Skip to main content

 ถ้าจะสร้างวิวาทะอะไรที่มันๆ ให้ NGO's นักวิชาการ หรือแอคทิวิสต์แนวชุมชนโรแมนติก ที่เราเรียกพวกเขาว่า "ปัญญาชน" แลกเปลี่ยนกันมันๆ นั้น วันนี้เรามาพูดถึงความดีของ "ทักษิณ ชินวัตร" กันดีกว่า...

วิทยากล บุญฤา (แก้ไข ไม่แก้แค้น)

คณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว) *

 

ผมเป็นคนจน คนแถวบ้านผมก็เป็นคนจน เราเป็นคนจนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแบบว่าไม่มีต้นทุนเป็นผืนป่า แม่น้ำ หรือภูเขาเป็นของตัวเอง ไม่มีการสร้างโครงการขนาดใหญ่จากรัฐหรือนายทุน ปัญหาที่เราต้องเจอก็มีแค่การหาเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีออกไปขายแรงในเมือง หรือตามเทือกสวนไร่นา แปลงเล็กๆ ที่ยังเหลืออยู่

ผมและคนแถวบ้านส่วนใหญ่เคยลงคะแนนให้ทักษิณเป็นนายก ผมจะไม่กล่าวถึงความรู้สึกถึงคนจนคนอื่น ผมไม่กระแดะไปคิดแทนเขา แต่ผมจะขออภิปรายความงี่เง่าของผมที่ได้กระทำการในสิ่งที่ชนชั้นกลางและชนชั้นนำ ไม่พอใจ ในการไปเลือกทักษิณของผม  

แต่ในข้อเขียนชิ้นนี้ผมอาจจะหลุดอารมณ์เหมารวมด้วยคำว่า "คนจน" และ "เรา" ออกมาบางครั้ง ทั้งนี้ผมเขียนเผื่อไว้หากจะมีใครซักคนสองคนคิดแบบงี่เง่าแบบที่ผมคิด เพราะผมคิดว่าผมเองอาจจะไม่ใช่คนงี่เง่าวิเศษสุดที่คิดอะไรได้โคตรงี่เง่าแบบนี้คนเดียว ผมจะพยายามไม่อวดตัวว่างี่เง่าแบบถึงกึ๋นแบบนี้คนเดียว และที่สำคัญผมเชื่อในเรื่องบุพเพสันนิวาส 

ผมลองสังเกตมาหลายทีแล้วว่า ถ้าคุณบอกว่าคุณชอบทักษิณคุณก็จะประสบกับความตายทันทีในวงวิชาการ หลายครั้งที่ผมได้ไปพบเจอคนประเภทสองไม่เอา ที่ชอบประกาศตัวแบบนี้  "เอ่อ คือว่าขอออกตัวก่อนนะ ครับ/คะ คือว่า ผม/ดิฉัน เกลียดทักษิณมาก แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งนี้

ครับ! ผมก็ไม่ได้อะไรหนักหนากับพวกสองไม่เอา แต่ที่ผมติดใจ คือคุณไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ว่าคุณเกลียดทักษิณเพื่อสร้างภาพให้คุณเป็นเทวดา เป็นนางฟ้าลอยเหนือคนจนๆ แบบพวกผมที่มันรักทักษิณ

เราไม่มีวันต่อกันติดเพราะพวกคุณมันดีแสนดีเหลือเกิน  ยิ่งพวกคุณประกาศตัวว่าเกลียดทักษิณดังเท่าไร ดังเท่ากับพวกที่เอาการรัฐประหารที่เกลียดทักษิณ เรายิ่งห่างไกลกันเกินจะเกี่ยวก้อยไขว่คว้า

และมันยิ่งทำให้พวกผมใจหวิว ใจแป้ว ว่าทำไมพวกกูไม่มีพวกบ้างเลยวะ มีแต่ พี่เลี้ยบ พี่มิงค์ ยงยุทธ สมัคร เฉลิม กับเนวินเท่านั้นหรือ

ดังที่กล่าวไป บ่อยครั้งที่ผมมักได้ไปข้องเกี่ยวกับวงสัมมนาวิชาการว่าด้วยการโจมตีระบอบทักษิณ ด้วยการไปรับจ้างแบกคอนวอยบ้าง ซ่อมแอร์บ้าง หากินเล็กๆ น้อยๆ ตามวงสัมนาเหล่านั้น ผมก็ชอบที่จะไปนั่งฟังในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เอาเท่ๆ ฟังทฤษฎีทางการเมือง การวิเคราะห์ความเลวร้ายของทักษิณ การฆ่าคนใต้ การปราบปรามยาเสพย์ติด การสถาปนาความยิ่งใหญ่ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง การทำให้คนจนเป็นทาสและเป็นเหยื่อ ซึ่งผมก็คล้อยตามและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในห้องแอร์อันเย็นฉ่ำนั้น 

แต่เมื่อก้าวออกจากห้องแอร์เย็นเจี๊ยบ มาเผชิญกับโลกความยากจนอันจนยากที่เป็นโลกจริงที่ร้อนระอุของคนจน อยู่หน้าหม้อลวกก๋วยเตี๋ยว อยู่บนนั่งร้านทาสี เดินริมฟุตบาทด้วยเงินติดตัวไม่กี่ตังค์ ผมก็พบว่าผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงคะแนนให้ทักษิณ แต่ผมก็คิดเข้าข้างปลอบใจว่า ผมไม่ได้เป็นทาสและเป็นเหยื่อทักษิณ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับคนที่ให้ผลประโยชน์พวกผมมากที่สุดในตอนนั้น ในตอนที่อยู่ในคูหาลงคะแนนตามระบอบประชาธิปไตย 

ส่วนเรื่องจริยธรรมอรหันต์แบบในวงวิชาการนั้นลืมไปได้เลย เพราะไม่เคยมีตัวแทนแนวคิดแบบท่านนักวิชาการผู้ดีทั้งหลาย ในคูหาเลือกตั้งให้พวกเราไปกาสักครั้ง ซึ่งถ้ามีก็คงเลือกแหละครับ เพราะพวกท่านแต่ละคนพูดได้ดีๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น พลังของภาคประชาชน, การเมืองของคนรากหญ้า, โปร่งใส เป็นธรรม, เสมอภาคแบบอยู่ดีกินดี ฯลฯ ถ้าไม่เลือกสิ่งเหล่านี้ก็บ้าแล้ว

ติดตรงอย่างเดียวสำหรับผู้เสนอแนวคิดและยุให้ใครก็ไม่รู้ลงมือทำ ติดตรงที่พวกท่านเกลียดการลงเลือกตั้ง เพราะมันจะทำให้พวกท่านหมองหม่น

สำหรับกิจกรรมในคูหาเลือกตั้งในโลกจริง เราได้ผลประโยชน์มากมายกับการแลกหนึ่งเสียงที่เราไปกาให้ทักษิณ สวัสดิการ แบบ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งถึงแม้มันจะเห่ยมันก็ดีกว่าไม่มี เพราะในขณะเมื่อเราเจ็บป่วยเราไม่สามารถขับลมปราณรักษาตัวเองได้แบบในหนังจีนกำลังภายใน

หรือแม้แต่เงินกู้ในระบบเงินล้านทุกหมู่บ้าน และแพ็คเกจเอื้ออาทรทั้งหลาย สำหรับการกู้เงินมาเป็นหนี้มาให้พวกท่านทั้งหลายด่าเรื่องวินัยการคลัง หรือการเป็นทาสบริโภคนิยมนั้น - ที่กู้มาก็เพราะพวกท่านชนชั้นนำ ชนชั้นกลางมันได้ทำให้พวกเราดูเป็นตัวอย่างหนิ เราก็มีความเป็นคน ความเป็นคนที่อยากไขว่คว้าเครื่องอำนวยความสะดวกมาบริการชีวิตเราบ้าง

ที่เรากู้เงินล้านมาซื้อโทรศัพท์มือถือ ก็เพราะหน่วยงานทางด้านโทรศัพท์พื้นฐานไม่กล้าไปลงทุนในละแวกบ้านของเรา (แต่ในตัวเมืองบางบ้านมีถึง 3-4 คู่สาย) เราต้องกู้ไปซื้อมอเตอร์ไซด์ ก็เพราะเป็นพาหนะที่ถูกที่สุดที่ไม่ต้องเหนื่อยกำลังตีนในการไปมาทำมาหากิน และเราก็ไม่มีรถไฟฟ้าสายสีแดง สีม่วง หรือสีสวาด ผ่านบ้านเราซักขบวนซักยวง

และแทบที่จะเรียกได้ว่าทักษิณเคยทำให้เรารู้สึกภูมิใจในความเป็นคน เอาเงินให้ไพร่จนๆ แบบพวกเรากู้ กู้แบบมีศักดิ์ศรีไม่โดนตามต่อยเตะกระทืบแบบพวกเงินกู้นอกระบบร้อยละยี่สิบ ไม่ต้องไปแบมือขอสังคมสงเคราะห์ หรือจากคุณหญิงคุณนายหัวฟูทั้งหลาย

ในเมื่อเราเลือกทักษิณแล้วได้เศษเงินมากที่สุดมาประทังชีวิต โดยที่ทักษิณและพวกพ้องจะรวยๆ ยิ่งขึ้นๆ ไป ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจ เราเข้าใจดีแต่เราไม่สน ในเมื่อชนชั้นนำและชนชั้นกลางคนอื่นๆ อาจจะรวยๆๆๆ ขึ้นไปโดยไม่ให้อะไรเราซักอย่าง หนำซ้ำยังมีความคิดเพี้ยนๆ ที่จะสต๊าฟคนจนๆ อย่างพวกเราไว้ปลูกเผือก ปลูกมัน ในพื้นที่ขนาดกว้างวา ยาววา ข้างบ้านรูหนู ด้วยอภิปรัชญาว่าด้วยความจนแบบพอเพียง  

อย่างน้อยทักษิณยังเคารพพวกเราด้วยการเปิดประตูทุนนิยมให้พวกเรา ให้พวกเราเข้าไปตายเอาดาบหน้า ไปเสี่ยง ไปวัดดวง ไปเรียนรู้ ในระบบเศรษฐกิจที่เป็นแกนหลักของโลกปัจจุบัน

ต่างจาก NGO's แสนดีทั้งหลายที่พยายามปกป้อง ป้องกันความเจริญ กลัวเราชาวบ้านไม่รู้เท่าทัน และพวกเขาคงรู้สึกภูมิใจ ที่ได้ช่วยป้องกันไม่ให้นายทุนเข้าทำลายความเป็นชุมชนของเราไป.. โรแมนติคเหลือหลาย พ่อพระแม่พระ NGO's ที่แสนดี สำหรับเราชาวบ้านโง่ๆ เซื่องๆ แบบเรา ความเจริญทางทุนนิยมมันมีแต่จะทำลายเรา ขอบคุณมากที่มาชี้นำเราให้เข้าป่าเข้าพงตลอดเวลา

คำตอบของพวกผม คนจนที่ดันไปลงคะแนนให้ทักษิณ ก็คือ ทักษิณเป็นคนที่รวยที่สุดที่กล้าลงมาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับพวกเรา แล้วชนชั้นกลางและชนชั้นนำคนอื่นล่ะ ที่พวกคุณด่าๆ คนจนและทักษิณนั้น พวกคุณมีอะไรให้พวกผมบ้าง (แต่คำที่พวกเขาใช้ไม่ได้ด่าคนจนออกมาตรงๆ ว่าโง่หรอก พวกเขาด่าเราอ้อมๆ ด้วยความเอ็นดู ว่า เป็นเหยื่อ' หรือขาดข้อมูล' อะไรประมาณนี้) 

แต่รัฐประหารที่ผ่านมา ก็เหมือนการเอาตีนลูบหน้าคนจนๆ ชนชั้นนำและชนชั้นกลางไม่ต้องการให้คนจนแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับใครหน้าไหนเกินหน้าเขา ไม่ให้คนจนเผยอหน้าขึ้นมาดูโลกกว้างใหญ่ไพศาล และเราก็ได้รับคำตอบแล้วว่า ประชาธิปไตยที่เห็นหัวคนจนนั้น สำหรับพวกท่านมันคือของแสลง  

ดอกไม้ ธูปเทียน และสาวโคโยตี้ ที่ได้ไปประเคนให้รถถังและทหารในช่วงเวลาที่ประชาธิปไตยโดนย่ำยีนั้น มันยิ่งทำให้พวกเราเห็นธาตุแท้ของพวกท่าน ว่าประชาธิปไตยอันดีเลิศที่พวกท่านต้องการนั้นมันเป็นอย่างไร 

ประชาธิปไตยที่ชนชั้นนำและชนชั้นกลางต้องการคือ การลงประชามติการลงคะแนน หรืออาจจะไม่ต้องมีการลงอะไรก็ตามแต่มีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้น ถ้าเราสมมติว่ามันคือคะแนน  คะแนนเสียงของเราคนไทยจะต้องไม่เท่ากัน คนจนได้ไปแค่หนึ่งคนต่อหนึ่งคะแนนหรือน้อยกว่านั้น แต่พวกท่านชนชั้นนำและชนชั้นกลาง หนึ่งคนของพวกท่านอาจจะมีร้อยคะแนนบ้าง มีพันคะแนนบ้าง หมื่นคะแนนบ้าง บางคนไม่ต้องไปเลือกตั้งก็อาจจะมีเป็นร้อยล้านคะแนนก็เป็นได้ - นี่แหละประชาธิปไตยแบบสุดพิเศษที่พวกท่านใฝ่ถึง 

ทั้งนี้ใช่ว่าเราคนจนหัวจะไม่ก้าวหน้าเกินกว่าต้องเลือกมนุษย์ที่ชื่อทักษิณเพียงคนเดียว แต่ในเมื่อเหตุการณ์ที่ผ่านมา (ตอนทักษิณขึ้นมา) และเป็นอยู่นี้ ตัวเลือกเดียวที่มีคือมหาเศรษฐีทักษิณ (คราวนี้ลุงหมักเมถุนโตเป็นร่างทรง) แต่มันไม่มีตัวเลือกแบบที่ว่า จะนำชนชั้นนำที่ครองปัจจัยส่วนใหญ่มากๆ มากุดหัวให้หมด แล้วเอาปัจจัยมาแบ่งกันให้เท่าเทียม ให้คนหายจนให้หมด

ซึ่งสิ่งนี้ที่แล้วมาและตอนนี้ยังไม่มีใครเสนอ แล้วพวกผมจะมีปัญญาทำอะไรมากกว่าเลือกทักษิณและลุงหมัก 

ถ้ามีการเสนอการทำให้เศรษฐกิจเท่าเทียมแบบที่กล่าวไป ดูสิว่าพวกเราเหล่าคนจนจะเลือกไหม? มันเป็นสิ่งที่พวกเราอยากให้มันเกิดในชาติภพนี้มากที่สุด ให้ตายสิพับผ่า! คนจนจะได้หายจน เพราะผมมั่นใจว่าปัจจัยที่กลุ่มคนชั้นนำถือครองอยู่นั้น เมื่อนำมันมาแบ่งเฉลี่ยกัน พวกเราจะหายหิวกันทั่วหน้า ทำให้พอจะมีกำลังกาย มีแรงสมองช่วยกันพัฒนาประเทศชาติรวมถึงโลกให้มันดีกว่าโลกเส็งเคร็งที่เป็นอยู่นี้ 

วันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว .. มามะ มาช่วยกันทำให้เขาเป็นผู้วิเศษกันเถิด ในสังคมเส็งเคร็งนี้มันจะเพิ่มผู้วิเศษอีกซักคนมันจะเป็นไรไป.. ฤๅษี หลวงพ่อ เกจิอาจารย์ ผู้วิเศษในอดีต ล้วนมีเกลื่อนเกร่อตามแผงพระเครื่อง

หนำซ้ำผู้วิเศษในตำนานคนอื่นๆ ต่างเคยเข่นฆ่า ขูดรีดประชาชน บังคับให้เราเชิดชู และไม่เคยผ่านความเห็นมติส่วนใหญ่ของประชาชนด้วยวิธีประชาธิปไตยเลย ใช้แต่หอก ดาบ ปืน และช้างมาไล่เหยียบไพร่ๆ อย่างเรา

อย่างน้อยทักษิณเป็นผู้วิเศษได้ด้วยการถูกเลือกเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตย และได้เชื้อเชิญให้คนจนเข้าไปเป็นฐานกำลังทางการเมืองด้วยการแลกเปลี่ยนกับนโยบายประชานิยม

และมันจะเป็นแบบอย่างให้ผู้วิเศษที่จะมีขึ้นอีกในอนาคตว่า มันคือยุคสมัยที่คุณต้องเห็นหัวคนจนให้มากๆ และต้องเคารพระบอบประชาธิปไตย รู้จักแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับคนส่วนใหญ่

เราก้าวไปอีกขั้น หมดยุคของการบังคับขืนใจคนด้วยวิธีดึกดำบรรพ์แล้ว!

เอาหล่ะ! เพ้อฝันจนหลุดประเด็น ประเด็นที่แท้จริงผมคือแค่อยากมากราบตีนขอโทษชนชั้นนำและชนชั้นกลางทั้งหลาย ที่ผมเคยเลือกทักษิณเป็นนายก ผมขอก้มกราบตีนงามๆ กราบขอโทษที่ผมมันโง่งี่เง่า บัดซบ สมควรตาย ขอกราบตีนขออภัยทุกท่านที่ผมมันทำให้ไม่สบอารมณ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

.................

* สาบานได้ ว่าจะเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นครั้งสุดท้าย ...ถ้าผมเปลี่ยนชื่อกลุ่มอีกคราวหน้าให้เรียกผมหมาได้เลย!

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…