Skip to main content

pink man

ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/

คิม ไชยสุขประเสริฐ

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง

 

ล่าสุด เดินเฉียดๆ ไปแถวหน้ารัฐสภาเมื่อวันพุธที่

7 ผ่านมา ที่มีการประชุมเกี่ยวกับร่างกฎหมายหลายๆ ตัวของ สนช.ก็เห็นผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ รวมตัวประชันสีเสื้อกันอยู่ สร้างสีสันให้หน้ารัฐสภาที่นานๆ ทีจะมีผู้คนแวะเวียนผ่านทาง (ไม่มีกิจใครก็คงไม่ไป) ได้มากทีเดียว

อันที่จริงแล้ว ถ้าจะว่ากันเรื่องสีๆ ของเสื้อสีสันต่างๆ ของกลุ่มคนที่มีให้เห็นในปัจจุบัน คงเรียกได้ว่าเป็นสีสันที่มาพร้อมกับพลังมวลชนเลยก็ว่าได้ เพราะมันแสดงถึงความเป็นพวกพ้องของคนที่มีวัตถุประสงเดียวกันได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่างตอนที่มีการลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ตอนนั้นก็มีการใช้เสื้อสีเขียวสีแดงมางัดข้อ รับ-ไม่รับ'รัฐธรรมนูญกัน ทำเอาไม่กล้าใส่เสื้อสีเขียวตัวโปรดไประยะหนึ่ง เพราะกลัวถูกเพื่อนหาว่าแยกข้างแบ่งฝ่าย...

ในส่วนนักเคลื่อนไหวหลายๆ คน การใช้สีเสื้อของคนกลุ่มใหญ่น้อยในสังคมมันได้กลายเป็นการแย่งชิงวาทกรรม ทั้งที่เมื่อก่อนสีก็คือสี และสีแต่ละสีก็ต่างแทนอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันผ่านทางการมองเห็น

แต่วันนี้สีแต่ละสีมีความหมายมากกว่าที่เป็น และได้กลายไปเป็นสัญลักษณ์ไปเสียแล้ว

ที่แน่ๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือ เสื้อสียอดนิยมที่มาแรงประจำปลายปีนี้คงหนีไม่พ้น "สีชมพู"

ยืนยันได้จากข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีการไปสำรวจร้านขายเสื้อผ้าย่านโบ๊เบ๊ พ่อค้าแม่ค้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมายอดการจำหน่ายเสื้อสีชมพูเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่ร้านเคยจำหน่ายได้ประมาณวันละ 5-10 ตัว เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวต่อวัน ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

นอกจากนี้ ตามข่าวยังบอกด้วยว่า ความต้องการเสื้อชมพูในต่างจังหวัดเองก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

สีชมพู' สีหวานๆ ที่ผู้ชายมักมองผ่าน แต่คราวนี้คงได้เห็นผู้ชายใส่เสื้อสีชมพูเดินชนกันเป็นว่าเล่น

มันคงสร้างสีสันให้ท้องถนนบ้านเราไม่น้อย หลังจากต้องอยู่กับสีซ้ำๆ มานาน

000

หากจะว่ากันในเรื่องการตลาด การใช้สีก็มีความสำคัญต่อการจดจำตัวสินค้า ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งที่เล่ากันในกลุ่มเพื่อน...ว่าด้วยเรื่องของ "อาม่า" ...

อาม่าเป็นคนจีนแก่ๆ ล่องเรือมาจากโพ้นทะเลตั้งแต่ยังสาว ไม่เคยได้เรียนหนังสือเลย อ่านเขียนไม่ออก แต่แกมีความจำดี

อาม่าใช้แชมพูยี่ห้อหนึ่งอยู่เป็นประจำ ไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น ปัญหาจึงเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง แชมพูของแกหมด อาม่าจึงให้หลานชายไปซื้อที่ร้านขายของชำใกล้บ้าน แต่เมื่อเด็กชายกลับมาพร้อมกับแชมพูยี่ห้อเดียวกันแต่สีและรูปทรงของขวดไม่เหมือนเดิม แกกลับไล่ให้หลานชายกลับไปเปลี่ยนที่ร้านขายของชำและยืนยันว่าแกยังไม่ได้ของตามที่แกต้องการ

ด้วยความที่ยังเล็ก หลานชายจึงต้องวิ่งกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบโดยเอาขวดแชมพูที่หมดแล้วของอาม่าไปด้วย แต่ในที่สุดก็ไม่ได้แชมพูมาให้อาม่าเพราะบริษัทเปลี่ยนโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่มีแชมพูยี่ห้อเดิมๆ กับรูปทรงที่แกคุ้นชินอีกต่อไปแล้ว...

ก่อนจะถึงบทสรุปของเรื่องนี้ ฉันคิดหาทางออกให้เด็กชายได้ใน 3 ทาง โดยข้อเสนอทั้งหมดนี้ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความต้องการใช้ ผลิตภัณฑ์เดิม' ของอาม่า คือ

1.ทำให้อาม่ายอมรับในตัวสีและรูปทรงที่เปลี่ยนไป เพราะถึงยังไง-ตัวแชมพูข้างในมันก็ยังคงมีคุณสมบัติไม่ต่างจากเดิม ซึ่งก็คงลำบากและต้องใช้เวลาบ้างในการอธิบายให้อาม่าเข้าใจว่า รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่อยู่ข้างในยังเหมือนเดิม'

2.หาแชมพูยี่ห้อที่มีบรรจุภัณฑ์คล้ายกับยี่ห้อเดิมที่สุดมาให้อาม่า เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้อาม่ารู้สึกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มากมายนัก...แม้ว่าจริงๆ แล้วเนื้อในมันจะไม่เหมือนเดิมเลยก็ตาม ทั้งสี กลิ่น และ คุณภาพ

3.เอาขวดแชมพูที่หมดแล้วมาเทแชมพูยี่ห้อเดียวกันลงไปใหม่ให้เต็ม แล้วเอาไปให้อาม่า ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ง่ายต่อการยอมรับของอาม่า แต่ยุ่งยากในขั้นตอนการทำ เพราะเด็กชายจะต้องเป็นคนรับอาสาไปซื้อแชมพูให้อาม่าในทุกครั้งไป ซึ่งตัวเด็กน้อยเลือกใช้วิธีนี้ด้วยความร่วมมือกับแม่ของเขา แม้เมื่อนานเข้าอาม่าจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

แต่ถึงอย่างไรอาม่าก็ยังคงใช้แชมพูยี่ห้อเดิมในขวดเดิมได้ต่อไป...

000

อันที่จริงแล้ว ในกระแสบริโภคนิยม (หรือแม้แต่กระแส ความนิยม' เฉยๆ) การเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และสีสันของผลิตภัณฑ์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นแนวโน้มการบริโภคให้มากขึ้น แต่ก็ต้องตระหนักถึงการรักษาฐานผู้บริโภคเดิมให้คงอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยึดติดหรือที่เรียกว่าซื่อสัตย์ต่อการบริโภคสินค้าตัวเดิม

ดังนั้น ในแง่เทคนิคของการตลาดจึงมีการแตกไลน์สร้างสินค้าตัวใหม่ขึ้น เพื่อกระตุ้นการบริโภค และเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น...ถือเป็นเรื่องธรรมดาของแวดวงนี้

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าการยึดมั่นอย่างฝังใจในตัวสินค้าของอาม่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีของผู้ผลิตสินค้าที่มีกลุ่มลูกค้าผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีไม่ยอมเปลี่ยนแปลงต่อแบรนด์ของตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าผู้บริโภคทุกคนจะคิดเหมือนอาม่า

เมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกเพื่อดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มใหม่ ก็ต้องเสี่ยงกับการสูญเสียลูกค้าเก่าแก่อย่างอาม่าไป...

ไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมของ อาม่า' และ แชมพู' ทุกวันนี้จะเป็นอย่างไร

ไม่มีใครรู้ว่าอาม่าจะสังเกตความเปลี่ยนไปของแชมพูหรือไม่...

แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องมีใครยึดติดกับสีสันรูปทรงใดๆ ที่อยู่ภายนอก และหันไปพิจารณาสิ่งที่อยู่ ข้างใน' ที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า...

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 ภาพจาก reutersคิม ไชยสุขประเสริฐวันฝนตก ฉันนั่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงษ์ <1> ในหนังหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับภาพของ นางการ์เม่ ชาคอน (Carme Chacon) วัย 37 ปี ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The International Herald Tribune ขณะที่นางชาคอน ผู้ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อนเป็นรัฐมนตรีการเคหะ กำลังเดินตรวจพลสวนสนามครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 14 เม.ย.... เธออยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อคลุมท้อง และสวมรองเท้าส้นสูง...นางชาคอนได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสเปน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บไซต์ artshole โดย Richard Sayerตติกานต์ เดชชพงศ เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจารย์ 2 ท่านจากสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ ออกแถลงการณ์เตือนให้ ‘คนทำสื่อ' และ ‘คนบริโภคสื่อ' ระมัดระวังภาวะ ‘สื่อเป็นพิษ' อันเนื่องมาจากการบริโภคข้อมูลปนเปื้อน ‘ความรุนแรง' ที่แฝงเร้นมากับข่าวและบทความอันท่วมท้นล้นหลามในยุคสารสนเทศครองเมืองไม่แน่ใจนักว่า ‘สื่อเป็นพิษ' จะก่อให้เกิดอาการอะไรที่เป็นผลร้ายแรงกับสุขภาพร่างกายหรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงอาการ ‘อาหารเป็นพิษ' ซึ่งคนส่วนใหญ่ ‘บริโภค' เข้าไปเพราะไม่รู้เท่าทัน จะทำให้ผู้บริโภคอาเจียน ท้องเสีย หน้ามืดหมดแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะพิษเข้าสู่กระแสเลือด...…
Hit & Run
  [^_^]/ระเบิด (bomb) [n.] คือวัตถุที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' จะบรรจุ ‘วัตถุระเบิด' หรือสารที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' ไว้ภายใน00025 เมษายน 2551 เวลา 6.30 น.วัดแสนฝาง ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่นายนที อนันทปัญญสุทธิ์ อายุ 45 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้า กำลังรถไปจอดภายในบริเวณวัดแสนฝาง เขาพบกล่องพัสดุสีขาวไม่ระบุชื่อผู้รับ วางอยู่หน้าทางขึ้นศาลาวัด  นายนทีหยิบกล่องนั้นขึ้นมารู้ว่ามีน้ำหนัก คิดว่าเป็นของมีค่าอยู่ภายในจึงได้แกะดูพร้อมกับเดินไปตามถนนเพื่อเข้ามาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดวโรรสหรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า ‘กาดหลวง'แต่พอใกล้ถึงร้านเขาเปิดฝากล่องออกมาดูพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจริงๆ…
Hit & Run
  มุทิตา เชื้อชั่ง โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ....สุ้มเสียงเธอเป็นอย่างไร ไม่สู้จำได้ ตราตรึงไว้เพียงริมฝีปากทำนองเพลงฟังผ่านๆ ไป แต่ทำนองการเคลื่อนไหวเร้าใจกว่ามากบุคลิกแคล่วคล่องว่องไว หนุ่มๆ ขอใกล้ ป้าๆ ขอจากยาลม ยาดม ยาหม่อง เร่งเอามากอง อย่าให้หายาก  โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่....สีสันแห่งยุคสมัย ขายได้ ขายไว เลื่อนไหลเชี่ยวกรากจับเธอมาใส่ชุดไทย น่ารักสดใส เซ็กซี่ไม่เหลือซากปกติเสื้อหาย กางเกงหด คราวนี้งามงด โอ้... ไทยมั่กๆเด็กชอบ ผู้ใหญ่อมยิ้ม ดูหนังสือพิมพ์ คอนทราสต์หายอยากหยดเยิ้ม หยาดย้วย หยอดย้อย ผู้ใหญ่หวังคอยเด็กไทยรู้รากแต่ราฟฟี่ แนนซี่ กอล์ฟ ไมค์…
Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม' (Dream Team) ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แสนน่ารักออกมายั่วยวนคนรักเด็กแล้ว ในสัปดาห์แรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายซึ่งประจวบเหมาะเป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นมีเด็กตัวเล็กๆ มาดูกันคับโรงไปหมด เช่นเคย ทุกครั้งก่อนภาพยนตร์จะได้ฉาย คนดูหนังจะต้องลุกขึ้นยืนเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขึ้น และอาจจะด้วยความไร้เดียงสา เด็กคนหนึ่งพูดออกมาเสียงงอแงค่อนข้างดังว่า "มาดูหนัง ทำไมต้องยืนด้วย"อาจไม่แปลกที่เด็กน้อยไม่คุ้นชินกับธรรมเนียมที่โลกของผู้ใหญ่ปฏิบัติกันมายาวนาน แต่นั่นยังไม่ซับซ้อนน่าสงสัย…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว)กระแสหนังสือ ‘ลับ ลวง พราง: ปฏิวัติปราสาททราย' ของ คุณวาสนา นาน่วม กำลังมาแรง และวันนี้เราลองมาคุยกันถึงเรื่องนี้หน่อย ผมได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ของลูกพี่ไปอ่าน ทีแรกไม่ได้ตั้งใจอ่านม้วนเดียวจบ แต่คุณวาสนา เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง (?) น่าติดตาม และสนุกไปกับกลวิธีการเขียน --- ผมอ่านจากหน้าไปหลัง หลังไปหน้า ดูสารบัญแล้วเปิดอ่าน แต่สรุปแล้วก็อ่านจบทุกบท เพราะมันคล้ายๆ หนังสือกอสซิปดาราถามว่าอ่านแล้วได้อะไรบ้าง? สิ่งที่สำคัญที่ผมได้ก็คือ รู้สึกว่ากลยุทธ์ของทหารไทย ไม่ได้หนีไปจากยุคสามก๊กเท่าไร และมันทำให้ได้รู้ว่า ชายชาติทหารก็คือปุถุชนคนธรรมดา…
Hit & Run
   จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ ตลอดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนเรื่องร้อนๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องจะ ‘แก้-ไม่แก้' รัฐธรรมนูญ บางคนบอกว่า ไม่ควรแก้กันตอนนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เรียบร้อย ผู้เขียนกลับเห็นว่า ควรจะแก้เสียตอนนี้เลย เพราะแม้ว่า รัฐธรรมนูญไทยจะถูกฉีกเป็นว่าเล่น ต้องร่างใหม่กันบ่อยๆ จนตอนนี้ปาเข้าไปฉบับที่ 18 คำนวณอายุโดยเฉลี่ยของรัฐธรรมนูญก็ตกอยู่ราวๆ ฉบับละ 4 ปีนิดๆ พอๆ กับอายุบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัย สั้นกว่ากฎหมายและระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[1] หรือแม้กระทั่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับเก่า ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2473 (ที่ตอนนี้…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองตั้งใจจะพักเรื่องการเมืองที่กำลังร้อนขึ้นหลังวันที่ 28 มี.ค.นี้ เลยหลบไปแถวแม่น้ำเพื่อให้ลมเย็นๆ กับสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำๆ ไหลมาชโลมให้ชื่นจิตชื่นใจ แต่ไปจนถึงริมฟังแม่โขง กลับมาไม่วายร้อนรุ่มใจดังเดิม ไม่ใช่เพราะดื่มไปหลายกลมจนตัวร้อน แต่ได้ไปฟังข่าวแว่วๆ มาแล้วท่าทางไม่ค่อยจะดี....วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็น ‘วันหยุดเขื่อนโลก' และตรงกับงานบุญ 100 วัน คุณมด ‘วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์' ที่ ตำบลพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี หลังไปร่วมงาน เลยไปอีกหน่อยเป็นอำเภอโขงเจียม ติดแม่น้ำโขง ได้ดูแม่น้ำอันกว้างใหญ่สมใจ แต่ชาวบ้านที่งานบุญคุณมดเล่าให้ฟังว่า หลังท่านสมัคร สุนทรเวช…
Hit & Run
   พวกปาหินหนักแผ่นดิน น่าจะตายไปเสียให้หมด...ขอให้จับคนร้ายได้ไวๆ แล้วเอาตัวไปประหารชีวิต...พวกวัยรุ่นปาหินสมควรตาย... {ตติกานต์ เดชชพงศ}ประโยคที่ถูกส่งผ่านทาง SMS มายังหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังเสนอรายการประเภท ‘เล่าข่าว' เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือ การแสดงความเกลียดชังต่อผู้ก่อเหตุ ‘ปาหิน' ไปโดนศีรษะเด็กชายอนุพงษ์ สายเพ็ชร หรือ ‘น้องมอส' อายุ 12 ปี ซึ่งนั่งรถมากับพ่อผู้เป็นคนขับรถบรรทุก และน้องมอสได้เสียชีิวิตในเวลาไม่นานหลังจากนั้นหลายคนสาปแช่งคนลงมือก่อเหตุให้ตายตกไปตามกัน ในขณะที่อีกบางส่วนก็แสดงความเห็นใจผ่านข้อความที่ส่งมา…
Hit & Run
คิม ไชยสุขประเสริฐ กับภาพเคลื่อนไหวในจอตู้สี่เหลี่ยม...คุณครูคนหนึ่งกับกิจวัตรประจำวันในการสอนหนังสือ... ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่สะกิดใจฉันอย่างจังคือประโยคที่ว่า"จะรู้ว่าใครเก่งแค่ไหนต้องรอดูว่าใคร (สอบ) ได้ที่หนึ่ง... ได้ที่หนึ่งแล้วจะบอกว่าไม่เก่งก็คงไม่ได้"ครูซึ่งดูก็รู้ว่าเชี่ยวกรำกับวิชาชีพนี้มานานนับสิบปี พูดถึงการวัด ‘ความเก่ง’ ของเด็กนักเรียน โดยใช้ลำดับที่ของการสอบ ถูกนำไปผูกโยงกับ ‘ตัวสินค้า’ ในฐานะรถกระบะคันเก่งที่ขายได้เป็น ‘อันดับหนึ่ง' ซึ่งมีสโลแกนว่า ‘รถกระบะอันดันหนึ่งของคนไทย' ทั้งนี้ เมื่อว่าด้วยเรื่องของการตลาดแล้ว ในฐานะที่ไม่ได้ติดตามในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้ว่า…
Hit & Run
 ถ้าจะสร้างวิวาทะอะไรที่มันๆ ให้ NGO's นักวิชาการ หรือแอคทิวิสต์แนวชุมชนโรแมนติก ที่เราเรียกพวกเขาว่า "ปัญญาชน" แลกเปลี่ยนกันมันๆ นั้น วันนี้เรามาพูดถึงความดีของ "ทักษิณ ชินวัตร" กันดีกว่า...วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว) *ผมเป็นคนจน คนแถวบ้านผมก็เป็นคนจน เราเป็นคนจนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแบบว่าไม่มีต้นทุนเป็นผืนป่า แม่น้ำ หรือภูเขาเป็นของตัวเอง ไม่มีการสร้างโครงการขนาดใหญ่จากรัฐหรือนายทุน ปัญหาที่เราต้องเจอก็มีแค่การหาเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีออกไปขายแรงในเมือง หรือตามเทือกสวนไร่นา แปลงเล็กๆ ที่ยังเหลืออยู่…
Hit & Run
  พืชผักผลไม้ในท้องตลาด เสี่ยงต่อการมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงตกค้างจากการผลิตแบบเกษตรเชิงพาณิชย์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ผลิตดังนั้นจึงมีเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งแสวงหาทางเลือกใหม่ หนึ่งในทางเลือกนั้นคือการทำ ‘เกษตรอินทรีย์'พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา องค์กรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ (มอน.) และสถาบันชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืน (ISAC) จัดกิจกรรมผู้บริโภคสัญจรไร่สตรอเบอรี่อินทรีย์ ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักอินทรีย์…