Skip to main content
   

ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....

สัปดาห์นี้มีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งปรากฏมาให้พอเป็นกระแส แม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแต่ก็สะท้อนสารัตถะแห่งการปลุกระดมอันเปล่ากลวงได้พอสมควร

 

เรื่องราวเกิดขึ้นที่  วัดบางละมุง' จังหวัดชลบุรี เมื่อกลุ่มคนในนาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' นับพันคนดาวกระจายไปเพิ่มกระแสไล่แม้แต่เงาของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร' โชคดีที่พระคุณเจ้าท่านมีอุเบกขา รู้ปล่อยวาง ไม่ยึดติดในรูปทรัพย์ ตัดเชื้อไฟแต่ต้นลม เรื่องจึงไม่บานปลายและข่าวจบไปได้ในวันเดียว

 

ในวันที่ 29 ต.ค.51 กลุ่มคนนามพันธมิตรฯ ได้บุกเข้าล้อมอุโบสถของวัดบางละมุงที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างหลังจากมีกระแสข่าวว่า ช่างที่รับงานปั้นฐานพระประธานในอุโบสถได้ปั้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองชื่อดังอีกหลายคนติดตั้งอยู่บนฐานซึ่งพวกเขามองว่าไม่เหมาะสม ในขณะที่การก่อสร้างทำไปแล้วประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท

 

สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องคือทุบทำลายรูปปูนปั้นนักการเมืองที่ฐานนั้นทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในอริยาบทกำลังถือโทรศัพท์มือถือ นายเนวิน ชิดชอบ ที่กำลังถือมีดเชือดคอไก่ รวมไปถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือแม้แต่นายสนธยา คุณปลื้มลูกชายกำนันคนดังแห่งชลบุรี

 

ผู้สร้างเป็นช่างสกลุช่างเมืองเพชรบุรี ถิ่นที่มีชื่อเสียงทางด้านปูนปั้นมาแต่อดีต เขาให้เหตุผลว่า เป็นคนชอบติดตามข่าวสารการเมืองจึงขออนุญาตจากเจ้าอาวาสขอปั้นรูปนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในปี 2546 ซึ่งในขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง เจตนาทำไปเพื่อบันทึกเหตุการณ์ทางเมืองไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง จนเวลาล่วงไป 5 ปี รูปปั้นนักการเมืองเหล่านี้ได้กลายเป็นศัตรูทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ

 

สุดท้ายทางวัดยินยอมให้ทุบทิ้งเพื่อความสบายใจของกลุ่มคนในนามพันธมิตรฯ ส่วนนายช่างเองไม่ได้ว่าอะไรหรือตอบโต้อย่างใดทั้งสิ้น

 

ผมอึดอัดใจนิดหน่อยหลังอ่านข่าว เพราะแม้แต่ความสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในศิลปะปูนปั้นเมืองเพชรก็ยังถูกกดดันคุกคามไปด้วยกับกระแสการเมือง คงต้องจับตาดูต่อไปว่างานปูนปั้นเมืองเพชรที่มีรูปนักการเมืองอื่นๆ ในเมืองเพชรฯ เองที่เคยทำกันมาก่อนหน้านี้จะถูกกระแสเล่นงานไปด้วยหรือไม่  

 

ทั้งนี้ หากทำความเข้าใจในลักษณะศิลปะไทยจะพบเอกลักษณ์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง นั่นคือ การสอดแทรก เสียดสี นำความเป็นไปในโลก ณ ขณะนั้นมาล้ออย่างขบขันด้วยการสอดเข้าไปในคติความเชื่อในศาสนาผ่านผลงาน แม้แต่เรื่องเชิงสังวาสของชายกับหญิง หญิงกับหญิง สังวาสของชาวบ้าน สัตว์สังวาส สังวาสในที่ลับ หรือสังวาสแปลกๆ เราก็หาดูได้จากจิตรกรรมฝาผนังไม่เว้นแม้แต่ในวัดเอกหรือวัดหลวงต่างๆ พอดูแล้วไม่เห็นมีใครพูดว่าบัดสี อุจาด และดูกันมาได้เป็นร้อยๆ ปี ศิลปะไทยจึงคล้ายเป็นการบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์นอกระบบแบบหนึ่ง และนับเป็นโชคดีที่ตอนนี้กระทรวงวัฒนธรรมยังไม่กระสันและบอกให้ไปลบให้เสียฝีมือครูช่างแต่โบราณไป

 

ส่วนฐานพระพุทธรูปวัดบางละมุงที่เป็นข่าว แม้เป็นผลงานใหม่ไม่สามารถเอ่ยอ้างถึงคุณค่าทางอายุสมัยได้ แต่คุณค่าทางลักษณะทางเชิงช่างนั้นอาจนับว่าไม่แตกต่างไปจากรุ่นทวดรุ่นครูที่มีอารมณ์ขัน รูปปั้น นักการเมืองไทย' จึงถูกปั้นไว้แทนที่พวกยักษ์แบกหรือสัตว์แบกต่างๆ ที่นิยมทำกันตามฐานประติมากรรมในพุทธศาสนา

 

ทั้งนี้ ประติมากรรมชนิดยักษ์แบก สัตว์แบกต่างๆ หรือสัตว์ที่ดูดุร้ายน่ากลัวที่ทำหน้าที่เหมือนอุ้มแบกสัญลักษณ์ทางศาสนาเหล่านี้เป็นการแทนสัญลักษณ์ถึงภูมิต่างๆ ในจักรวาลตามคติ ไตรภูมิ'

 

รูปปั้นเหล่านี้เป็นพวกที่อยู่ต่ำกว่า มนุษย์ภูมิ' เป็นโลกทัศน์ในการเสียดสีแบบเชิงช่างโบราณที่สะท้อนว่าพวกตัวไม่ดีอยู่ในที่ต่ำๆ ไม่พอต้องให้มันใช้กรรมหนักๆ ด้วยจึงให้ไปแบกพระแบกเจดีย์บ้าง จากแนวคิดทางศาสนาบวกลูกเล่น สิ่งไม่ดีอื่นๆ ในในโลกตามสายตาของช่างยังถูกตีความอย่างขยายความได้มากกว่าในคัมภีร์ที่มีแต่พวกยักษ์ พวกสัตว์ หากลองสังเกตดูตามงานจิตรกรรมฝาผนังภาพ มารผจญ' ที่เป็นฝีมือช่างเก่าหลายแห่ง จะพบภาพฝรั่งบ้าง คนฆ่าหมูที่เป็นคนต่างชาติบ้าง แขกบ้าง เขมรบ้างอยู่ปนๆ ไปกับกับหมู่ยักษ์ที่เป็น มาร' ผจญองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมามารจึงถูกพระแม่ธรณีบีบมวยผมจนหลั่งเป็นสายธาราท่วมพัดมารเหล่านั้นดับสูญไป

 

ดังนั้น ไตรภูมิ' คือแกนของเรื่องในการทำงานช่าง ส่วนองค์ประกอบอื่นๆคือลูกเล่นที่ช่างจะคิดสร้างสรรค์มาอวดฝีมือและสื่อออกมาสู่ผู้มองเข้าไปในศาสนาและภาพอย่างแยบยล เช่นนั้นแล้วผู้ศึกาพุทธศาสนาและศิลปะไทยจึงต้องทำความเข้าใจใน ไตรภูมิ' แต่ในปัจจุบันคงห่างเหินไปจากการเรียนรู้ในกระแสหลักมากมายจนยากเข้าใจไปแล้ว จึงจะขอเล่าและเสริมโลกทัศน์ส่วนตัวเลียนอย่างธรรมเนียมช่างแต่โบราณมาเล่าสู่กันฟังสั้นๆ พอสนุกๆกันในพื้นที่ตรงนี้

  

ไตรภูมิ' คือ คติความเชื่อในพุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องราวความเป็นไปทั้งหลายในจักรวาล มีความเพริศแพร้วพิสดาร เป็นทั้งเรื่องของยักษ์ มนุษย์ สัตว์นรก เปรต อสูร หรือแม้แต่เทวดา ไตรภูมิ คือการแบ่งจักรวาลนี้ออกเป็น 3 ภูมิใหญ่ ได้แก่ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ส่วนความสนุกของเรื่องอยู่ที่ความอิรุงตุงนังของเทวดาและยักษ์ที่ทะเลาะขับเคี่ยวกันมาตลอด ที่ผ่านมาเทวดามักชนะ แต่บางพฤติกรรมของเทวดา มนุษย์ตรงกลางอย่างเราๆ ดูแล้วบางทีมันก็ชวนสงสัยว่าอาจจะเลวกว่ายักษ์มารเสียอีก

 

ในไตรภูมิใหญ่ยังแบ่งภูมิเป็นภูมิย่อย ชั้นต่ำสุดเป็นนรกภูมิที่ซอยลงไปอีกเป็นหลายขุม ที่ตรงนี้คงไม่ต้องอธิบายเพราะในวันหนึ่งข้างหน้าอาจได้ไปเยือนกันเอง ถัดขึ้นมาอีกเป็นเดรัจฉานติภูมิ หมายถึงสัตว์ที่ไปไหนมาไหนต้องคว่ำอก ต่อมาอีกเป็นเปรตภูมิที่สามารถกินบุญที่ทำไปให้ได้ สูงมาหน่อยนั่นล่ะจึงเป็น อสูรกายภูมิที่อยู่ของพวกไม่กินเหล้า หรือตัวหลักของเราที่วันนี้อาจกลับมาเป็น พระเอก'

 

เรื่องราวตำนานที่มาทั้งชื่อและที่อยู่ของเหล่าอสูรยิ่งน่าสนใจมาก เพราะไปเกี่ยวข้องกับความกะล่อนปลิ้นปล้อนของเหล่าเทวดาหลายครั้ง ครั้งหนึ่งเทวดาเคยชวนเหล่าอสูรมาร่วมกันกวนเกษียณสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤทธิ์ซึ่งต้องใช้พญานาคเป็นเครื่องผลิตโดยหลอกอสูรให้อยู่หัวเทวดาอยู่หาง ขณะจะได้น้ำอมฤทธิ์พญานาคจะถุยน้ำลายพิษออกมา อสูรอยู่หัวจึงรับไปเต็มๆ ร่างกายระทวยอ่อนแรงกันไปหมด ส่วนเทวดารู้จักหลีกมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่โดนพิษ ตัวก็ไม่เหม็นน้ำลาย หน้าตาสะอาดดูดี สุดท้ายก็แย่งน้ำอมฤทธิ์มาแดกแต่พวกตัว เพราะเป็นเทวดาจะด่าว่าไร้มนุษยธรรมก็คงไม่ได้

 

บรรดาอสูรยังเคยมีเมืองสุขสบายอยู่ในทำเนียบผู้บริหาร (ไตรภูมิเดิมบอกว่าบนเขาพระสุเมรุหรือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ปัจจุบันเป็นที่อยู่พระอินทร์ ผู้นำฝ่ายเทวดา) แต่พวกเทวดาคิดอุบายมอมเหล้า (อำนาจ) จนไม่ได้สติแล้วถีบไปอังกฤษเอ๊ย..ตกเขาจมลงใต้ดิน เมื่ออสูรสร่างเมาได้สติก็สำนึกตัวว่าเป็นเพราะกินเหล้ามากจนเมามายจึงต้องเสียบ้านเมืองให้กับพวกเทวดาจึงเลิกกินเหล้าแล้วไปสร้างเมืองใหม่ใต้บาดาล

 

ที่จริงพวกอสูรกายเองก็มีหลายพรรคการเมืองเอ๊ยหลายเมืองปกครองตัวเอง (ในไตรภูมิบอกมีแค่ 4 เมือง) แม้อยู่ใต้ดินเมืองก็กินกันจนเมืองหรูหราเป็นทองอร่ามเหมือนเมืองของเทวดา (พวกนี้ชอบการสรรหาเพราะไม่เปื้อนน้ำลาย เงินเดือนสูง มีอภิสิทธิ์ต่างๆมากมาย) ส่วนเมืองอสูรมีทั้งอสูรร่วมรัฐบาลและอสูรฝ่ายค้าน แต่ครั้งหนึ่งเคยมีพระยาอสูรตนหนึ่งมีอำนาจมากชื่อว่า ราหู' เคยไปร่วมกับเทวดากวนเกษียรสมุทรด้วย รู้จักคิดใหม่ทำใหม่เลยปลอมเป็น เทวดา' จนได้กินน้ำอมฤทธิ์และทำให้ ฆ่าไม่ตาย' และหวังทวงเขาพระสุเมรุคืนอยู่เนืองๆ

 

ส่วนพวกเทวดานั้นมีนิสัยอย่างหนึ่ง เวลาจะเสียเปรียบมักชอบฟ้องพ่อ..อืมม ไม่ใช่ๆ ฟ้องมหาเทพสูงสุด องค์หนึ่งชื่อ วิษณุ'หรือ นารายณ์' ผู้ชอบอวตาร (ครั้งหนึ่งเคยอวตารเป็นพระราม อยู่ในวรรณะกษัตริย์เลยกลายเป็นที่มาของความเชื่อเรื่อง สมมติเทพ' ) เทวดา (บ้าน) พระอาทิตย์และพระจันทร์รู้เรื่อง ราหู' แอบปลอมเป็นเทวดาเลยไปบอกวิษณุ วิษณุรู้เรื่องเลยแผลงฤทธิ์ขว้างจักรแก้วไปตัดตัวราหูออกเป็นสองท่อน แต่เพราะดื่มน้ำอมฤทธิ์แล้วจึงไม่ตาย กระนั้นและยังอาฆาต (บ้าน) พระอาทิตย์และพระจันทร์ตลอดมา มีโอกาสก็จะกลับมาอมจนมืดไปทั้งเมืองกลายเป็นปรากการณ์ สุริยคราส' และ จันทรคราส' ดังที่รู้กัน

 

การต่อสู้ของเทวดากับอสูรผ่านมาถึงวันนี้ยังไม่จบ ส่วนเราๆ ท่านๆ อยู่ใน มนุษยภูมิ' อิทธิฤทธิ์น้อยกว่าพวกอสูร น้อยพวกเทวดา เพียงเกิดจากน้ำเมือกๆ ขุ่นๆ ขาวผสมกับไข่ตอนสังวาสกัน เมื่อเกิดมาไม่มีฤทธิ์มากก็ต้องพึ่งพาตัวเอง จึงต้องเชื่อเรื่องสิทธิเรื่องเสียงของตัวเอง เชื่อเรื่องความเท่าเทียม เชื่อว่าพลังยิ่งใหญ่มาจากเสรีภาพในตัวเองและไม่ได้มาจากการที่ใครประทานมาให้ ดังนั้นแม้ไม่มีฤทธิ์ก็ยังอยู่ภูมิสูงกว่าอสูร หรือแม้จะอยู่ต่ำกว่าภูมิเทวดา แต่ก็โชคพวกเหล่านั้นที่มีสติ' และ ปัญญา' บรรลุธรรมและแก้ปัญหาเองได้โดยไม่ต้องฟ้องใคร

 

ความรู้เรื่องภูมิจักรวาลของจบลงแค่สงครามที่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ส่วนการที่ไม่อาจเอื้อมไปแตะหรืออธิบายถึงภูมิที่สูงกว่านี้ไม่ใช่เพราะไกลตัวแต่เป็นเรื่องที่แต่ละคนคงต้องไปศึกษา พิสูจน์และ รู้' ด้วยตนเอง   

 

อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับมามองพวกอสุรา ที่กลายมาเป็นยักษ์แบกกับ นักการเมือง' ในงานศิลปกรรมและไตรภูมิแล้วก็เห็นกรรมวิบากอันหนักหน่วงที่ต้องเผชิญ นักการเมือง' นั้นถูกหลอกให้เมา (อำนาจ) ได้ง่าย เพียงแต่นักการเมืองก็ยังเป็นมนุษย์ เวลาเสียศูนย์ก็กระทบไปหมดทั้งภูมิ นายช่างคงอยากชักนำพระธรรมมาให้แบกเสียบ้างจะได้ไม่เลยเถิดเกินเส้นมนุษย์ เพราะถ้าใจพลัดตกลงไปต่ำถึงภูมิอสูร แม้มีอำนาจมากล้น แต่คงไม่พ้นถูก เทวดา' ปลิ้นหลอก จนต้องทำสงครามกันอยู่ร่ำไป

 

ส่วนเทวดานั้นเพราะสุขสบายจนติดใจ ไม่อยากลงมาต่ำตามกรรมที่ทำไว้จึงดิ้นรนหาชัยชนะให้ตัวเองอยู่ร่ำไปจนไม่สนใจวิธีการและครรลองแห่งธรรม เพราะแม้เป็นพระอินทร์ก็ตกบัลลังก์ได้ หากมีใครทำกรรมบารมีของพระอินทร์สำเร็จ พระอินทร์บางคนกลัวมีพระอินทร์องค์ใหม่จึงตัดแข้งตัดขาคนอื่นไม่ให้ขึ้นมาแทน แม้แต่เทวดาระดับสูงยังมีความกลัว ในหมู่เทวดาจึงมีการเมือง

 

เสียดายก็แต่คนในมนุษย์ภูมิเวลานี้ถูกการปลุกระดมนำพาอารมณ์ไปมากจนลืมสติและบดบังปัญญาไปแทบสิ้น เวลานี้สถานะเทวดาเริ่มไม่มั่นคง ดูกันดีๆ การเมืองของเทวดาคราวนี้อาจไม่ได้หลอกแค่อสุราแต่จะหลอกมนุษย์ไปทำสงครามกับอสูรแทน

 

ตอนนี้เวลามองกองทัพที่ปากพร่ำพูดเรื่องธรรมะแล้วเห็นเป็นประหลาด ดูไม่สงบ สว่าง และเกิดปัญญา แต่กลับพาลนึกถึงหนังไทยที่เคยดูตอนเด็กๆ สังเกตดูหากมีไอ้ลูกกำนันกร่างๆ บอกให้ล้อม ให้จัดการ ให้ไประรานคนนั้นที คนนี้ที ไม่รู้จบแล้วล่ะก็ เดาไว้ก่อนได้เลยว่า "ไอ้นั่น มันเป็นตัวโกงแน่"

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาในเกมช่วงชิงพื้นที่สื่อ กลยุทธ์หนึ่งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นข่าว ส่วนฝ่ายตนนั้น ต่อให้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายแต่ถ้าได้พื้นที่ข่าวก็ถือว่าได้เปรียบใน ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอทำให้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูอยู่ในความจดจำ ดีกว่าเป็นบุคคลโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีพูดอะไร ให้สัมภาษณ์ว่าอะไร สื่อมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าเวลาอ่านหรือฟังข่าวในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวจะหยิบคำพูดของนายกรัฐมนตรีมาเปิดเผยแบบยาวๆพูดแบบตามตำรา ก็คือ แหล่งข่าวเป็นผู้นำในรัฐบาล พูดอะไรก็ย่อมเป็นข่าวอยู่แล้ว…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เสาร์ที่ผ่านมา มีงานประชุมชื่อ Barcamp Bangkok จัดขึ้นที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26 งานนี้ งานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นงานที่มีผู้จัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนมากันแต่เช้าเพื่อช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ แปะป้าย บางคนทำสมุดทำมือมาแจก หลายคนเตรียมหัวข้อพร้อมสไลด์มาพูดในงาน ------------------------------------- http://www.flickr.com/photos/poakpong http://www.flickr.com/photos/plynoi ทันทีที่งานเริ่ม กระดาษแผ่นแล้วแผ่นแล้ว ถูกทยอยนำไปแปะบนกระจกของร้าน ว่ากันว่า หัวข้อที่พูดกันในงาน มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเว็บแอพพลิเคชันใหม่ๆ เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง…
Hit & Run
ตติกานต์ เดชชพงศคงรู้กันหมดแล้วว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีถูกยึด และต่อจากนี้ ทีวีช่องนี้จะไม่มีรายการบันเทิง ‘ไร้แก่นสาร' อีก จะมีก็แต่รายการที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์สังคม มีคุณค่า ประเทืองปัญญากว่ารายการทีวีแบบเดิมๆๆๆๆ ฯลฯ แล้วทีวีช่องนั้นก็ถูกเรียกเสียใหม่ว่า ‘ทีวีสาธารณะ' ในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ‘รสนิยมสาธารณ์' ไม่ว่าจะเป็น ละครน้ำเน่า (ผ่านยุคของ พจมาน สว่างวงศ์, ดาวพระศุกร์ หรือ โสรยา ใน ‘จำเลยรัก' มามากกว่าหนึ่งยุค!) รวมถึงเกมโชว์ที่ ‘ได้รับแรงบันดาลใจ' มาจากต่างประเทศ และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เอะอะก็ต่อสู้กัน (แม้แต่การ์ตูนแมวหุ่นยนต์ ‘โดราเอมอน'…
Hit & Run
  วิทยากร  บุญเรืองกลุ่ม แบ๊คซ้าย' มิถุนาฯ   23 ธันวาคม 2550...เป็นอีกวาระหนึ่งที่เราจะต้องออกไปช่วยเพื่อนรัก ‘นักการเมือง' (กลุ่มคนที่ถูกประณามมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน)สื่อต่างๆ ชอบที่จะกระแซะแซวว่า นักการเมืองมักจะมืออ่อนนอบน้อมกราบไหว้ประชาชนเสมอในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คนอีกบางจำพวกนั้น ‘ไม่มี' ช่วงเวลาพิเศษไหนเลยที่จะลงมาไหว้กราบกรานขอคะแนนจากประชาชน หนำซ้ำพวกเรากลับต้องกราบกรานไหว้เขาอยู่เป็นกิจวัตรใครล่ะน่าเกลียดกว่ากัน? สำหรับวาระสำคัญก่อนการเลือกตั้ง การรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำนองที่ว่า ‘…
Hit & Run
   พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจใครที่ไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปี หากมาเยือนปีนี้ คงผิดหูผิดตาเลยทีเดียวไม่ใช่แค่งานพืชสวนโลก ไม่ใช่แค่ ‘ช่วง ช่วง' หรือ ‘หลิน ฮุ่ย' ไม่ใช่แค่ร้าน ‘ไอเบอรี่' ของโน้ต อุดม ที่ทำให้ ‘หน้าตา' เมืองเชียงใหม่เปลี่ยนไปหากแต่ยังมีเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่ชื่อว่า ‘ทางลอด' ผุดขึ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเบื้องหลังของมัน ยังมีเรื่องราวอันยาวนานของการพัฒนา ‘เมือง' อีกด้วย!หลายปีมานี้ ยวดยานใน จ.เชียงใหม่ ต้องประสบกับความทุลักทุเลในการข้ามสี่แยก เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างทางลอดแยก ผุดขึ้นบนถนนสายหลักของเมืองเชียงใหม่ เช่น การก่อสร้างทางลอด 7 แห่ง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี…
Hit & Run
"ต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ในสังคม พบว่าเรื่องหนึ่งคือ คนที่เป็นเจ้าของปัญหาไม่มีช่องทางส่งเสียงของตัวเองในช่องทางสื่อสารมวลชน ยิ่งวิทยุและทีวีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นที่ของคนเดือดร้อน ถูกเบียดออกมาบนท้องถนนที่ออกมาประท้วงให้คนเมืองใหญ่รำคาญ" 
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก ‘สบายใจ'…
Hit & Run
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมืองแบบไทยๆ เมื่อมีบางคนใน ‘ตองหนึ่ง' อดีตผู้บริหารไทยรักไทยเรียกร้องในสิทธิความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อองค์กร ‘ไม่ใช่พ่อ' และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอให้เข้ามาดูแลสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยยุ่งเกี่ยวการเมืองทุกรูปแบบกรณี ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก แทบฉับพลันทันทีนั้น เสียงแขวะฝอยเลาะตะเข็บก็ดังควากออกมาอย่างหยามหยันมากมายตามหน้าสื่อต่างๆเมื่อตามรอยตะเข็บที่เลาะไป ใช่จะไม่มีมูล…
Hit & Run
"ความพยายามสร้างกติกาอันบิดเบี้ยวตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘ผี' ยิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่กลัว และยิ่งน่าพิสมัยสำหรับผู้ที่ไม่กลัว และผู้ที่ไม่กลัวส่วนใหญ่นั้นแม้จะอยู่ห่างไกล ไร้อำนาจ แต่ก็สามารถแสดงพลังเงียบของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ"  ภาพจาก dschild.exteen มุทิตา  เชื้อชั่ง ผมเป็นคนกลัวผีมากจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลัวผี และรู้สึกว่าสังคมไทยกำลังกลัว ‘ผี' อย่างหนัก ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ จากที่เคยมีคำอธิบายมากมายว่าทำไมจึงต้องกลัว ‘ผี' หรือไล่ ‘ผี' แต่นานวันเข้า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความกลัว ‘ผี'…
Hit & Run
ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/คิม ไชยสุขประเสริฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง