จันทร์ ในบ่อ
ก่อนอื่นขอ "สวัสดีปีใหม่ครับ"
ปีใหม่นี้คนไทยมีนายกฯใหม่ แต่ยังต้องเซ็งที่มีการเมือง(โครต)เก่า ‘ผู้จัดการ' ก็คนหน้าเก่าเลยไม่รู้ว่าจะเรียกร้อง ‘การเมืองใหม่' กันให้วุ่นวายทำไมเป็นเดือนๆ
อีกฝ่ายก็อุตส่าห์ลงทุน ‘โฟนอิน' มาเป็นรอบๆ ขู่จนเสื้อเหลืองเสื้อเขียวสะดุ้งไปหลายเฮือก แต่สุดท้ายหวยล็อค ได้ฮาตรงที่เขาบอกกันว่า ‘ประชาธิปัตย์' ก็มากับเสียง ‘โฟนอิน' !??
ที่สำคัญโฟนอินนี้ทำเอา ‘เสื้อแดง' มึนตึ้บเป็นแถว เช้ามาพูดได้คำเดียวว่า "มาม่า...อร่อย "
เอาล่ะ..เรื่องการเมืองไว้ค่อยว่ากันต่อ แต่ตอนนี้ขอพักฉลองเทศกาลปีใหม่สากลสักสองสามวันร่วมกับคนทั้งโลก ขออวยพรแบบสากลหน่อย
"อยากให้คนทั้งโลกมีความสุขและสันติจงมีแก่ทุกท่าน"
ทีนี้ ขอไปที่เรื่องน่ายินดีกันบ้าง
เมื่อวันก่อนชาวไทยอาจจะเสียใจกับการพ่ายแพ้ของทีมฟุตบอลไทย แม้ว่าจะเล่นได้ดีแล้วก็ตามแต่เมื่อเทพธิดาแห่งชัยชนะไม่เข้าข้าง ประตูชัยจึงไปตกอยู่ฝั่งเวียดนาม ก็ขอแสดงความยินดีกับเวียดนามด้วยเช่นกัน บอลสองนัดนี้ทำให้เห็นแล้วว่าเพื่อนบ้านของเรานั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ต่อไปการดูฟุตบอลในภูมิภาคคงสนุกมากขึ้นแน่ๆ
หลังบอลนัดนี้คิดว่าคงไม่มีของขวัญปีใหม่จากวงการกีฬาเสียแล้ว การเมืองที่ยุ่งเหยิงทำให้ลืมเสียสนิทไปเลยว่ายังมีมวยคู่เด็ดเหลืออีกไฟต์
รู้ตัวอีกทีก็วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ‘แวฮามะ' หรือ ‘เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม' ก็กระชากเข็มขัดเส้นใหญ่รุ่นฟลายเวต WBA จากแชมป์โลก ‘ทาเคฟูมิ ซากาตะ' เจ้าของตำแหน่งชาวญี่ปุ่นมาได้แล้ว รอบนี้มี ‘เขาทราย แกแล็คซี่' มาเป็นเทรนเนอร์ติวเข้มพิเศษให้ เรียกว่าพิเศษแบบวิ่งวันละ 10 กิโลฯ ก็ออกไปพร้อมกัน
พยายามกันสุดใจจนหลังแลกหมัดกันที่สังเวียนซัน พลาซ่า เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ‘เด่นเก้าแสน' ชนะน็อคซากาตะได้ในยกที่ 2 แชมป์คนใหม่เกิดในเมืองไทยอีกแล้ว
สำหรับ ‘เด่นเก้าแสน' มีชื่อจริงว่า สุเทพ หวังมุก เป็นชาวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2519 นับถือศาสนาอิสลาม มีชื่อตามศาสนาอิสลามว่า ‘แวฮามะ' สถิติการชก 41 ครั้ง ชนะ 39 (น็อค 14) แพ้ 1 เสมอ 1 (เสมอซากาตะ เจ้าของเข็มขัด WBA)
ส่วน ‘เขาทราย แกแล็คซี่' หรือ สุระ แสนคำ เป็นอดีตแชมป์โลกที่สามารถป้องกันตำแหน่งได้ถึง 19 ครั้งติดต่อกัน นับเป็นสถิติโลกสูงสุดในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทถึงปัจจุบัน ในปี 1999 ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ‘World Boxing Hall of Fame' จากสมาคมมวยโลก ได้รับการบรรจุชื่อในหอเกียรติยศนักมวยโลก ณ เมืองคานาสโตต้า (Canastota) มลรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสถิติการชก 50 ครั้ง ชนะ 49 ครั้ง โดยชนะน็อคถึง 43 ครั้ง คิดเป็นสถิติชนะด้วยการน็อคเอ้าท์ถึง ร้อยละ 87.75 และเคยแพ้คะแนนเพียงครั้งเดียว
เขาทรายเคยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพมหานครได้โดยไม่ต้องเป็นผู้ว่าฯ หรือมีตำแหน่งทางการเมือง เพราะการชกของเขาทรายทำให้แทบทุกบ้านไม่ออกไปไหนเพราะต้องรอดูการชกของเขา แต่ปัจจุบัน เราอาจเห็นเขาทรายรับบทตัวประกอบเล็กๆ ในหนังในละคร เป็นตุ๊ดเป็นแต๋วบ้าง ภาพลักษณ์วันนี้แสนสวนทางกับความยิ่งใหญ่และความสุขที่เขาเคยมอบให้คนไทยหลายต่อหลายครั้ง
คนไทยจำภาพเขาทรายอันยิ่งใหญ่และความสุขที่เขาทรายเคยมอบให้แทบไม่ได้แล้ว..
แต่การไปญี่ปุ่นร่วมกับเด่นเก้าแสนคราวนี้ เขาทรายยังคงได้รับความสนใจจากแฟนมวยชาวญี่ปุ่น แม้ยามจะเดินทางไปทานอาหารก็มีแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นจำได้ เข้ามาทักทายขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปตลอดเวลา เขาทรายเคยมีภรรยาเป็นคนญี่ปุ่น และเป็นฮีโร่ที่เข้าเส้นพรมแดนเข้าไปนั่งในใจคนญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบันด้วย
ขอแสดงความยินดีในความพยายามของทั้ง 2 คน และทีมงานที่ทำวันนี้จนสำเร็จ เพราะเข็มขัดแชมป์โลกสถาบันใหญ่ไม่ค่อยมีให้เห็นในไทยแล้ว คงถือว่าเป็นข่าวดีส่งท้ายปีสำหรับวงการกีฬาบ้านเรา
อย่างไรก็ตาม การเล่นกีฬานั้นมีความรู้สึกอหังการ์ของผู้ชนะและมีความรู้สึกสิ้นหวังของผู้แพ้ ทำให้มีฝักมีฝ่ายชัดเจน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือความแฟร์ต่อกันและการจัดการกับความรู้สึกทั้งชนะและแพ้ หากปล่อยมันชัดเจนจนเกินเลยไป ตัวอย่างจากการแพ้และชนะไม่เป็นก็มีให้เห็นแล้วจากการเมืองบ้านเรา
ในวงการกีฬา ผมนึกถึงตัวอย่างของการแพ้และชนะเป็นที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ที่สำคัญมันเกิดขึ้นในกีฬาอย่างการชกมวยที่ดูป่าเถื่อนดุร้ายที่สุด นั่นก็คือการชกของแมนนี่ แพ็คเกียว ชาวฟิลิปปินส์ ขวัญใจคนเอเชีย กับ ออสการ์ เดอ ลาโฮยา ชาวสหรัฐซึ่งฝ่ายแรกเป็นผู้ชนะอย่างค่อนข้างหมดจด
"กุญแจสำคัญอยู่ที่ความเร็ว ผมไม่แปลกใจกับผลการแข่งขันหรอก เพราะเตรียมตัวมาดีตั้งแต่ต้น และหลังจากจบยกสองก็รู้แล้วว่าคว่ำเขาได้ ผมมีความสุขที่นำชัยชนะนี้ไปมอบให้กับประเทศได้ แต่เดอ ลา โฮย่า ก็ยังคงเป็นไอดอลของผมต่อไป" นี่คือคำกล่าวของ แพ็คเกียว หลังเอาชนะ ‘โกลเดน บอย' เดอ ลาโฮย่า สุดหล่อขวัญใจอเมริกันได้สำเร็จ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนักมวยที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้หากเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์
ส่วน เดอ ลาโฮยา ในฐานะผู้แพ้กล่าวว่า "ผมยอมรับว่า แพ็คเกียว ยิ่งใหญ่จริงๆ เขาเก่งกว่าผมในไฟต์นี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผลออกมาแบบนี้ เพราะว่าผมเจอกับสุดยอดนักชก ที่ผ่านมาก็ซ้อมอย่างเต็มที่แล้ว จากนี้แม้หัวใจของผมยังเรียกร้องอยู่แต่ว่าร่างกายไม่พร้อมแล้ว.."
คำพูดของผู้ชนะและแพ้ในกีฬาที่ดุเดือดเลือดพล่านที่สุดสองคนนี้ จึงเป็นอะไรที่สังคมไทยน่าจะต้องขบคิดตามอย่างยิ่ง
ขอกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
สวัสดีปีใหม่ครับ