ในสถานการณ์แบบนี้ ‘ตัวละคร' ที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้น ‘อาซาคุระ เคตะ' นายกรัฐมนตรีหนุ่มสุดหล่อแห่งประเทศญี่ปุ่น และ ‘ลีซาน' พระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี
‘ตัวละคร' ทั้งสองปรากฏตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก
หนึ่งคือ ‘อาซาคุระ เคตะ' ตัวละครที่ไม่เคยสนใจการเมือง แต่ต้องก้าวเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในภาวะการเมืองสูญญากาศของประเทศญี่ปุ่นจาก CHANGE ซีรี่ย์แดนปลาดิบ ซึ่งรับบทโดยพระเอกสุดเท่ห์ ทาคุยะ คิมุระ (หลังจากซีรี่ย์เรื่องนี้จบลง ทาคุยะมีชื่อติดในผลสำรวจที่ว่า อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไปของญี่ปุ่นมากที่สุด ในอันดับที่ 3)
อีกหนึ่งคือ ‘ลีซาน' หรือ พระเจ้าจองโจ พระราชาเจ้าของประโยค "ข้าจะทำให้รู้ว่า ความเสมอภาคเท่าเทียม และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จะทำให้บ้านเมืองเจริญได้"
อันเป็นประโยคไฮไลต์จากซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ซึ่งประโยคนี้คงสะท้อนในใจใครหลายคนที่ได้ยินได้ฟัง เพราะนอกจากจะสะท้อนให้ย้อนกลับมาดูสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทยแล้วยังสะเทือนต่อกลยุทธ์การลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยอ้างเรื่องการรักษาความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
บทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี
เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้กระแสตอบรับของซีรี่ย์เรื่อง CHANGE ดียิ่งกว่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพท์สมัยฟองสบู่ น่าจะเป็นเพราะเรื่องราวช่างเข้ากันกับสถานการณ์การเมืองของบ้านเรา ที่มีทั้งการทุจริตคอรัปชั่น มีการมุดมุ้งนี้ลอดมุ้งนั้น มีทั้งนักการเมืองอาวุโสและนักการเมืองเลือดใหม่ มีมือที่มองไม่เห็นคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง มีการใช้วิธีการสกปรกนำเอางบประมาณลับไปใช้ มีการยุบสภา เล่ห์เหลี่ยมและกลเกมการเมืองหลากหลาย เรียกได้ว่าครบรส
ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีมือใหม่ หัวใจประชาชนนามว่า ‘อาซาคุระ เคตะ' ยังได้รับฉายาว่า เจ้าชายแห่งสภา เนื่องจากความเป็นคนหนุ่มรูปหล่อ ซึ่งสอดคล้องกับความหล่อเหลาและความเป็นคนรุ่นใหม่ของนายกรัฐมนตรีไทย
และในความเหมือนที่อาจจะแตกต่างในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ประเทศ ลองจินตนาการว่าหากนายกรัฐมนตรีทั้งสองมาพบกัน บทสนทนาของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร
อาซาคุระ เคตะ : ยินดีมากที่ผมได้พบคุณ ใครๆ ต่างก็กล่าวถึงคุณ รวมทั้งมีการเปรียบเทียบกับผม
มาร์ค : แน่นอนเราอาจะมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน ก่อนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คุณเคยเป็นครูชั้นประถม 5 ในขณะที่ก่อนหน้านี้ผมเป็นอาจารย์
อาซาคุระ เคตะ : แต่ที่ผมเห็นต่างคือ ยังไงๆ หน้าตาของคุณก็หล่อสู้ผมไม่ได้ แต่เอาเถอะผมไม่ได้อยากตอกย้ำเรื่องนี้ ผมอยากคุยเรื่องการเมืองมากกว่า
มาร์ค : ก่อนอื่น คุณช่วยเลือกประโยคประทับใจที่ทำให้คุณก้าวเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นให้ผมฟังสักประโยคสิ เคตะ
อาซาคุระ เคตะ : ด้วยหูที่เหมือนของท่าน ผมสัญญาว่า ผมจะตั้งใจฟังเสียงที่เบาที่สุด ของผู้ที่เราเรียกเขาว่าเป็นผู้อ่อนแอ ด้วยขาสองข้างที่เหมือนท่าน ผมสัญญาว่า ผมจะวิ่งเข้าหาปัญหาต่างๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ด้วยสองมือที่เหมือนพวกท่าน ผมสัญญาว่าจะใช้มันทำงานให้หนัก จนด้านแข็ง จนเหงื่อหยดจากมือ เพื่อจะสร้างหนทางใหม่ ที่ประเทศนี้ควรจะเป็น ทุกๆ อย่างของผม ก็จะเป็นเหมือนของท่าน
มาร์ค : เยี่ยมมาก
อาซาคุระ เคตะ : แล้วประโยคประทับใจของคุณล่ะ
มาร์ค : ผมขอยืนยันว่าผมจะทำงานให้กับคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ไม่ว่าจะสนับสนุนผมหรือแม้แต่ต่อต้านผม ท่านจะเป็นใครก็ตามหากท่านไม่คิดร้ายต่อบ้านเมืองท่านไม่ใช่ศัตรูของผม และท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมจะต้องรับใช้อย่างเต็มความสามารถ (17 ธันวาคม 2551 คำแถลงการณ์เนื่องในโอกาสรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ณ พรรคประชาธิปัตย์)
อาซาคุระ เคตะ : เท่ห์ระเบิดไปเลยที่กล้าพูดอย่างนั้น เพราะคุณย่อมรู้ว่าจำนวนคนที่เลือกคุณและไม่เลือกคุณ แตกต่างกันเท่าไหร่ แล้วเรื่องของคนที่ต่อต้านคุณ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
มาร์ค : บนความสูญเสียของประเทศชาติในวันนี้ ใครก็ตามที่ประกาศชัยชนะ ผมถือว่าคน ๆ นั้นหรือกลุ่มคนเหล่านั้นคือศัตรูของประเทศไทยที่แท้จริง ไม่ว่าผมจะอยู่ในสถานะใด ผมจะไม่ยินยอมให้คนที่คิดร้ายกับประเทศไทยสามารถมามีอิทธิพลหรืออำนาจเหนือ ความเป็นอยู่ของชีวิตของประชาชนคนไทย และผมจะถือเป็นความรับผิดชอบสูงสุดที่จะเอาความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาบนความถูกต้องเท่านั้น (11 เม.ย. 52 ณ โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี)
อาซาคุระ เคตะ : การปิดสถานีโทรทัศน์และเวปไซต์ต่างๆ เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างความสงบเรียบร้อยที่คุณหมายถึงด้วยหรือ
มาร์ค : ผมไม่คิดว่าคุณจะอนุญาตให้คนในประเทศของคุณไปออกวิทยุหรือทีวี แล้วพูดว่าไปเผาที่นั่นที่นี่กันเถอะ ไปฆ่าใครสักคนกันเถอะ (เดือนเมษายน 2552 คำให้สัมภาษณ์นิตยสารไฟแนนเชียล ไทมส์)
อาซาคุระ เคตะ : เอาเถอะ สำหรับผมนะ ผมรู้ว่าการที่ผมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะผมต้องการทำงานโดยใช้หัวใจของประชาชนคนหนึ่ง และผมไม่มีทางเป็นหุ่นเชิดให้ใคร การเมืองทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็คงประสบปัญหาคล้าย ๆ กัน คำว่าประชาชนนั้นหายไป หรือไม่ก็ไม่มีความหมายเลย นักการเมืองไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหนต่างเล่นการเมืองมากกว่าจะสนใจ และใส่ใจเจตจำนงของประชาชน
หมายเหตุ : บทสนทนาของมาร์ค เป็นบทสัมภาษณ์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอบคำถามต่อสื่อมวลชนหรือพูดต่อสาธารณะ หากแต่นำมาเรียบเรียงใหม่
ประโยคดีๆ จากพระราชา
กลับมาที่ ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ซี่รี่ส์จากแดนกิมจิที่ดำเนินเนื้อเรื่องอย่างเข้มข้น โดยอิงประวัติศาสตร์เกาหลีในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นรัชสมัยของ พระเจ้าจองโจ (ลีซาน) พระราชาลำดับที่ 22 ของราชวงศ์โชซอน ซึ่งในประวัติศาสตร์ห้าร้อยปีของราชวงศ์โชซอน พระเจ้าจองโจนับว่าทรงเป็นพระราชาที่ทรงประสบมรสุมและปัญหาต่าง ๆ มากที่สุดพระองค์หนึ่ง แต่ด้วยความที่ทรงมีปณิธานอันมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนของพระองค์มี ชีวิตที่ดีขึ้น พระองค์จึงทรงพยายามที่จะการปฏิรูปและปรับปรุงประเทศชาติในด้านต่างๆ ทั้งในด้านการปกครอง พระองค์ทรงสลายความบาดหมางของกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ที่สั่งสมมานานนับร้อยปีลงได้ ทางด้านเศรษฐกิจ พระเจ้าจองโจก็ทรงบุกเบิกเศรษฐกิจแนวใหม่ ซึ่งนับว่าแปลกใหม่ในศตวรรษที่ 18
พระเจ้าจองโจทรงสร้างความแข็งแกร่งเกรียงไกรให้กับกองทัพ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้ชาติบ้านเมืองและด้วยความที่พระองค์ทรงเป็นพระ ราชาที่มีความคิดก้าวหน้า อีกทั้งทรงเป็นพระราชาผู้ปกครองอาณาจักรด้วยความโอบอ้อมอารีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทรงใช้หลักประชาธิปไตยในการปกครองประชาชนของพระองค์ จึงทำให้พระองค์กลายมาเป็นพระราชาที่ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นพระราชาที่ เป็นที่รักของราษฎร์มากที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์เกาหลี
นอกเหนือจากเรื่องราวการเมืองการปกครองที่เข้มข้นแล้ว ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน ยังมีบทสนทนาเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมืองที่โดดเด่น ซึ่งจะขอยกมาเป็นตัวอย่างดังนี้
"ข้าจะไม่ให้เลือดและหยาดเหงื่อของพวกเขาไร้ค่า"
"ข้าจะมอบโลกที่ปราศจากการทุจริตและการโป้ปดแก่พวกเขา"
"ข้าจะสร้างโลกที่ไม่มีคนหิวโหย การแบ่งแยก หรือ ความกังวล"
"เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดคนเราถึงได้เปลี่ยนไปเมื่อมีอำนาจ เพราะมันสามารถใช้เป็นทางลัด ทำให้สะดวกรวดเร็วกว่าตอนที่ยังไม่มียังไงล่ะ อำนาจให้สิ่งนั้น เพราะเช่นนี้ยังไง ถึงไม่มีใครสามารถต่อต้านอำนาจได้ และคนเหล่านี้ถึงได้เปลี่ยนไป"
และใครยังติดใจในประโยคโดนๆ แบบนี้ก็ติดตามได้ใน ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน
..............................................................................................................................................
CHANGE นายกมือใหม่ หัวใจประชาชน
เรื่องราวของ อาซาคุระ เคตะ คุณครูชั้นประถมศึกษา ลูกชายคนที่ 2 ของเลขาธิการพรรครัฐบาล ที่ไม่สนใจการเมือง แต่อยู่ๆ ก็มีเหตุที่ทำให้ต้องก้าวเข้ามาสู้เส้นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกง การคอรัปชั่น ทั้งที่ตนไม่ต้องการ แต่เขาก็ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาอันรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน เมื่อถึงจุดนี้แล้ว เขาจะต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะไม่ให้เป็นหุ่นเชิดของนักการเมืองที่หวังกอบโกย และเพื่อเปลี่ยนแปลงให้เป็นสิ่งที่ดีกว่า ซีรีส์แนวการเมืองสายเลือดญี่ปุ่น บทโดย ฟุคุดะ ยาสึชิ (Hero และ Gallileo) กำกับโดย ซาวาดะ เคนซาขุ และ ฮิราโนะ ชิน (ทีมจาก HERO และ Galileo) รวมถึงได้ดาราดังอย่าง คิมุระ ทาคุยะ มานำแสดงด้วย
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน สร้างจากเรื่องจริงอิงประวัติศาสตร์ของกษัตริย์องค์ที่ 22 พระเจ้าจองโจ หรือลีซาน แห่งอาณาจักรโชซอน ลีซานเป็นลูกชายคนเดียวของขององค์รัชทายาทแห่งโชซอน และเมื่อบิดาของเขาถูกใส่ร้าย เข้าใจผิดทำให้ถูกขังจนตาย องค์ชายน้อยจึงต้องก้าวสู่ราชบัลก์อย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาต้องฝึกฝนเพื่อเตรียมให้เขาเป็นพระราชาที่ดี รวมถึงยังถูกปองร้ายโดยคนที่ต้องการกำจัดเขาให้พ้นจากตำแหน่ง โชคดีที่เขามีทั้งเพื่อนคู่กายและสหายคู่ชีวิตต่อมาพระองค์ก็ได้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโชซอน ผู้ทำให้เกิดความเฟื่องฟูความรู้ทางศิลปวัฒนธรรม ได้มีการปฏิรูปหน่วยงานต่างๆ และวางรากฐานการปกครองให้กับอาณาจักร พระองค์ย้ายศาลของเมืองซูวอนโทมาไว้ใกล้กับสุสานของพระบิดา อีกทั้งพระองค์ยังสร้างป้อมปราการ ฮวาซอง ไว้พิทักษ์สุสาน ในปัจจุบันสถานที่นี้องค์การ ยูเนสโก ประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย พระเจ้าจองโจ (ลีซาน) รับบทโดย ลีโซจิน (DAMO) พระมเหสีโยอึย รับบทโดย ปัก อึนฮเย (แดจังกึม) ทั้งยังมี ลีซุนเจ (คนดีที่โลกรอหมอโฮจุน) รับบทเป็น พระเจ้ายองโจ (ปู่ของพระเอก) ผู้เปิดเรื่องเลยทีเดียว รวมถึง คยอนมีรี (แดจังกึม, จูมง) ในบทพระนางเฮคยอง |