Skip to main content

ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง

"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"

ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียงมดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์

โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย อาการป่วยขยายตัวไปสู่ความเรื้อรังจนไม่มีทางรักษาให้หายขาดหรืออาจต้องใช้ค่ารักษาที่แพงแสนแพง คนพวกนี้อาจมองชีวิตของคุณเป็น ความไร้ค่า' ไปเลย


หากโลกนี้ใช้เฉพาะความคิดด้วยตรรกะและสมองอันชาญฉลาดทางทุนนิยมแล้ว คนป่วยเรื้อรังก็คือผู้สร้างรายจ่ายมากมายมหาศาล แต่ไม่ได้สร้างรายได้อะไรคืนกลับเลย

สำหรับคนที่ ป่วยเรื้อรัง' แล้ว ชีวิตที่เหลือจะได้ถูกสังคมแบบนี้ ตีตรา' ว่าคงทำได้แค่การนอนซมอยู่เตียง หรืออย่างมากก็เดินกระโดกกระเดกไปมาได้สัก 2-3 เมตร พูดง่ายๆ คือชีวิตก็แค่หายใจทิ้งไปวันๆ

ดังนั้น ในโลกแบบนี้อาจมีคำตอบแบบหนึ่งไว้แล้ว การอยู่ไปโดยไม่นำเงินเข้ามา พวกนักสิทธิมนุษยชนหรือพวกองค์กรพัฒนาเอกชนจะไปเรียกร้องให้ดูแลทำไม ที่มาบอกให้ทำซีแอล' (สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา หรือ Compulsory Licensing) เพื่อให้ยามีราคาถูกลง แล้วเม็ดเงินการลงทุนหลายๆ ล้านของบรรษัทยาที่จะเข้ามาในประเทศล่ะ มันจะหายไป คิดบ้างหรือไม่ ??

แน่นอน ประเทศไทยในระบบการเลือกตั้งคือรัฐที่ฉลาดและคิดได้ถึงเงื่อนไขในโลกแบบนี้ งานสำคัญในวันแรกของรัฐบาลใหม่ที่มี ไชยา สะสมทรัพย์' นั่งบัลลังก์รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจึงหนีไม่พ้นเรื่องทบทวนการทำซีแอลนั่นเอง ถ้าสำเร็จทุกอย่างก็จะดำเนินต่อไปตามกลไกทางตลาด

เรื่องจริงที่มองข้ามไม่ได้ การทำซีแอลอาจเป็นเรื่องที่ต้องมองกันในหลายมิติ การทบทวนอาจเป็นเรื่องที่ดีและมีประเด็นที่ต้องถกเถียงกันอย่างจริงจังจากหลายๆ ฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีและลงตัว แต่สิ่งที่สะท้อนแนวโน้มว่ามันคงไม่เป็นไปอย่างนั้นหรอก การพูดคุยกันด้วย เหตุผล' คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ บนทัศนคติที่ค่อนข้างลบมาตั้งแต่ต้น เรื่องของความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ปากของคนบางคนอาจจะพูดส่งเดชไปได้ด้วยความคะนองปากว่าถ้าเป็นหนักเรื้อรังแบบนี้ก็ "น่าจะตายเสียดีกว่า"

แต่ถ้าเป็นปากของคนระดับรัฐมนตรีล่ะ..ผลที่ตามมามันต่างกันมากมาย

อย่างไรก็ตาม ภายใน 2 วัน ของการทำงานของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ มีคำพูดที่หลุดปากพูดในลักษณะคล้ายกันหรือสื่อความไปในทางนั้นจากผู้ใหญ่ระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทั้งสื่อและภาคประชาชนที่เข้าไปติดตามและท้วงติงการทบทวนการทำซีแอลต่างนำความที่ได้ยินออกมาพูดกันให้ทั่วประมาณว่า "ถ้าข้อมูลยอดคนเป็นมะเร็งที่มีในประเทศมีเป็นแสนคนจริง แต่เขาได้รับข้อมูลมาเพียงหลักหมื่น ก็ให้ตายเสีย แล้วยอดมะเร็งนับแสนคงจะลดเหลือเพียงหมื่นสองหมื่นคน"

เมื่อเขาว่าอย่างนั้น สำหรับประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ฟังแล้ว ใจอ่อน เข่าระทวยและหวิววาบๆ..สุดท้ายแล้วไอ้ประเด็นที่เขาบอกว่าจะทบทวนซีแอลเพื่อให้นโยบายในอนาคตเดินต่อไปได้นั้น เขากำลังทำกันอยู่บนฐานคิดและทัศนคติแบบใดกันแน่

หรือมันอาจจะหมายความไปได้ว่า รัฐเราจะใจดีถ้าคุณ มีเงิน' พอ ใครมีเงินก็จ่ายค่ายืดชีวิตมาจะอะลุ้มอล่วยต่อชีวิตให้ แต่ถ้าไม่มีจ่าย ยอดคนป่วยจะลดลงไปเองตามอัตรการตาย ค่าเผาผีโรยดอกไม้จันทน์ มันไม่แพงหรอกถ้าเทียบแล้วกับค่ายาราคาแพงที่จะไปเรียกร้องให้รัฐดูแล!

นอกจากนี้ อีกหลายหูยังได้ยินสิ่งที่ผู้ใหญ่ในกระทรวงท่านเดิมพูดถึงยาต้านไวรัสของผู้ติดเชื้อว่า ถ้าไม่มีกินก็ให้กินดอกไม้จันทน์แทน..

สาธุเถอะ! แล้วแบบนี้จะฝากผีฝากไข้กันได้ไหม

หลังจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรและผลกระทบจะมีหรือไม่ยังไม่รู้ แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อนประชาชนอย่างเราคงต้องบอกตัวเองว่า ห้ามป่วย !' เพราะเดี๋ยวจะต้องตายให้กลายเป็นอาหารของหนอนอย่างว้าเหว่ ผู้ใหญ่ระดับคุมนโยบายในกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดูเหมือนจะมีแนวคิดและแนวทางที่จะใส่ใจคุณน้อยลงแล้ว และชีวิตคุณอาจต้องถูกนำไปคำนวนด้วยตัวเลข

แต่หากคุณ ผม หรือเราทุกคน ถ้าป่วยแล้วจะกลายเป็นคนอ่อนแอและไร้ค่าจริงหรือ สำหรับผมยังมีคำถามในใจ ?

ในขณะที่คุณกำลังยืนเหม่อ อาจถูกรถเมล์แหกโค้งมาชนจนตายโหงไปก่อนป่วยตายก็ได้ แต่ในรอบลมหายใจเดียวกัน ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีบางคนกลับดำเนินชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป มีลูกมีหลาน มีครอบครัว และดูแลกันและกันได้

ยาต้านไวรัสที่ราคาแสนแพง สำหรับผู้ติดเชื้อคือ ความหวัง' ที่ช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น ทุกวันนี้คนแข็งแรงแต่ติดเชื้ออย่าง เมจิก จอห์นสัน' ยังคงมีมากมาย

เมจิก จอห์นสัน' เป็นนักบาสเก็ตบอลระดับเทพของเอ็นบีเอจนได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 50 ผู้เล่นยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์บาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ เขาประกาศตัวเองว่าได้รับเชื้อเอชไอวีในปี 2534 หรือประมาณ 18 ปีมาแล้ว และเคยหวนกลับคืนสู่วงการบาสเก็ตบอลได้อย่างแข็งแกร่งด้วยกำลังใจที่ดีเยี่ยม ในปี 2545 เขาสามารถร่วมทีมบาสเก็ตบอลสหรัฐเพื่อแข่งขันโอลิมปิกในนาม ดรีมทีม' ได้อย่างเป็นที่ประทับใจจนกลายเป็นตำนานร่วมกับ ไมเคิล จอร์แดน'

ในปี 2547 เขาร่วมกับ เหยาหมิง' นักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอรุ่นใหม่ขวัญใจชาวจีน เล่นบาสเก็ตบอลกัน กอดกัน และรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อรณรงค์ให้ความรู้เรื่องเอชไอวีแก่คนจีน ขณะนั้นเขาได้รับเชื้อมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันเขาก่อตั้งมูลนิธิเมจิกจอห์นสัน และเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับสูงคนหนึ่งของสหรัฐ ซึ่งถ้าคิดเพียงในช่วงเวลา 10 ปี สำหรับคุณหรือผม คนรอบข้างอาจจะตายไปด้วยโรคเฉียบพลันอะไรสักอย่างไปหลายคนแล้ว

หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งบางคน แม้จะนอนอยู่บนเตียง แต่สำหรับคนข้างหลัง การต่อสู้กับโรคด้วยความอดทนเข้มแข็งคือความแข็งแกร่งที่ถ่ายทอดไปสู่คนรอบข้างให้กล้าที่จะเดินและเผชิญเรื่องราวอันโหดร้าย เช่น การมีรัฐมนตรีเฮงซวยปากไม่ดีได้อย่างเชื่อมั่น ขณะเดียวกัน การที่เขายังมีลมหายใจยังหมายถึงความไม่อ้างว้างของการที่ยังมองเห็นกันและกันและสามารถห่วงใยกันได้

มองแบบนี้แล้ว หรือความหมายของคำว่าชีวิตสำหรับผู้บริหารประเทศที่มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบายและเกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของเราทุกคนกลับทำให้ความรู้สึกอ้างว้าง มืดทะมึนและไร้ความหวังได้ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ดูเหมือนว่าชีวิตที่กำหนดค่าด้วยเงินดูจะมีความหมายกว่าชีวิตที่มีลมหายใจเสียอีก

คนเราถ้าคิดได้เพียงว่าไม่มียาก็ให้กินดอกไม้จันทน์แทน บางทีคนแบบนั้นต่างหากที่มันก็น่าจะไปตายให้หนอนแดกซะเดี๋ยวนี้เลย !

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…