Skip to main content

วิทยากร บุญเรือง

คณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว)

กระแสหนังสือ ลับ ลวง พราง: ปฏิวัติปราสาททราย' ของ คุณวาสนา นาน่วม กำลังมาแรง และวันนี้เราลองมาคุยกันถึงเรื่องนี้หน่อย

ผมได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ของลูกพี่ไปอ่าน ทีแรกไม่ได้ตั้งใจอ่านม้วนเดียวจบ แต่คุณวาสนา เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง (?) น่าติดตาม และสนุกไปกับกลวิธีการเขียน --- ผมอ่านจากหน้าไปหลัง หลังไปหน้า ดูสารบัญแล้วเปิดอ่าน แต่สรุปแล้วก็อ่านจบทุกบท เพราะมันคล้ายๆ หนังสือกอสซิปดารา

ถามว่าอ่านแล้วได้อะไรบ้าง? สิ่งที่สำคัญที่ผมได้ก็คือ รู้สึกว่ากลยุทธ์ของทหารไทย ไม่ได้หนีไปจากยุคสามก๊กเท่าไร และมันทำให้ได้รู้ว่า ชายชาติทหารก็คือปุถุชนคนธรรมดา ที่มีดีเลวศักดิ์ศรีและความตอแหลคละเคล้ากันไป

ข้อเสียของทหารคือ ความโง่ที่ไม่ทันเกมโลกาภิวัตน์ของโลก และยังยึดติดกับปรัชญาจิตนิยมมากเกินไป รวมถึงการดูถูกระบอบประชาธิปไตยโดยประชาชน

ซึ่งข้อเสียเหล่านี้เราพูดถึงกันมามากแล้ว ดังนั้นบทความชิ้นนี้อยากลองใช้มุมมองของตัวปัจเจกในระบบทหารว่ายังไงๆ เขาก็เป็นคนแบบเราๆ ท่านๆ

ก่อนเข้าเรื่องในหนังสือ ผมจะขอแนะนำเพื่อนของผมคือไอ้อ๋อ ที่จับพลัดจับผลูต้องไปรับใช้ชาติ เป็นทหารเกณฑ์ ไอ้เณรหัวเกรียน โดยขอนำเรื่องความเปลี่ยนแปลงในช่วงที่มันเป็นไอ้เณรมาเล่าให้ฟังก่อน

ในด้านกายภาพ จากน้ำหนักตัวเกือบแปดสิบกิโล แต่โดนรีดไปเหลือเพียงห้าสิบกว่าๆ เพราะดันไปโดนทฤษฎี ร่างกายใต้บงการ' ในค่ายฝึกหฤโหด ทำให้น้ำหนักมันลดฮวบ รวมถึงสีผิวที่คล้ำลงมาก จนหลายคนใจหายนึกว่าภูมิคุ้มกันของมันบกพร่องไปเสียแล้ว

ส่วนด้านพฤติกรรม ก่อนหน้านี้ไอ้เณรอ๋อ เป็นคนที่เกลียดการเป็นทหารมากที่สุด และบังเอิญซวยมากๆ ที่ต้องได้ไปรับใช้ชาติด้วยความไม่สมัครใจ ความเปลี่ยนแปลงของมันหลังจากเป็นทหารที่ผมเห็นได้ชัด ก็คือมันขี้เบ่งขึ้น และตอแหลมากขึ้น (จากเดิมก็เป็นคนตอแหลมากอยู่แล้ว)

ตอนไปกินเหล้าด้วยกัน (ช่วงที่เขาปล่อยให้ทหารเกณฑ์กลับบ้านได้) มันเริ่มกร่าง หลังจากที่เป็นคนไม่สู้คน --- เริ่มโวยวาย เอะอะ และหาเรื่องคนอื่นมากขึ้น แต่ขอโทษ! ต้องแต่งชุดให้ชาวบ้านรู้ว่ามันเป็นทหารก่อนนะครับ! (ถึงแม้จะโดนเกณฑ์ไปเป็นก็ตาม)

รวมถึงความตอแหลที่มีมากขึ้น รู้ว่าใครควรขู่ ใครไม่ควรขู่ และยังมีพฤติกรรม ลับ ลวง พราง' --- ต้องไปเที่ยวสถานบันเทิงในที่ลับตาสารวัตรทหาร, ลวงสาวๆ ร้านคาราโอเกะว่ามันไม่ใช่ทหารเกณฑ์ แต่เป็นระดับนายร้อย (แต่ให้ทิปแม่งน้อยชิบหาย), ใส่อุปกรณ์ลายพราง (เสื้อ กางเกง) ไว้เบ่งในที่สาธารณะ โชว์เหล่าธารกำนัล ว่ากูนี่คนมีสีนะ!

ลับ ลวง พราง ของไอ้เณรอ๋อ จึงมีความหมายที่ว่า ตอแหลให้มากๆ และเบ่งให้เยอะๆ ถึงจะใช้ชีวิตทหารเกณฑ์ได้คุ้มค่า!

วกกลับไปคุยเรื่องหนังสือเล่มนี้ ทั้งๆ ที่มันเพิ่งออกไม่ถึงเดือน แต่มันกลับเป็นปรากฏการณ์ที่สะเทือนวงการทหารพอสมควร และเชื่อว่าคุณวาสนาอาจจะเสียแหล่งข่าวไปบ้าง นายทหารในคณะ คมช.บางคนถึงกับประกาศว่า จะไม่แตะหนังสือเล่มนี้...

แต่ขอโทษ...คงอ่านไปแล้วล่ะ หรือคงให้คนอื่นเปิดอ่านให้มั้ง :-)

คุณวาสนาได้นำเหตุการณ์ตั้งแต่รัฐประหารจนถึงความล่มสลาย หลังฝ่ายการเมืองกลับมาชนะได้ภายหลัง โดยได้ประมวล ความคิด คำพูด การกระทำ ของเหล่านายทหารผู้ก่อการทั้งหลาย จากที่ดูกำลังจะเป็นฮีโร่ (ของฝ่ายอนุรักษ์นิยมบ้าจริยธรรม) จนกลายมาเป็นคนไร้ราคาได้อย่างไร

คุณวาสนาได้ทำให้เราเห็นภาพลางๆ ว่า ในการรัฐประหารที่ผ่านมา ใครเต็มใจ ไม่เต็มใจบ้าง ในการก่อการ ซึ่ง เสธ.แดง นักรบคนดังเคยวิเคราะห์ว่าคณะ คมช.นั้น อยู่ฝ่ายทักษิณ 4 โง่ 1 เป็นกลาง 1 (ซึ่งหลายคนก็คงรู้ๆ กันอยู่แล้ว) และทำไมค่ำคืนนั้นไม่มีการปะทะกันระหว่างทหารสองฝ่าย กลัวประชาชนสูญเสีย หรือทหารกลัวตายกันแน่?

ที่สำคัญมันได้ตอกย้ำอีกครั้งว่า ทหารที่ถึงแม้จะเป็นความเป็นสถาบันที่เข้มแข็งที่สุดของสังคมไทย แต่ภายในกรอบสถาบันนั้น ถึงที่สุดแล้วเรื่องปัจเจกและผลประโยชน์พวกพ้องคือเรื่องสำคัญที่สุด เหมือนกับสถาบันอื่นๆ ในสังคมแหละ!

และมันได้เป็นบทเรียนของกลุ่มคนใดก็ตามว่า ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงสังคม ความเป็นสถาบันที่มีอุดมการณ์จริงๆ มันจะต้องถูกสร้างมาก่อนที่จะก่อการเปลี่ยนแปลงสังคม รวมถึงต้องลบการชูประเด็นฮีโร่ขายปัจเจกออกไป ถ้าไม่อยากล้มเหลวไม่เป็นท่าแบบนี้

คนระดับนายพล ไม่ได้แตกต่างจากไอ้เณรอ๋อเพื่อนผม..ทุกคนมีชีวิตที่ดิ้นรนต่อสู้กันไปวันต่อวัน ตอแหลและใช้อำนาจในเครื่องแบบดิ้นรนกันไปวันต่อวัน

และนี่คือหนังสือที่โปรโมทคนในกองทัพได้น่ารักแสบคัน เล่มหนึ่ง

(โปรดไปหามาอ่านเพื่อลงลึกในรายละเอียดกันเอง ขี้เกียจเล่าเนื้อหา)

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
  ตติกานต์ เดชชพงศ  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูฉากโหดๆ อาทิ หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย กระสุนเจาะกระโหลกเลือดกระฉูด ในหนังไทย (ทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท!) เรื่อง ‘โอปปาติก'  รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้รอดพ้นเงื้อมมือกองเซ็นเซอร์ผู้เคร่งครัดมาได้ยังไง?เพราะด้วยการทำงานของหน่วยงานเดียวกันนี้ ทำให้หนังเรื่องหนึ่งถูกห้ามฉาย เพราะมีฉากพระสงฆ์เล่นกีตาร์, และฉากนายแพทย์บอกเล่าว่าตนก็มีึความรู้สึกทางเพศ แม้แต่ฉากเด็กผู้หญิงอาบน้ำ (ซึ่งเป็นเพียงตัวการ์ตูนญี่ปุ่น) ก็ยังถูกเซ็นเซอร์มาแล้ว ด้วยข้อหา ‘ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี'…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรือง ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ... (กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า…
Hit & Run
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ 26 กันยายน 2550ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง   ภาพที่เห็นคือ...ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้นก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด…
Hit & Run
  อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาดูเหมือนเรื่องน่าจะจบลงไปแล้ว กับความพยายามของ สนช.กว่า 60 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่สุดท้าย สนช.จะตัดสินใจถอนการแก้ไขออกไปก่อนแม้เรื่องนี้มีนัยยะที่น่าสนใจหลายประเด็น แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ กระแสความคิดที่เกิดขึ้น แม้ภายหลังการถอยและถอนการเสนอแก้กฎหมายแล้วก็ตามสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีจำนวน 242 คน โดย สนช. สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอหรือแก้ไขกฎหมายได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียงจำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์นอกจาก 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย และ (อดีต) วันชาติแล้ว วันสำคัญที่เงียบเหงารองลงมา (อีกวัน) ก็คงหนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519 ที่รับรู้กันว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เพราะเข้าใจว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สำหรับปีที่แล้ว วันนี้อาจคึกคัก เพราะถึงวาระตัวเลขกลมๆ 30 ปี ซ้ำยังเพิ่งผ่านพ้นรัฐประหาร 19 กันยายน มาหมาดๆ กระแสเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงยังมีอยู่ แต่พอปีนี้กระแสกลับไปเงียบเหงาเหมือนปีก่อนๆ วันที่ 6 ตุลาในปีนี้ กลายเป็นวันเสาร์ธรรมดาๆเมื่อถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา กับหลายๆ คน…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นข่าวคราวกันพักใหญ่ในรอบสัปดาห์จนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องรีบออกมาเต้นเร่าร้อนกันทั่ว เมื่อคุณหนูสาวๆ มีแฟชั่นเทรนใหม่เป็นการนุ่งกระโปงสั้นจุ๊บจิมโดยไม่สวมใส่ ‘กุงเกงลิง’ ความนิยมนี้เล่นเอาหลายคนหน้าแดงผ่าวๆจนพากันอุทาน ต๊ายยย ตาย อกอีแป้นจะแตก อีหนูเอ๊ยย ทำกันไปได้อย่างไร ไม่อายผีสาง เทวดาฟ้าดินกันบ้างหรืออย่างไรจ๊ะ โอ๊ย..ย สังคมเป็นอะไรไปหมดแล้ว รับแต่วัฒนธรรมตะวันตกมาจนไม่ลืมหูลืมตา วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยไปไหนโม๊ดดดดเรื่องนี้มองเล่นๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ คล้ายกับว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘กุงเกงลิง’…