Skip to main content

อย่างที่รู้ๆ และแทบไม่อยากจะย้ำให้เจ็บช้ำหัวใจกันว่าเศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ (จากอเมริกา) ที่ส่งกระทบข้ามฟ้ามามาไกลถึงบ้านเรา ทำให้ผู้นำประเทศต้องออกโรงคิดหานโยบายมาแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

 

บวกด้วยความที่นายกคนหนุ่มอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่าคนจนเศรษฐกิจไม่ดี นายกต้องช่วยเหลือ และไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคน ที่เป็นการช่วยธุรกิจโดยไม่ต้องไปบิดเบือนกลไกตลาด แบบว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติให้มีเงินหมุนเวียน

 

ดังนั้น โครงการใหม่ถอดด้าม “เช็คช่วยชาติ” จึงริเริ่มและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เช็คจำนวน 9.6 ล้านใบ ที่คิดเป็นงบประมาณทั้งหมดกว่า 19 พันล้านบาท จากเงินช่วยเหลือ 2,000 บาทต่อคน (ในรูปเช็ค) จึงถูกกระจายให้แก่สมาชิกกองทุนประกันสังคมที่มีทั้งลูกจ้างโรงงาน ข้าราชการ และครู ที่เงินเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท 9.6 ล้านคน

 

00000

 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ของรัฐบาลทำให้ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผู้คนกลุ่มต่างๆ คึกคักออกมาให้ความคิดเห็นทั้งหนุนค้าน โดยฝ่ายคัดค้านบางกลุ่มเห็นว่าแจกเงิน 2,000 บาท ไม่พอยาไส้ น้อยไปสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่มีประโยชน์มากนักกับจุดมุ่งหมายที่รัฐตั้งเอาไว้ ไปจนถึงความคิดที่ว่าให้เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า

 

ส่วนกลุ่มลูกจ้างนอกระบบก็ออกมาบอกว่ารัฐอุดหนุนลูกจ้างในระบบประกันสังคม ไม่ดูแลแรงงานนอกระบบที่บางคนมีรายได้ต่ำ และไม่มีหลักประกันในชีวิตเลย

 

ในฐานะคนจนผู้มีรายได้น้อยแต่ทำงานในระบบ รู้สึกงงงวยอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าจะได้เงิน (ในรูปเช็ค) จากรัฐบาลแบบส่งตรงถึงมือ เพราะเกิดมายังไม่เคยพบเคยเจอ อย่างมากที่เห็นก็โครงการประชานิยมอย่างกองทุนหมู่บ้านที่ต้องเขียนโครงการขอเงินมาบริหารจัดการ หรือเข้าโรงพยาบาลจ่ายแค่ 30 บาท เพราะรัฐบาลเอาเงินไปหนุนให้โรงพยาบาล แค่นั้นก็หรูหราอู้ฟู่กันพอดูอยู่แล้ว

 

ก็คงต้องถือว่าเป็นการเปลี่ยนวิกฤติ (เศรษฐกิจ) ให้เป็นโอกาส ที่รัฐบาลจะได้คะแนนนิยม ส่วนเราได้เงินใช้ (แค่เดือนเดียว) แต่ปัญหาที่หนุบหนับในหัวอยู่ตอนนี้ คือเงิน 2,000 บาทจะใช้อย่างไรให้ช่วยชาติได้ ให้สมกับเป็นโครงการ “เช็คช่วยชาติ” ดี

00000

 

... จะเอาเงินไปกินเหล้า ให้เงินเข้ารัฐก็ถูกหาว่าจนไม่เจียม หรือจะหาเลขเด็ดเอาไปซื้อหวยสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่เดือนที่แล้วเพิ่งถูกกินไปหลายพันเลยยังขยาดอยู่ จะเอาไปเลี้ยงฉลองร้านหรูก็ดูจะเกินงบ หรือเอาไปท่องเที่ยวค่าใช้จ่ายคงบานตะไทไปเกิน 2,000

 

... จะเอาไปลงกองทุนสังคมสงเคราะห์ก็ไม่ค่อยจะรู้จัก ไม่ไว้ใจ ไม่รู้เขาทำงานเพื่อสังคมหรืออมเงินเข้ากระเป๋าตัวเองกันไปเท่าไหร่

 

... หรือ จะให้ไปแลกเช็คกับบัตรกำนัล คูปองส่วนลด หรือแลกซื้อสินค้า สำหรับโปรโมชั่นของห้างร้านต่างๆ ก็ยังไม่คิดที่จะซื้ออะไรเป็นพิเศษ เพราะที่มีอยู่ก็ยังพอใช้สอบ แถมกลัวว่าถ้าเข้าห้างใหญ่ที่มีส่วนลดเยอะๆ ก็กลัวเงินช่วยเศรษฐกิจไทยจะไหลไปอยู่ในกระเป๋าต่างชาติเสียหมด

 

... ว่าจะเอาเงินไปออมสะสมไว้ ก็จะไม่ช่วยชาติ ไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลออกมาตรการนี้มาด้วยความคาดหวังช่วยเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยและกระตุ้นการบริโภคของประชาชน แถมอุตสาห์ออกเงินมาเป็นเช็คให้เอาไปใช้ ไม่อย่างนั้นคงให้ผ่านธนาคารมาแล้ว

เท่าที่จำได้ ท่านผู้รู้ในจอตู้หลายท่านบอกเอาไว้ว่า การที่วิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่ได้กระทบกับเศรษฐกิจบ้านเรามากนัก เพราะคนไทยเรายึดถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต ในหลายปีมานี้เราได้ยึดหลักพอเพียง ประหยัด และรู้จักอดออม เพื่อให้เศรษฐกิจไทยดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์

แต่วันนี้รัฐบาลให้เงินประชาชนมาจับจ่าย บอกเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยชาติ แล้วความพอเพียงที่เคยช่วยเศรษฐกิจไทยให้อยู่รอด วันนี้รัฐบาลเอาไปวางทิ้งไว้ที่ไหนกัน

00000

หลายคนอาจบอกว่าถ้าค้านมากนัก ไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเอา หนึ่งคือ เราไม่ได้ค้านหากนี่เป็นนโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชนจริงๆ และรัฐบาลคิดมาดีมากพอแล้ว...

 

และนี่มันเงินนะครับพี่น้อง... แถมไม่ว่าจะเป็นเงินที่เอามาจากประกันสังคม เงินภาษี หรือเงินกู้ต่างชาติ มันก็เป็นเงินของเราและเป็นเงินที่เราทุกคนต้องร่วมรับภาระใช้หนี้ (ที่รัฐบาลกู้) ไม่รู้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่กี่ปีแต่หนี้ที่ก่อจะอยู่กับเราไปชั่วหลานหากรัฐบาลบริหารไม่ได้ หาเงินไม่เป็น ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแล้วก็ชิ่งหนีไป คนไทยมิแย่กันหมดเหรอ

 

เงิน 2,000 วันนี้มันมาจ่อรออยู่ตรงหน้าแล้ว รัฐบาลอนุมัติงบและมีคนได้รับเงินชุดแรกไปแล้ว คนที่ต่อแถวรออยู่ข้างหลังไม่ว่าจะชอบหน้านายกหรือไม่ จะเห็นด้วยหรือเปล่าเขาก็ต้องมีสิทธิที่จะได้รับ และเป็นเรื่องที่ต้องไปจัดการกับเงินจำนวนนี้กันต่อ

 

แม้ในส่วนหนึ่งจะรู้สึกเห็นใจกลุ่มแรงงานนอกระบบ ลูกจ้างชั่วคราว เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ ฯลฯ กลุ่มที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมและไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐตามนโยบายดังกล่าว แต่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐอีกเช่นกันที่ต้องหามาตรการอื่นๆ มารองรับคนกลุ่มต่างๆ ในสังคมให้ทั่วถึงตามฐานะหน้าที่ที่เป็นรัฐบาล

00000

ไหนๆ ก็ไหนๆ สำหรับคนที่ได้รับเงินและยังไม่ถูกกลุ่มเจ้าหนี้ทั้งในและนอกระบบส่งแก๊งทวงหนี้ไปตามประกบเอาเงิน หรือยังไม่ได้ใช้เงินไปกับคูปองส่วนลดในห้างใหญ่ อยากให้ช่วยคิดกันต่อกันอีกสักนิด ว่าจะเอา 2,000 นี้ ไปใช้ทำอะไรช่วยชาติ ให้ “พอ” ตรงใจและตรงเป้ากัับนโยบายรัฐบาลได้บ้าง หรือจะให้กระจายรายได้สู่คนส่วนต่างๆ ในสังคม อย่างไรกันดี

 

ช่วยกันหาวิธีใช้เงินอย่างพอเพียง แทนรัฐบาล ดูกันหน่อยสิ...

 

 

 

 

 

ใครบ้างได้ เงิน 2,000 บาท (แจกเป็นเช็ค)

 

มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ใช้งบกลางแจกจ่ายให้พนักงานราชการ ลูกจ้างราชการ ข้าราชการ (จำนวน 1.3 ล้านคน) และ ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ที่มีฐานรายได้ไม่เกิน 14,999บาท จะได้รับความช่วยเหลือครั้งเดียว คนละ 2,000 บาท เพื่อบรรเทาปัญหาการเลิกจ้างและวิกฤตเศรษฐกิจ

 

1. ประชาชนในระบบประกันสังคมจำนวน 8,138,815 คน

 

* ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ต้องมีสถานะเป็นผู้ประกันตนอยู่ ณ วันที่ 13 มกราคม 2552 และยังไม่สิ้นสภาพความเป็นผู้ประกันตน

 

* ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ผู้ที่ได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้ประกันตนภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2551 (หน้าจอ Online แสดงผลวันที่เข้างาน ไม่เกินวันที่ 1 มกราคม 2552 ) และยังไม่สิ้นสภาพความเป็นผู้ประกันตน ณ วันที่ 13 มกราคม 255 การสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ไม่ว่าจะมาสมัครวันที่เท่าไร ก็จะมีผลการอนุมัติในวันที่ 1 ของเดือนถัดไป

 

* ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ผู้ที่ได้รับการอนุมัติให้เป็น ผปต.และจ่ายเงินสมทบแล้ว (ตรวจสอบฐานข้อมูล ผปต.ณ วันที่ 13 มกราคม 2552 ไม่ว่าจะมาสมัครวันที่เท่าไร ก็จะมีผลการอนุมัติในวันที่ 1 ของเดือนถัดไปส่วนเงินสมทบ จะคิดคำนวณเงินสมทบตั้งแต่เดือนที่เป็นผู้ประกันตนจนถึงวันสิ้น

 

* ผู้ประกันตนตามมาตรา 38(2) คือลูกจ้างที่พ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 แล้วสำนักงานประกันสังคมจะคุ้มครองสิทธิ์ลูกจ้างต่ออีก 6 เดือน มาตรา 38 ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สิ้นสุดลงเมื่อผู้ประกันตนนั่น ตาย และ สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 คณะรัฐมนตรีมีมติให้บุคคลตามมาตรา 38 ที่ถูกเลิกจ้าง หรือลาออกจากงาน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2551 มีสิทธิได้รับ เช็คช่วยชาติด้วยเช่นกัน

 

หมายเหตุ

- ในกรณีที่ประชาชนแจ้งว่าได้ออกจากงานก่อนวันที่ 13 มกราคมและยังอยู่ระหว่างได้รับการคุ้มครอง 6 เดือนตามมาตรา 38 ได้ไปลงทะเบียนและทางเจ้าหน้าที่ไม่รับลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้ ให้แจ้งประชาชนว่าให้ไปติดต่อประกันสังคมโดยตรงเพื่อขอลงทะเบียนใหม่อีก ครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อาจจะยังไม่ได้รับการประสานข้อมูลจากทางกระทรวงแรงงาน (ข้อมูลจากเลขาธิการ สปส.ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552

 

2. บุคคลากรภาครัฐ จำนวน 1,324,973 คนประกอบด้วย

 * ข้าราชการพลเรือน

 * ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

 * ข้าราชการตำรวจ

 * ลูกจ้างประจำ

 * ลูกจ้างชั่วคราว

 * ข้าราชการทหาร รวมทั้งทหารเกณฑ์ (ตามมติ ครม. วันที่ 17 มี.ค. 52)

 * ข้าราชการบำนาญ

 * เจ้าหน้าที่ของรัฐคือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ อาสาสมัครทหารพราน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน

 * พนักงานรัฐวิสาหกิจ (ตามมติ ครม. วันที่ 17 มี.ค. 52)

 * บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์กรมหาชน) (ตามมติ ครม. วันที่ 17 มี.ค. 52)

 * บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ตามมติ ครม. วันที่ 17 มี.ค. 52)

 * บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ (ตามมติ ครม. วันที่ 17 มี.ค. 52)

 

3. กลุ่มครู บุคลากรด้านการศึกษา และบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน 132,604 คน (ตามมติ ครม. วันที่ 17 มี.ค. 52) ได้แก่

 * ครูโรงเรียนเอกชนที่อยู่ในระบบกองทุนสงเคราะห์ที่มีสิทธิรับเงิน

 * ครูที่อยู่นอกระบบกองทุนสงเคราะห์ที่ต้องตรวจสอบสาเหตุที่อบู่นอกระบบกองทุนสงเคราะห์

 * กลุ่มบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน เช่น พนักงานขับรถยนต์ นักการภารโรง พี่เลี้ยงเด็ก ที่ต้องตรวจสอบว่าบางส่วนอาจจะควรอยู่ในระบบประกันสังคม แต่โรงเรียนไม่จัดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม

 

4. กรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเพิ่มเติมให้บุคคลใดเป็นผู้มีสิทธิรับเงิน กำหนดให้หน่วยงานที่บุคคล ดังกล่าวอยู่ในสังกัดดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินด้วย

 

ข้อมูลจาก: http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B7671494/B7671494.html

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
ศรายุธ ตั้งประเสริฐ
Hit & Run
  โจว ชิงหมาเกิด     ประเด็นฮอตฮิตในรอบสัปดาห์นี้หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือบทสัมภาษณ์ "สมชาย หอมละออ"แย้มผลสอบสลายชุมนุมพฤษภา′53 ผัวเมียทะเลาะกัน... ผิดทั้งคู่ (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 14:00:45 น. สัมภาษณ์พิเศษ โดย พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์)    
Hit & Run
เดือนมีนาคมแล้วค่ะท่านผู้อ่าน ช่วงเวลาที่นักเรียนชั้น ม.6 ต้องจำจากจรสถาบันอันเป็นที่รักเพื่อก้าวไปข้างหน้า ทั้งจากความต้องการของตัวเองและกระแสสังคมที่ต่างคาดหวังว่าการ ศึกษาคือหนทางแห่งการเป็น “เจ้าคนนายคน” หากท่านผู้อ่านเคยผ่านช่วงเวลาของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นระบบเอนทรานซ์หรือระบบแอดมิชชันคงยังจำช่วงเวลาหฤโหดของการเข้าห้องสอบที่แบกเอาความฝันของตัวเอง ความคาดหวังของผู้บุพการี และหน้าตาของสถาบันระดับมัธยมศึกษา (ที่มักจะวัดกันด้วยจำนวนนักเรียนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้)ตลอดจนท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครู อาจารย์…
Hit & Run
ปีนี้บรรยากาศเหน็บหนาวที่มาพร้อมกับลานเบียร์หลายแห่งตามห้างสรรพสินค้า มีเรื่องสนุกสนานทวีคูณมากขึ้น เมื่อเกิดปรากฏการ “สาวลีโอ” ที่ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเมื่อไปพันกับการเมืองยุคอำมาตย์ฝึกหัดครองเมือง เมื่อมาถึงปลายปีที่มีบรรยากาศหนาวๆ ชวนให้เปล่าเปลี่ยว ธรรมเนียมปฏิบัติของบรรษัทค่ายน้ำเมาต่างๆ จะต้องมีแคมเปญอะไรมาเป็นของกำนัลให้กับหนุ่มๆ คึกคักมีชีวิตชีวา โดยปฏิทินรูปแบบวาบหวามมักจะถูกเข็นออกมาในช่วงนี้ และลีโอก็ไม่เคยพลาด หลังจากที่ได้ “ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม” มาช่วยเป็นแม่ทัพดูแลการผลิตด้านสื่อหวาบหวิวให้ค่ายลีโอ…
Hit & Run
สถานการณ์ในเมืองไทยตอนนี้ทำให้พวกเราไม่สามารถนำเสนออะไรหลายอย่างได้โดยเฉพาะสิ่งที่มาจากต่างประเทศ ก็เพราะประเทศสยามกำลังพยายามปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลจากสื่อต่างชาติ หรือถ้าจะให้รับรู้ก็จะถูกบิดเบือนหรือรับเอามาดัดแปลงให้เป็นวาทศิลป์มุ่งสำเร็จความใคร่ในการทำลายล้างศัตรูของตนเอง โดยไม่สนถึงผลกระทบที่ตามมาว่าจะบานปลายร้ายแรงขนาดไหน
Hit & Run
ก่อนที่คนเสื้อแดงจะได้รับการยอมรับนับถืออย่างทุกวันนี้ เราผ่านอะไรมามากมาย และมาวันนี้เราอาจจะลืมอะไรไปมากมายเช่นกัน ทุกวันนี้การสอดแทรกประเด็นประชาธิปไตยเพื่อผูกโยงกับมวลชนคนรักทักษิณเป็นเรื่องหลักๆ ที่เราพูดถึงกัน โดยจุดสำคัญที่ฝ่ายที่เรียกว่าตนเองเป็น“ฝ่ายที่เป็นปัญญาชน-ฝ่ายที่ต้านลัทธิเสรีนิยม” สามารถมายืนข้างคนรักทักษิณได้อย่างไม่เคอะเขิน ก็คือการที่คุณทักษิณได้รับการเลือกตั้งมาตามวิถีประชาธิปไตยแล้วถูกโค่นอำนาจโดยการรัฐประหาร
Hit & Run
“กม.มั่นคงคุมเขตดุสิต แดงเย้ยตื่นตูม พท.ชี้ยั่วยุคนมาชุมนุม นายกฯ อ้างมีข่าวมือที่สาม”
Hit & Run
ขอ 'อภัย' ล่วงหน้า หากว่าเรื่องนี้จะ(ไม่) เกี่ยวข้องกับการ 'อภัย' ใน 'โทษ' ของคนตนหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อน!
Hit & Run
ดูเหมือนว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เวชชาชีวะจะให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์-รณรงค์ทางอินเทอร์เน็ตเป็นพิเศษโดยที่ผ่านมามีการเปิดตัวเว็บไซต์หลายโครงการอาทิโครงการต้นกล้าอาชีพhttp://www.tonkla-archeep.com/ เว็บไซต์ช่วยชาติที่แสดงข้อมูลและความคืบหน้าของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรััฐบาล http://www.chuaichart.com/ เว็บโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนhttp://www.chumchon.go.th/ โครงการคิดอย่างยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของกอ.รมน. หรือ MOSO http://mosothai.com และล่าสุดhttp://ilovethailand.org เว็บที่ชวนคนมาแสดงความรักประเทศไทยผ่านบล็อกคลิปวิดีโอรูปถ่ายและข้อความสั้น
Hit & Run
คุณ ลิเดีย กูวารา อาจไม่ได้มีความงามตามแบบฉบับสาวทั่วไป แต่ จากองค์ประกอบการจัดวาง การตกแต่ง อุปกรณ์เสริมคือแครอทเป็นเหมือนแถบคาดกระสุน รวมถึงการโพสท์ท่าของเธอ ทำให้ดูมีเสน่ห์ด้วยพลังของความเป็นชาย (masculine) ...แม้แครอทจะดูเล็ก ๆ เหี่ยว ๆ ไปหน่อยก็ตาม
Hit & Run
ในปีนี้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐคว้ารางวัล “ภาพข่าวยอดเยี่ยม” ไปครอง หลังจากนั้นมาไม่กี่วันก็แทบจะต้องเพิ่มตำแหน่งมิสป๊อบปูล่าไปให้ด้วย เพราะมันไม่ใช่ได้รางวัลแล้วก็แล้วกันไปแบบทุกปี หากแต่ถูกพูดถึงอย่างมากมาย โดยเฉพาะในโลกไซเบอร์ มีทั้งคำชื่นชมและผรุสวาทให้ระงม ฐานที่เกี่ยวพันกับการเมืองลูกกวาดหลากสีของเราเต็มๆ ในฐานะที่ไม่ใช่คณะกรรมการ (และไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ด้วย) ขอประกาศสนับสนุนคณะกรรมการที่ให้รางวัลแก่ภาพนี้ โดยจะขอยกเหตุผลเพิ่มเติมจากท่านคณะกรรมการตัวจริงที่อาจพูดสั้นไป เพราะท่านคงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพวกไม่รู้จักจบจักสิ้น ไม่รู้จักแพ้ชนะ ทั้งยังไม่มีองค์ความรู้ด้านสื่อสารมวลชน…
Hit & Run
ภาพจาก: http://imaim.wordpress.com แรงกระเพื่อมของสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมา ต่อเรื่อง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้ต้องมานั่งนับวันว่า เมื่อไหร่จะถึงวันที่กฎหมายฉบับนี้นี้จะเขาที่ประชุม ครม.เพื่อลุ้นเอาแค่กฎหมายฉบับนั้นจะผ่านครม.เข้าสู่สภาฯ ได้หรือไม่ แล้วค่อยไปว่ากันต่อด้วยเรื่องหน้าตาว่าจะออกมาสวย หล่อ เพียงใด ตามที่ รมว.คลัง ท่านบอกผ่านสื่อมวลชนไว้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา มีกำหนด 2 สัปดาห์ นี่ก็คงอยู่ในช่วงระยะเวลานัดหมายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ล่าสุด รมว.คลังกล่าวผ่านสื่อว่า กระทรวงการคลังยังเดินหน้าแนวคิดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.…