Skip to main content

ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ

 

หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค.

พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า

พี่น้องครับ พี่น้องหลายคนอาจจะเคยชินว่า ตื่นมาตอนเช้าก็เปิดโทรทัศน์ก็จะเห็นรายการข่าวจัดโดย คุณอัญชลี ไพรีรัก จัดโดย น้องเก๋ กมลพร วรกุล และต่อมาด้วย คุณสำราญ รอดเพชร ต่อมาเรื่อยๆ ถึง คุณบัณฑิต ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตกค่ำ ก็จะมีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วงดนตรีตั้ว เสก ซูซู วงดนตรีแฮมเมอร์ วงดนตรีหลายๆ วงดนตรี

พี่น้องครับ พี่น้องยังจะได้รับความเคยชินเช่นนี้อยู่เหมือนเดิม ผมเห็นใจว่า ตกเย็นพี่น้องอาจจะรู้สึกหงุดหงิด ว่า เอ๊ะวันนี้ไม่มีที่ไปหรอ วันนี้เคยไปทำเนียบ มาทุกวัน วันนี้ตื่นมาตอนเย็นไม่รู้จะทำยังไง หรือว่าตกเย็นแล้วไม่รู้จะไปไหน พี่น้องครับ เราจะจำลองเหตุการณ์ที่ประท้วงข้างนอกเข้ามาสู่ห้องส่ง นับตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป หรือพรุ่งนี้ถ้าทำได้ทัน

เมื่อพี่น้องตื่นเช้าแล้วเปิด ASTV ตอน 7 โมงเช้า พี่น้องจะได้พบกับ คุณอัญชลี ไพรีรัก และ น้องเก๋ กมลพร วรกุล 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า 9 โมงเช้าต่อจากนั้นถึง 11 โมงเช้า ก็จะเป็นคุณสำราญ รอดเพชร พร้อมกับนักพูดฝีปากกล้า มานั่งวิเคราะห์ข่าว ตอนเช้าฟังการวิเคราะห์เหน็บแนมของคุณอัญชลี อย่างดุเดือดเผ็ดมันและชวนฮา 9 โมงถึง 11 โมง ได้รับการฟังการวิเคราะห์ข่าวของคุณสำราญ รอดเพชร ซึ่งจะประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น คุณประพันธ์ คูณมี ท่านทูตสุรพงษ์ ชัยนาม ท่านทูตกษิต ภิรมย์ และหลายต่อหลายท่าน 11 โมงถึงเที่ยงจะเป็นการฉายเดี่ยวของ คุณบัณฑิต นะครับ หรือคุณต๋องของผม พิธีกรปากกล้า หลังจากเที่ยงมีการประกาศข่าว หรือว่าอ่านข่าวรอบเที่ยงแล้ว บ่ายโมงเป็นต้นไปจนถึง 4 โมงเย็น จะเป็นรายการของคุณหมี ยุทธยง และ คุณปุ้ย วศมล ช่างปรีชา คู่หูคู่ฮา บนเวทีพันธมิตรฯช่วงบ่าย 4 โมงเย็นต่อไปจนถึง 6 โมงเย็น เป็นรายการ News Hour นำโดย คุณเติมศักดิ์ จารุปาน พิธีกรที่เด็ดขาด ลึกซึ้ง พิธีกรที่เด็ดขาด ลึกซึ้ง พูนเพียบด้วยปัญญา และสติ และควบคู่กับ เก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์

ต่อจากนั้นไป จะเป็นรายการ อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และต่อด้วยข่าวราชสำนัก

หมดจากข่าวราชสำนัก ประมาณ 3 ทุ่ม หรือ 2 ทุ่มครึ่ง ก็จะเป็นรายการ พบกับพันธมิตรฯ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหมือนกับที่ทำเนียบ ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรผิดเลย เพียงแต่ว่า การพบแกนนำนี้ วันนี้เราจะพาแกนนำทั้ง 2 รุ่นมา ยกเว้นบางคน ซึ่งขณะนี้ ติดภารกิจที่งานศพ เพื่อมาแนะนำตัวก่อน หลังจากนั้น ทุกๆ วัน จะมีแกนนำอย่างน้อย 1 คน เข้ามาร่วมสนทนา ผู้ให้การสนทนาก็อาจประกอบด้วย คุณแอน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ คุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ และอาจเป็น คุณอุษณีย์ เอกอุษณีย์ หลายๆ ท่านเข้ามาร่วม และขณะเดียวกัน แกนนำท่านอาจจะเชิญแขกผู้มีเกียรติบางท่านขึ้นมา และสนทนาให้ความรู้กัน จะเป็นเช่นนี้ไป วันจันทร์จนถึงวันอาทิตย์ไม่ขาด ยกเว้น เสาร์ อาทิตย์ ตอนบ่าย

ตอนบ่ายนั้น วันเสาร์และอาทิตย์ จะเป็นรายการวาไรตี้ พี่น้องจำวงดนตรีต่างๆ จำ วง แฮมเมอร์ จำ วง เสก ซูซู จำวง คีตานชาลี วงโฮป จำลำตัดได้ไหม จำการฟ้อนรำที่สวยงาม เราจะเอานี่มาจัดเป็นรูปร่างและมาเสนอให้พี่น้องดูในวันเสาร์ตอนบ่าย และวันอาทิตย์ตอนบ่าย ต่อจากนั้น ตั้ว ของเรา ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ก็จะมีรายการของ ศรัณยู วงศ์กระจ่าง ให้พวกเราชม ในวันเสาร์และวันอาทิตย์วันละ 1 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ASTV ก็จะมีละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกแบบฟรีทีวีอื่นๆ โดยสนธิจะให้เป็นการกำกับโดยศรัณยู วงศ์กระจ่าง นักแสดงชื่อดังและอดีตพิธีกรเรื่องจริงผ่านจอที่ถูกถอดออกจากช่อง 7 เมื่อไม่นานนี้ หลังจากผันตัวมาเป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 โดยรูปแบบจะเป็น ละครสะท้อนความจริงในสังคมไทย จะเป็นละครสะท้อนการต่อสู้ ของพ่อแม่ พี่น้อง จะเป็นละครที่ฉีกแนวออกจากละครน้ำเน่าของทุกๆ ช่อง จะเป็นละครที่ให้สาระ จะเป็นละครที่ให้อุดมการณ์ จะเป็นละครที่เน้นเรื่องศรัทธา เน้นเรื่องความเชื่อมั่น และเน้นในเรื่องความเพียรที่จะทำความดีให้กับสังคมไทย

สนธิออกตัวในรายการว่าการสร้างละครต้องใช้เงินเยอะ แต่เขาบอกว่าได้ยืนยันกับศรัณยูแล้วว่า ไม่ต้องห่วง ทำไปก่อนเถอะแล้วเงินมันจะมา สปอนเซอร์มันจะมา จะเป็นละครเรื่องเดียว และเจ้าเดียวในประเทศไทยที่จะมีคนโทรศัพท์มาบริจาคสมทบทุนการสร้างละคร

 

สนธิยังกล่าวว่า ASTV “ไม่ใช่โทรทัศน์ฟรีทีวีผ่านดาวเทียมอีกต่อไปแล้ว แต่ ASTV นั้นเป็นฟรีทีวีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เป็นเจ้าของ และ ASTV จะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อเป็นอาวุธ เป็นเครื่องมือสื่อสาร เพื่อจะโยงใยพี่น้องทุกๆ ภาค และดูเหมือนว่าผู้ชม ASTV จะมีภารกิจที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือต้องบริจาคเป็นประจำเพื่อให้ ASTV อยู่ได้ด้วย โดยสนธิกล่าวว่า

พี่น้องครับ คนดู ASTV มีกว่า 15 ล้านคน พี่น้องครับ ASTV อยู่ได้ เพราะแรงใจ แรงบริจาคของพ่อแม่พี่น้อง ถ้าพ่อแม่พี่น้องต้องการจะเก็บ ASTV เอาไว้เพื่อเป็นสมบัติของพ่อแม่พี่น้อง เพื่อเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทย ที่กล้าให้ความจริงกับพ่อแม่พี่น้อง และ ASTV เท่านั้น ที่นำพาพี่น้องและให้พี่น้องเข้ามามีส่วนร่วม ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันกู้ชาติครั้งนี้ และกู้ได้สำเร็จเกือบจะหมดแล้วตอนนี้ ก็เพราะว่าเรายึดมั่นในการขายความจริงโดยไม่กลัวภยันอันตรายทั้งสิ้น พี่น้องครับ ไม่ได้เป็นการมาขอเงินขอทองพ่อแม่พี่น้อง แต่ว่าการสนับสนุนของพ่อแม่พี่น้องเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะว่า ASTV ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะพ่อแม่พี่น้อง

000

การประกาศยุติการชุมนุม โดยอ้างว่าได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการต่อสู้อันได้แก่ 1. คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 2. ขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิด เพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่

ทั้งที่ คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค ไม่ได้ทำให้สภาพของรัฐบาลที่พันธมิตรฯ ขับโค่นสิ้นสุดลงอย่างฉับพลันทันที บรรดานักการเมืองที่รอดตายจากดาบของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญก็พร้อมไปเข้าร่วมพรรคใหม่ และหากไม่มี สัญญาณแทรกพวกเขาก็พร้อมกลับมาตั้งรัฐบาลในนามพรรค เพื่อไทย

ทั้งที่ กระแสสังคมที่กดดันและประณามพันธมิตรตลอดการชุมนุม 193 วัน และกระแสนั้นก็ดังขึ้นและชัดเจนขึ้นหลังปิดสนามบินสุวรรณภูมิ สภาพเงื่อนไขเช่นนี้ ก็ห่างไกลที่พันธมิตรฯ จะสามารถเอาชนะขั้วพลังประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนสามารถสถาปนาการเมืองใหม่ได้

ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่าตลอด 193 วัน พันธมิตรฯ ยังห่างไกลจากการบรรลุวัตถุประสงค์ของการต่อสู้ที่พวกเขาตั้งไว้ก่อนหน้านี้

คำประกาศชัยชนะก่อนยุติการชุมนุมจึงเป็นเพียงคำปลอบใจมวลชนที่อ่อนล้าจากยุทธการ ม้วนเดียวจบ และ สงครามครั้งสุดท้าย ระหว่างพันธมิตรฯ V.S. รัฐบาล คงไม่ยุติศึกเพียงเพราะคำสั่งยุบพรรคแน่นอน

ดังนั้น การประกาศยุติชุมนุม ตามมาด้วยการ จำลองม็อบไว้ใน ASTV จึงไม่ใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นการเปลี่ยนยุทธวิธีการเคลื่อนไหว หลังจากบอบช้ำจากการใช้ยุทธวิธีชุมนุมกดดันกลางถนน จนถูกสังคมประณาม และลดการสูญเสียจากการถูก กองกำลังไม่ทราบฝ่าย จองกฐินด้วยการถล่มแบบรายวันจนเกิดบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จนถอยจากทำเนียบแทบไม่ทัน

ยุทธวิธีต่อสู้ด้วยการ จำลองม็อบไว้ใน ASTV แทนการชุมนุมจริง จึงเป็นการลดเสียงต้านพันธมิตรฯ ที่เกิดจากการชุมนุมกดดันบนท้องถนน หรือยึดสถานที่ราชการ และลดการบาดเจ็บล้มตายจากการถูกจองกฐินจาก กองกำลังไม่ทราบฝ่าย

ที่สำคัญคือเป็นการกลับมาทำสงครามในสมรภูมิ สื่อที่สนธิมีความถนัดกว่าสมรภูมิ การชุมนุม ที่จำลองมีบทบาทเด่น และในสมรภูมิสื่อนี้เองสนธิจะสามารถกุมสภาพการนำได้เหนือกว่าแกนนำคนอื่นๆ ผ่านการทำสงคราม สื่อและวางผังรายการ ASTV ที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของ

การชุมนุมอยู่หน้าจอ ยังถนอมกำลังมวลชนของพันธมิตร ที่เหนื่อยล้าตลอดการชุมนุมบนท้องถนน 193 วัน โดยสามารถใช้ ASTV หล่อเลี้ยงข้อมูลให้กับผู้สนับสนุนพันธมิตรได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และเมื่อมีเงื่อนไขที่เหมาะสม แกนนำก็สามารถใช้ ASTV ระดมพลเพื่อออกมาเคลื่อนไหวทุกเมื่อ

อาจมีคำถามว่าการ จำลองม็อบ จะรักษากระแสการต่อสู้ของพันธมิตรในระดับที่เข้มข้นอย่าง ม็อบจริงๆได้อย่างไร คำตอบที่ต้องไม่ละเลยก็คือ การก่อตัวขึ้นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้มีองค์ประกอบเพียงการชุมนุมในพื้นที่จริงเท่านั้น แต่พื้นที่ข่าว ที่ได้รับการหนุนเสริมโดย ASTV และหนังสือพิมพ์ในเครือทั้งรูปแบบสิ่งพิมพ์ออนไลน์ ก็ช่วยรักษารูปมวยของการต่อสู้ไว้ด้วย

ที่ผ่านมา ASTV ก็มีบทบาทเชิงรุกสำหรับการชุมนุมด้วยซ้ำ ทั้งการถ่ายทอดสดการชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง และถ่ายทอดสดทุกวันยาวนานกว่า 193 วัน และมีการใช้ ASTV นัดหมายสถานที่ๆ ผู้ชุมนุมในแต่ละจังหวัด ในแต่ละอำเภอสามารถไปรวมตัวกันที่นั่น แล้วเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ แบบ เต็มออก เต็มออก ฯลฯ ทำให้ ASTV เสมือนเป็นเวทีปราศรัย เป็นรถบัญชาการการชุมนุมแห่งที่สองของพันธมิตรฯ แบบที่สนธิเคยพูดเปรียบเทียบเมื่อ 29 พ.ย. ว่าการรักษา ASTV ก็เหมือนการรักษาที่มั่นอย่างทำเนียบรัฐบาล หรือ สนามบินสุวรรณภูมิ

โดยในวันนั้นเองที่เขาบัญชาการการชุมนุมมาจากห้องส่ง ASTV เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ทำเนียบ-ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ รักษาพื้นที่ด้วยชีวิต ถ้าจำเป็นก็ต้องหลั่งเลือด ชนิดที่ว่า ถ้าบุกเข้ามา ถ้ายิงเรา เราก็ยิงสวนกลับไป[2]

000

 

สถานการณ์การเมืองไทยช่วงนี้จึงเป็นเพียงการพักรบชั่วคราวเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาของวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านพ้นไป จึงต้องจับตาว่าสนธิ ลิ้มทองกุลและแกนนำที่จะไปจัด จำลองม็อบผ่าน ASTV นั้น วันดีคืนดีพวกเขาจะบัญชาการพ่อยกแม่ยกผ่านทางโทรทัศน์ นัดหมายให้ไปปฏิบัติการตามแนวทาง อารยะขัดขืนหรือ ดาวกระจายหรือ ม้วนเดียวจบหรือไม่

เมื่อนั้นจะได้เห็นว่าการ จำลองม็อบ ผ่าน ASTV จะเป็นอาวุธที่รัฐบาลต้องครั้นคร้าม ประชาชนต้องเอือมระอา แบบการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรเฟส 2 หรือไม่

หรือเป็นแค่ ‘Group Psychotherapy’ ของลุงๆ ป้าๆ นักรบมือตบ และนักรบศรีวิชัยผู้เสพติดการ มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ

 

อ้างอิง

[1]สนธิเชิดชูวีรชนกู้ชาติ-ย้ายกิจกรรมชุมนุมสู่จอ ASTV, ASTVผู้จัดการออนไลน์, 3 ธ.ค. 2551 21:53 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000143170

[2] สนธิสั่งมวลชนยอมหลั่งเลือด พิทักษ์ทุกฐานที่มั่น, ประชาไท, 30 พ.ย. 2551 http://www.prachatai.com/05web/th/home/14681

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาในเกมช่วงชิงพื้นที่สื่อ กลยุทธ์หนึ่งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นข่าว ส่วนฝ่ายตนนั้น ต่อให้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายแต่ถ้าได้พื้นที่ข่าวก็ถือว่าได้เปรียบใน ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอทำให้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูอยู่ในความจดจำ ดีกว่าเป็นบุคคลโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีพูดอะไร ให้สัมภาษณ์ว่าอะไร สื่อมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าเวลาอ่านหรือฟังข่าวในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวจะหยิบคำพูดของนายกรัฐมนตรีมาเปิดเผยแบบยาวๆพูดแบบตามตำรา ก็คือ แหล่งข่าวเป็นผู้นำในรัฐบาล พูดอะไรก็ย่อมเป็นข่าวอยู่แล้ว…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เสาร์ที่ผ่านมา มีงานประชุมชื่อ Barcamp Bangkok จัดขึ้นที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26 งานนี้ งานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นงานที่มีผู้จัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนมากันแต่เช้าเพื่อช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ แปะป้าย บางคนทำสมุดทำมือมาแจก หลายคนเตรียมหัวข้อพร้อมสไลด์มาพูดในงาน ------------------------------------- http://www.flickr.com/photos/poakpong http://www.flickr.com/photos/plynoi ทันทีที่งานเริ่ม กระดาษแผ่นแล้วแผ่นแล้ว ถูกทยอยนำไปแปะบนกระจกของร้าน ว่ากันว่า หัวข้อที่พูดกันในงาน มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเว็บแอพพลิเคชันใหม่ๆ เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง…
Hit & Run
ตติกานต์ เดชชพงศคงรู้กันหมดแล้วว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีถูกยึด และต่อจากนี้ ทีวีช่องนี้จะไม่มีรายการบันเทิง ‘ไร้แก่นสาร' อีก จะมีก็แต่รายการที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์สังคม มีคุณค่า ประเทืองปัญญากว่ารายการทีวีแบบเดิมๆๆๆๆ ฯลฯ แล้วทีวีช่องนั้นก็ถูกเรียกเสียใหม่ว่า ‘ทีวีสาธารณะ' ในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ‘รสนิยมสาธารณ์' ไม่ว่าจะเป็น ละครน้ำเน่า (ผ่านยุคของ พจมาน สว่างวงศ์, ดาวพระศุกร์ หรือ โสรยา ใน ‘จำเลยรัก' มามากกว่าหนึ่งยุค!) รวมถึงเกมโชว์ที่ ‘ได้รับแรงบันดาลใจ' มาจากต่างประเทศ และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เอะอะก็ต่อสู้กัน (แม้แต่การ์ตูนแมวหุ่นยนต์ ‘โดราเอมอน'…
Hit & Run
  วิทยากร  บุญเรืองกลุ่ม แบ๊คซ้าย' มิถุนาฯ   23 ธันวาคม 2550...เป็นอีกวาระหนึ่งที่เราจะต้องออกไปช่วยเพื่อนรัก ‘นักการเมือง' (กลุ่มคนที่ถูกประณามมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน)สื่อต่างๆ ชอบที่จะกระแซะแซวว่า นักการเมืองมักจะมืออ่อนนอบน้อมกราบไหว้ประชาชนเสมอในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คนอีกบางจำพวกนั้น ‘ไม่มี' ช่วงเวลาพิเศษไหนเลยที่จะลงมาไหว้กราบกรานขอคะแนนจากประชาชน หนำซ้ำพวกเรากลับต้องกราบกรานไหว้เขาอยู่เป็นกิจวัตรใครล่ะน่าเกลียดกว่ากัน? สำหรับวาระสำคัญก่อนการเลือกตั้ง การรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำนองที่ว่า ‘…
Hit & Run
   พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจใครที่ไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปี หากมาเยือนปีนี้ คงผิดหูผิดตาเลยทีเดียวไม่ใช่แค่งานพืชสวนโลก ไม่ใช่แค่ ‘ช่วง ช่วง' หรือ ‘หลิน ฮุ่ย' ไม่ใช่แค่ร้าน ‘ไอเบอรี่' ของโน้ต อุดม ที่ทำให้ ‘หน้าตา' เมืองเชียงใหม่เปลี่ยนไปหากแต่ยังมีเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่ชื่อว่า ‘ทางลอด' ผุดขึ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเบื้องหลังของมัน ยังมีเรื่องราวอันยาวนานของการพัฒนา ‘เมือง' อีกด้วย!หลายปีมานี้ ยวดยานใน จ.เชียงใหม่ ต้องประสบกับความทุลักทุเลในการข้ามสี่แยก เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างทางลอดแยก ผุดขึ้นบนถนนสายหลักของเมืองเชียงใหม่ เช่น การก่อสร้างทางลอด 7 แห่ง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี…
Hit & Run
"ต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ในสังคม พบว่าเรื่องหนึ่งคือ คนที่เป็นเจ้าของปัญหาไม่มีช่องทางส่งเสียงของตัวเองในช่องทางสื่อสารมวลชน ยิ่งวิทยุและทีวีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นที่ของคนเดือดร้อน ถูกเบียดออกมาบนท้องถนนที่ออกมาประท้วงให้คนเมืองใหญ่รำคาญ" 
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก ‘สบายใจ'…
Hit & Run
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมืองแบบไทยๆ เมื่อมีบางคนใน ‘ตองหนึ่ง' อดีตผู้บริหารไทยรักไทยเรียกร้องในสิทธิความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อองค์กร ‘ไม่ใช่พ่อ' และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอให้เข้ามาดูแลสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยยุ่งเกี่ยวการเมืองทุกรูปแบบกรณี ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก แทบฉับพลันทันทีนั้น เสียงแขวะฝอยเลาะตะเข็บก็ดังควากออกมาอย่างหยามหยันมากมายตามหน้าสื่อต่างๆเมื่อตามรอยตะเข็บที่เลาะไป ใช่จะไม่มีมูล…
Hit & Run
"ความพยายามสร้างกติกาอันบิดเบี้ยวตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘ผี' ยิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่กลัว และยิ่งน่าพิสมัยสำหรับผู้ที่ไม่กลัว และผู้ที่ไม่กลัวส่วนใหญ่นั้นแม้จะอยู่ห่างไกล ไร้อำนาจ แต่ก็สามารถแสดงพลังเงียบของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ"  ภาพจาก dschild.exteen มุทิตา  เชื้อชั่ง ผมเป็นคนกลัวผีมากจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลัวผี และรู้สึกว่าสังคมไทยกำลังกลัว ‘ผี' อย่างหนัก ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ จากที่เคยมีคำอธิบายมากมายว่าทำไมจึงต้องกลัว ‘ผี' หรือไล่ ‘ผี' แต่นานวันเข้า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความกลัว ‘ผี'…
Hit & Run
ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/คิม ไชยสุขประเสริฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง