Skip to main content
  โดย เพณิญ

 

 

 

           ในสถานการณ์แบบนี้ ตัวละคร' ที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้น อาซาคุระ เคตะ' นายกรัฐมนตรีหนุ่มสุดหล่อแห่งประเทศญี่ปุ่น และ ลีซาน' พระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี

            ตัวละคร' ทั้งสองปรากฏตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก

หนึ่งคือ อาซาคุระ เคตะ' ตัวละครที่ไม่เคยสนใจการเมือง แต่ต้องก้าวเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในภาวะการเมืองสูญญากาศของประเทศญี่ปุ่นจาก CHANGE ซีรี่ย์แดนปลาดิบ ซึ่งรับบทโดยพระเอกสุดเท่ห์ ทาคุยะ คิมุระ (หลังจากซีรี่ย์เรื่องนี้จบลง ทาคุยะมีชื่อติดในผลสำรวจที่ว่า อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไปของญี่ปุ่นมากที่สุด ในอันดับที่ 3)

อีกหนึ่งคือ ลีซาน' หรือ พระเจ้าจองโจ พระราชาเจ้าของประโยค "ข้าจะทำให้รู้ว่า ความเสมอภาคเท่าเทียม และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จะทำให้บ้านเมืองเจริญได้"

อันเป็นประโยคไฮไลต์จากซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ซึ่งประโยคนี้คงสะท้อนในใจใครหลายคนที่ได้ยินได้ฟัง เพราะนอกจากจะสะท้อนให้ย้อนกลับมาดูสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทยแล้วยังสะเทือนต่อกลยุทธ์การลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยอ้างเรื่องการรักษาความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 

 

บทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี

            เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้กระแสตอบรับของซีรี่ย์เรื่อง CHANGE ดียิ่งกว่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพท์สมัยฟองสบู่ น่าจะเป็นเพราะเรื่องราวช่างเข้ากันกับสถานการณ์การเมืองของบ้านเรา ที่มีทั้งการทุจริตคอรัปชั่น มีการมุดมุ้งนี้ลอดมุ้งนั้น มีทั้งนักการเมืองอาวุโสและนักการเมืองเลือดใหม่ มีมือที่มองไม่เห็นคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง มีการใช้วิธีการสกปรกนำเอางบประมาณลับไปใช้ มีการยุบสภา เล่ห์เหลี่ยมและกลเกมการเมืองหลากหลาย เรียกได้ว่าครบรส

            ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีมือใหม่ หัวใจประชาชนนามว่า อาซาคุระ เคตะ' ยังได้รับฉายาว่า เจ้าชายแห่งสภา เนื่องจากความเป็นคนหนุ่มรูปหล่อ ซึ่งสอดคล้องกับความหล่อเหลาและความเป็นคนรุ่นใหม่ของนายกรัฐมนตรีไทย

            และในความเหมือนที่อาจจะแตกต่างในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ประเทศ ลองจินตนาการว่าหากนายกรัฐมนตรีทั้งสองมาพบกัน บทสนทนาของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร

อาซาคุระ เคตะ : ยินดีมากที่ผมได้พบคุณ ใครๆ ต่างก็กล่าวถึงคุณ รวมทั้งมีการเปรียบเทียบกับผม

มาร์ค  :  แน่นอนเราอาจะมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน ก่อนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คุณเคยเป็นครูชั้นประถม 5 ในขณะที่ก่อนหน้านี้ผมเป็นอาจารย์

อาซาคุระ เคตะ : แต่ที่ผมเห็นต่างคือ ยังไงๆ หน้าตาของคุณก็หล่อสู้ผมไม่ได้ แต่เอาเถอะผมไม่ได้อยากตอกย้ำเรื่องนี้ ผมอยากคุยเรื่องการเมืองมากกว่า

มาร์ค : ก่อนอื่น คุณช่วยเลือกประโยคประทับใจที่ทำให้คุณก้าวเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นให้ผมฟังสักประโยคสิ เคตะ

อาซาคุระ เคตะ : ด้วยหูที่เหมือนของท่าน ผมสัญญาว่า ผมจะตั้งใจฟังเสียงที่เบาที่สุด ของผู้ที่เราเรียกเขาว่าเป็นผู้อ่อนแอ ด้วยขาสองข้างที่เหมือนท่าน ผมสัญญาว่า ผมจะวิ่งเข้าหาปัญหาต่างๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ด้วยสองมือที่เหมือนพวกท่าน ผมสัญญาว่าจะใช้มันทำงานให้หนัก จนด้านแข็ง จนเหงื่อหยดจากมือ เพื่อจะสร้างหนทางใหม่ ที่ประเทศนี้ควรจะเป็น ทุกๆ อย่างของผม ก็จะเป็นเหมือนของท่าน

มาร์ค : เยี่ยมมาก

อาซาคุระ เคตะ : แล้วประโยคประทับใจของคุณล่ะ

มาร์ค : ผมขอยืนยันว่าผมจะทำงานให้กับคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ไม่ว่าจะสนับสนุนผมหรือแม้แต่ต่อต้านผม ท่านจะเป็นใครก็ตามหากท่านไม่คิดร้ายต่อบ้านเมืองท่านไม่ใช่ศัตรูของผม และท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมจะต้องรับใช้อย่างเต็มความสามารถ (17 ธันวาคม 2551 คำแถลงการณ์เนื่องในโอกาสรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ณ พรรคประชาธิปัตย์)

อาซาคุระ เคตะ : เท่ห์ระเบิดไปเลยที่กล้าพูดอย่างนั้น เพราะคุณย่อมรู้ว่าจำนวนคนที่เลือกคุณและไม่เลือกคุณ แตกต่างกันเท่าไหร่ แล้วเรื่องของคนที่ต่อต้านคุณ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

มาร์ค :  บนความสูญเสียของประเทศชาติในวันนี้ ใครก็ตามที่ประกาศชัยชนะ ผมถือว่าคน ๆ นั้นหรือกลุ่มคนเหล่านั้นคือศัตรูของประเทศไทยที่แท้จริง ไม่ว่าผมจะอยู่ในสถานะใด ผมจะไม่ยินยอมให้คนที่คิดร้ายกับประเทศไทยสามารถมามีอิทธิพลหรืออำนาจเหนือ ความเป็นอยู่ของชีวิตของประชาชนคนไทย และผมจะถือเป็นความรับผิดชอบสูงสุดที่จะเอาความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาบนความถูกต้องเท่านั้น (11 เม.ย. 52 ณ โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี)

อาซาคุระ เคตะ : การปิดสถานีโทรทัศน์และเวปไซต์ต่างๆ เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างความสงบเรียบร้อยที่คุณหมายถึงด้วยหรือ

มาร์ค :  ผมไม่คิดว่าคุณจะอนุญาตให้คนในประเทศของคุณไปออกวิทยุหรือทีวี แล้วพูดว่าไปเผาที่นั่นที่นี่กันเถอะ ไปฆ่าใครสักคนกันเถอะ (เดือนเมษายน 2552 คำให้สัมภาษณ์นิตยสารไฟแนนเชียล ไทมส์)

อาซาคุระ เคตะ : เอาเถอะ สำหรับผมนะ ผมรู้ว่าการที่ผมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะผมต้องการทำงานโดยใช้หัวใจของประชาชนคนหนึ่ง และผมไม่มีทางเป็นหุ่นเชิดให้ใคร การเมืองทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็คงประสบปัญหาคล้าย ๆ กัน คำว่าประชาชนนั้นหายไป หรือไม่ก็ไม่มีความหมายเลย นักการเมืองไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหนต่างเล่นการเมืองมากกว่าจะสนใจ และใส่ใจเจตจำนงของประชาชน

หมายเหตุ : บทสนทนาของมาร์ค เป็นบทสัมภาษณ์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอบคำถามต่อสื่อมวลชนหรือพูดต่อสาธารณะ หากแต่นำมาเรียบเรียงใหม่

 

ประโยคดีๆ จากพระราชา

กลับมาที่ ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ซี่รี่ส์จากแดนกิมจิที่ดำเนินเนื้อเรื่องอย่างเข้มข้น โดยอิงประวัติศาสตร์เกาหลีในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นรัชสมัยของ พระเจ้าจองโจ (ลีซาน) พระราชาลำดับที่ 22 ของราชวงศ์โชซอน ซึ่งในประวัติศาสตร์ห้าร้อยปีของราชวงศ์โชซอน  พระเจ้าจองโจนับว่าทรงเป็นพระราชาที่ทรงประสบมรสุมและปัญหาต่าง ๆ มากที่สุดพระองค์หนึ่ง  แต่ด้วยความที่ทรงมีปณิธานอันมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนของพระองค์มี ชีวิตที่ดีขึ้น พระองค์จึงทรงพยายามที่จะการปฏิรูปและปรับปรุงประเทศชาติในด้านต่างๆ ทั้งในด้านการปกครอง พระองค์ทรงสลายความบาดหมางของกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ที่สั่งสมมานานนับร้อยปีลงได้ ทางด้านเศรษฐกิจ พระเจ้าจองโจก็ทรงบุกเบิกเศรษฐกิจแนวใหม่ ซึ่งนับว่าแปลกใหม่ในศตวรรษที่ 18

            พระเจ้าจองโจทรงสร้างความแข็งแกร่งเกรียงไกรให้กับกองทัพ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้ชาติบ้านเมืองและด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นพระ ราชาที่มีความคิดก้าวหน้า อีกทั้งทรงเป็นพระราชาผู้ปกครองอาณาจักรด้วยความโอบอ้อมอารีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทรงใช้หลักประชาธิปไตยในการปกครองประชาชนของพระองค์ จึงทำให้พระองค์กลายมาเป็นพระราชาที่ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นพระราชาที่ เป็นที่รักของราษฎร์มากที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์เกาหลี

           นอกเหนือจากเรื่องราวการเมืองการปกครองที่เข้มข้นแล้ว ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ยังมีบทสนทนาเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมืองที่โดดเด่น ซึ่งจะขอยกมาเป็นตัวอย่างดังนี้

 

"ข้าจะไม่ให้เลือดและหยาดเหงื่อของพวกเขาไร้ค่า"

"ข้าจะมอบโลกที่ปราศจากการทุจริตและการโป้ปดแก่พวกเขา"

"ข้าจะสร้างโลกที่ไม่มีคนหิวโหย การแบ่งแยก หรือ ความกังวล"

 

"เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดคนเราถึงได้เปลี่ยนไปเมื่อมีอำนาจ เพราะมันสามารถใช้เป็นทางลัด ทำให้สะดวกรวดเร็วกว่าตอนที่ยังไม่มียังไงล่ะ อำนาจให้สิ่งนั้น เพราะเช่นนี้ยังไง ถึงไม่มีใครสามารถต่อต้านอำนาจได้ และคนเหล่านี้ถึงได้เปลี่ยนไป"

 

และใครยังติดใจในประโยคโดนๆ แบบนี้ก็ติดตามได้ใน ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน

 

..............................................................................................................................................

 

 


CHANGE นายกมือใหม่ หัวใจประชาชน

 

เรื่องราวของ อาซาคุระ  เคตะ  คุณครูชั้นประถมศึกษา ลูกชายคนที่ 2 ของเลขาธิการพรรครัฐบาล ที่ไม่สนใจการเมือง แต่อยู่ๆ ก็มีเหตุที่ทำให้ต้องก้าวเข้ามาสู้เส้นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกง การคอรัปชั่น ทั้งที่ตนไม่ต้องการ แต่เขาก็ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาอันรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน เมื่อถึงจุดนี้แล้ว เขาจะต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะไม่ให้เป็นหุ่นเชิดของนักการเมืองที่หวังกอบโกย และเพื่อเปลี่ยนแปลงให้เป็นสิ่งที่ดีกว่า

ซีรีส์แนวการเมืองสายเลือดญี่ปุ่น บทโดย ฟุคุดะ ยาสึชิ (Hero และ Gallileo) กำกับโดย ซาวาดะ เคนซาขุ และ ฮิราโนะ ชิน (ทีมจาก HERO และ Galileo) รวมถึงได้ดาราดังอย่าง คิมุระ ทาคุยะ มานำแสดงด้วย

 

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน

สร้างจากเรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์ของกษัตริย์องค์ที่ 22 พระเจ้าจองโจ หรือลีซาน แห่งอาณาจักรโชซอน ลีซานเป็นลูกชายคนเดียวของขององค์รัชทายาทแห่งโชซอน และเมื่อบิดาของเขาถูกใส่ร้าย เข้าใจผิดทำให้ถูกขังจนตาย องค์ชายน้อยจึงต้องก้าวสู่ราชบัลก์อย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาต้องฝึกฝนเพื่อเตรียมให้เขาเป็นพระราชาที่ดี รวมถึงยังถูกปองร้ายโดยคนที่ต้องการกำจัดเขาให้พ้นจากตำแหน่ง โชคดีที่เขามีทั้งเพื่อนคู่กายและสหายคู่ชีวิตต่อมาพระองค์ก็ได้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโชซอน ผู้ทำให้เกิดความเฟื่องฟูความรู้ทางศิลปวัฒนธรรม ได้มีการปฏิรูปหน่วยงานต่างๆ และวางรากฐานการปกครองให้กับอาณาจักร พระองค์ย้ายศาลของเมืองซูวอนโทมาไว้ใกล้กับสุสานของพระบิดา อีกทั้งพระองค์ยังสร้างป้อมปราการ ฮวาซอง ไว้พิทักษ์สุสาน ในปัจจุบันสถานที่นี้องค์การ ยูเนสโก ประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย

พระเจ้าจองโจ (ลีซาน) รับบทโดย ลีโซจิน (DAMO) พระมเหสีโยอึย รับบทโดย ปัก อึนฮเย (แดจังกึม) ทั้งยังมี ลีซุนเจ (คนดีที่โลกรอหมอโฮจุน) รับบทเป็น พระเจ้ายองโจ (ปู่ของพระเอก) ผู้เปิดเรื่องเลยทีเดียว รวมถึง คยอนมีรี (แดจังกึม, จูมง) ในบทพระนางเฮคยอง

             

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…