "สูญเสียความเป็นมนุษย์" มากพอที่จะให้คนอื่นรุมกระทืบ รุมฆ่า จนต่างสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเหมือนกันในท้ายที่สุด

มันเป็นเรื่องน่าเศร้าของยุคสมัยอันยาวนานที่ไม่ผ่านพ้นไปเสียที และหากมันจะเหลือหนทางเล็กๆ เฉพาะหน้า .... เราอาจเรียกร้องเอากับคนอีกหลายคนที่ยังพอมีสติสัมปชัญญะ แต่พากันเงียบกริบ และเบือนหน้าหนีเวลาที่เห็นความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเชื่อใน "เจตนา" หรือกลัวอิทธิพลของคนพวกนี้ พวกที่ไม่แน่ว่า อีกหน่อยอาจทำให้เรามีสิ่งที่พูดถึงไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งรวมถึงกลุ่มของพวกเขาด้วย !!!

 

 

.... นี่แหละ "คณะกรรมการหมู่บ้าน" ของฉัน ... ไม่เชื่ออ่านอีกที !

 

 

 

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
  ตติกานต์ เดชชพงศ  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูฉากโหดๆ อาทิ หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย กระสุนเจาะกระโหลกเลือดกระฉูด ในหนังไทย (ทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท!) เรื่อง ‘โอปปาติก'  รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้รอดพ้นเงื้อมมือกองเซ็นเซอร์ผู้เคร่งครัดมาได้ยังไง?เพราะด้วยการทำงานของหน่วยงานเดียวกันนี้ ทำให้หนังเรื่องหนึ่งถูกห้ามฉาย เพราะมีฉากพระสงฆ์เล่นกีตาร์, และฉากนายแพทย์บอกเล่าว่าตนก็มีึความรู้สึกทางเพศ แม้แต่ฉากเด็กผู้หญิงอาบน้ำ (ซึ่งเป็นเพียงตัวการ์ตูนญี่ปุ่น) ก็ยังถูกเซ็นเซอร์มาแล้ว ด้วยข้อหา ‘ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี'…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรือง ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ... (กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า…
Hit & Run
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ 26 กันยายน 2550ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง   ภาพที่เห็นคือ...ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้นก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด…
Hit & Run
  อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาดูเหมือนเรื่องน่าจะจบลงไปแล้ว กับความพยายามของ สนช.กว่า 60 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่สุดท้าย สนช.จะตัดสินใจถอนการแก้ไขออกไปก่อนแม้เรื่องนี้มีนัยยะที่น่าสนใจหลายประเด็น แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ กระแสความคิดที่เกิดขึ้น แม้ภายหลังการถอยและถอนการเสนอแก้กฎหมายแล้วก็ตามสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีจำนวน 242 คน โดย สนช. สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอหรือแก้ไขกฎหมายได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียงจำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์นอกจาก 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย และ (อดีต) วันชาติแล้ว วันสำคัญที่เงียบเหงารองลงมา (อีกวัน) ก็คงหนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519 ที่รับรู้กันว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เพราะเข้าใจว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สำหรับปีที่แล้ว วันนี้อาจคึกคัก เพราะถึงวาระตัวเลขกลมๆ 30 ปี ซ้ำยังเพิ่งผ่านพ้นรัฐประหาร 19 กันยายน มาหมาดๆ กระแสเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงยังมีอยู่ แต่พอปีนี้กระแสกลับไปเงียบเหงาเหมือนปีก่อนๆ วันที่ 6 ตุลาในปีนี้ กลายเป็นวันเสาร์ธรรมดาๆเมื่อถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา กับหลายๆ คน…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นข่าวคราวกันพักใหญ่ในรอบสัปดาห์จนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องรีบออกมาเต้นเร่าร้อนกันทั่ว เมื่อคุณหนูสาวๆ มีแฟชั่นเทรนใหม่เป็นการนุ่งกระโปงสั้นจุ๊บจิมโดยไม่สวมใส่ ‘กุงเกงลิง’ ความนิยมนี้เล่นเอาหลายคนหน้าแดงผ่าวๆจนพากันอุทาน ต๊ายยย ตาย อกอีแป้นจะแตก อีหนูเอ๊ยย ทำกันไปได้อย่างไร ไม่อายผีสาง เทวดาฟ้าดินกันบ้างหรืออย่างไรจ๊ะ โอ๊ย..ย สังคมเป็นอะไรไปหมดแล้ว รับแต่วัฒนธรรมตะวันตกมาจนไม่ลืมหูลืมตา วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยไปไหนโม๊ดดดดเรื่องนี้มองเล่นๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ คล้ายกับว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘กุงเกงลิง’…