Skip to main content

ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ

 

หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค.

พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า

พี่น้องครับ พี่น้องหลายคนอาจจะเคยชินว่า ตื่นมาตอนเช้าก็เปิดโทรทัศน์ก็จะเห็นรายการข่าวจัดโดย คุณอัญชลี ไพรีรัก จัดโดย น้องเก๋ กมลพร วรกุล และต่อมาด้วย คุณสำราญ รอดเพชร ต่อมาเรื่อยๆ ถึง คุณบัณฑิต ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตกค่ำ ก็จะมีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วงดนตรีตั้ว เสก ซูซู วงดนตรีแฮมเมอร์ วงดนตรีหลายๆ วงดนตรี

พี่น้องครับ พี่น้องยังจะได้รับความเคยชินเช่นนี้อยู่เหมือนเดิม ผมเห็นใจว่า ตกเย็นพี่น้องอาจจะรู้สึกหงุดหงิด ว่า เอ๊ะวันนี้ไม่มีที่ไปหรอ วันนี้เคยไปทำเนียบ มาทุกวัน วันนี้ตื่นมาตอนเย็นไม่รู้จะทำยังไง หรือว่าตกเย็นแล้วไม่รู้จะไปไหน พี่น้องครับ เราจะจำลองเหตุการณ์ที่ประท้วงข้างนอกเข้ามาสู่ห้องส่ง นับตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป หรือพรุ่งนี้ถ้าทำได้ทัน

เมื่อพี่น้องตื่นเช้าแล้วเปิด ASTV ตอน 7 โมงเช้า พี่น้องจะได้พบกับ คุณอัญชลี ไพรีรัก และ น้องเก๋ กมลพร วรกุล 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า 9 โมงเช้าต่อจากนั้นถึง 11 โมงเช้า ก็จะเป็นคุณสำราญ รอดเพชร พร้อมกับนักพูดฝีปากกล้า มานั่งวิเคราะห์ข่าว ตอนเช้าฟังการวิเคราะห์เหน็บแนมของคุณอัญชลี อย่างดุเดือดเผ็ดมันและชวนฮา 9 โมงถึง 11 โมง ได้รับการฟังการวิเคราะห์ข่าวของคุณสำราญ รอดเพชร ซึ่งจะประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น คุณประพันธ์ คูณมี ท่านทูตสุรพงษ์ ชัยนาม ท่านทูตกษิต ภิรมย์ และหลายต่อหลายท่าน 11 โมงถึงเที่ยงจะเป็นการฉายเดี่ยวของ คุณบัณฑิต นะครับ หรือคุณต๋องของผม พิธีกรปากกล้า หลังจากเที่ยงมีการประกาศข่าว หรือว่าอ่านข่าวรอบเที่ยงแล้ว บ่ายโมงเป็นต้นไปจนถึง 4 โมงเย็น จะเป็นรายการของคุณหมี ยุทธยง และ คุณปุ้ย วศมล ช่างปรีชา คู่หูคู่ฮา บนเวทีพันธมิตรฯช่วงบ่าย 4 โมงเย็นต่อไปจนถึง 6 โมงเย็น เป็นรายการ News Hour นำโดย คุณเติมศักดิ์ จารุปาน พิธีกรที่เด็ดขาด ลึกซึ้ง พิธีกรที่เด็ดขาด ลึกซึ้ง พูนเพียบด้วยปัญญา และสติ และควบคู่กับ เก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์

ต่อจากนั้นไป จะเป็นรายการ อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และต่อด้วยข่าวราชสำนัก

หมดจากข่าวราชสำนัก ประมาณ 3 ทุ่ม หรือ 2 ทุ่มครึ่ง ก็จะเป็นรายการ พบกับพันธมิตรฯ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหมือนกับที่ทำเนียบ ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรผิดเลย เพียงแต่ว่า การพบแกนนำนี้ วันนี้เราจะพาแกนนำทั้ง 2 รุ่นมา ยกเว้นบางคน ซึ่งขณะนี้ ติดภารกิจที่งานศพ เพื่อมาแนะนำตัวก่อน หลังจากนั้น ทุกๆ วัน จะมีแกนนำอย่างน้อย 1 คน เข้ามาร่วมสนทนา ผู้ให้การสนทนาก็อาจประกอบด้วย คุณแอน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ คุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ และอาจเป็น คุณอุษณีย์ เอกอุษณีย์ หลายๆ ท่านเข้ามาร่วม และขณะเดียวกัน แกนนำท่านอาจจะเชิญแขกผู้มีเกียรติบางท่านขึ้นมา และสนทนาให้ความรู้กัน จะเป็นเช่นนี้ไป วันจันทร์จนถึงวันอาทิตย์ไม่ขาด ยกเว้น เสาร์ อาทิตย์ ตอนบ่าย

ตอนบ่ายนั้น วันเสาร์และอาทิตย์ จะเป็นรายการวาไรตี้ พี่น้องจำวงดนตรีต่างๆ จำ วง แฮมเมอร์ จำ วง เสก ซูซู จำวง คีตานชาลี วงโฮป จำลำตัดได้ไหม จำการฟ้อนรำที่สวยงาม เราจะเอานี่มาจัดเป็นรูปร่างและมาเสนอให้พี่น้องดูในวันเสาร์ตอนบ่าย และวันอาทิตย์ตอนบ่าย ต่อจากนั้น ตั้ว ของเรา ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ก็จะมีรายการของ ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ให้พวกเราชม ในวันเสาร์และวันอาทิตย์วันละ 1 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ASTV ก็จะมีละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกแบบฟรีทีวีอื่นๆ โดยสนธิจะให้เป็นการกำกับโดยศรัณยู วงศ์กระจ่าง นักแสดงชื่อดังและอดีตพิธีกรเรื่องจริงผ่านจอที่ถูกถอดออกจากช่อง 7 เมื่อไม่นานนี้ หลังจากผันตัวมาเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 โดยรูปแบบจะเป็น ละครสะท้อนความจริงในสังคมไทย จะเป็นละครสะท้อนการต่อสู้ ของพ่อแม่ พี่น้อง จะเป็นละครที่ฉีกแนวออกจากละครน้ำเน่าของทุกๆ ช่อง จะเป็นละครที่ให้สาระ จะเป็นละครที่ให้อุดมการณ์ จะเป็นละครที่เน้นเรื่องศรัทธา เน้นเรื่องความเชื่อมั่น และเน้นในเรื่องความเพียรที่จะทำความดีให้กับสังคมไทย

สนธิออกตัวในรายการว่าการสร้างละครต้องใช้เงินเยอะ แต่เขาบอกว่าได้ยืนยันกับศรัณยูแล้วว่า ไม่ต้องห่วง ทำไปก่อนเถอะแล้วเงินมันจะมา สปอนเซอร์มันจะมา จะเป็นละครเรื่องเดียว และเจ้าเดียวในประเทศไทยที่จะมีคนโทรศัพท์มาบริจาคสมทบทุนการสร้างละคร

 

สนธิยังกล่าวว่า ASTV “ไม่ใช่โทรทัศน์ฟรีทีวีผ่านดาวเทียมอีกต่อไปแล้ว แต่ ASTV นั้นเป็นฟรีทีวีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เป็นเจ้าของ และ ASTV จะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อเป็นอาวุธ เป็นเครื่องมือสื่อสาร เพื่อจะโยงใยพี่น้องทุกๆ ภาค และดูเหมือนว่าผู้ชม ASTV จะมีภารกิจที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือต้องบริจาคเป็นประจำเพื่อให้ ASTV อยู่ได้ด้วย โดยสนธิกล่าวว่า

พี่น้องครับ คนดู ASTV มีกว่า 15 ล้านคน พี่น้องครับ ASTV อยู่ได้ เพราะแรงใจ แรงบริจาคของพ่อแม่พี่น้อง ถ้าพ่อแม่พี่น้องต้องการจะเก็บ ASTV เอาไว้เพื่อเป็นสมบัติของพ่อแม่พี่น้อง เพื่อเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทย ที่กล้าให้ความจริงกับพ่อแม่พี่น้อง และ ASTV เท่านั้น ที่นำพาพี่น้องและให้พี่น้องเข้ามามีส่วนร่วม ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันกู้ชาติครั้งนี้ และกู้ได้สำเร็จเกือบจะหมดแล้วตอนนี้ ก็เพราะว่าเรายึดมั่นในการขายความจริงโดยไม่กลัวภยันอันตรายทั้งสิ้น พี่น้องครับ ไม่ได้เป็นการมาขอเงินขอทองพ่อแม่พี่น้อง แต่ว่าการสนับสนุนของพ่อแม่พี่น้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะว่า ASTV ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะพ่อแม่พี่น้อง

000

การประกาศยุติการชุมนุม โดยอ้างว่าได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการต่อสู้อันได้แก่ 1. คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 2. ขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิด เพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่

ทั้งที่ คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค ไม่ได้ทำให้สภาพของรัฐบาลที่พันธมิตรฯ ขับโค่นสิ้นสุดลงอย่างฉับพลันทันที บรรดานักการเมืองที่รอดตายจากดาบของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญก็พร้อมไปเข้าร่วมพรรคใหม่ และหากไม่มี สัญญาณแทรกพวกเขาก็พร้อมกลับมาตั้งรัฐบาลในนามพรรค เพื่อไทย

ทั้งที่ กระแสสังคมที่กดดันและประณามพันธมิตรตลอดการชุมนุม 193 วัน และกระแสนั้นก็ดังขึ้นและชัดเจนขึ้นหลังปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สภาพเงื่อนไขเช่นนี้ ก็ห่างไกลที่พันธมิตรฯ จะสามารถเอาชนะขั้วพลังประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนสามารถสถาปนาการเมืองใหม่ได้

ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่าตลอด 193 วัน พันธมิตรฯ ยังห่างไกลจากการบรรลุวัตถุประสงค์ของการต่อสู้ที่พวกเขาตั้งไว้ก่อนหน้านี้

คำประกาศชัยชนะก่อนยุติการชุมนุมจึงเป็นเพียงคำปลอบใจมวลชนที่อ่อนล้าจากยุทธการ ม้วนเดียวจบ และ สงครามครั้งสุดท้าย ระหว่างพันธมิตรฯ V.S. รัฐบาล คงไม่ยุติศึกเพียงเพราะคำสั่งยุบพรรคแน่นอน

ดังนั้น การประกาศยุติชุมนุม ตามมาด้วยการ จำลองม็อบไว้ใน ASTV จึงไม่ใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นการเปลี่ยนยุทธวิธีการเคลื่อนไหว หลังจากบอบช้ำจากการใช้ยุทธวิธีชุมนุมกดดันกลางถนน จนถูกสังคมประณาม และลดการสูญเสียจากการถูก กองกำลังไม่ทราบฝ่าย จองกฐินด้วยการถล่มแบบรายวันจนเกิดบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จนถอยจากทำเนียบแทบไม่ทัน

ยุทธวิธีต่อสู้ด้วยการ จำลองม็อบไว้ใน ASTV แทนการชุมนุมจริง จึงเป็นการลดเสียงต้านพันธมิตรฯ ที่เกิดจากการชุมนุมกดดันบนท้องถนน หรือยึดสถานที่ราชการ และลดการบาดเจ็บล้มตายจากการถูกจองกฐินจาก กองกำลังไม่ทราบฝ่าย

ที่สำคัญคือเป็นการกลับมาทำสงครามในสมรภูมิ สื่อที่สนธิมีความถนัดกว่าสมรภูมิ การชุมนุม ที่จำลองมีบทบาทเด่น และในสมรภูมิสื่อนี้เองสนธิจะสามารถกุมสภาพการนำได้เหนือกว่าแกนนำคนอื่นๆ ผ่านการทำสงคราม สื่อและวางผังรายการ ASTV ที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของ

การชุมนุมอยู่หน้าจอ ยังถนอมกำลังมวลชนของพันธมิตร ที่เหนื่อยล้าตลอดการชุมนุมบนท้องถนน 193 วัน โดยสามารถใช้ ASTV หล่อเลี้ยงข้อมูลให้กับผู้สนับสนุนพันธมิตรได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และเมื่อมีเงื่อนไขที่เหมาะสม แกนนำก็สามารถใช้ ASTV ระดมพลเพื่อออกมาเคลื่อนไหวทุกเมื่อ

อาจมีคำถามว่าการ จำลองม็อบ จะรักษากระแสการต่อสู้ของพันธมิตรในระดับที่เข้มข้นอย่าง ม็อบจริงๆได้อย่างไร คำตอบที่ต้องไม่ละเลยก็คือ การก่อตัวขึ้นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้มีองค์ประกอบเพียงการชุมนุมในพื้นที่จริงเท่านั้น แต่พื้นที่ข่าว ที่ได้รับการหนุนเสริมโดย ASTV และหนังสือพิมพ์ในเครือทั้งรูปแบบสิ่งพิมพ์ออนไลน์ ก็ช่วยรักษารูปมวยของการต่อสู้ไว้ด้วย

ที่ผ่านมา ASTV ก็มีบทบาทเชิงรุกสำหรับการชุมนุมด้วยซ้ำ ทั้งการถ่ายทอดสดการชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง และถ่ายทอดสดทุกวันยาวนานกว่า 193 วัน และมีการใช้ ASTV นัดหมายสถานที่ๆ ผู้ชุมนุมในแต่ละจังหวัด ในแต่ละอำเภอสามารถไปรวมตัวกันที่นั่น แล้วเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ แบบ เต็มออก เต็มออก ฯลฯ ทำให้ ASTV เสมือนเป็นเวทีปราศรัย เป็นรถบัญชาการการชุมนุมแห่งที่สองของพันธมิตรฯ แบบที่สนธิเคยพูดเปรียบเทียบเมื่อ 29 พ.ย. ว่าการรักษา ASTV ก็เหมือนการรักษาที่มั่นอย่างทำเนียบรัฐบาล หรือ สนามบินสุวรรณภูมิ

โดยในวันนั้นเองที่เขาบัญชาการการชุมนุมมาจากห้องส่ง ASTV เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ทำเนียบ-ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ รักษาพื้นที่ด้วยชีวิต ถ้าจำเป็นก็ต้องหลั่งเลือด ชนิดที่ว่า ถ้าบุกเข้ามา ถ้ายิงเรา เราก็ยิงสวนกลับไป[2]

000

 

สถานการณ์การเมืองไทยช่วงนี้จึงเป็นเพียงการพักรบชั่วคราวเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาของวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านพ้นไป จึงต้องจับตาว่าสนธิ ลิ้มทองกุลและแกนนำที่จะไปจัด จำลองม็อบผ่าน ASTV นั้น วันดีคืนดีพวกเขาจะบัญชาการพ่อยกแม่ยกผ่านทางโทรทัศน์ นัดหมายให้ไปปฏิบัติการตามแนวทาง อารยะขัดขืนหรือ ดาวกระจายหรือ ม้วนเดียวจบหรือไม่

เมื่อนั้นจะได้เห็นว่าการ จำลองม็อบ ผ่าน ASTV จะเป็นอาวุธที่รัฐบาลต้องครั้นคร้าม ประชาชนต้องเอือมระอา แบบการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรเฟส 2 หรือไม่

หรือเป็นแค่ ‘Group Psychotherapy’ ของลุงๆ ป้าๆ นักรบมือตบ และนักรบศรีวิชัยผู้เสพติดการ มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ

 

อ้างอิง

[1]สนธิเชิดชูวีรชนกู้ชาติ-ย้ายกิจกรรมชุมนุมสู่จอ ASTV, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 3 ธ.ค. 2551 21:53 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000143170

[2] สนธิสั่งมวลชนยอมหลั่งเลือด พิทักษ์ทุกฐานที่มั่น, ประชาไท, 30 พ.ย. 2551 http://www.prachatai.com/05web/th/home/14681

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 ภาพจาก reutersคิม ไชยสุขประเสริฐวันฝนตก ฉันนั่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงษ์ <1> ในหนังหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับภาพของ นางการ์เม่ ชาคอน (Carme Chacon) วัย 37 ปี ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The International Herald Tribune ขณะที่นางชาคอน ผู้ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อนเป็นรัฐมนตรีการเคหะ กำลังเดินตรวจพลสวนสนามครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 14 เม.ย.... เธออยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อคลุมท้อง และสวมรองเท้าส้นสูง...นางชาคอนได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสเปน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บไซต์ artshole โดย Richard Sayerตติกานต์ เดชชพงศ เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจารย์ 2 ท่านจากสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ ออกแถลงการณ์เตือนให้ ‘คนทำสื่อ' และ ‘คนบริโภคสื่อ' ระมัดระวังภาวะ ‘สื่อเป็นพิษ' อันเนื่องมาจากการบริโภคข้อมูลปนเปื้อน ‘ความรุนแรง' ที่แฝงเร้นมากับข่าวและบทความอันท่วมท้นล้นหลามในยุคสารสนเทศครองเมืองไม่แน่ใจนักว่า ‘สื่อเป็นพิษ' จะก่อให้เกิดอาการอะไรที่เป็นผลร้ายแรงกับสุขภาพร่างกายหรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงอาการ ‘อาหารเป็นพิษ' ซึ่งคนส่วนใหญ่ ‘บริโภค' เข้าไปเพราะไม่รู้เท่าทัน จะทำให้ผู้บริโภคอาเจียน ท้องเสีย หน้ามืดหมดแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะพิษเข้าสู่กระแสเลือด...…
Hit & Run
  [^_^]/ระเบิด (bomb) [n.] คือวัตถุที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' จะบรรจุ ‘วัตถุระเบิด' หรือสารที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' ไว้ภายใน00025 เมษายน 2551 เวลา 6.30 น.วัดแสนฝาง ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่นายนที อนันทปัญญสุทธิ์ อายุ 45 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้า กำลังรถไปจอดภายในบริเวณวัดแสนฝาง เขาพบกล่องพัสดุสีขาวไม่ระบุชื่อผู้รับ วางอยู่หน้าทางขึ้นศาลาวัด  นายนทีหยิบกล่องนั้นขึ้นมารู้ว่ามีน้ำหนัก คิดว่าเป็นของมีค่าอยู่ภายในจึงได้แกะดูพร้อมกับเดินไปตามถนนเพื่อเข้ามาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดวโรรสหรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า ‘กาดหลวง'แต่พอใกล้ถึงร้านเขาเปิดฝากล่องออกมาดูพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจริงๆ…
Hit & Run
  มุทิตา เชื้อชั่ง โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ....สุ้มเสียงเธอเป็นอย่างไร ไม่สู้จำได้ ตราตรึงไว้เพียงริมฝีปากทำนองเพลงฟังผ่านๆ ไป แต่ทำนองการเคลื่อนไหวเร้าใจกว่ามากบุคลิกแคล่วคล่องว่องไว หนุ่มๆ ขอใกล้ ป้าๆ ขอจากยาลม ยาดม ยาหม่อง เร่งเอามากอง อย่าให้หายาก  โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่....สีสันแห่งยุคสมัย ขายได้ ขายไว เลื่อนไหลเชี่ยวกรากจับเธอมาใส่ชุดไทย น่ารักสดใส เซ็กซี่ไม่เหลือซากปกติเสื้อหาย กางเกงหด คราวนี้งามงด โอ้... ไทยมั่กๆเด็กชอบ ผู้ใหญ่อมยิ้ม ดูหนังสือพิมพ์ คอนทราสต์หายอยากหยดเยิ้ม หยาดย้วย หยอดย้อย ผู้ใหญ่หวังคอยเด็กไทยรู้รากแต่ราฟฟี่ แนนซี่ กอล์ฟ ไมค์…
Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม' (Dream Team) ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แสนน่ารักออกมายั่วยวนคนรักเด็กแล้ว ในสัปดาห์แรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายซึ่งประจวบเหมาะเป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นมีเด็กตัวเล็กๆ มาดูกันคับโรงไปหมด เช่นเคย ทุกครั้งก่อนภาพยนตร์จะได้ฉาย คนดูหนังจะต้องลุกขึ้นยืนเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขึ้น และอาจจะด้วยความไร้เดียงสา เด็กคนหนึ่งพูดออกมาเสียงงอแงค่อนข้างดังว่า "มาดูหนัง ทำไมต้องยืนด้วย"อาจไม่แปลกที่เด็กน้อยไม่คุ้นชินกับธรรมเนียมที่โลกของผู้ใหญ่ปฏิบัติกันมายาวนาน แต่นั่นยังไม่ซับซ้อนน่าสงสัย…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว)กระแสหนังสือ ‘ลับ ลวง พราง: ปฏิวัติปราสาททราย' ของ คุณวาสนา นาน่วม กำลังมาแรง และวันนี้เราลองมาคุยกันถึงเรื่องนี้หน่อย ผมได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ของลูกพี่ไปอ่าน ทีแรกไม่ได้ตั้งใจอ่านม้วนเดียวจบ แต่คุณวาสนา เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง (?) น่าติดตาม และสนุกไปกับกลวิธีการเขียน --- ผมอ่านจากหน้าไปหลัง หลังไปหน้า ดูสารบัญแล้วเปิดอ่าน แต่สรุปแล้วก็อ่านจบทุกบท เพราะมันคล้ายๆ หนังสือกอสซิปดาราถามว่าอ่านแล้วได้อะไรบ้าง? สิ่งที่สำคัญที่ผมได้ก็คือ รู้สึกว่ากลยุทธ์ของทหารไทย ไม่ได้หนีไปจากยุคสามก๊กเท่าไร และมันทำให้ได้รู้ว่า ชายชาติทหารก็คือปุถุชนคนธรรมดา…
Hit & Run
   จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ ตลอดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนเรื่องร้อนๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องจะ ‘แก้-ไม่แก้' รัฐธรรมนูญ บางคนบอกว่า ไม่ควรแก้กันตอนนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เรียบร้อย ผู้เขียนกลับเห็นว่า ควรจะแก้เสียตอนนี้เลย เพราะแม้ว่า รัฐธรรมนูญไทยจะถูกฉีกเป็นว่าเล่น ต้องร่างใหม่กันบ่อยๆ จนตอนนี้ปาเข้าไปฉบับที่ 18 คำนวณอายุโดยเฉลี่ยของรัฐธรรมนูญก็ตกอยู่ราวๆ ฉบับละ 4 ปีนิดๆ พอๆ กับอายุบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัย สั้นกว่ากฎหมายและระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[1] หรือแม้กระทั่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับเก่า ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2473 (ที่ตอนนี้…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองตั้งใจจะพักเรื่องการเมืองที่กำลังร้อนขึ้นหลังวันที่ 28 มี.ค.นี้ เลยหลบไปแถวแม่น้ำเพื่อให้ลมเย็นๆ กับสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำๆ ไหลมาชโลมให้ชื่นจิตชื่นใจ แต่ไปจนถึงริมฟังแม่โขง กลับมาไม่วายร้อนรุ่มใจดังเดิม ไม่ใช่เพราะดื่มไปหลายกลมจนตัวร้อน แต่ได้ไปฟังข่าวแว่วๆ มาแล้วท่าทางไม่ค่อยจะดี....วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็น ‘วันหยุดเขื่อนโลก' และตรงกับงานบุญ 100 วัน คุณมด ‘วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์' ที่ ตำบลพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี หลังไปร่วมงาน เลยไปอีกหน่อยเป็นอำเภอโขงเจียม ติดแม่น้ำโขง ได้ดูแม่น้ำอันกว้างใหญ่สมใจ แต่ชาวบ้านที่งานบุญคุณมดเล่าให้ฟังว่า หลังท่านสมัคร สุนทรเวช…
Hit & Run
   พวกปาหินหนักแผ่นดิน น่าจะตายไปเสียให้หมด...ขอให้จับคนร้ายได้ไวๆ แล้วเอาตัวไปประหารชีวิต...พวกวัยรุ่นปาหินสมควรตาย... {ตติกานต์ เดชชพงศ}ประโยคที่ถูกส่งผ่านทาง SMS มายังหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังเสนอรายการประเภท ‘เล่าข่าว' เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือ การแสดงความเกลียดชังต่อผู้ก่อเหตุ ‘ปาหิน' ไปโดนศีรษะเด็กชายอนุพงษ์ สายเพ็ชร หรือ ‘น้องมอส' อายุ 12 ปี ซึ่งนั่งรถมากับพ่อผู้เป็นคนขับรถบรรทุก และน้องมอสได้เสียชีิวิตในเวลาไม่นานหลังจากนั้นหลายคนสาปแช่งคนลงมือก่อเหตุให้ตายตกไปตามกัน ในขณะที่อีกบางส่วนก็แสดงความเห็นใจผ่านข้อความที่ส่งมา…
Hit & Run
คิม ไชยสุขประเสริฐ กับภาพเคลื่อนไหวในจอตู้สี่เหลี่ยม...คุณครูคนหนึ่งกับกิจวัตรประจำวันในการสอนหนังสือ... ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่สะกิดใจฉันอย่างจังคือประโยคที่ว่า"จะรู้ว่าใครเก่งแค่ไหนต้องรอดูว่าใคร (สอบ) ได้ที่หนึ่ง... ได้ที่หนึ่งแล้วจะบอกว่าไม่เก่งก็คงไม่ได้"ครูซึ่งดูก็รู้ว่าเชี่ยวกรำกับวิชาชีพนี้มานานนับสิบปี พูดถึงการวัด ‘ความเก่ง’ ของเด็กนักเรียน โดยใช้ลำดับที่ของการสอบ ถูกนำไปผูกโยงกับ ‘ตัวสินค้า’ ในฐานะรถกระบะคันเก่งที่ขายได้เป็น ‘อันดับหนึ่ง' ซึ่งมีสโลแกนว่า ‘รถกระบะอันดันหนึ่งของคนไทย' ทั้งนี้ เมื่อว่าด้วยเรื่องของการตลาดแล้ว ในฐานะที่ไม่ได้ติดตามในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้ว่า…
Hit & Run
 ถ้าจะสร้างวิวาทะอะไรที่มันๆ ให้ NGO's นักวิชาการ หรือแอคทิวิสต์แนวชุมชนโรแมนติก ที่เราเรียกพวกเขาว่า "ปัญญาชน" แลกเปลี่ยนกันมันๆ นั้น วันนี้เรามาพูดถึงความดีของ "ทักษิณ ชินวัตร" กันดีกว่า...วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว) *ผมเป็นคนจน คนแถวบ้านผมก็เป็นคนจน เราเป็นคนจนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแบบว่าไม่มีต้นทุนเป็นผืนป่า แม่น้ำ หรือภูเขาเป็นของตัวเอง ไม่มีการสร้างโครงการขนาดใหญ่จากรัฐหรือนายทุน ปัญหาที่เราต้องเจอก็มีแค่การหาเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีออกไปขายแรงในเมือง หรือตามเทือกสวนไร่นา แปลงเล็กๆ ที่ยังเหลืออยู่…
Hit & Run
  พืชผักผลไม้ในท้องตลาด เสี่ยงต่อการมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงตกค้างจากการผลิตแบบเกษตรเชิงพาณิชย์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ผลิตดังนั้นจึงมีเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งแสวงหาทางเลือกใหม่ หนึ่งในทางเลือกนั้นคือการทำ ‘เกษตรอินทรีย์'พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา องค์กรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ (มอน.) และสถาบันชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืน (ISAC) จัดกิจกรรมผู้บริโภคสัญจรไร่สตรอเบอรี่อินทรีย์ ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักอินทรีย์…