(ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)
หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่ม
ฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลย
ฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า หากให้เกียรติคนทุกคนอย่างเท่ากัน และปฏิบัติตามกติกาประชาธิปไตยอย่างเคร่งครัด จะทำให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้ ปัญหาใหญ่ๆ จะค่อยๆ คลี่คลาย
ความรุนแรงนี้ได้ผลักให้สองอุดมการณ์กลายเป็นศัตรูกัน และมีการปะทะกันทั้งทางความคิด หรือแม้แต่ลงไม้ลงมือสร้างความรุนแรงทางกายภาพในหลายแห่ง จนกระทั่งมีคนเจ็บ คนตาย
แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่กระนั้นการให้เกียรติบุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับเรา เป็นสิ่งที่พึงตระหนัก โดยกับเฉพาะมวลชนที่ไม่มีบทบาทในการเป็นแกนนำ และโดยเฉพาะในสถานการณ์เลวร้ายที่ทำให้เราเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามอย่างเหลือแสน ทั้งยังรู้สึกเศร้าสลด หมดหวังกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
เมื่อเรากล่าวโทษการปลุกปั่น ยั่วยุ ไม่ว่าจากฝ่ายใด เป็นเรื่องแน่นอนที่เรามักพุ่งไปที่ตัวแกนนำที่นำการเคลื่อนไหว คอยปลุกเร้าความคิด อารมณ์ของผู้เข้าร่วม แต่อาจไม่ถูกต้องทั้งหมดทีเดียว หากจะกล่าวเลยไปว่าคนตัวเล็กตัวน้อยที่ต้องตายเพราะความรุนแรงทางการเมืองนั้น เป็น ‘เบี้ย' ที่ถูกชักจูงมาอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง นปก. หรือ ฝั่งพันธมิตรฯ เพราะการพูดแบบนั้นอาจจะเป็นการดูถูกฐานความคิด ความเชื่อที่ผู้คนสมาทาน
มันจึงมีความแตกต่างกันอยู่ระหว่างการวิจารณ์ความคิด ความเชื่อนั้นโดยตรง หรือการวิจารณ์ ‘ตัวเร้า' ที่ทำให้ความเชื่อสำแดงพลังในทางไม่ถูกต้อง กับ การวิจารณ์ว่าผู้คนขาดวิจารณญาณ และมองเหมารวมเป็นก้อนๆ อย่างที่พูดๆ กันทั้ง นปก. ถูกจ้างมาสามร้อย ห้าร้อย หรือ คนชั้นกลางถูกสื่อทันสมัยล้างสมอง
คงได้แต่ทิ้งคำถามให้คนหลังฉาก คนบนเวที แกนนำของฝ่ายต่างๆ ว่า อุดมการณ์ที่ท่านยึดถือ สิ่งที่ท่านพร่ำพูด กำปั้นที่ท่านชูขึ้นฟ้า ท่านเชื่อสิ่งนั้นกี่มากน้อย ? ท่านเคารพต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของท่านเพียงไหน ? น้ำตาของท่านไหลรินให้กับชีวิตที่สูญเสียอย่างแท้จริงหรือไม่ ? ไม่ว่าใครจะชื่นชมหรือก่นประณามท่าน แต่คำตอบที่แท้จริงจะอยู่กับท่านจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต