Skip to main content

pink man

ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/

คิม ไชยสุขประเสริฐ

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง

 

ล่าสุด เดินเฉียดๆ ไปแถวหน้ารัฐสภาเมื่อวันพุธที่

7 ผ่านมา ที่มีการประชุมเกี่ยวกับร่างกฎหมายหลายๆ ตัวของ สนช.ก็เห็นผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ รวมตัวประชันสีเสื้อกันอยู่ สร้างสีสันให้หน้ารัฐสภาที่นานๆ ทีจะมีผู้คนแวะเวียนผ่านทาง (ไม่มีกิจใครก็คงไม่ไป) ได้มากทีเดียว

อันที่จริงแล้ว ถ้าจะว่ากันเรื่องสีๆ ของเสื้อสีสันต่างๆ ของกลุ่มคนที่มีให้เห็นในปัจจุบัน คงเรียกได้ว่าเป็นสีสันที่มาพร้อมกับพลังมวลชนเลยก็ว่าได้ เพราะมันแสดงถึงความเป็นพวกพ้องของคนที่มีวัตถุประสงเดียวกันได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่างตอนที่มีการลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ตอนนั้นก็มีการใช้เสื้อสีเขียวสีแดงมางัดข้อ รับ-ไม่รับ'รัฐธรรมนูญกัน ทำเอาไม่กล้าใส่เสื้อสีเขียวตัวโปรดไประยะหนึ่ง เพราะกลัวถูกเพื่อนหาว่าแยกข้างแบ่งฝ่าย...

ในส่วนนักเคลื่อนไหวหลายๆ คน การใช้สีเสื้อของคนกลุ่มใหญ่น้อยในสังคมมันได้กลายเป็นการแย่งชิงวาทกรรม ทั้งที่เมื่อก่อนสีก็คือสี และสีแต่ละสีก็ต่างแทนอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันผ่านทางการมองเห็น

แต่วันนี้สีแต่ละสีมีความหมายมากกว่าที่เป็น และได้กลายไปเป็นสัญลักษณ์ไปเสียแล้ว

ที่แน่ๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือ เสื้อสียอดนิยมที่มาแรงประจำปลายปีนี้คงหนีไม่พ้น "สีชมพู"

ยืนยันได้จากข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีการไปสำรวจร้านขายเสื้อผ้าย่านโบ๊เบ๊ พ่อค้าแม่ค้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมายอดการจำหน่ายเสื้อสีชมพูเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่ร้านเคยจำหน่ายได้ประมาณวันละ 5-10 ตัว เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวต่อวัน ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

นอกจากนี้ ตามข่าวยังบอกด้วยว่า ความต้องการเสื้อชมพูในต่างจังหวัดเองก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

สีชมพู' สีหวานๆ ที่ผู้ชายมักมองผ่าน แต่คราวนี้คงได้เห็นผู้ชายใส่เสื้อสีชมพูเดินชนกันเป็นว่าเล่น

มันคงสร้างสีสันให้ท้องถนนบ้านเราไม่น้อย หลังจากต้องอยู่กับสีซ้ำๆ มานาน

000

หากจะว่ากันในเรื่องการตลาด การใช้สีก็มีความสำคัญต่อการจดจำตัวสินค้า ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งที่เล่ากันในกลุ่มเพื่อน...ว่าด้วยเรื่องของ "อาม่า" ...

อาม่าเป็นคนจีนแก่ๆ ล่องเรือมาจากโพ้นทะเลตั้งแต่ยังสาว ไม่เคยได้เรียนหนังสือเลย อ่านเขียนไม่ออก แต่แกมีความจำดี

อาม่าใช้แชมพูยี่ห้อหนึ่งอยู่เป็นประจำ ไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น ปัญหาจึงเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง แชมพูของแกหมด อาม่าจึงให้หลานชายไปซื้อที่ร้านขายของชำใกล้บ้าน แต่เมื่อเด็กชายกลับมาพร้อมกับแชมพูยี่ห้อเดียวกันแต่สีและรูปทรงของขวดไม่เหมือนเดิม แกกลับไล่ให้หลานชายกลับไปเปลี่ยนที่ร้านขายของชำและยืนยันว่าแกยังไม่ได้ของตามที่แกต้องการ

ด้วยความที่ยังเล็ก หลานชายจึงต้องวิ่งกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบโดยเอาขวดแชมพูที่หมดแล้วของอาม่าไปด้วย แต่ในที่สุดก็ไม่ได้แชมพูมาให้อาม่าเพราะบริษัทเปลี่ยนโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่มีแชมพูยี่ห้อเดิมๆ กับรูปทรงที่แกคุ้นชินอีกต่อไปแล้ว...

ก่อนจะถึงบทสรุปของเรื่องนี้ ฉันคิดหาทางออกให้เด็กชายได้ใน 3 ทาง โดยข้อเสนอทั้งหมดนี้ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความต้องการใช้ ผลิตภัณฑ์เดิม' ของอาม่า คือ

1.ทำให้อาม่ายอมรับในตัวสีและรูปทรงที่เปลี่ยนไป เพราะถึงยังไง-ตัวแชมพูข้างในมันก็ยังคงมีคุณสมบัติไม่ต่างจากเดิม ซึ่งก็คงลำบากและต้องใช้เวลาบ้างในการอธิบายให้อาม่าเข้าใจว่า รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่อยู่ข้างในยังเหมือนเดิม'

2.หาแชมพูยี่ห้อที่มีบรรจุภัณฑ์คล้ายกับยี่ห้อเดิมที่สุดมาให้อาม่า เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้อาม่ารู้สึกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มากมายนัก...แม้ว่าจริงๆ แล้วเนื้อในมันจะไม่เหมือนเดิมเลยก็ตาม ทั้งสี กลิ่น และ คุณภาพ

3.เอาขวดแชมพูที่หมดแล้วมาเทแชมพูยี่ห้อเดียวกันลงไปใหม่ให้เต็ม แล้วเอาไปให้อาม่า ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ง่ายต่อการยอมรับของอาม่า แต่ยุ่งยากในขั้นตอนการทำ เพราะเด็กชายจะต้องเป็นคนรับอาสาไปซื้อแชมพูให้อาม่าในทุกครั้งไป ซึ่งตัวเด็กน้อยเลือกใช้วิธีนี้ด้วยความร่วมมือกับแม่ของเขา แม้เมื่อนานเข้าอาม่าจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

แต่ถึงอย่างไรอาม่าก็ยังคงใช้แชมพูยี่ห้อเดิมในขวดเดิมได้ต่อไป...

000

อันที่จริงแล้ว ในกระแสบริโภคนิยม (หรือแม้แต่กระแส ความนิยม' เฉยๆ) การเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และสีสันของผลิตภัณฑ์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นแนวโน้มการบริโภคให้มากขึ้น แต่ก็ต้องตระหนักถึงการรักษาฐานผู้บริโภคเดิมให้คงอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยึดติดหรือที่เรียกว่าซื่อสัตย์ต่อการบริโภคสินค้าตัวเดิม

ดังนั้น ในแง่เทคนิคของการตลาดจึงมีการแตกไลน์สร้างสินค้าตัวใหม่ขึ้น เพื่อกระตุ้นการบริโภค และเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น...ถือเป็นเรื่องธรรมดาของแวดวงนี้

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าการยึดมั่นอย่างฝังใจในตัวสินค้าของอาม่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีของผู้ผลิตสินค้าที่มีกลุ่มลูกค้าผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีไม่ยอมเปลี่ยนแปลงต่อแบรนด์ของตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าผู้บริโภคทุกคนจะคิดเหมือนอาม่า

เมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกเพื่อดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มใหม่ ก็ต้องเสี่ยงกับการสูญเสียลูกค้าเก่าแก่อย่างอาม่าไป...

ไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมของ อาม่า' และ แชมพู' ทุกวันนี้จะเป็นอย่างไร

ไม่มีใครรู้ว่าอาม่าจะสังเกตความเปลี่ยนไปของแชมพูหรือไม่...

แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องมีใครยึดติดกับสีสันรูปทรงใดๆ ที่อยู่ภายนอก และหันไปพิจารณาสิ่งที่อยู่ ข้างใน' ที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า...

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาในเกมช่วงชิงพื้นที่สื่อ กลยุทธ์หนึ่งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เป็นข่าว ส่วนฝ่ายตนนั้น ต่อให้เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายแต่ถ้าได้พื้นที่ข่าวก็ถือว่าได้เปรียบใน ระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็พอทำให้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่คุ้นหูอยู่ในความจดจำ ดีกว่าเป็นบุคคลโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีพูดอะไร ให้สัมภาษณ์ว่าอะไร สื่อมักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สังเกตได้ว่าเวลาอ่านหรือฟังข่าวในเวลานี้ ผู้สื่อข่าวจะหยิบคำพูดของนายกรัฐมนตรีมาเปิดเผยแบบยาวๆพูดแบบตามตำรา ก็คือ แหล่งข่าวเป็นผู้นำในรัฐบาล พูดอะไรก็ย่อมเป็นข่าวอยู่แล้ว…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เสาร์ที่ผ่านมา มีงานประชุมชื่อ Barcamp Bangkok จัดขึ้นที่ร้าน Indus สุขุมวิท 26 งานนี้ งานนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นงานที่มีผู้จัดมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะผู้ร่วมงานหลายคนมากันแต่เช้าเพื่อช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ แปะป้าย บางคนทำสมุดทำมือมาแจก หลายคนเตรียมหัวข้อพร้อมสไลด์มาพูดในงาน ------------------------------------- http://www.flickr.com/photos/poakpong http://www.flickr.com/photos/plynoi ทันทีที่งานเริ่ม กระดาษแผ่นแล้วแผ่นแล้ว ถูกทยอยนำไปแปะบนกระจกของร้าน ว่ากันว่า หัวข้อที่พูดกันในงาน มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับเว็บแอพพลิเคชันใหม่ๆ เทคโนโลยีโอเพนซอร์ส…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่งด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ขนาบไปด้วยทะเลยาวเหยียด เหมาะเป็นเส้นทางขนส่งวัตถุดิบสารพัด ประจวบฯ จึงเป็นที่หมายตาของโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าโรงไฟฟ้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับโครงการเหล่านี้ ก็นับเป็นความอาภัพของชีวิต เพราะภูมิศาสตร์แบบนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้คัดค้านกับรัฐหรือทุนขนาดใหญ่กันไม่หยุดหย่อน ไม่โครงการนั้น ก็โครงการนี้ และไม่รู้ว่าด้วยความอาภัพนี้หรือไม่ที่ทำให้ขบวนการประชาชนที่นี่ ‘แข็งแกร่ง' จะว่าที่สุดในประเทศก็คงไม่ผิดนัก ล่าสุด มีการต่อสู้คัดค้านโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดมหึมา ที่จะไปลงในพื้นที่แม่รำพึง…
Hit & Run
ตติกานต์ เดชชพงศคงรู้กันหมดแล้วว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีถูกยึด และต่อจากนี้ ทีวีช่องนี้จะไม่มีรายการบันเทิง ‘ไร้แก่นสาร' อีก จะมีก็แต่รายการที่มีประโยชน์ สร้างสรรค์สังคม มีคุณค่า ประเทืองปัญญากว่ารายการทีวีแบบเดิมๆๆๆๆ ฯลฯ แล้วทีวีช่องนั้นก็ถูกเรียกเสียใหม่ว่า ‘ทีวีสาธารณะ' ในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งเติบโตมากับสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ‘รสนิยมสาธารณ์' ไม่ว่าจะเป็น ละครน้ำเน่า (ผ่านยุคของ พจมาน สว่างวงศ์, ดาวพระศุกร์ หรือ โสรยา ใน ‘จำเลยรัก' มามากกว่าหนึ่งยุค!) รวมถึงเกมโชว์ที่ ‘ได้รับแรงบันดาลใจ' มาจากต่างประเทศ และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เอะอะก็ต่อสู้กัน (แม้แต่การ์ตูนแมวหุ่นยนต์ ‘โดราเอมอน'…
Hit & Run
  วิทยากร  บุญเรืองกลุ่ม แบ๊คซ้าย' มิถุนาฯ   23 ธันวาคม 2550...เป็นอีกวาระหนึ่งที่เราจะต้องออกไปช่วยเพื่อนรัก ‘นักการเมือง' (กลุ่มคนที่ถูกประณามมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบัน)สื่อต่างๆ ชอบที่จะกระแซะแซวว่า นักการเมืองมักจะมืออ่อนนอบน้อมกราบไหว้ประชาชนเสมอในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งมันก็ถูก แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน คนอีกบางจำพวกนั้น ‘ไม่มี' ช่วงเวลาพิเศษไหนเลยที่จะลงมาไหว้กราบกรานขอคะแนนจากประชาชน หนำซ้ำพวกเรากลับต้องกราบกรานไหว้เขาอยู่เป็นกิจวัตรใครล่ะน่าเกลียดกว่ากัน? สำหรับวาระสำคัญก่อนการเลือกตั้ง การรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำนองที่ว่า ‘…
Hit & Run
   พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจใครที่ไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปี หากมาเยือนปีนี้ คงผิดหูผิดตาเลยทีเดียวไม่ใช่แค่งานพืชสวนโลก ไม่ใช่แค่ ‘ช่วง ช่วง' หรือ ‘หลิน ฮุ่ย' ไม่ใช่แค่ร้าน ‘ไอเบอรี่' ของโน้ต อุดม ที่ทำให้ ‘หน้าตา' เมืองเชียงใหม่เปลี่ยนไปหากแต่ยังมีเจ้าสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ที่ชื่อว่า ‘ทางลอด' ผุดขึ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเบื้องหลังของมัน ยังมีเรื่องราวอันยาวนานของการพัฒนา ‘เมือง' อีกด้วย!หลายปีมานี้ ยวดยานใน จ.เชียงใหม่ ต้องประสบกับความทุลักทุเลในการข้ามสี่แยก เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างทางลอดแยก ผุดขึ้นบนถนนสายหลักของเมืองเชียงใหม่ เช่น การก่อสร้างทางลอด 7 แห่ง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี…
Hit & Run
"ต้นตอของปัญหาใหญ่ๆ ในสังคม พบว่าเรื่องหนึ่งคือ คนที่เป็นเจ้าของปัญหาไม่มีช่องทางส่งเสียงของตัวเองในช่องทางสื่อสารมวลชน ยิ่งวิทยุและทีวีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พื้นที่ของคนเดือดร้อน ถูกเบียดออกมาบนท้องถนนที่ออกมาประท้วงให้คนเมืองใหญ่รำคาญ" 
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์หลังจากได้อ่านข้อความในหนังสือที่ คมช. ส่งถึงคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ของ กกต. ที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบว่า หนังสือ ซึ่งออกโดย คมช. (สปค.ศปศ.คมช. ลับ-ด่วนมาก ที่ คมช ๐๐๐๓.๕/๔๘๐ ลง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐) นั้น เข้าข่ายความผิดฐาน เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๕๗ หรือไม่ เพื่อขอให้ทบทวนบทบาทของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากการออกหนังสือฉบับดังกล่าวของ คมช.เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว ก็เกิดความรู้สึก ‘สบายใจ'…
Hit & Run
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นเรื่องปกติในสังคมการเมืองแบบไทยๆ เมื่อมีบางคนใน ‘ตองหนึ่ง' อดีตผู้บริหารไทยรักไทยเรียกร้องในสิทธิความเป็นมนุษย์ที่พึงมีต่อองค์กร ‘ไม่ใช่พ่อ' และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อขอให้เข้ามาดูแลสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยยุ่งเกี่ยวการเมืองทุกรูปแบบกรณี ซึ่งอาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออก แทบฉับพลันทันทีนั้น เสียงแขวะฝอยเลาะตะเข็บก็ดังควากออกมาอย่างหยามหยันมากมายตามหน้าสื่อต่างๆเมื่อตามรอยตะเข็บที่เลาะไป ใช่จะไม่มีมูล…
Hit & Run
"ความพยายามสร้างกติกาอันบิดเบี้ยวตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้ ‘ผี' ยิ่งน่ากลัวสำหรับคนที่กลัว และยิ่งน่าพิสมัยสำหรับผู้ที่ไม่กลัว และผู้ที่ไม่กลัวส่วนใหญ่นั้นแม้จะอยู่ห่างไกล ไร้อำนาจ แต่ก็สามารถแสดงพลังเงียบของตนได้อย่างมีนัยสำคัญ"  ภาพจาก dschild.exteen มุทิตา  เชื้อชั่ง ผมเป็นคนกลัวผีมากจนแทบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลัวผี และรู้สึกว่าสังคมไทยกำลังกลัว ‘ผี' อย่างหนัก ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ จากที่เคยมีคำอธิบายมากมายว่าทำไมจึงต้องกลัว ‘ผี' หรือไล่ ‘ผี' แต่นานวันเข้า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความกลัว ‘ผี'…
Hit & Run
ภาพจาก http://www.kathmandu-bkk.com/คิม ไชยสุขประเสริฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหายุ่งยากใจกันอยู่นิดหน่อยในออฟฟิศ เรื่องการทำเสื้อทีมว่าจะเอาแบบไหน-สีอะไร ที่ยังไงก็ไม่ลงตัวสักที เพราะสีแต่ละสีตอนนี้ถูกนำเอาไปทำสัญลักษณ์ของกลุ่มต่างๆ กันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม่สีอย่าง สีแดง สีเหลือง หรือสีขั้นสองอย่างสีเขียว สีส้ม หรือสีม่วง