Skip to main content

หมายเหตุ ตัวละครและเรื่องที่ปรากฏในงานเขียนชิ้นนี้ เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่มีอยู่จริง

 

(เราเขียนหมายเหตุไปงั้น ๆ เพราะแม้ผู้มีอำนาจจะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็น เรื่องแต่ง แต่ก็ยังคอยระแวงจ้องจับผิด และสื่อชนชั้นนำบางแห่งก็คอยนำมันไปบิดเบือนให้กลายเป็นเหมือนเรื่องจริง แล้วนำมาเมาท์ไปเรื่อยเปื่อยอยู่ดี)

 

ภาริดา นาเดชิโกะ

 

สถานการณ์ในเมืองไทยตอนนี้ทำให้พวกเราไม่สามารถนำเสนออะไรหลายอย่างได้โดยเฉพาะสิ่งที่มาจากต่างประเทศ ก็เพราะประเทศสยามกำลังพยายามปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลจากสื่อต่างชาติ หรือถ้าจะให้รับรู้ก็จะถูกบิดเบือนหรือรับเอามาดัดแปลงให้เป็นวาทศิลป์มุ่งสำเร็จความใคร่ในการทำลายล้างศัตรูของตนเอง โดยไม่สนถึงผลกระทบที่ตามมาว่าจะบานปลายร้ายแรงขนาดไหน

 

เดิมทีพวกเราตั้งใจเขียนเรียบเรียงการประชุมของเหล่านักแปลชิ้นนี้เป็นภาษาต่างประเทศ จากนั้นค่อยแปลเป็นภาษาไทย แต่มันก็เป็นเรื่องอันตรายอยู่เหมือนกัน เพราะสื่อไทยจับจ้องข้อมูลอะไรก็ตามที่เป็นต่างประเทศเอามาก ๆ จนกระทั่งแม้ว่าเราจะเขียนเป็นภาษาต่างประเทศด้วยตัวเราเอง และแปลเป็นภาษาไทยด้วยตัวเราเอง พวกเขาก็อาจหาเรื่องเราได้อยู่ดี

 

นักแปลบางคนก็ทำงานเป็นอาชีพหลักหากิน บางคนก็เป็นอาชีพเสริม หรือบางคนทำงานอย่างอื่นที่ต้องอาศัยข้อมูลจากต่างประเทศและใช้ทักษะการแปลเข้ามาช่วย จนอาจหวังดีกับเพื่อนในโลกอินเตอร์เน็ตนำข้อมูลที่ตัวเองคิดว่าน่าสนใจมาโพสท์เผยแพร่

 

เอาล่ะ หนึ่งในนักแปลที่ร่วมประชุมกำลังใช้ปลายด้ามดินสอกระทุ้งหัวตัวเองเพื่อเค้นความคิดบางอย่างออกมา ความคิดที่ว่าแล้วต่อจากนี้เราจะแปลอะไรกันดี เหล่านักแปลเรื่องการเมืองรู้ซึ้งดีอยู่แล้วถึงความเสี่ยงที่วันหนึ่ง Gestapo (ขออนุญาตไม่แปล) ที่จำใจต้องทำงานให้พวกรัฐบาลเผด็จการจะบุกมาเอาตัวพวกเขาเพียงเพราะมีข้อความที่ ไม่ดีไม่งามโผล่มาเพียงคำเดียว

 

ฝ่ายนักแปลเรื่องเศรษฐกิจ ทำเสียงจึกจักในปากสองสามที โดยไม่สูญเสียทรัพยากรน้ำลายมากนัก ก่อนเสนอว่า พวกคุณคงไม่รู้ว่า เดี๋ยวนี้แม้แต่แปลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็อันตรายก่อนจะอ้างถึงข่าวเรื่อง Hammering the Stock Market (ขออนุญาตไม่แปล) ซึ่งแม้จะเอาข่าวมาจากประเทศอื่น แต่คนแปลเองกลับโดนคดีจากกฏหมายบางข้อ ที่ง่ายต่อการ Abuse (ขออนุญาตไม่แปล) และถูกสื่อนำไปตีข่าวเสียอย่างกับพวกเขาเป็นคนเลว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาเอง แต่เป็นการอ้างอิงข้อมูลจากที่อื่นมา ไม่นึกว่านักวารสารศาสตร์ที่เรียนกันมาหลายปีดีดัก จะจงใจทำให้พวกเขากลายเป็น Scapegoat (ขออนุญาตไม่แปล) ได้เพราะแค่การอ้างอิงข้อมูลมานำเสนอ

 

เจ้าบ้าตัวหนึ่งที่ชอบอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ นั่งขยับแว่นฟังอยู่นาน ก็ผุดลุกขึ้นมาเสนอว่า งั้นเราก็แปลกันแต่นิยายดีกว่า เพราะยังไงนิยายมันก็เป็นแค่สิ่งบันเทิง โดยเฉพาะนิยายวิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยจินตนาการจากโลกอนาคต เพียงชั่วพริบตา เจ้าบ้าที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาก็ถูกนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์อีกคนเอาหนังสือเรื่อง Fahrenheit 451 (ขออนุญาตไม่แปลชื่อหนังสือ แต่มันพูดถึงเกี่ยวกับรัฐบาลเผด็จการที่สั่งเผาหนังสือทุกเล่ม) ตีหัวด้วยมวล (m) และความเร่ง (a) ที่ไม่มากนัก จึงไม่เจ็บเท่าไหร่

 

เจ้าของหนังสือ Fahrenheit 451 เถียงแบบฉุน ๆ ว่า ต่อให้แปลนิยายก็อาจเป็นอันตรายได้โว้ย!!”  เขาเสริมว่าโดยเฉพาะการแปลนิยายวิทยาศาสตร์ในประเทศที่คิดอะไรไม่เป็นวิทยาศาสตร์ พวกนั้นอาจหาว่าพวกเราเป็นพ่อมด แม่มด แบบในยุคกลางได้

 

ในประเทศที่ยังยึดมั่นคือมั่นกับคำว่าเป็นมงคลไม่เป็นมงคลอยู่นี้ จะไปเอาอะไรกับเรื่องวิทยาศาสตร์

 

ไม่นับว่านิยายวิทยาศาสตร์ทั้งยุค Modern (ขออนุญาตไม่แปล) และ Postmodern (ขออนุญาตไม่แปลโพดๆ) หลายเรื่องพูดถึงการต่อต้านรัฐบาลเผด็จการอย่าง 1984 หรือการตาสว่างจากสิ่งที่คอยหลอกลวงคนในสังคมอย่างใน The Matrix (ขออนุญาตไม่แปลชื่อภาพยนตร์) อาจเป็นการระคายเคืองต่อรัฐบาลเผด็จการหรือสื่อตอแหลบางแห่งได้

 

นักแปลผู้ติดตามเรื่องราวจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นคนที่นั่งในท่ากุมขมับมาตั้งแต่เริ่มการประชุม และยังคงอยู่ในท่ากุมขมับต่อไปแม้จะเริ่มพูดเสนอความเห็นขึ้นมาบ้าง

 

เขาบอกประมาณว่า ไอ่เรื่องราว Censorship (ขออนุญาตไม่แปล) อะไรแบบนี้ประเทศเพื่อนบ้านเราก็เจอมาเยอะแล้ว แต่ที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนคือการที่สื่อบางแห่งที่อ้างว่าตนสนับสนุนความคิดอิสระร่วมด้วยช่วยกันกับรัฐบาล

 

สิ่งที่ผู้แปลเรื่องราวจากประเทศเพื่อนบ้านปวดเศียรเวียน Head (ขออนุญาตไม่แปล) ไม่แพ้กันคือ แม้พวกเขาอยากนำเสนอเรื่องราวของประเทศเพื่อนบ้านประเทศหนึ่งแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากประเทศนั้นดันมาเป็นศัตรูของคุณพี่ไทย (ยิ่งหย่ายเจรง ๆ) ด้วยฝีมืออันเฉียบแหลมของรัฐบาลเรา

 

มันเลยมีความเป็นไปได้ว่างานแปลของเขาจะถูกสื่อเสี้ยมที่มีคุณธรรมจริยธรรมทั้งหลายเอาไป เล่น ว่าทรยศชาติบ้าง ขายชาติบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือถูกหาว่าเป็นพวกเดียวกับคนที่ ขายชาติ” (ซึ่งก็เป็นแค่การกล่าวหาและยังไม่ได้รับการพิสูจน์อีกเช่นกัน)

 

ที่ตลก วรนุช ๆ กว่านั้นคือ ขณะที่พวกเราทำตัว Ego-centric (ขออนุญาตไม่แปลว่าการเอาตัวเองศูนย์กลาง) คิดว่าตัวเองแน่ เจ๋ง กว่าเพื่อนบ้าน แต่ฝรั่งเขาขำประเทศเรากันจะตายชัก ไม่นับว่าประเทศใกล้เคียงเขาจับมือมองเราด้วยสายตาเหินห่างไปเรื่อย ๆ

 

อนึ่ง ผู้เรียบเรียงเรื่องนี้มีความเห็นในทีแรกว่าควรแปลเรื่องนี้เป็นภาษาต่างประเทศเพื่อให้ประเทศอื่น ๆ ได้รับรู้เรื่องราวในประเทศโลกที่สามของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ด้วย หากแต่ว่าใครบางคนอาจยังคงอยากให้ประเทศนี้เป็นประเทศโลกที่สามอย่างดักดาน ต่อไป ไม่ต้องติดต่ออะไรกับประเทศอื่น ๆ

 

และการแปลข้อมูลที่ขัดเคืองต่อความคิดของ Elite (ขออนุญาตไม่แปล ความหมายมันราว ๆ ชนชั้นนำ) อาจทำให้นักแปลตัวเล็ก ๆ ไม่มีเส้น ไม่มีสาย เจ็บตัวฟรี ๆ เอาได้ ผู้เรียบเรียงจึงขอหยุดงานชิ้นนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้

 

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
  ตติกานต์ เดชชพงศ  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูฉากโหดๆ อาทิ หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย กระสุนเจาะกระโหลกเลือดกระฉูด ในหนังไทย (ทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท!) เรื่อง ‘โอปปาติก'  รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้รอดพ้นเงื้อมมือกองเซ็นเซอร์ผู้เคร่งครัดมาได้ยังไง?เพราะด้วยการทำงานของหน่วยงานเดียวกันนี้ ทำให้หนังเรื่องหนึ่งถูกห้ามฉาย เพราะมีฉากพระสงฆ์เล่นกีตาร์, และฉากนายแพทย์บอกเล่าว่าตนก็มีึความรู้สึกทางเพศ แม้แต่ฉากเด็กผู้หญิงอาบน้ำ (ซึ่งเป็นเพียงตัวการ์ตูนญี่ปุ่น) ก็ยังถูกเซ็นเซอร์มาแล้ว ด้วยข้อหา ‘ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี'…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรือง ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ... (กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า…
Hit & Run
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ 26 กันยายน 2550ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง   ภาพที่เห็นคือ...ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้นก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด…
Hit & Run
  อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาดูเหมือนเรื่องน่าจะจบลงไปแล้ว กับความพยายามของ สนช.กว่า 60 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่สุดท้าย สนช.จะตัดสินใจถอนการแก้ไขออกไปก่อนแม้เรื่องนี้มีนัยยะที่น่าสนใจหลายประเด็น แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ กระแสความคิดที่เกิดขึ้น แม้ภายหลังการถอยและถอนการเสนอแก้กฎหมายแล้วก็ตามสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีจำนวน 242 คน โดย สนช. สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอหรือแก้ไขกฎหมายได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียงจำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์นอกจาก 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย และ (อดีต) วันชาติแล้ว วันสำคัญที่เงียบเหงารองลงมา (อีกวัน) ก็คงหนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519 ที่รับรู้กันว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เพราะเข้าใจว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สำหรับปีที่แล้ว วันนี้อาจคึกคัก เพราะถึงวาระตัวเลขกลมๆ 30 ปี ซ้ำยังเพิ่งผ่านพ้นรัฐประหาร 19 กันยายน มาหมาดๆ กระแสเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงยังมีอยู่ แต่พอปีนี้กระแสกลับไปเงียบเหงาเหมือนปีก่อนๆ วันที่ 6 ตุลาในปีนี้ กลายเป็นวันเสาร์ธรรมดาๆเมื่อถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา กับหลายๆ คน…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นข่าวคราวกันพักใหญ่ในรอบสัปดาห์จนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องรีบออกมาเต้นเร่าร้อนกันทั่ว เมื่อคุณหนูสาวๆ มีแฟชั่นเทรนใหม่เป็นการนุ่งกระโปงสั้นจุ๊บจิมโดยไม่สวมใส่ ‘กุงเกงลิง’ ความนิยมนี้เล่นเอาหลายคนหน้าแดงผ่าวๆจนพากันอุทาน ต๊ายยย ตาย อกอีแป้นจะแตก อีหนูเอ๊ยย ทำกันไปได้อย่างไร ไม่อายผีสาง เทวดาฟ้าดินกันบ้างหรืออย่างไรจ๊ะ โอ๊ย..ย สังคมเป็นอะไรไปหมดแล้ว รับแต่วัฒนธรรมตะวันตกมาจนไม่ลืมหูลืมตา วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยไปไหนโม๊ดดดดเรื่องนี้มองเล่นๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ คล้ายกับว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘กุงเกงลิง’…