โจว ชิงหมาเกิด
*หมายเหตุภาพมีอาจจะมีลิขสิทธิ์จึงไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงแสวงผลกำไร แต่อาจใช้ประโยชน์ได้ในด้านการศึกษา หรือประกอบการทำกิจกรรมกีฬาในร่มแต่คำนามเป็นกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้ปกครองควรเก็บไว้ในที่ลับตาเยาวชน
ปีนี้บรรยากาศเหน็บหนาวที่มาพร้อมกับลานเบียร์หลายแห่งตามห้างสรรพสินค้า มีเรื่องสนุกสนานทวีคูณมากขึ้น เมื่อเกิดปรากฏการ “สาวลีโอ” ที่ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังเมื่อไปพันกับการเมืองยุคอำมาตย์ฝึกหัดครองเมือง
เมื่อมาถึงปลายปีที่มีบรรยากาศหนาวๆ ชวนให้เปล่าเปลี่ยว ธรรมเนียมปฏิบัติของบรรษัทค่ายน้ำเมาต่างๆ จะต้องมีแคมเปญอะไรมาเป็นของกำนัลให้กับหนุ่มๆ คึกคักมีชีวิตชีวา โดยปฏิทินรูปแบบวาบหวามมักจะถูกเข็นออกมาในช่วงนี้ และลีโอก็ไม่เคยพลาด หลังจากที่ได้ “ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม” มาช่วยเป็นแม่ทัพดูแลการผลิตด้านสื่อหวาบหวิวให้ค่ายลีโอ เป็นส่วนหนึ่งในการฟาดฟันต่อสู้กับค่ายช้างจนทำให้เบียร์ลีโอเป็นเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศ โดยกลยุทธการตลาดที่สำคัญนั้นก็คือการขายความเซ็กซี่และมีระดับกว่าช้างมาหน่อย
โดยปีนี้ได้เข็นหกสาวไฟแรง “แพม - ปานพิมพ์ เตชะธนชัยพัฒน์” นางเอกหนังเรื่องเดอะกิ๊ก 3, “ครี - พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา ไฮโซฮอต”, “แอม - สุทธิกานต์ หวังเจริญทวีกุล นางแบบชื่อดัง”, “มิกซ์ - เจนจิรา เกิดประสพ อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2003 และนักกีฬายิงธนูทีมชาติไทย”, “อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ดาราจากละครซิตคอมชื่อดัง นัดกับนัด” และ “แอนนา รีส นางเอกหนังปืนใหญ่โจรสลัด” มาเป็นนางแบบยั่วใจคอเบียร์เสือดาวป่า
ก็ถือว่าแคมเปญนี้มีการกล่าวขวัญกันในวงการกามแมนทั้งหลายพอสมควร แต่เรื่องมันกลับเลยเถิดไปเป็นเรื่องการเมืองระดับชาติ เมื่อสาวลีโอคนที่เจ็ดปรากฏ และไม่ใช่ขี้ๆ เมื่อเธอเป็นถึงทายาทเจ้าของค่าย
“จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี” หรือน้อง “ตั๊น” ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) และทายาทสาวของบริษัทเครือสิงห์ คอร์เปอร์เรชั่น เจ้าของผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ลีโอ สาวลีโอคนที่เจ็ดของปีนี้ ผู้ที่มาเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินคนล่าสุด กลับฮ๊อตและถูกพูดถึงกว่าสาวหกคนแรก
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 52 ที่ผ่านมา คุณจิตภัสร์ได้นำเอาปฎิทินลีโอมาแจกให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่และสื่อในทำเนียบรัฐบาล ที่บริเวณด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งได้สร้างความสนใจและมาเข้าแถวรอรับกันจำนวนมากและได้หมดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเรื่องก็เริ่มจะขำไม่ออก เมื่อปฏิกิริยาจากฝ่ายศีลธรรมจ๋าออกมาทำงานอย่างรวดเร็ว แบบวันเดียวเฆี่ยนหล่อนซะช้ำเลือดช้ำหนอง
ทั้งๆ ที่เป็นพวกเดียวกัน แต่ศีลธรรมตามแบบอำมาตย์ต้องมาก่อน เมื่อนักฆ่าอนุรักษ์นิยมจากพรรคประชาธิปัตย์เริ่มทำงาน อาทิ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์กรรมาธิการยกร่างประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บอกว่ารู้สึกรับไม่ได้กับกรณีที่ น.ส. จิตภัสร์ นำปฏิทินนู้ดปีใหม่ไปแจกจ่ายในทำเนียบฯ ถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องดังกล่าวผิดกฎหมาย ทั้งนี้ในการประชุม ส.ส.พรรคฯ วันที่ 22 ธ.ค.นี้ จะสอบถามว่า น.ส.จิตภัสร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้โดยสัดส่วนของพรรคด้วยเส้นสายใคร คนที่นำ น.ส.จิตภัสร์ เข้ามาก็ต้องรับผิดชอบ โดยการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคฯ ไปด้วย… ตามมาด้วยการแอบแทงข้างหลังผู้หญิงของคนในพรรคฯ ตามประสาคนแก่หมั่นไส้เด็กเส้น (*รายละเอียดอันยืดยาวต่อปฏิกิริยาลีโอ อ่านล้อมกรอบท้ายบทความ)
และเมื่อทนแรงเสียดทานไม่ไหวในวันที่ 17 ธ.ค. 52 คุณจิตภัสร์จึงได้ส่งสารขอลาออกจากข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดว่า
"เรียนท่านสื่อมวลชนที่เคารพ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวข้องกับตัวดิฉันว่า "เปิดท้ายรถแจกปฏิทินกลางทำเนียบรัฐบาล" นั้น ขอเรียนชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่า ดิฉันไม่มีเจตนาที่จะนำปฏิทินไปแจกจ่าย แต่เป็นเพราะมีพี่ๆหลายคนสนใจปฏิทินนี้ ประกอบกับเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่จึงนำติดรถมา ระหว่างนั้นพี่ๆสื่อมวลชนหลายคนเห็นและเข้ามาขอปฏิทินด้วย ดิฉันก็ให้กับทุกคน โดยยอมรับว่าไม่ทันได้คิดเลยว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งถือเป็นความไม่รอบคอบของดิฉันเอง จนทำให้ส่งผลกระทบตามมามากมาย
ดิฉันรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองและครอบครัวได้รับผลกระทบแล้วยังส่งผลให้ผู้ใหญ่หลายคนที่ดิฉันนับถือพลอยเสื่อมเสียไปด้วย ดังนั้นแม้การกระทำครั้งนี้จะเป็นความพลาดพลั้งเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่นำมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดชอบจากการกระทำของตัวเอง ดิฉันขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวและขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมดเพื่อนำไปปรับปรุงตัวเองพร้อมกันนี้ดิฉันกราบขอโทษไปยังประชาชนทั้งประเทศที่ทำเหตุการณ์ไม่เหมาะสมในทำเนียบรัฐบาล
ดิฉันจึงขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่17 ธ.ค.2552
ประเด็นเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากและจะเป็นเครื่องเตือนสติ ดิฉันว่าทุกๆการกระทำต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบ หวังว่าสังคมการเมืองจะเปิดโอกาสให้ดิฉันพิสูจน์ตัวเองในภายภาคหน้า"
และก็เหมือนเข้าทางตีนองค์กรงดเหล้า องค์กรด้านศีลธรรมต่างๆ ที่ออกมายำและรุมกินโต๊ะเธอและยังวกพาลไปถึง หกสาวกองหน้ากับผู้จัดการทีมเจ๊ลูกเกด เมื่อจะมีทั้งการฟ้องร้อง, สรรพากรเล็งรีดภาษี และเรื่องดูเหมือนยังไม่จบในวันสองวัน ..แต่ทั้งนี้สิ่งที่ดูเหมือนจะมีแต่ได้กับได้ก็คือ เบียร์ลีโอเจ้าปัญหานี่แหละ ที่ได้ทำการตลาดฟรีๆ แบบปากต่อปาก คนเอาไปพูดถึงในสื่อมากมาย ความพ่ายแพ้เล็กๆ ของทายาทค่ายสิงห์อาจจะมีส่วนดีอยู่บ้าง เมื่อไปดูยอดขายท้ายไตรมาสสุดท้ายที่อาจกระเตื้องทิ้งห่างช้างคู่แข่งไปอีก
สำหรับในกรณีนี้ กลับกลายเป็นว่าเรื่องนี้ถูกผลักให้เป็นเรื่อง “ผู้หญิงถึงผู้หญิง” รับเคราะห์กันไปเองทั้งทีมงานสาวลีโอที่ไม่รู้จะเผชิญชะตากรรมเยี่ยงใด ส่วนคุณจิตภัสร์ที่ได้แสดงสปิริตลาออกไปนั้น แต่ก็มีความพยายามโยงถึงคุณ “ปณิธาน วัฒนายากร” ต้นสังกัดของคุณจิตภัสร์ให้แสดงความรับผิดชอบ แต่ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่าเรื่องนี้มันปัญญาอ่อนเกินไปที่จะไปเอาอะไรกับคุณปณิธาน .. เพราะมันปัญญาอ่อนตั้งแต่การบีบคุณจิตภัสร์ให้ลาออกแล้ว
และถึงแม้จะไม่ชอบรัฐบาลอำมาตย์ฝึกหัดนี้ แต่ก็จะปรบมือดังๆ ให้กับคุณจิตภัสร์ จะด้วยสปิริตที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามของเธอกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้โดนสื่อด่าวันเดียวก็ลาออก มันทำให้ผู้ชายๆ นอกทำเนียบอย่างเรา อายแทนผู้ชายๆ หลายคนในทำเนียบ ที่หน้าด้านหน้าทนให้ชาวบ้านสาปแช่งได้มาเกือบปีแต่ยังคงเอาตูดติดกาวตราช้างยึดไว้กับเก้าอี้อย่างเหนียว แน่น หนึบ.. ซึ่งหากมีโอกาสก็อาจจะเลือกหากคุณจิตภัสร์สมัครเป็นนายก (ไม่ว่าจะสมาคมใดก็ตาม) อย่างที่คุณจิตภัสร์เคยปรารภไว้ที่ไหนสักแห่งว่าจะเป็นนายกให้ได้
ส่วนนางแบบทั้งหกและเจ๊ลูกเกดคงจะเซ็งในอารมณ์ไม่น้อย เรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการโยนอะไรๆ ออกไปให้ไกลให้ไกลตัวมากที่สุดสำหรับรัฐบาล ..หาแพะดีๆ สักฝูงรับกรรม พวกเธอถูกนำมาโยงกับการเมืองเช่นเดียวกับแรงงานเขมรในช่วงที่รัฐบาลฮึ่มๆ กับฮุนเซน ก็ถูกวาดภาพให้เป็นสัตว์ประหลาดยกกำลังสอง และเหล่าสาวลีโอชุดนี้ก็กำลังถูกทำให้เป็นปีศาจตัวอัปรีย์ของสังคมไปซะชิบ!! ตามธรรมเนียมสังคมศีลธรรมจ๋า
แต่อาจจะกลายเป็นอีกเรื่องถ้าหากลูกเกดได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ วงการนู้ดบ้านเราอาจถูกยกระดับเป็นเทวดา เพราะบางอารมบ้านนี้เมืองนี้อาจจะจะเห่อความดีความความชอบมากกว่าศีลธรรมเสียอีก
สรุปได้สั้นๆ (เพราะเริ่มกรึ่มๆ จากรสของเบียร์เจ้าปัญหา) วอนขอชายขี้เมาอกสามศอกออกมาปกป้องสาวๆ ตามแบบพระเอกหนังไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ .. อย่าให้ใครทำร้ายพวกเธอไปมากกว่านี้ และจากใจแฟนพันธุ์แท้ของผลิตภัณฑ์ตราเสือดาวนี้ก็คงได้แต่ให้กำลังใจสาวๆ ลีโอผ่านข้อเขียนชิ้นนี้
“รักเทอ มากมาย.. แม่เจ็ดสาวลีโอ”
ปฏิกิริยาต่อเนือง (บางส่วน) จากโศกนาฏกรรมปฏิทินลีโอ
องค์กรหญิงฯจี้นายกฯระงับปฏิทินลีโอ-2รองโฆษกแจงไม่ได้ต่อคิว
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (16 ธ.ค. 52)
จากกรณีเช้าวันนี้(16 ธ.ค.) น.ส.จิตภัทร์ ภิรมย์ภักดี นำปฎิทินลีโอเบียร์ ชุด“Body Paint”แจกจ่ายที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งที่มีปัญหาข้อกฎหมายว่าทำไม่ได้ เรื่องนี้ น.ส.อรุณี ศรีโต ประธานศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กชุมชนไทยเกรียง กล่าวว่า เครือข่ายไม่พอใจการกระทำดังกล่าว และในวันพรุ่งนี้(17 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. จะมีผู้นำเครือข่ายรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องแอลกอฮอลล์ เช่น กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี กลุ่มรณรงค์ควบคุมเครื่องดื่มแอลก์ฮอลล์ จ.สมุทรปราการ และกทม. ประมาณ 100 คน เดินทางไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้สั่งหยุดแจกจ่ายทันที
"ผู้ผลิตจะแจกก็ได้ แต่ถ้าเรารู้เมื่อไหร่จะฟ้องร้องทันที สิ่งที่บริษัทสิงห์ ทำ ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เพราะในปฎิทินเห็นยี่ห้อเบียร์ชัดเจน รัฐบาลต้องออกหน้าในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ต้องแสดงเจตนารมณ์ให้ชัดเจนว่า รัฐบาลอยู่ข้างประชาชนไม่ใช่นายทุน หากรัฐบาลไม่ตอบสนองข้อเรียกร้อง เราจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพราะแอลกอฮอลล์เป็นสาเหตุใหญ่ที่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมา เช่น ความรุนแรงในเด็ก และสตรี" นางอรุณี กล่าว
นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า การแจกปฎิทินในทำเนียบ แสดงว่ารัฐบาลไม่รู้สึกอ่อนไหว ไม่แคร์ ไม่รู้สึกกับเรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นพ่อแม่ หรือผู้ปกครองที่ดูแลประชาชน บางทีควรต้องคิดถึงหรือรู้สึกอ่อนไหวมากกว่านี้
"เรื่องการตีความทางกฎหมายว่า ผิดหรือไม่ ตีความไม่ยาก และต่างฝ่ายต่างก็ตีความเข้าข้างตัวเอง แต่มีประเด็นอื่นที่น่าสนใจ คือ คุณเมทินี กิ่งโพยม หรือลูกเกด ผู้ผลิตปฎิทินชุดนี้ออกมากล่าวว่า เป็นสิทธิสามารถทำได้ หากมองในโลกทุนนิยมคุณลูกเกดก็พูดไม่ผิด เพียงแต่เราก็ไม่ได้มีสิทธิเพียงคนเดียว ควรคำนึงถึงสิทธิผู้อื่นด้วย ดังนั้น จึงรู้สึกว่ามันสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเรื่องจริยธรรมเป็นเรื่องที่ควรใหญ่กว่าเรื่องกฎหมาย"
นางทิชา กล่าวอีกว่า เชื่อว่าบริษัทสิงห์ รู้อยู่แล้วว่า หากทำอาจเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย แต่เพราะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งสังคมควรจะตามให้ทัน และก็เห็นด้วยที่จะมีการเคลื่อนไหวต่อต้าน โดยมองว่า เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ขณะเดียวกันการแก้ไขปัญหาระยะสั้นคือ ผู้ปกครองไม่ควรปิดบังวัยรุ่น ควรเปิดเผยเลยและให้โจทย์ว่า ปฏิทินแบบนี้ มันส่งผลดีผลเสียอะไรบ้าง เพราะเราต้องยอมรับว่า ปัจจุบันเราอยู่ในโลกของสังคมบริโภคนิยม พวกหนังโป๊ หรือปฏิทินโป๊ พวกนี้เราไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้น เราต้องให้ลูกหลานรู้เท่าทัน เรียกว่า หนามยอกเอาหนามบ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.จิตภัทร์ เป็นบุตรสาวนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สิงห์ คอปอร์เรชั่น จำกัด จบปริญญาโท ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ จาก Regent’s College อังกฤษ พ.ศ.2549 เคยฝึกงานเป็นผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล นสพ.ไทยรัฐ จากนั้นช่วยงานนายช่วยงานนายสหัส บัณฑิตกุล ผู้มีศักดิ์เป็นปู่ เมื่อครั้งรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังเป็นหนึ่งในทีมงานของนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่คอยติดต่อประสานงาน หาข้อมูลและต้องคอยจดประเด็นต่างๆ เวลาที่ต้องเข้าร่วมการประชุม
"คำนูณ”จี้นายกฯเอาผิดทายาท"ค่ายสิงห์"แจกปฏิทินโป๊
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีนี้ว่า นายกรัฐมนตรีจะวางเฉยไม่ได้ ต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง และชี้แจงต่อประชาชนว่าปล่อยให้มีการกระทำผิดกฎหมายมีโทษอาญาทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เกิดขึ้นในทำเนียบรัฐบาลศูนย์กลางอำนาจรัฐ ได้อย่างไร
"นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 โดยมาตรา 32 มาตรา 43 กำหนดระวางโทษไว้เป็นจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากจะต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายแล้ว นายกฯจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ต่อประชาชนให้เข้าใจเนื้อหาและที่มาของกฎหมาย ฉบับนี้ เพราะขณะนี้พูดจากันไปคนละทางสองทาง"
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า ตนเคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) อยู่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ขอย้ำว่า เหตุผลในการตรากฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็คือเครื่องดื่มชนิดนี้ก่อ ให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุ และอาชญากรรม มีผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุม เพื่อช่วยลดปัญหาและผลกระทบ โดยเฉพาะการช่วยป้องกันมิให้มีการเพิ่มผู้เสพหน้าใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน
"ประเด็นไม่ใช่ปฏิทินนี้โป๊หรือไม่โป๊ เป็นศิลปะหรือไม่ แต่ชัดเจนมีการเพ้นท์ชื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งลงบนตัวนางแบบ ถือเป็นการโฆษณาตาม มาตรา 32 วรรคหนึ่ง ประกอบนิยามศัพท์คำว่าโฆษณาและการสื่อสารการตลาดในมาตรา 3 และในมาตรา 32 วรรคหนึ่งนี้ก็บัญญัติห้ามบุคคลทุกคน โดยใช้คำว่าผู้ใด ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ผลิตหรือผู้ขายเท่านั้น องค์ประกอบของการกระทำความผิดในทำเนียบรัฐบาลครบถ้วนแล้ว” นายคำนูณ ระบุ
อนึ่ง มาตรา 32 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 บัญญัติไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูง ให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม และนิยามศัพท์คำว่าโฆษณาในมาตรา 3 ระบุไว้ว่าหมายถึงการกระทำไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงการสื่อสารการตลาด และนิยามคำว่าการสื่อสารการตลาดไว้ว่า การกระทำกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขายสินค้า บริการ หรือภาพลักษณ์ การประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่ข่าวสาร การส่งเสริมการขาย การแสดงสินค้า การจัดหรือสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมพิเศษ และการขายแบบตรง ให้หมายความรวมถึงการสื่อสารการตลาด และนิยามคำว่าการสื่อสารการตลาดไว้
รองโฆษกรัฐบาล โอดสื่อมั่วเสนอข่าวต่อคิวรับปฏิทินลีโอ
น.พ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าปฏิเสธว่า ตนและนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกฯ ไม่ได้วิ่งไปต่อแถวรับปฏิทินนู้ดด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ตามที่สื่อเสนอข่าว เพราะช่วงที่มีการแจกปฏิทินด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้านั้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งตนและนายศุภชัยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าห้องประชุมเพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว ตนจึงต้องกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นไปบนตึกไทยฯ แต่ต้องผ่านจุดที่มีการแจกปฏิทิน
และตนและนายศุภชัยไม่ได้หยุดมองหรือต่อ แถวและรับปฏิทิน แต่มุ่งตรงขึ้นประชุมทันทีเพราะนายกฯเริ่มประชุมแล้ว นอกจากนี้ตนในฐานะรองโฆษกรัฐบาลที่ติดตามปัญหาสังคมมองว่าการแจกปฏิทินดัง กล่าวในทำเนียบรัฐบาลเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานในทำเนียบรัฐบาลที่ดูแลสถานที่ตั้งคณะกรรมการสอบ สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงด้วย
ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร ชี้แจงทางโทรศัพท์กรณีเดียวกันว่า ขอปฏิเสธไม่เป็นความจริง เขาและน.พ.ภูมินทร์ ไม่ได้ไปรับปฏิทิน เหตุการณ์เกิดเวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งกำลังอยู่ภายในตึกนารีสโมสร เพื่อรอเข้าร่วมประชุมครม.เศรษฐกิจ เรื่องนี้นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ และผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนเป็นพยานได้ว่า ตนและน.พ.ภูมินทร์เข้าประชุมทีหลัง
"ผมสองคนรีบไปประชุมครม.เศรษฐกิจ เพราะไม่ทันแล้ว จะมาบ้าต่อแถวรับปฏิทินอยู่ได้อย่างไร ข่าวที่ออกไปสร้างความเสียหายมาก ผมรู้สึกเสียใจที่สื่อลงข่าวไปโดยที่ไม่ได้เห็นกับตา แต่กลับเอาไปลงเป็นตุเป็นตะ เป็นเรื่องที่น่าตำหนิ สื่อควรใช้ความระมัดระวังมากกว่านี้ และขอเรียกร้องให้สื่อที่ลงข่าวได้แสดงความรู้สึกต่อความผิดพลาดนี้ด้วย" นายศุภชัย กล่าว
สธ.สั่งฝ่ายกม.เอาผิดปฎิทินฉาว
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ (17 ธ.ค. 52)
รมช.สธ.สั่งฝ่ายกฎหมายเอาผิดปฏิทินฉาวซัดอย่าเบี่ยงประเด็น นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดทำปฎิทินลีโอเบียร์ ชุดบอดี้ เพ้นท์ว่ามีความผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เนื่องจากในปฏิทิน มีตราสัญญาลักษณ์ชื่อยี่ห้อผู้ผลิต ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุข เตรียมการดำเนินการทางกฎหมาย
ส่วนนางแบบที่เพ้นท์ถ่ายรูปนั้นไม่มีความผิด แต่ที่ผิดคือผู้ผลิตมากกว่า จะมีการมาอ้างว่านางแบบถ่ายแล้วนำมาขายกันเองไม่เคยมีที่ไหนเขาทำกัน ตรงนี้พยายามเบี่ยงเบนมากกว่า เป้าหมายที่ถ่ายและมีตราสัญญาลักษณ์ยี่ห้อเครื่องดื่มนั้นมีเป้าหมายอยู่ แล้วคืออะไร
สำหรับร้านค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่นำปฏิทินดังกล่าวไปติดตามร้านนั้นก็ถือว่ามีความเหมือนกัน แต่หากตามบ้านหรือร้านค้าที่ไม่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากนำไปติดก็อาจไม่มีความผิดเพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็จะมีการพิจารณาเป็นรายๆไปว่ามีเจตนาประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มชนิดนั้น หรือไม่
"เรื่องนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ให้บริษัทเครื่องดื่มหรือไม่นั้น ตอนแรกทางกระทรวงก็ไม่อยากให้เป็นข่าวทำงานมาเงียบ แต่มาเกิดเหตุการณ์นำปฏิทินไปแจกในทำเนียบรัฐบาลจึงเป็นข่าวขึ้นจึงทำให้มี การประชาสัมพันธ์ไปแล้ว"รมช.สาธารณสุข กล่าว และว่า ในวันที่ 23 ธันวาคม นี้ทางคณะกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีการประชุมหารือกันในประเด็นเรื่องเหล้าปั่น โซนนิ่งรอบสถานศึกษา 500 เมตร โดยเชิญให้ผู้บริการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ร้านค้า มานั่งคุยว่าจุดไหนนักศึกษามักจะไปมั่วสุมดื่มสุราก็จะจัดจุดนั้นเป็นโซน นิ่ง ประเด็น คำเตือนจะติดข้างขวดสุรา และ ห้ามดื่มสุราบนรถที่อยู่ที่บนถนนสาธารณะ
สรรพากรจ้องรีดภาษีนางแบบลีโอ
เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ (17 ธ.ค. 52)
สรรพากรเล็งรีดภาษีนางแบบนู้ด หลังกระแสข่าวสะพัดรับค่าตัวคนละ 7 หลัก จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี นายประสงค์ พูนธเนศ รองอธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปฏิทินภาพนู้ดเบียร์ลีโอ ซึ่งมีดารานางแบบร่วมแสดง 6 คน มีลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม เป็นผู้ดูแลการผลิต และมีรายงานว่านางแบบแต่ละคนได้ค่าตอบแทนสูงถึง 7 หลักนั้น บริษัทผู้ว่าจ้างนางแบบจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% นำส่งให้กรมสรรพากร โดยระบุว่ารายได้นั้นเป็นของใคร จำนวนเท่าไหร่
รองอธิบดีฯ กล่าวว่า นางแบบ ที่ได้รับค่าจ้างจะต้องแจ้งกรมสรรพากรภายในวันที่ 10 ของ เดือนถัดไปนับจากที่ได้รับรายได้ นอกจากนี้นางแบบจะต้องนำรายได้ดังกล่าวมายื่นภาษี เงินได้อีกครั้งประจำปี วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2553 เพราะถือเป็นรายได้ของปี 2552 ด้วย
“ดารานางแบบทั้ง 6 คน หรือบริษัทผู้ว่าจ้างคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้เพราะกรมสรรพากรตรวจสอบระหว่างกันได้ ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพากรได้ตรวจสอบภาษีดาราอย่างเข้มงวด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นความลับส่วนบุคคล” นายประสงค์ กล่าว
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น กล่าวว่า การเผยแพร่ปฏิทินดังกล่าวเป็นการดำเนินการของบริษัทจากภายนอกซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท สิงห์ฯ แต่อย่างใด
“บริษัทไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะมาตรา 32 ของพ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามไม่ให้ ผู้ประกอบการหรือ เจ้าของสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นผู้ปฏิบัติเท่านั้น” นายฉัตรชัย กล่าว
น.ส.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้สังคมต่างเข้าใจไปในทางเดียวกันว่าเป็นปฏิทินลีโอ ไม่มีใครเรียกว่าปฏิทินคุณลูกเกด ซึ่งไม่ต้องตีความตามกฎหมายแล้วว่าบริษัทผู้ว่าจ้างทำเพื่ออะไร ซึ่งการจ้างบริษัทอื่นให้กระทำแทนก็ไม่ต่างกับการกระทำเอง
ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลได้เกิดความฮือฮาเมื่อ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ฝ่ายประสานงานทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บุตรสาวนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารเบียร์สิงห์ ได้นำปฏิทินเบียร์ลีโอ 200 แผ่น มาแจกจ่ายที่บริเวณด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้าราชการ สื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาต่อแถวรับแจกเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งนี้เพราะตึกไทยคู่ฟ้าเป็นสถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี
“เก้ง” คาใจ! เรียกนางแบบลีโอนู้ดสอบ ถือหางบอดี้เพนต์เป็นงานศิลปะ
ASTVผู้จัดการออนไลน์ (17 ธ.ค. 52 )
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการฯจะเชิญคณะผู้จัดทำปฏิทินวาบหวิวสไตล์บอดี้ เพนต์ที่เป็นข่าวคึกโครม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแลด้านกฎหมายมาพิจารณาสอบสวนเพื่อหาทางออกและให้เกิดความชัดเจน กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขห้ามบริษัทเอกชนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ และแจกจ่ายปฏิทินลีโอเบียร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตว่า คณะกรรมาธิการฯได้บรรจุวาระการพิจารณาเรื่องนี้แล้วในวันที่ 23 ธ.ค. โดยทำหนังสือเชิญไปถึง 6 นางแบบปฏิทิน นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มและแอลกอฮอลล์ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมสรรพสามิต กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีนาเล่ คอมพานี จำกัด ให้มาร่วมประชุมและชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า หากปฏิทินดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการโฆษณาสุรา หรือประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพื่อส่งเสริมการขายสุรา และผิดกฎหมายว่าด้วยเรื่องการโฆษณาตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ พ.ศ.2551 แล้ว โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หลายยี่ห้อก่อนหน้านี้ ที่มีการโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ก็เข้าข่ายผิดกฎหมายดังกล่าวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ตามร้านขายสินค้าปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรีก็พบว่ามีการขายสุราพ่วงกับการ แจกกระเป๋า ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน การโฆษณาผ่านวารสารต่างๆ ก็ถือว่าผิดทั้งหมด ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเหล่านี้ โดยเฉพาะนายมานิตมาชี้แจง เพราะเป็นรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแล แต่กลับไม่มีการจับกุมหรือดำเนินการตามช่องทางของกฎหมาย ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“ผมคิดว่าการจัดทำปฏิทินดังกล่าวเป็นศิลปะที่สวยงาม และประเทศไทยก็มีชื่อเสียงในเรื่องของศิลปะบนเรือนร่างอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน นานาประเทศก็ให้การยอมรับในเรื่องเหล่านี้ จุดนี้อาจจะทำให้ชาวต่างชาติสนใจเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ควรไปมองมิติเดียวว่าเป็นการลามกอนาจาร เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็อยากถามว่า ทำไมรูปปั้นวีนัสจึงไม่มีใครบอกว่าเป็นรูปโป๊เปลือยบ้าง” นายสุรพงษ์กล่าว
พิษแจกปฏิทินลีโอ ไขก๊อก! "ลูกสิงห์"ลาทำเนียบ
เว็บไซต์ข่าวสด (18 ธ.ค. 52)
พิษแจกปฏิทินลีโอในทำเนียบ "จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี"ยื่นลาออกจากสำนักเลขาฯนายกฯ แจงไม่มีเจตนา ไม่คิดเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความพลาดพลั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถือเป็นบทเรียนที่มีค่า จึงขอรับผิดชอบเพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่ต้องเสื่อมเสีย ฝากขอโทษประชาชนด้วย "ศิริโชค"นำใบลาออกของทายาทสิงห์มาแสดง ระบุนายกฯรับทราบแล้วแต่ติดภารกิจไปต่างประเทศ ปชป.ฟัดกันเองโวยเด็กเส้นทำเจ๊ง จี้คนดูแลไขก๊อกตามไปด้วย เครือข่ายประชาชนยื่น"มาร์ค"สอบเอาผิด ชี้สร้างความเสื่อมเสียมาก เพราะทำเนียบคือศูนย์กลางบริหารประเทศ สธ.ได้ฤกษ์ 22 ธ.ค.แจ้งความบริษัทเหล้าเบียร์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายทั่วประเทศ แย้มกรณีปฏิทินลีโอ ทั้งคนให้งบ คนทำ คนถ่าย นางแบบ เข้าข่ายผิดหมด แต่ยันให้ความเป็นธรรม
"น้องตั๊น" ทายาทสิงห์ลาออกสังเวยแจกปฏิทินลีโอในทำเนียบรัฐบาลแล้ว จากกรณีเปิดตัวปฏิทิน 6 ดารา นางแบบ ไฮโซ สไตล์วาบหวิวบอดี้เพนต์ ติดยี่ห้อลีโอ เบียร์ดังของสิงห์ คอร์ปอเรชั่น เรียกความสนใจจากผู้ต้องการเป็นเจ้าของอย่างคึกคัก แม้กระทรวงสาธารณสุขประกาศเอาผิด เพราะเข้าข่ายขัดพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ "ลูกเกด"เมทินี กิ่งโพยม เจ้าของบริษัทฟินาเล่ คอมพานี อ้างเป็นผู้ผลิตปฏิทิน ลีโอเป็นเพียงผู้สนับสนุน จึงมีสิทธิแจกหรือขายได้ ขณะที่ค่ายสิงห์ยืนยันศึกษากฎหมายแล้วไม่เข้าข่ายความผิด กระทั่งล่าสุด น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ทายาทค่ายสิงห์ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐ มนตรี นำปฏิทินอื้อฉาวดังกล่าวไปแจกในทำเนียบรัฐบาล กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ อย่างรุนแรง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าของปฏิทินอื้อฉาวที่บานปลายไปกันใหญ่ครั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี หรือ "ตั๊น" บุตรนายจุตินันท์ และม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี ทายาทบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ว่า "ไม่ได้มีเจตนานำปฏิทินไปแจกจ่าย แต่เป็นเพราะมีพี่ๆ หลายคนสนใจปฏิทินนี้ ประกอบกับเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงได้นำติดรถมา ระหว่างนั้นพี่สื่อมวลชนหลายคนเห็น และเข้ามาขอปฏิทินด้วย ดิฉันให้กับทุกคนโดยยอมรับว่าไม่ทันได้คิดเลยว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งถือเป็นความไม่รอบคอบของดิฉันเอง จนทำให้ส่งผลกระทบตามมามากมาย"
น.ส.จิตภัสร์แถลงอีกว่า "ดิฉันรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองและครอบครัวได้รับผลกระทบแล้ว ยังส่งผลให้ผู้ใหญ่หลายคนที่นับถือพลอยเสื่อมเสียไปด้วย ดังนั้น แม้การกระทำครั้งนี้จะเป็นความพลาดพลั้ง เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดชอบจากการกระทำของตัวเอง ดิฉันขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด เพื่อนำไปปรับปรุงตัวเอง"
ทายาทค่ายสิงห์แถลงในตอนท้ายว่า "ดิฉันกราบขอโทษไปยังประชาชนทั้งประเทศ ที่ทำ ให้เกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมขึ้นในทำเนียบรัฐ บาล ขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม บทเรียนครั้งนี้เป็นสิ่งมีค่ามาก และจะเป็นเครื่องเตือนสติว่า ทุกๆการกระทำต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบ และหวังว่าสังคมการเมืองจะยังเปิดโอกาสให้ดิฉันพิสูจน์ตัวเองในภายภาคหน้า"
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี นำหนังสือลาออกของน.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการ เมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ มาแจกจ่ายต่อสื่อมวลชนทำเนียบ
นายศิริโชคกล่าวว่า นายกฯ ยังไม่เห็นข่าวนี้ แต่แสดงความเป็นห่วง นายกฯ มีภารกิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้บีบบังคับหรือกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่น.ส.จิตภัสร์ตัดสินใจเอง ตนเพียงทำหน้าที่ บุรุษไปรษณีย์ระหว่างที่นายกฯ ไม่อยู่ เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าแม้ว่าไม่ใช่เป็นการกระทำของรัฐบาล แต่มันเกิดขึ้นในทำเนียบ รัฐบาลต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ในเบื้องต้นน.ส. จิตภัสร์แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ในส่วนของรัฐบาลก็ต้องทบทวนและต้องระวังระวัง รอบคอบ หากจะให้ใครมาทำงานต้องดูให้ดีกว่า นี้ในแง่ของการเป็นพี่เลี้ยงที่ดียืนยันไม่มีการบีบ
ใบลาออก - นายศิริโชค โสภา คนสนิทนายกรัฐมนตรี โชว์ใบลาออกของน.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี จากกรณีที่น.ส.จิตภัสร์นำปฏิทินลีโอที่กำลังมีปัญหา มาแจกถึงในทำเนียบวันก่อน โดยในใบลาออกระบุว่ากราบขอโทษประชาชน ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อ 17 ธ.ค.
นายศิริโชคกล่าวต่อว่า เมื่อเช้าน.ส.จิตภัสร์แจ้งกับตนว่าจะลาออก และบังเอิญนายกฯ ไม่อยู่ไปต่างประเทศจึงแจ้งผ่านตนว่าช่วยไปรับเอกสารเพื่อนำมาให้สื่อมวลชนด้วย และขอโทษประชา ชน ยืนยันไม่มีกระบวนการบีบอย่างแน่นอน
ต่อข้อถามว่ามีข้าราชการการเมืองบางคนไปขอรับปฏิทินด้วยจะตรวจสอบหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าใครรับบ้าง แต่ต้องดูในแง่ของกฎหมายว่าคนรับมีความผิดหรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่น.ส.จิตภัสร์ยื่นใบลาออกแล้ว สำหรับคนอายุ 23 ปีถือเป็นความรับผิดชอบที่สูงพอสมควร ส่วนการแต่งตั้งใหม่เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการนายกฯ และการแต่งตั้งคนใหม่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะต้องตรวจสอบประวัติให้เข้มงวด แต่เป็นเรื่องของความรอบคอบ และต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดของรัฐบาลที่อาจดูแลน้องๆ ไม่ดีพอ ทำให้เกิดความพลาดพลั้ง ต้องขอโทษประชาชนเช่นเดียวกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
เมื่อถามว่าสาเหตุที่ลาออกเป็นเพราะรัฐบาลเกรงว่ากระทบต่อภาพลักษณ์ นายศิริโชคกล่าวว่า การลาออกครั้งนี้น่าจะมาจากจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมของน.ส.จิตภัสร์เอง เพราะไม่มีใครบีบ
ก่อนหน้านั้นเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ออกมารับหนังสือร้องเรียนจากนางอรุณี ศรีโต ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก 10 จังหวัด ยื่นถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ พร้อมทำสำเนาส่งถึง รมต.และข้าราชการเมืองที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เพื่อขอให้รับผิดชอบและแสดงจุดยืน จากกรณีน.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ประจำสำนักเลขาธิ การนายกฯ ทายาทบริษัทสิงห์ นำปฏิทินเบียร์ ลีโอมาแจกในทำเนียบจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
นางอรุณีกล่าวว่า ขอให้รัฐบาลเร่งออกกฎกระทรวง มาตรา 32 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เพื่อยุติปัญหาและสร้างความชัดเจนในการปฏิบัติของทุกฝ่าย ขอให้รัฐบาลเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะผ่านไปเกือบ 2 ปี เพียงพอสำหรับการปรับตัวของธุรกิจ ขอเรียกร้องกระทรวงวัฒนธรรมดูแลปัญหาความถูกต้องเหมาะสมของการผลิตปฏิทินดังกล่าว รวมถึงสื่ออื่นๆ ที่ขัดกับศีลธรรมอันดีงามของสังคม มิใช่ลอยตัวเหมือนไม่เป็นปัญหาทางวัฒนธรรม และขอให้บริษัทสิงห์หยุดเลี่ยงบาลี หยุดละเมิดกฎ หมาย และหยุดอาศัยเรือนร่างของผู้หญิง เพศแม่ หาประโยชน์ทางธุรกิจ และขอให้น.ส.จิตภัสร์แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้ โดยขอให้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายในทำเนียบอีก
นางอรุณีกล่าวอีกว่า เมื่อเห็นบริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกโฆษณาอย่างนี้ เครือข่ายก็ตกใจ เพราะเรื่องอย่างนี้น่าจะเลิกไปตั้งนานแล้ว ปัจจุบันมีกฎหมายออกมาควบคุมแล้ว บริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องมีสามัญสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ขายก็ขายไป อย่าโฆษณาให้คนไทยติดเหล้าแล้วประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไร ควรมีกลยุทธ์โฆษณาอย่างอื่นที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่การที่จ้างนางแบบมาโฆษณาอย่างนี้รับไม่ได้ และยิ่งตกใจมากที่นำมาแจกกันในทำเนียบ ซึ่งเสียหายหนัก
"เกิดอะไรขึ้น หัวหน้ารัฐบาลทำอะไรอยู่ รัฐมนตรีต่างๆ ทำอะไรกันอยู่ ทั้งที่กฎหมายบอกว่าสื่ออย่างนี้ผิดกฎหมาย ถือเป็นการตบหน้าประชาชน จึงขอถามรัฐบาลว่าปล่อยให้เอามาแจกในทำเนียบได้อย่างไร ไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร จึงขอตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แล้วมาแจกในที่ทำงานนายกฯ อย่างนี้ต้องมีคำอธิบาย" ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก 10 จังหวัด กล่าว
ด้านนายสาทิตย์กล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนโทรศัพท์ไปพูดคุยและสอบ ถามข้อเท็จจริงจากน.ส.จิตภัสร์ ได้รับคำชี้แจงว่าการนำปฏิทินมาแจกครั้งนี้ไม่ได้คิดอะไร แต่เพราะมีคนขอจึงนำมาให้ ตนแนะนำไปว่าในเมื่อขณะนี้เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวเกิดขึ้นแล้ว ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด น.ส.จิตภัสร์ยอมรับกับตนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ อย่างไรก็ตามคิดว่านายกฯ คงทราบเรื่องนี้แล้ว
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากๆ เพราะทำเนียบรัฐบาลถือเป็นที่ทำงานของฝ่ายนโยบาย ดังนั้น อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นภายในทำ เนียบรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหว" รมต. ประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ติดตลกว่า ยังไม่เห็นเลย ยังไม่ได้ดู ไม่เก็บเอาไว้ให้ดูสักฉบับ
วันเดียวกันที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในฐานะกรรมาธิการยกร่างประมวลจริยธรรม สมาชิกสภาผู้แทนฯ รับไม่ได้กับกรณีน.ส.จิตภัสร์ ข้าราชการประจำสำนักเลขา ธิการนายกฯ ทายาทธุรกิจน้ำเมาชื่อดัง นำปฏิทิน นู้ดปีใหม่ไปแจกในทำเนียบ สถานที่ศูนย์รวมอำนาจของรัฐในการรักษากฎหมาย ถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องดังกล่าวผิดกฎหมาย เสมือนส่งเสริมให้ดื่มของมึนเมา และกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ จึงขอเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งทันที และควรยุติบทบาทไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก ทั้งนี้ การประชุมส.ส.ของพรรควันที่ 22 ธ.ค. จะสอบถาม ผู้ใหญ่ของพรรคว่าน.ส.จิตภัสร์เข้ามาดำรงตำแหน่ง นี้ได้ด้วยเส้นสายของใคร และหนึ่งปีที่ผ่านมาทำประโยชน์อะไรกับพรรคและประเทศชาติบ้าง ต่อให้มาจากตระกูลใหญ่โตขนาดไหนก็ไม่เกี่ยวกัน
นายชาญชัยกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสมาชิก และส.ส.ของพรรครู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมของผู้ใหญ่บางคนที่นำเส้นสายตัวเองเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งที่บางคนเคยเป็นปฏิปักษ์ด่าพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน บางคนตั้งทั้งผัวทั้วเมียเข้ามา ถือว่าทำเกินไป เหมือนกับว่าพรรคไม่ใช่สถาบันการเมือง แต่เป็นของคนใดคนหนึ่งเท่านั้น และใครที่นำน.ส.จิตภัสร์เข้ามาต้องรับผิดชอบโดยการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคด้วย สังคมเกิดความสับสนว่าจริงๆ แล้วพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายสนับสนุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งยั่วยุทางเพศหรือไม่ การจะอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรคและกล่าวแค่คำขอโทษไม่เพียงพอ เรื่องนี้หากนายกฯ และ รมต.จัดการไม่ได้ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกเช่นกัน
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง เพราะน.ส.จิตภัสร์มีตำแหน่งทางการเมือง จึงถือว่าไม่เคารพสถานที่เพราะทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ศูนย์กลางบริหารงานที่สำคัญของประเทศ จึงเหมือนเอาทำเนียบมาปู้ยี่ปู้ยำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้ ขอถามว่าผู้แจกเป็นลูกน้องของนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิ การนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ แต่ปล่อยให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นได้อย่าง ไร เพราะโฆษกมีตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับประเทศ แต่ปล่อยให้ลูกน้องในสังกัดออกมาสร้างความเสียหาย จึงเรียกร้องนายกฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิด อย่าไปกดดันให้เด็กลาออก นายกฯ ต้องแสดงความกล้าตรวจสอบ หรือว่าไม่กล้าตรวจสอบเพราะนายปณิธาน น.ส.จิตภัสร์ เป็นคนมาจากประชาธิปัตย์
วันเดียวกัน น.พ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนัก งานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เย็นวันที่ 21 ธ.ค.ทีมกฎหมายของ สธ.จะแจ้งความดำเนินคดีบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ที่ละเมิดฝ่าฝืนพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2552 ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมการกระทำความผิดของทุกบริษัทจากทุกจังหวัด เบื้องต้นมีการร้องเรียนความผิด 100 คดี ทั้งจากสื่อสิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และได้รับร้องเรียนของบริษัท สิงห์ รวม 15 ความผิด
"ไม่ต้องกังวลว่า สธ.จะเลือกปฏิบัติเอาผิด แต่บริษัทสิงห์เท่านั้น การดำเนินคดีจะดำเนินการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อความเป็นธรรม ซึ่งอยู่ระหว่างประสานเครือข่ายต่างจังหวัด และเครือข่ายภาคประชาชน ที่ร้องเรียนการทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งรวบรวมหลักฐานประกอบการแจ้งความ" น.พ.สมานกล่าว
น.พ.สมานกล่าวต่อว่า กรณีน.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ทายาทเบียร์สิงห์ นำปฏิทินไปแจกในทำเนียบนั้น สธ.จะพิจารณาดำเนินคดีด้วยเช่นกัน โดยดูเจตนา จงใจ หรือประมาทเลิน เล่อ ซึ่งทีมที่ปรึกษากฎหมายจะประชุมสรุปวันที่ 21 ธ.ค.ที่กรมควบคุมโรค ส่วนความผิดเรื่องทำปฏิทินต้องดำเนินคดีทั้งผู้สนับสนุนให้งบประมาณ คือบริษัทสิงห์ และผู้ร่วมกระทำความผิด ทั้งบริษัทที่รับจ้างทำ นางแบบ พนักงาน หรือผู้ที่นำปฏิทินไปแจก ทั้งหมดตามหลักการถือว่ามีความผิด แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวนจะรวบรวมการกระทำผิดทั้งหมด และชี้ว่าใครเข้าข่ายต้องรับผิดโดยพิจารณาตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย
"จากการสรุปผลความผิดของบริษัทต่างๆ พบว่าความผิดของบริษัทสิงห์ หรือบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ มากที่สุด มีมากกว่า 10 เรื่อง ซึ่ง สธ.จะพิจารณาว่าจะแจ้งความที่สถานีตำรวจใดบ้าง เบื้องต้นจะแจ้งความที่ สน.ที่มีการกระทำความผิด เช่น การแถลงข่าวเปิดตัวปฏิทิน ที่เซ็นทรัลเวิลด์ จะแจ้งความ สน.ปทุมวัน การแจกปฏิทินที่ทำเนียบ จะแจ้งความ สน.ดุสิต เป็นต้น" น.พ.สมานกล่าว
ด้านน.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ประธานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และที่ปรึกษากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยถึงการจัดทำปฏิทินภาพโป๊แจกจ่ายว่า เป็นเรื่องที่ไร้จริยธรรมที่สุด คิดเป็นอื่นไม่ได้ แม้ภาพผู้หญิงเปลือยจะเป็นงานศิลปะระดับโลกได้ก็ตาม แต่กับปฏิทินชุดนี้ถือเป็นงานไร้รส นิยม เจตนาหวังปลุกราคะ กำหนัด คนที่รับไปเกิดกำหนัด แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ไม่เป็นสิริมงคลต่อทั้งผู้ให้และผู้รับ หากประชาชนยอม รับก็จะเป็นปัญหาสังคมต่อไป
"การกระทำครั้งนี้ของผู้ประกอบการเห็นได้ชัดเจนว่าคิดอะไร ถือว่าผิดทั้งทางโลกและทางธรรม ลูกค้าต้องร่วมกันต่อต้านหรือบอยคอต ขณะที่ผู้ดูแลกฎหมายต้องกวดขันใกล้ชิด เพราะนำเข้าไปแจกที่ทำเนียบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศ มองอย่างไรก็ไม่เหมาะสม" น.พ. อุดมศิลป์กล่าว
ขณะที่นายจะเด็ด เชาวน์วิไล ผจก.มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า การที่สิงห์สนับสนุนปฏิทินหวาบหวิวเพื่อแจก หรือจำหน่าย นอกจากฝ่าฝืนพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว การใช้นางแบบผู้หญิง 6 คน ไม่สวมเสื้อผ้ามาเพนต์สีตามร่างกาย เป็นเรื่องไม่เหมาะสม กระแส สังคมรับไม่ได้ ที่แย่ที่สุดคือน.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี นำปฏิทินไปแจกที่ทำเนียบ ถือเป็นพฤติ กรรมไม่เหมาะสม ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง เสื่อมเสียมาก แม้จะแสดงสปิริตลาออกแล้วก็ตาม
นายจะเด็ดกล่าวต่อว่า ปรากฏการณ์ต่อต้านปฏิทินดังกล่าวถือเป็นกระแสสังคมที่แรงมาก บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ควรดูบทเรียนเรื่องนี้ไว้ เพราะภาคประชาชนติดตามพฤติกรรม ของบริษัทเหล้าเบียร์มาตลอด ล้าสมัยมากที่ใช้ผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ขายเนื้อหนังมังสา ก่อให้เกิดปัญหาสังคมและนำไปสู่ความรุนแรงทางเพศ ควรเปลี่ยนวิธีคิดกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม และปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์อย่างเคร่งครัด
นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายต้านภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า วันที่ 23 ธ.ค.จะประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณานำมาตรการทางกฎหมายใหม่ๆ มาใช้ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเหล้าปั่น การจัดโซนนิ่ง และการติดฉลากภาพคำเตือนบนบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น ไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งท้าทายกฎหมายเป็นการตอกย้ำว่าการบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐไม่มีประสิทธิภาพ
นศ.ราชภัฏยื่นหนังสือร้องวธ.คุมปฏิทินลีโอ
เว็บไซต์คมชัดลึก (18 ธ.ค. 52)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรมจริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา เปิดเผยว่า คณะกรรมการธิการได้นำกรณี น.ส. จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำปฏิทินนู้ดมาแจกกลางทำเนียบ มาหารือ โดยเห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และสมควรออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน แต่ในขณะนี้ น.ส. จิตภัสร์ ได้แสดงความรับผิดชอบแล้ว ก็ถือว่าจบ
"การทำปฏิทินโป๊เปลือยออกมาแจกนั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แล้วยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551"
ด้าน นายอนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภากล่าวว่า คณะกรรมาธิการจะนำเรื่องนี้มาหารืออีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค. นี้ ว่าสมควรนำมาตรวจสอบหรือไม่ และส่วนตัวยังไม่ขอออกความเห็น เนื่องจาก เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นใหม่ ต้องศึกษาข้อมูลก่อน
นายอโณทัย ฤทธิ์ปัญญาวงศ์ รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา กล่าวว่า ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ กมธ.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเพื่อหารือว่าจะดำเนินการอย่างไร ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ เนื่องจากกมธ.เดินทางดูงานประเทศอิตาลี
กลุ่มนศ.ราชภัฏยื่นหนังสือร้องวธ.คุมปฏิทินลีโอ
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) นายวัชรา บัวทอง ประธานสภานิสิตนักศึกษามบส. ในฐานะประธานสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ 40 แห่งทั่วประเทศ กล่าวว่า ในวันนี้ (18 ธ.ค.) ตนและแกนนำนิสิตนักศึกษาที่ทำงานอยู่ในกลุ่มเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์ และเครือข่ายหัวกะทิสร้างสรรค์ ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับกรณีการวางจำหน่ายและแจกจ่ายปฏิทินภาพนู๊ดของเบียร์ลีโอ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติว่า ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 - 12.00 น. แกนนำนิสิตนักศึกษากว่า 50 คน จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เพื่อให้ประสานขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่มักฉวยโอกาสเทศกาลปีใหม่ผลิตปฏิทินนู๊ดออกมาจำหน่ายและแจกจ่ายให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกวดขันให้ผู้ประกอบธุรกิจยุติการผลิตสื่อเหล่านี้
“ปฎิทินลีโอ 2010 ที่มีภาพวาบหวิวของนางแบบนั้นเป็นการกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนอยากรู้อยากเห็น ที่สำคัญเป็นการฝังหัวให้วัยรุ่นจดจำสินค้าและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เป็นประเด็นที่อยู่ในกระแสสังคมยิ่งทำให้เกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่า ภายในเวลา 2 วันที่เปิดตัวปฏิทิน มีนักเรียน นักศึกษาจำนวนมากพยายามค้นหาภาพในอินเทอร์เน็ต จนกระทั่งมียอดดาวโหลดภาพโดยใช้คำค้นหาว่า ปฏิทินลีโอ ในเว็บ Google ถึง 780,000 ครั้ง ดังนั้นในนามกลุ่มนิสิต นักศึกษาจึงอยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองช่วยแก้ไขปัญหานี้ด้วย นอกจากนี้ทางกลุ่มนิสิต นักศึกษา จะไปยื่นหนังสือทวงถามถึงข้อเรียกร้องในการแก้ปัญหาร้านเหล้าปั่นรอบมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาต่อคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลแห่งชาติด้วย” นายวัชรา กล่าว
|
บล็อกของ Hit & Run
Hit & Run
แดง ใบเตย 1. บทสรุปสำหรับผู้บริหารข้อเขียนชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อโจมตีกลุ่มปัญญาชนเก๋ไก๋ทั้งหลาย ที่บังอาจวิพากษ์วิจารณ์กระแส "เคอิโงะ" 2. ดวงของเคอิโงะแหม่มโพดำ"เคอิโงะ" เสี่ยงได้ไพ่ "แหม่มโพดำ" ดวงดีมากมาย 3. บทกวีแด่เคอิโงะเ ร า ก็ ไ ม่ ท ร า บ ว่ า จู่ ๆ คุ ณ ดั ง ขึ้ น ม า ไ ด้ เ ยี่ ย ง ไร "เ ค อิ โ ง ะ"สำ ห รั บ ผ ม เ ริ่ ม แ ร ก ก็ อ อ ก จ ะ ห มั่ น ไ ส้ คุ ณ อ ยู่ ม า ก เ ล ย ที เ ดี ย วแ ต่ สำ ห รั บ ผู้ ที่ แ ส ด ง ค ว า ม ฉ ล า ด ห ลั ง เ ห ตุ ก า ร ณ์ นี่ ยิ่ ง น่ า ห มั่ น ไ ส้ ก ว่ ามั น ไ ม่ ใ ช่ เ รื่ อ ง ข อ ง ผ ม กั บ คุ ณ…
Hit & Run
Ko We Kyaw ไร่ปลูกสบู่ดำริมทางบนถนนระหว่างเมืองเจ้าปะต่าวกับมิตทีลา ภาคมัณฑะเลย์ ภาพถ่ายในเดือนพฤษภาคม 2551 (ที่มา: Kowekyaw/Prachataiburma) พฤษภาคม 25511. ผมอยู่บนรถโดยสารเก่าๆ แล่นออกจากเมืองเจ้าปะต่าว (Kyaukpadaung) มุ่งสู่มิตทีลา (Meiktila) ภาคมัณฑะเลย์ ใจกลางเขตแล้งฝน (dry zone) ของสหภาพพม่า สองข้างทางซึ่งเป็นดินแดงๆ จึงเหมาะจะปลูกเฉพาะพืชทนแล้ง โดยเมืองเจ้าปะต่าวถือเป็นแหล่งปลูกตาล ส่วนเนินแห้งแล้งรอบทะเลสาบมิตทีลาก็เป็นแหล่งปลูกฝ้าย แต่สองข้างทางของถนนที่ผมกำลังเดินทางกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าด้วยโครงการปลูกพืชพลังงานชนิดใหม่ “สบู่ดำ”…
Hit & Run
โดย เพณิญ ในสถานการณ์แบบนี้ ‘ตัวละคร' ที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้น ‘อาซาคุระ เคตะ' นายกรัฐมนตรีหนุ่มสุดหล่อแห่งประเทศญี่ปุ่น และ ‘ลีซาน' พระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี ‘ตัวละคร' ทั้งสองปรากฏตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก หนึ่งคือ ‘อาซาคุระ เคตะ' ตัวละครที่ไม่เคยสนใจการเมือง แต่ต้องก้าวเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในภาวะการเมืองสูญญากาศของประเทศญี่ปุ่นจาก CHANGE…
Hit & Run
อย่างที่รู้ๆ และแทบไม่อยากจะย้ำให้เจ็บช้ำหัวใจกันว่าเศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ (จากอเมริกา) ที่ส่งกระทบข้ามฟ้ามามาไกลถึงบ้านเรา ทำให้ผู้นำประเทศต้องออกโรงคิดหานโยบายมาแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน บวกด้วยความที่นายกคนหนุ่มอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่าคนจนเศรษฐกิจไม่ดี นายกต้องช่วยเหลือ และไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคน ที่เป็นการช่วยธุรกิจโดยไม่ต้องไปบิดเบือนกลไกตลาด แบบว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติให้มีเงินหมุนเวียน ดังนั้น โครงการใหม่ถอดด้าม “เช็คช่วยชาติ” จึงริเริ่มและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เช็คจำนวน 9.6 ล้านใบ…
Hit & Run
กรกช เพียงใจ ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา รัชดาผู้พิพากษาสองคนเดินมานั่งบนบัลลังก์ เบื้องหลังบัลลังก์เป็นผนังไม้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ทั้งห้องดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สูงขึ้นไปบนผนังติดพระบรมฉายาลักษณ์ในกรอบสีทองเหลืองอร่ามทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ มีญาติผู้ต้องขังสองสามคน อัยการ ทนายความ เจ้าหน้าที่ผู้คุมตัวผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังหญิงในชุดนักโทษอุฉกรรจ์สีน้ำตาล ขลิบปลายแขนแดง ‘ดารณี' ถูกจับกุมที่บ้านพัก ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และติดคุกมาแล้วมากกว่าครึ่งปี ระหว่างที่คดีเพิ่งเริ่มพิจารณา และนัดหมายการไต่สวนพยานครั้งแรกกันอีก 6 เดือนข้างหน้า 0000"ไอ้ที่พี่พูด…
Hit & Run
Ko We Kyaw เมื่อวันที่ 13 มีนาคม หรือเมื่อวานนี้ นักกิจกรรมพม่ารุ่น’88 ในประเทศไทย นำโดยสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (Assistance Association for Political Prisoners-Burma - AAPP) และสมัชชาเพื่อประชาธิปไตยในพม่า (the Forum for Democracy in Burma - FDB) จัด “Free Burma’s Political Prisoners Now!” (“ปล่อยนักโทษการเมืองในพม่าเดี๋ยวนี้!”) (www.fbppn.net) โดยมีการจัดแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) กรุงเทพมหานคร และที่ศูนย์นานาชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อล่ารายชื่อกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง ซึ่งขิ่น โอมาร์ (Khin Ohmar)…
Hit & Run
จันทร์ ในบ่อ ‘วันวาเลนไทน์' หรือ ‘วันเสียตัวแห่งชาติ'เป็นวันที่มีความเชื่อกันว่า ‘ผีกระจู๋' จะถูกปลดปล่อยออกมาเพ่นพ่านด้วยฤทธาแห่งความความกำหนัด โดยเฉพาะในวันที่ความรักเบ่งบานฉ่ำบรรดาพ่อมดหมอผีจะเกรงกลัวเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่าอิทธิฤทธิ์แห่งมนต์ดำกฤษณาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว
Hit & Run
ธงดอง จันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์ "ฉันเป็นคนบ้า เพราะว่าสติไม่ดีไม่ใช่คนไม่ดี ฉันมีสติไม่ดีฉันเป็นคนบ้า" ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ก็คือประเด็น "คดีหมิ่นฯ" ที่กลายเป็นเรื่องกล่าวขวัญในสังคมอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้เริ่มตั้งแต่หนุ่มไม่เต็มบาทนั่งเหม่อลืมยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงภาพยนตร์, ม็อบคนบ้า(การเมืองจนเข้าเส้น)ที่ปราศรัยมันเกินเหตุจนเกิดเรื่อง, ฝรั่งเพี้ยนที่ชอบขีดๆ เขียนๆ เรื่อยเปื่อย จนลามมาถึงนักวิชาการ นักการเมือง นักท่องอินเตอร์เน็ตเพี้ยนๆ ออกมาโดนซิวเป็นระยะๆ ตามหน้าข่าวแต่ประเทศนี้มันก็ช่างน่าขันเหลือเกิน โทษสำหรับคนเพี้ยนบ้าแบบนี้…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก สถานีโทรทัศน์ในจีนถูกสั่งให้ดีเลย์สัญญาณออกอากาศออกไป 10 วินาที เพื่อพวกเขาจะได้มีเวลาจัดการกับการแพร่ภาพในกรณีที่เกิดการประท้วงจากกลุ่มที่เรียกร้องให้ปลดปล่อยทิเบต หรือกลุ่มทางการเมืองอื่นๆ มาหนนี้ ดูเหมือนสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนจะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ระหว่างถ่ายทอดสดการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามาในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 ก.พ. (เวลาประเทศจีน) เพราะขณะแพร่ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามา พร้อมๆ กับแปลไปด้วยนั้น อยู่ๆ…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่ง วันเด็กปีนี้ แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ก็อยากจะให้คำขวัญ คำอวยพรกับเด็กๆ บ้าง... มีฟามสุขมั่กๆ อย่าแสบให้มากนักนะตัวเอง... ปีนี้มหกรรมวันเด็กค่อนข้างคึกคัก ข่าวคราวต่างๆ ถูกรายงานเยอะแยะมากมายตามประสาบ้านเมืองที่สงบสุขแล้ว...ชิลๆ สังเกตได้ง่ายๆ เพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ (ยิ่งดราม่าๆ หน่อยยิ่งเจ๋ง) มักจะมีสีสันอยู่ในกระแสมากเป็นพิเศษเสมอ คำขวัญวันเด็กที่ทั่นนายกฯ "อภิสิทธิ์" ให้ในปีนี้ เด็กจริง เด็กโข่ง ต่างก็รู้กันทั่วหน้าแล้ว นั่นคือ "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี" ไม่รู้ว่าเด็กยุคดิจิตอลรุ่นนี้คิดยังไง...
Hit & Run
จันทร์ ในบ่อ ก่อนอื่นขอ "สวัสดีปีใหม่ครับ" ปีใหม่นี้คนไทยมีนายกฯใหม่ แต่ยังต้องเซ็งที่มีการเมือง(โครต)เก่า ‘ผู้จัดการ' ก็คนหน้าเก่าเลยไม่รู้ว่าจะเรียกร้อง ‘การเมืองใหม่' กันให้วุ่นวายทำไมเป็นเดือนๆอีกฝ่ายก็อุตส่าห์ลงทุน ‘โฟนอิน' มาเป็นรอบๆ ขู่จนเสื้อเหลืองเสื้อเขียวสะดุ้งไปหลายเฮือก แต่สุดท้ายหวยล็อค ได้ฮาตรงที่เขาบอกกันว่า ‘ประชาธิปัตย์' ก็มากับเสียง ‘โฟนอิน' !?? ที่สำคัญโฟนอินนี้ทำเอา ‘เสื้อแดง' มึนตึ้บเป็นแถว เช้ามาพูดได้คำเดียวว่า "มาม่า...อร่อย "เอาล่ะ..เรื่องการเมืองไว้ค่อยว่ากันต่อ แต่ตอนนี้ขอพักฉลองเทศกาลปีใหม่สากลสักสองสามวันร่วมกับคนทั้งโลก ขออวยพรแบบสากลหน่อย"…
Hit & Run
คิม ไชยสุขประเสริฐ ข่าวคราวในวงการกีฬา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นที่จดจำสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลหรือเป็นนักเชียร์ตัวยงสำหรับกีฬาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยทีมชาติไทยพ่ายทีมชาติเวียดนาม 1-2 ประตู ในฟุตบอลอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2008 รอบชิงชนะเลิศนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเกมนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี เดินทางไปเชียร์ทีมไทยถึงขอบสนาม เรียกได้ว่าเป็นการแพ้กันคาบ้าน