Skip to main content

 ถ้าจะสร้างวิวาทะอะไรที่มันๆ ให้ NGO's นักวิชาการ หรือแอคทิวิสต์แนวชุมชนโรแมนติก ที่เราเรียกพวกเขาว่า "ปัญญาชน" แลกเปลี่ยนกันมันๆ นั้น วันนี้เรามาพูดถึงความดีของ "ทักษิณ ชินวัตร" กันดีกว่า...

วิทยากล บุญฤา (แก้ไข ไม่แก้แค้น)

คณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว) *

 

ผมเป็นคนจน คนแถวบ้านผมก็เป็นคนจน เราเป็นคนจนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแบบว่าไม่มีต้นทุนเป็นผืนป่า แม่น้ำ หรือภูเขาเป็นของตัวเอง ไม่มีการสร้างโครงการขนาดใหญ่จากรัฐหรือนายทุน ปัญหาที่เราต้องเจอก็มีแค่การหาเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีออกไปขายแรงในเมือง หรือตามเทือกสวนไร่นา แปลงเล็กๆ ที่ยังเหลืออยู่

ผมและคนแถวบ้านส่วนใหญ่เคยลงคะแนนให้ทักษิณเป็นนายก ผมจะไม่กล่าวถึงความรู้สึกถึงคนจนคนอื่น ผมไม่กระแดะไปคิดแทนเขา แต่ผมจะขออภิปรายความงี่เง่าของผมที่ได้กระทำการในสิ่งที่ชนชั้นกลางและชนชั้นนำ ไม่พอใจ ในการไปเลือกทักษิณของผม  

แต่ในข้อเขียนชิ้นนี้ผมอาจจะหลุดอารมณ์เหมารวมด้วยคำว่า "คนจน" และ "เรา" ออกมาบางครั้ง ทั้งนี้ผมเขียนเผื่อไว้หากจะมีใครซักคนสองคนคิดแบบงี่เง่าแบบที่ผมคิด เพราะผมคิดว่าผมเองอาจจะไม่ใช่คนงี่เง่าวิเศษสุดที่คิดอะไรได้โคตรงี่เง่าแบบนี้คนเดียว ผมจะพยายามไม่อวดตัวว่างี่เง่าแบบถึงกึ๋นแบบนี้คนเดียว และที่สำคัญผมเชื่อในเรื่องบุพเพสันนิวาส 

ผมลองสังเกตมาหลายทีแล้วว่า ถ้าคุณบอกว่าคุณชอบทักษิณคุณก็จะประสบกับความตายทันทีในวงวิชาการ หลายครั้งที่ผมได้ไปพบเจอคนประเภทสองไม่เอา ที่ชอบประกาศตัวแบบนี้  "เอ่อ คือว่าขอออกตัวก่อนนะ ครับ/คะ คือว่า ผม/ดิฉัน เกลียดทักษิณมาก แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งนี้

ครับ! ผมก็ไม่ได้อะไรหนักหนากับพวกสองไม่เอา แต่ที่ผมติดใจ คือคุณไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ว่าคุณเกลียดทักษิณเพื่อสร้างภาพให้คุณเป็นเทวดา เป็นนางฟ้าลอยเหนือคนจนๆ แบบพวกผมที่มันรักทักษิณ

เราไม่มีวันต่อกันติดเพราะพวกคุณมันดีแสนดีเหลือเกิน  ยิ่งพวกคุณประกาศตัวว่าเกลียดทักษิณดังเท่าไร ดังเท่ากับพวกที่เอาการรัฐประหารที่เกลียดทักษิณ เรายิ่งห่างไกลกันเกินจะเกี่ยวก้อยไขว่คว้า

และมันยิ่งทำให้พวกผมใจหวิว ใจแป้ว ว่าทำไมพวกกูไม่มีพวกบ้างเลยวะ มีแต่ พี่เลี้ยบ พี่มิงค์ ยงยุทธ สมัคร เฉลิม กับเนวินเท่านั้นหรือ

ดังที่กล่าวไป บ่อยครั้งที่ผมมักได้ไปข้องเกี่ยวกับวงสัมมนาวิชาการว่าด้วยการโจมตีระบอบทักษิณ ด้วยการไปรับจ้างแบกคอนวอยบ้าง ซ่อมแอร์บ้าง หากินเล็กๆ น้อยๆ ตามวงสัมนาเหล่านั้น ผมก็ชอบที่จะไปนั่งฟังในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เอาเท่ๆ ฟังทฤษฎีทางการเมือง การวิเคราะห์ความเลวร้ายของทักษิณ การฆ่าคนใต้ การปราบปรามยาเสพย์ติด การสถาปนาความยิ่งใหญ่ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง การทำให้คนจนเป็นทาสและเป็นเหยื่อ ซึ่งผมก็คล้อยตามและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งในห้องแอร์อันเย็นฉ่ำนั้น 

แต่เมื่อก้าวออกจากห้องแอร์เย็นเจี๊ยบ มาเผชิญกับโลกความยากจนอันจนยากที่เป็นโลกจริงที่ร้อนระอุของคนจน อยู่หน้าหม้อลวกก๋วยเตี๋ยว อยู่บนนั่งร้านทาสี เดินริมฟุตบาทด้วยเงินติดตัวไม่กี่ตังค์ ผมก็พบว่าผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงคะแนนให้ทักษิณ แต่ผมก็คิดเข้าข้างปลอบใจว่า ผมไม่ได้เป็นทาสและเป็นเหยื่อทักษิณ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับคนที่ให้ผลประโยชน์พวกผมมากที่สุดในตอนนั้น ในตอนที่อยู่ในคูหาลงคะแนนตามระบอบประชาธิปไตย 

ส่วนเรื่องจริยธรรมอรหันต์แบบในวงวิชาการนั้นลืมไปได้เลย เพราะไม่เคยมีตัวแทนแนวคิดแบบท่านนักวิชาการผู้ดีทั้งหลาย ในคูหาเลือกตั้งให้พวกเราไปกาสักครั้ง ซึ่งถ้ามีก็คงเลือกแหละครับ เพราะพวกท่านแต่ละคนพูดได้ดีๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น พลังของภาคประชาชน, การเมืองของคนรากหญ้า, โปร่งใส เป็นธรรม, เสมอภาคแบบอยู่ดีกินดี ฯลฯ ถ้าไม่เลือกสิ่งเหล่านี้ก็บ้าแล้ว

ติดตรงอย่างเดียวสำหรับผู้เสนอแนวคิดและยุให้ใครก็ไม่รู้ลงมือทำ ติดตรงที่พวกท่านเกลียดการลงเลือกตั้ง เพราะมันจะทำให้พวกท่านหมองหม่น

สำหรับกิจกรรมในคูหาเลือกตั้งในโลกจริง เราได้ผลประโยชน์มากมายกับการแลกหนึ่งเสียงที่เราไปกาให้ทักษิณ สวัสดิการ แบบ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งถึงแม้มันจะเห่ยมันก็ดีกว่าไม่มี เพราะในขณะเมื่อเราเจ็บป่วยเราไม่สามารถขับลมปราณรักษาตัวเองได้แบบในหนังจีนกำลังภายใน

หรือแม้แต่เงินกู้ในระบบเงินล้านทุกหมู่บ้าน และแพ็คเกจเอื้ออาทรทั้งหลาย สำหรับการกู้เงินมาเป็นหนี้มาให้พวกท่านทั้งหลายด่าเรื่องวินัยการคลัง หรือการเป็นทาสบริโภคนิยมนั้น - ที่กู้มาก็เพราะพวกท่านชนชั้นนำ ชนชั้นกลางมันได้ทำให้พวกเราดูเป็นตัวอย่างหนิ เราก็มีความเป็นคน ความเป็นคนที่อยากไขว่คว้าเครื่องอำนวยความสะดวกมาบริการชีวิตเราบ้าง

ที่เรากู้เงินล้านมาซื้อโทรศัพท์มือถือ ก็เพราะหน่วยงานทางด้านโทรศัพท์พื้นฐานไม่กล้าไปลงทุนในละแวกบ้านของเรา (แต่ในตัวเมืองบางบ้านมีถึง 3-4 คู่สาย) เราต้องกู้ไปซื้อมอเตอร์ไซด์ ก็เพราะเป็นพาหนะที่ถูกที่สุดที่ไม่ต้องเหนื่อยกำลังตีนในการไปมาทำมาหากิน และเราก็ไม่มีรถไฟฟ้าสายสีแดง สีม่วง หรือสีสวาด ผ่านบ้านเราซักขบวนซักยวง

และแทบที่จะเรียกได้ว่าทักษิณเคยทำให้เรารู้สึกภูมิใจในความเป็นคน เอาเงินให้ไพร่จนๆ แบบพวกเรากู้ กู้แบบมีศักดิ์ศรีไม่โดนตามต่อยเตะกระทืบแบบพวกเงินกู้นอกระบบร้อยละยี่สิบ ไม่ต้องไปแบมือขอสังคมสงเคราะห์ หรือจากคุณหญิงคุณนายหัวฟูทั้งหลาย

ในเมื่อเราเลือกทักษิณแล้วได้เศษเงินมากที่สุดมาประทังชีวิต โดยที่ทักษิณและพวกพ้องจะรวยๆ ยิ่งขึ้นๆ ไป ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจ เราเข้าใจดีแต่เราไม่สน ในเมื่อชนชั้นนำและชนชั้นกลางคนอื่นๆ อาจจะรวยๆๆๆ ขึ้นไปโดยไม่ให้อะไรเราซักอย่าง หนำซ้ำยังมีความคิดเพี้ยนๆ ที่จะสต๊าฟคนจนๆ อย่างพวกเราไว้ปลูกเผือก ปลูกมัน ในพื้นที่ขนาดกว้างวา ยาววา ข้างบ้านรูหนู ด้วยอภิปรัชญาว่าด้วยความจนแบบพอเพียง  

อย่างน้อยทักษิณยังเคารพพวกเราด้วยการเปิดประตูทุนนิยมให้พวกเรา ให้พวกเราเข้าไปตายเอาดาบหน้า ไปเสี่ยง ไปวัดดวง ไปเรียนรู้ ในระบบเศรษฐกิจที่เป็นแกนหลักของโลกปัจจุบัน

ต่างจาก NGO's แสนดีทั้งหลายที่พยายามปกป้อง ป้องกันความเจริญ กลัวเราชาวบ้านไม่รู้เท่าทัน และพวกเขาคงรู้สึกภูมิใจ ที่ได้ช่วยป้องกันไม่ให้นายทุนเข้าทำลายความเป็นชุมชนของเราไป.. โรแมนติคเหลือหลาย พ่อพระแม่พระ NGO's ที่แสนดี สำหรับเราชาวบ้านโง่ๆ เซื่องๆ แบบเรา ความเจริญทางทุนนิยมมันมีแต่จะทำลายเรา ขอบคุณมากที่มาชี้นำเราให้เข้าป่าเข้าพงตลอดเวลา

คำตอบของพวกผม คนจนที่ดันไปลงคะแนนให้ทักษิณ ก็คือ ทักษิณเป็นคนที่รวยที่สุดที่กล้าลงมาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับพวกเรา แล้วชนชั้นกลางและชนชั้นนำคนอื่นล่ะ ที่พวกคุณด่าๆ คนจนและทักษิณนั้น พวกคุณมีอะไรให้พวกผมบ้าง (แต่คำที่พวกเขาใช้ไม่ได้ด่าคนจนออกมาตรงๆ ว่าโง่หรอก พวกเขาด่าเราอ้อมๆ ด้วยความเอ็นดู ว่า เป็นเหยื่อ' หรือขาดข้อมูล' อะไรประมาณนี้) 

แต่รัฐประหารที่ผ่านมา ก็เหมือนการเอาตีนลูบหน้าคนจนๆ ชนชั้นนำและชนชั้นกลางไม่ต้องการให้คนจนแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับใครหน้าไหนเกินหน้าเขา ไม่ให้คนจนเผยอหน้าขึ้นมาดูโลกกว้างใหญ่ไพศาล และเราก็ได้รับคำตอบแล้วว่า ประชาธิปไตยที่เห็นหัวคนจนนั้น สำหรับพวกท่านมันคือของแสลง  

ดอกไม้ ธูปเทียน และสาวโคโยตี้ ที่ได้ไปประเคนให้รถถังและทหารในช่วงเวลาที่ประชาธิปไตยโดนย่ำยีนั้น มันยิ่งทำให้พวกเราเห็นธาตุแท้ของพวกท่าน ว่าประชาธิปไตยอันดีเลิศที่พวกท่านต้องการนั้นมันเป็นอย่างไร 

ประชาธิปไตยที่ชนชั้นนำและชนชั้นกลางต้องการคือ การลงประชามติการลงคะแนน หรืออาจจะไม่ต้องมีการลงอะไรก็ตามแต่มีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้น ถ้าเราสมมติว่ามันคือคะแนน  คะแนนเสียงของเราคนไทยจะต้องไม่เท่ากัน คนจนได้ไปแค่หนึ่งคนต่อหนึ่งคะแนนหรือน้อยกว่านั้น แต่พวกท่านชนชั้นนำและชนชั้นกลาง หนึ่งคนของพวกท่านอาจจะมีร้อยคะแนนบ้าง มีพันคะแนนบ้าง หมื่นคะแนนบ้าง บางคนไม่ต้องไปเลือกตั้งก็อาจจะมีเป็นร้อยล้านคะแนนก็เป็นได้ - นี่แหละประชาธิปไตยแบบสุดพิเศษที่พวกท่านใฝ่ถึง 

ทั้งนี้ใช่ว่าเราคนจนหัวจะไม่ก้าวหน้าเกินกว่าต้องเลือกมนุษย์ที่ชื่อทักษิณเพียงคนเดียว แต่ในเมื่อเหตุการณ์ที่ผ่านมา (ตอนทักษิณขึ้นมา) และเป็นอยู่นี้ ตัวเลือกเดียวที่มีคือมหาเศรษฐีทักษิณ (คราวนี้ลุงหมักเมถุนโตเป็นร่างทรง) แต่มันไม่มีตัวเลือกแบบที่ว่า จะนำชนชั้นนำที่ครองปัจจัยส่วนใหญ่มากๆ มากุดหัวให้หมด แล้วเอาปัจจัยมาแบ่งกันให้เท่าเทียม ให้คนหายจนให้หมด

ซึ่งสิ่งนี้ที่แล้วมาและตอนนี้ยังไม่มีใครเสนอ แล้วพวกผมจะมีปัญญาทำอะไรมากกว่าเลือกทักษิณและลุงหมัก 

ถ้ามีการเสนอการทำให้เศรษฐกิจเท่าเทียมแบบที่กล่าวไป ดูสิว่าพวกเราเหล่าคนจนจะเลือกไหม? มันเป็นสิ่งที่พวกเราอยากให้มันเกิดในชาติภพนี้มากที่สุด ให้ตายสิพับผ่า! คนจนจะได้หายจน เพราะผมมั่นใจว่าปัจจัยที่กลุ่มคนชั้นนำถือครองอยู่นั้น เมื่อนำมันมาแบ่งเฉลี่ยกัน พวกเราจะหายหิวกันทั่วหน้า ทำให้พอจะมีกำลังกาย มีแรงสมองช่วยกันพัฒนาประเทศชาติรวมถึงโลกให้มันดีกว่าโลกเส็งเคร็งที่เป็นอยู่นี้ 

วันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว .. มามะ มาช่วยกันทำให้เขาเป็นผู้วิเศษกันเถิด ในสังคมเส็งเคร็งนี้มันจะเพิ่มผู้วิเศษอีกซักคนมันจะเป็นไรไป.. ฤๅษี หลวงพ่อ เกจิอาจารย์ ผู้วิเศษในอดีต ล้วนมีเกลื่อนเกร่อตามแผงพระเครื่อง

หนำซ้ำผู้วิเศษในตำนานคนอื่นๆ ต่างเคยเข่นฆ่า ขูดรีดประชาชน บังคับให้เราเชิดชู และไม่เคยผ่านความเห็นมติส่วนใหญ่ของประชาชนด้วยวิธีประชาธิปไตยเลย ใช้แต่หอก ดาบ ปืน และช้างมาไล่เหยียบไพร่ๆ อย่างเรา

อย่างน้อยทักษิณเป็นผู้วิเศษได้ด้วยการถูกเลือกเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตย และได้เชื้อเชิญให้คนจนเข้าไปเป็นฐานกำลังทางการเมืองด้วยการแลกเปลี่ยนกับนโยบายประชานิยม

และมันจะเป็นแบบอย่างให้ผู้วิเศษที่จะมีขึ้นอีกในอนาคตว่า มันคือยุคสมัยที่คุณต้องเห็นหัวคนจนให้มากๆ และต้องเคารพระบอบประชาธิปไตย รู้จักแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับคนส่วนใหญ่

เราก้าวไปอีกขั้น หมดยุคของการบังคับขืนใจคนด้วยวิธีดึกดำบรรพ์แล้ว!

เอาหล่ะ! เพ้อฝันจนหลุดประเด็น ประเด็นที่แท้จริงผมคือแค่อยากมากราบตีนขอโทษชนชั้นนำและชนชั้นกลางทั้งหลาย ที่ผมเคยเลือกทักษิณเป็นนายก ผมขอก้มกราบตีนงามๆ กราบขอโทษที่ผมมันโง่งี่เง่า บัดซบ สมควรตาย ขอกราบตีนขออภัยทุกท่านที่ผมมันทำให้ไม่สบอารมณ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

.................

* สาบานได้ ว่าจะเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นครั้งสุดท้าย ...ถ้าผมเปลี่ยนชื่อกลุ่มอีกคราวหน้าให้เรียกผมหมาได้เลย!

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
  ตติกานต์ เดชชพงศ  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูฉากโหดๆ อาทิ หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย กระสุนเจาะกระโหลกเลือดกระฉูด ในหนังไทย (ทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท!) เรื่อง ‘โอปปาติก'  รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้รอดพ้นเงื้อมมือกองเซ็นเซอร์ผู้เคร่งครัดมาได้ยังไง?เพราะด้วยการทำงานของหน่วยงานเดียวกันนี้ ทำให้หนังเรื่องหนึ่งถูกห้ามฉาย เพราะมีฉากพระสงฆ์เล่นกีตาร์, และฉากนายแพทย์บอกเล่าว่าตนก็มีึความรู้สึกทางเพศ แม้แต่ฉากเด็กผู้หญิงอาบน้ำ (ซึ่งเป็นเพียงตัวการ์ตูนญี่ปุ่น) ก็ยังถูกเซ็นเซอร์มาแล้ว ด้วยข้อหา ‘ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี'…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรือง ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ... (กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า…
Hit & Run
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ 26 กันยายน 2550ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง   ภาพที่เห็นคือ...ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้นก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด…
Hit & Run
  อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาดูเหมือนเรื่องน่าจะจบลงไปแล้ว กับความพยายามของ สนช.กว่า 60 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่สุดท้าย สนช.จะตัดสินใจถอนการแก้ไขออกไปก่อนแม้เรื่องนี้มีนัยยะที่น่าสนใจหลายประเด็น แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ กระแสความคิดที่เกิดขึ้น แม้ภายหลังการถอยและถอนการเสนอแก้กฎหมายแล้วก็ตามสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีจำนวน 242 คน โดย สนช. สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอหรือแก้ไขกฎหมายได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียงจำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์นอกจาก 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย และ (อดีต) วันชาติแล้ว วันสำคัญที่เงียบเหงารองลงมา (อีกวัน) ก็คงหนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519 ที่รับรู้กันว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เพราะเข้าใจว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สำหรับปีที่แล้ว วันนี้อาจคึกคัก เพราะถึงวาระตัวเลขกลมๆ 30 ปี ซ้ำยังเพิ่งผ่านพ้นรัฐประหาร 19 กันยายน มาหมาดๆ กระแสเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงยังมีอยู่ แต่พอปีนี้กระแสกลับไปเงียบเหงาเหมือนปีก่อนๆ วันที่ 6 ตุลาในปีนี้ กลายเป็นวันเสาร์ธรรมดาๆเมื่อถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา กับหลายๆ คน…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นข่าวคราวกันพักใหญ่ในรอบสัปดาห์จนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องรีบออกมาเต้นเร่าร้อนกันทั่ว เมื่อคุณหนูสาวๆ มีแฟชั่นเทรนใหม่เป็นการนุ่งกระโปงสั้นจุ๊บจิมโดยไม่สวมใส่ ‘กุงเกงลิง’ ความนิยมนี้เล่นเอาหลายคนหน้าแดงผ่าวๆจนพากันอุทาน ต๊ายยย ตาย อกอีแป้นจะแตก อีหนูเอ๊ยย ทำกันไปได้อย่างไร ไม่อายผีสาง เทวดาฟ้าดินกันบ้างหรืออย่างไรจ๊ะ โอ๊ย..ย สังคมเป็นอะไรไปหมดแล้ว รับแต่วัฒนธรรมตะวันตกมาจนไม่ลืมหูลืมตา วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยไปไหนโม๊ดดดดเรื่องนี้มองเล่นๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ คล้ายกับว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘กุงเกงลิง’…