Skip to main content
 

  

อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา

หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม' (Dream Team) ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แสนน่ารักออกมายั่วยวนคนรักเด็กแล้ว ในสัปดาห์แรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายซึ่งประจวบเหมาะเป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นมีเด็กตัวเล็กๆ มาดูกันคับโรงไปหมด

เช่นเคย ทุกครั้งก่อนภาพยนตร์จะได้ฉาย คนดูหนังจะต้องลุกขึ้นยืนเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขึ้น และอาจจะด้วยความไร้เดียงสา เด็กคนหนึ่งพูดออกมาเสียงงอแงค่อนข้างดังว่า "มาดูหนัง ทำไมต้องยืนด้วย"

อาจไม่แปลกที่เด็กน้อยไม่คุ้นชินกับธรรมเนียมที่โลกของผู้ใหญ่ปฏิบัติกันมายาวนาน แต่นั่นยังไม่ซับซ้อนน่าสงสัย เท่ากับการที่เรื่องทำนองนี้อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกตีความได้ว่า เป็นการดูหมิ่นเบื้องสูง และการ ‘ดูหมิ่น' นี้ต่างจากกรณีดูหมิ่นทั่วๆ ไป ที่เปิดช่องให้ผู้อื่นเรียกร้องสิทธิ์และศักดิ์ศรีแทนกันได้ โดยไม่จำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นผู้เสียหาย

สังคมไทยยอมให้มีการเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันได้ อาจเพราะเชื่อว่า เป็นการแสดงความรักและปรารถนาดีต่อสถาบันอันเป็นที่รัก กฎหมายจึงเปิดให้การคุ้มครองป้องกันการถูกดูหมิ่นมีหลายระดับ มีทั้งมาตราธรรมดา กับมาตราที่ไม่ธรรมดา

ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้วในเมืองไทย เมื่อคนสองคนเข้าไปดูภาพยนตร์แล้วไม่ลุกขึ้นยืนก่อนหนังฉาย จนทำให้มีคนอีกคนหนึ่งโกรธแล้วทะเลาะวิวาทกันขึ้น ตอนนี้กำลังเป็นคดีความที่คนผู้นั้นฟ้องร้องว่า คนทั้งสองได้ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง

ในด้านหนึ่ง กฎหมายอาจใช้คุ้มครองสังคม แต่ลืมไม่ได้ว่า ผู้ที่สามารถใช้อำนาจตามกฎหมาย ก็เปรียบดั่งคนที่มีดาบอยู่ในมือ เราจึงได้ยินบ่อยๆ ว่า คนที่ยิ่งมีอำนาจ ยิ่งต้องใช้มีระดับการไตร่ตรองที่สูงตามระดับอำนาจที่ถือครอง เพราะแม้จะมีดาบอยู่ในมือ แต่การใช้ดาบฟาดฟันโดยหวังให้ผลลัพธ์ผลิดอกออกมาเป็นความรักและศรัทธา ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะไปทางเดียวกัน

เราคงยากจะตีความไปว่า ยิ่งจำนวนคดีหมิ่นเบื้องสูงมากขึ้น ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความรัก แต่ข้อเท็จจริงชี้ว่าตำรวจทำคดีที่เป็นความผิดตาม ป..อาญา มาตรา 112 มากขึ้นเรื่อยๆ

กรณีล่าสุด ตำรวจเข้าแจ้งข้อหาหมิ่นเบื้องสูงต่อนาย โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียของบีบีซี และคณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) สืบเนื่องจากการจัดสัมมนาหัวข้อ Coup, Capital and Crown เป็นวงเสวนาเกี่ยวกับหนังสือ 2 เล่ม คือ Thai Capital after the 1997 Crises ซึ่ง ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร ร่วมเขียนกับ คริส เบเกอร์ และ Journal of Contemporary Asia Special: The Thailand Coup ซึ่งเควิน ฮิววิสัน และไมเคิล คอนเนอร์เป็นบรรณาธิการร่วมกัน โดยกล่าวหาว่า นายโจนาธานซึ่งเป็นพิธีกรกล่าวเปิดงานสัมมนา ใช้ถ้อยคำเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง (อ่านข่าวนี้เพิ่มเติม)

เมื่อเร็วๆ นี้เอง (3 เม.. 50) เจ้าหน้าที่กระทรวงไอซีทีก็ได้ขอเชิญประชุมผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท และเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน เพราะทั้งสองเว็บไซต์นี้มีเว็บบอร์ดที่ดูจะเป็นพื้นที่ที่มีการวิเคราะห์วิพากษ์ถกเถียงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ค่อนข้างมาก บ้างก็เป็นไปในทางวิชาการ บ้างก็เป็นไปในทางหมิ่นเหม่ ที่ไม่ว่าเนื้อหาจะเป็นอย่างไร แต่ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ไอซีทีนั่งไม่ติดและตกเป็นจำเลยของสังคมว่า ทำไมปล่อยให้เรื่องแบบนี้โลดแล่นได้ในโลกไซเบอร์

กระทรวงเล็กๆ ที่ไม่ค่อยจะได้รับความสนใจเท่าไร อย่างกระทรวงไอซีที จึงถึงกับต้องมีหน่วยหน่วยหนึ่งที่คอย "กำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ" ของประชาชน มีหน้าที่เปิดอินเตอร์เน็ตตามไปยังที่ที่มีการร้องเรียนเข้ามามากๆ ว่าเนื้อหาหมิ่นเหม่ อย่างที่เรารู้กันว่าโลกไซเบอร์นั้นไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด มันกลายเป็นภาระชิ้นโตที่กระทรวงขนาดจิ๋วต้องรับผิดชอบ

แต่ไม่ว่ากระทรวงไอซีทีจะขยับตัวอย่างไรก็ถูกก่นด่าไปทุกทาง ทางหนึ่งก็บอกว่าทำไมปล่อยให้เนื้อหาเหล่านั้นเรี่ยราดออกมาได้ อีกทางก็บอกว่าทำไมคิดจะมากีดกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพในทางวิชาการ

เรื่องทำนองนี้เถียงอย่างไรก็ไม่จบง่ายๆ เพราะประเด็นมันอยู่ที่ เรา - สังคม คิดและเชื่ออย่างไร ต่อการวางแนวปฏิบัติ ที่เชื่อว่าจะเป็นการเคารพและปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์?

แนวคิดในการปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักนั้น ที่ต้องขอเรียกว่า เป็นแบบ ‘ไทยๆ' ยังมีอีกตัวอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และเป็นตัวอย่างที่น่าเวทนา คือเมื่อคณะกรรมการเซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์ภาพยนตร์เรื่องแสงศตวรรษ โดยจะตัดออก 4 ฉากที่เขาเชื่อว่าไม่สมควร และเมื่อมีการอุทธรณ์ให้ทบทวนการพิจารณา ผลกลับออกมาว่า ยืนยันตัด 4 ฉากเดิม และตัดเพิ่ม 2 ฉาก รวมเป็น 6 ฉาก!

ธรรมเนียมการทำงานเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ของไทย คือ ถ้าภาพยนตร์เรื่องไหน มีสถาบัน มีวิชาชีพไหนมาเกี่ยวข้อง ก็จะมีตัวแทนจากสถาบัน วิชาชีพ นั้น เข้าร่วมเป็นกรรมการพิจารณา

สำหรับภาพยนตร์เรื่องแสงศตวรรษ ที่โดนหั่น 4 ฉากแรก ประกอบด้วย ฉากพระเล่นเครื่องร่อน และฉากพระเล่นกีตาร์ ซึ่งตัวแทนองค์กรสงฆ์ออกมาป้องว่า แม้ไม่ผิดศีลธรรม แต่ผิดพระวินัย และฉากหมอดื่มเหล้าในโรงพยาบาล ฉากหมอจูบกับแฟนสาวแล้วอวัยวะเพศแข็งตัวในโรงพยาบาล ซึ่งตัวแทนองค์กรแพทย์บอกว่า มันทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ต่อวิชาชีพแพทย์

คณะกรรมการเซ็นเซอร์ลงความเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไร้ซึ่งความเป็นศิลปะ ทำให้เสื่อมเสีย ซึ่งอีกสองฉากที่โดนหั่นเพิ่ม คือ ฉากที่เห็นพระรูปปั้นของสมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนี และฉากที่เห็นพระรูปปั้นสมเด็จพระบรมราชชนก เพราะทั้งสองฉากนี้ทำให้คนที่เห็นอาจรู้ได้ว่า ‘ที่นี่เมืองไทย'

คณะกรรมการเซ็นเซอร์จึงตัดออกไป 6 ฉาก แต่ในทางปฏิบัตินั้นโดนตัดไป 7 ฉาก เพราะตำรวจตัดผิด ไปตัดรูปปั้นอื่น ที่ไม่ใช่พระรูปปั้น

นั่นคือผลสรุปที่มาจากความปรารถนาจะปกป้องหวงแหนสถาบันอันเป็นที่เคารพรัก

อีกกรณีที่โด่งดังไปข้ามโลก และยืนยันถึงเอกลักษณ์ทำนอง ‘ที่นี่เมืองไทย' คือ กรณีที่เกิดกับเว็บไซต์ยูทูบ (youtube.com)

เมื่อเมษายนปีที่แล้ว รัฐไทยตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ในการบล็อคเว็บไซต์ยูทูบในประเทศไทย หลังจากมีคลิปหนึ่งถูกเผยแพร่ ไอซีทีเจรจากับทางเว็บไซต์ยูทูบให้ถอดคลิปดังกล่าวออก แต่ไม่เป็นผลในคราวแรก เพราะยูทูบถือว่า คลิปนั้นซึ่งมีเนื้อหาเป็นการล้อเลียนผู้นำประเทศไม่ได้ผิดนโยบายของยูทูบ กระทรวงไอซีทีจึงตัดสินเอง ด้วยการปิดช่องทางให้คนที่อยู่ในประเทศไทยดูคลิปในยูทูบไม่ได้เป็นเวลานาน 4 เดือน (เมษายน 2550 - สิงหาคม 2550)

มาวันนี้ คนไทยเข้าเว็บไซต์ยูทูบได้แล้ว หลังจากกระทรวงไอซีทีตกลงกับยูทูบสำเร็จเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2550 โดยยูทูบตกลงใช้มาตรการ ‘เซ็นเซอร์ตัวเอง' คือ จัดการบล็อคคลิปที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายไทยหรือ ‘ทำร้ายจิตใจคนไทย' ทำให้คนที่อยู่ในประเทศไทยดูไม่ได้ ปรากฏข้อความที่ว่า This video is not available in your country - "วิดีโอนี้ไม่ได้รับอนุญาตในประเทศของคุณ"

แต่อย่างที่รู้กัน วิธีคิดในการปิดกั้น ไม่เคยเป็นคำตอบที่ดีในการปกป้องสถาบันอันเป็นที่เคารพรัก คณะกรรมการเซ็นเซอร์ตัด 6 (ซึ่งจริงๆ คือ 7) ฉาก เรื่องนี้ถูกพูดถึงไปทั่วว่ากองเซ็นเซอร์ทำอะไรลงไป เราได้รู้วิธีคิดของกองเซ็นเซอร์ไปพร้อมๆ กับรู้รายละเอียดส่วนที่เขาหั่นหนังออก ทั้งยังมีช่องทางอื่นๆ ที่กองเซ็นเซอร์ตามไล่จับไม่ทัน (ไม่เชื่อลองวิ่งตามทีละก้าว 1... 2... 3... 4... 5... 6...)

มิพ้นคนส่วนใหญ่ยังต้องสมเพชกับวงการแพทย์และพระสงฆ์ ที่มีตัวแทนมาปฏิบัติการในนามขององค์กรวิชาชีพที่วิธีคิดคับแคบ .. คงได้แต่ภาวนาหวังว่า สังคมไทยคงไม่เหมารวมคนทั้งสองวิชาชีพนี้ว่ามีวิสัยทัศน์แบบเดียวกับตัวแทนองค์กรทั้งสอง

ส่วนกรณียูทูบนั้น สะท้อนว่าเราจะใช้วิธีที่เคยชินแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อโลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันสะท้อนชัดว่า การแบนไม่ได้ช่วยอะไร อย่างน้อยก็มีวิธีง่ายๆ มากมายในการเขาถึงสิ่งที่รัฐพยายามปิดกั้น ไม่เพียงเท่านั้น มันจะมีความหมายอะไรที่คลอบกะลามาให้คนเฉพาะในอาณาเขตด้ามขวานทอง ให้เข้าไม่ถึงสิ่งที่คนทั่วโลกเข้าถึง

มาถึงตรงนี้ ทำให้หวนนึกไปถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่กระทรวงไอซีที ที่เชิญประชาไทและฟ้าเดียวกันไปร่วมประชุม เขาตั้งประเด็นนำไว้ว่า ต้องการชวนคิดว่า "เราจะมีแนวทางร่วมกันจงรักภักดีอย่างไร"

อาจยังไม่มีคำตอบชัดเจนนักที่จะรับมือกับโลกยุคใหม่ แต่พอจะบอกได้ชัดว่าวิธีแบบไหนไม่เข้าท่า อาทิ  วิธีการปิดกั้นการแสดงออก ปิดกั้นไปถึงความคิดและวิญญาณ เป็นทางที่ไม่มีวันบรรลุผล และยังน่าจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี

และว่ากันตามตรง บางที.. วิธีการออกมาปกป้อง แสดงความเคารพอย่างไม่ยั้งคิด ดูจะเหมาะที่จะใช้กับศัตรู มากกว่าใช้กับคนที่เคารพรักเสียอีก.

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 ภาพจาก reutersคิม ไชยสุขประเสริฐวันฝนตก ฉันนั่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงษ์ <1> ในหนังหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับภาพของ นางการ์เม่ ชาคอน (Carme Chacon) วัย 37 ปี ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The International Herald Tribune ขณะที่นางชาคอน ผู้ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อนเป็นรัฐมนตรีการเคหะ กำลังเดินตรวจพลสวนสนามครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 14 เม.ย.... เธออยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อคลุมท้อง และสวมรองเท้าส้นสูง...นางชาคอนได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสเปน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บไซต์ artshole โดย Richard Sayerตติกานต์ เดชชพงศ เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจารย์ 2 ท่านจากสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ ออกแถลงการณ์เตือนให้ ‘คนทำสื่อ' และ ‘คนบริโภคสื่อ' ระมัดระวังภาวะ ‘สื่อเป็นพิษ' อันเนื่องมาจากการบริโภคข้อมูลปนเปื้อน ‘ความรุนแรง' ที่แฝงเร้นมากับข่าวและบทความอันท่วมท้นล้นหลามในยุคสารสนเทศครองเมืองไม่แน่ใจนักว่า ‘สื่อเป็นพิษ' จะก่อให้เกิดอาการอะไรที่เป็นผลร้ายแรงกับสุขภาพร่างกายหรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงอาการ ‘อาหารเป็นพิษ' ซึ่งคนส่วนใหญ่ ‘บริโภค' เข้าไปเพราะไม่รู้เท่าทัน จะทำให้ผู้บริโภคอาเจียน ท้องเสีย หน้ามืดหมดแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะพิษเข้าสู่กระแสเลือด...…
Hit & Run
  [^_^]/ระเบิด (bomb) [n.] คือวัตถุที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' จะบรรจุ ‘วัตถุระเบิด' หรือสารที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' ไว้ภายใน00025 เมษายน 2551 เวลา 6.30 น.วัดแสนฝาง ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่นายนที อนันทปัญญสุทธิ์ อายุ 45 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้า กำลังรถไปจอดภายในบริเวณวัดแสนฝาง เขาพบกล่องพัสดุสีขาวไม่ระบุชื่อผู้รับ วางอยู่หน้าทางขึ้นศาลาวัด  นายนทีหยิบกล่องนั้นขึ้นมารู้ว่ามีน้ำหนัก คิดว่าเป็นของมีค่าอยู่ภายในจึงได้แกะดูพร้อมกับเดินไปตามถนนเพื่อเข้ามาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดวโรรสหรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า ‘กาดหลวง'แต่พอใกล้ถึงร้านเขาเปิดฝากล่องออกมาดูพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจริงๆ…
Hit & Run
  มุทิตา เชื้อชั่ง โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ....สุ้มเสียงเธอเป็นอย่างไร ไม่สู้จำได้ ตราตรึงไว้เพียงริมฝีปากทำนองเพลงฟังผ่านๆ ไป แต่ทำนองการเคลื่อนไหวเร้าใจกว่ามากบุคลิกแคล่วคล่องว่องไว หนุ่มๆ ขอใกล้ ป้าๆ ขอจากยาลม ยาดม ยาหม่อง เร่งเอามากอง อย่าให้หายาก  โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่....สีสันแห่งยุคสมัย ขายได้ ขายไว เลื่อนไหลเชี่ยวกรากจับเธอมาใส่ชุดไทย น่ารักสดใส เซ็กซี่ไม่เหลือซากปกติเสื้อหาย กางเกงหด คราวนี้งามงด โอ้... ไทยมั่กๆเด็กชอบ ผู้ใหญ่อมยิ้ม ดูหนังสือพิมพ์ คอนทราสต์หายอยากหยดเยิ้ม หยาดย้วย หยอดย้อย ผู้ใหญ่หวังคอยเด็กไทยรู้รากแต่ราฟฟี่ แนนซี่ กอล์ฟ ไมค์…
Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม' (Dream Team) ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แสนน่ารักออกมายั่วยวนคนรักเด็กแล้ว ในสัปดาห์แรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายซึ่งประจวบเหมาะเป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นมีเด็กตัวเล็กๆ มาดูกันคับโรงไปหมด เช่นเคย ทุกครั้งก่อนภาพยนตร์จะได้ฉาย คนดูหนังจะต้องลุกขึ้นยืนเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขึ้น และอาจจะด้วยความไร้เดียงสา เด็กคนหนึ่งพูดออกมาเสียงงอแงค่อนข้างดังว่า "มาดูหนัง ทำไมต้องยืนด้วย"อาจไม่แปลกที่เด็กน้อยไม่คุ้นชินกับธรรมเนียมที่โลกของผู้ใหญ่ปฏิบัติกันมายาวนาน แต่นั่นยังไม่ซับซ้อนน่าสงสัย…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว)กระแสหนังสือ ‘ลับ ลวง พราง: ปฏิวัติปราสาททราย' ของ คุณวาสนา นาน่วม กำลังมาแรง และวันนี้เราลองมาคุยกันถึงเรื่องนี้หน่อย ผมได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ของลูกพี่ไปอ่าน ทีแรกไม่ได้ตั้งใจอ่านม้วนเดียวจบ แต่คุณวาสนา เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง (?) น่าติดตาม และสนุกไปกับกลวิธีการเขียน --- ผมอ่านจากหน้าไปหลัง หลังไปหน้า ดูสารบัญแล้วเปิดอ่าน แต่สรุปแล้วก็อ่านจบทุกบท เพราะมันคล้ายๆ หนังสือกอสซิปดาราถามว่าอ่านแล้วได้อะไรบ้าง? สิ่งที่สำคัญที่ผมได้ก็คือ รู้สึกว่ากลยุทธ์ของทหารไทย ไม่ได้หนีไปจากยุคสามก๊กเท่าไร และมันทำให้ได้รู้ว่า ชายชาติทหารก็คือปุถุชนคนธรรมดา…
Hit & Run
   จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ ตลอดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนเรื่องร้อนๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องจะ ‘แก้-ไม่แก้' รัฐธรรมนูญ บางคนบอกว่า ไม่ควรแก้กันตอนนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เรียบร้อย ผู้เขียนกลับเห็นว่า ควรจะแก้เสียตอนนี้เลย เพราะแม้ว่า รัฐธรรมนูญไทยจะถูกฉีกเป็นว่าเล่น ต้องร่างใหม่กันบ่อยๆ จนตอนนี้ปาเข้าไปฉบับที่ 18 คำนวณอายุโดยเฉลี่ยของรัฐธรรมนูญก็ตกอยู่ราวๆ ฉบับละ 4 ปีนิดๆ พอๆ กับอายุบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัย สั้นกว่ากฎหมายและระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[1] หรือแม้กระทั่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับเก่า ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2473 (ที่ตอนนี้…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองตั้งใจจะพักเรื่องการเมืองที่กำลังร้อนขึ้นหลังวันที่ 28 มี.ค.นี้ เลยหลบไปแถวแม่น้ำเพื่อให้ลมเย็นๆ กับสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำๆ ไหลมาชโลมให้ชื่นจิตชื่นใจ แต่ไปจนถึงริมฟังแม่โขง กลับมาไม่วายร้อนรุ่มใจดังเดิม ไม่ใช่เพราะดื่มไปหลายกลมจนตัวร้อน แต่ได้ไปฟังข่าวแว่วๆ มาแล้วท่าทางไม่ค่อยจะดี....วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็น ‘วันหยุดเขื่อนโลก' และตรงกับงานบุญ 100 วัน คุณมด ‘วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์' ที่ ตำบลพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี หลังไปร่วมงาน เลยไปอีกหน่อยเป็นอำเภอโขงเจียม ติดแม่น้ำโขง ได้ดูแม่น้ำอันกว้างใหญ่สมใจ แต่ชาวบ้านที่งานบุญคุณมดเล่าให้ฟังว่า หลังท่านสมัคร สุนทรเวช…
Hit & Run
   พวกปาหินหนักแผ่นดิน น่าจะตายไปเสียให้หมด...ขอให้จับคนร้ายได้ไวๆ แล้วเอาตัวไปประหารชีวิต...พวกวัยรุ่นปาหินสมควรตาย... {ตติกานต์ เดชชพงศ}ประโยคที่ถูกส่งผ่านทาง SMS มายังหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังเสนอรายการประเภท ‘เล่าข่าว' เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือ การแสดงความเกลียดชังต่อผู้ก่อเหตุ ‘ปาหิน' ไปโดนศีรษะเด็กชายอนุพงษ์ สายเพ็ชร หรือ ‘น้องมอส' อายุ 12 ปี ซึ่งนั่งรถมากับพ่อผู้เป็นคนขับรถบรรทุก และน้องมอสได้เสียชีิวิตในเวลาไม่นานหลังจากนั้นหลายคนสาปแช่งคนลงมือก่อเหตุให้ตายตกไปตามกัน ในขณะที่อีกบางส่วนก็แสดงความเห็นใจผ่านข้อความที่ส่งมา…
Hit & Run
คิม ไชยสุขประเสริฐ กับภาพเคลื่อนไหวในจอตู้สี่เหลี่ยม...คุณครูคนหนึ่งกับกิจวัตรประจำวันในการสอนหนังสือ... ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่สะกิดใจฉันอย่างจังคือประโยคที่ว่า"จะรู้ว่าใครเก่งแค่ไหนต้องรอดูว่าใคร (สอบ) ได้ที่หนึ่ง... ได้ที่หนึ่งแล้วจะบอกว่าไม่เก่งก็คงไม่ได้"ครูซึ่งดูก็รู้ว่าเชี่ยวกรำกับวิชาชีพนี้มานานนับสิบปี พูดถึงการวัด ‘ความเก่ง’ ของเด็กนักเรียน โดยใช้ลำดับที่ของการสอบ ถูกนำไปผูกโยงกับ ‘ตัวสินค้า’ ในฐานะรถกระบะคันเก่งที่ขายได้เป็น ‘อันดับหนึ่ง' ซึ่งมีสโลแกนว่า ‘รถกระบะอันดันหนึ่งของคนไทย' ทั้งนี้ เมื่อว่าด้วยเรื่องของการตลาดแล้ว ในฐานะที่ไม่ได้ติดตามในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้ว่า…
Hit & Run
 ถ้าจะสร้างวิวาทะอะไรที่มันๆ ให้ NGO's นักวิชาการ หรือแอคทิวิสต์แนวชุมชนโรแมนติก ที่เราเรียกพวกเขาว่า "ปัญญาชน" แลกเปลี่ยนกันมันๆ นั้น วันนี้เรามาพูดถึงความดีของ "ทักษิณ ชินวัตร" กันดีกว่า...วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว) *ผมเป็นคนจน คนแถวบ้านผมก็เป็นคนจน เราเป็นคนจนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแบบว่าไม่มีต้นทุนเป็นผืนป่า แม่น้ำ หรือภูเขาเป็นของตัวเอง ไม่มีการสร้างโครงการขนาดใหญ่จากรัฐหรือนายทุน ปัญหาที่เราต้องเจอก็มีแค่การหาเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีออกไปขายแรงในเมือง หรือตามเทือกสวนไร่นา แปลงเล็กๆ ที่ยังเหลืออยู่…
Hit & Run
  พืชผักผลไม้ในท้องตลาด เสี่ยงต่อการมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงตกค้างจากการผลิตแบบเกษตรเชิงพาณิชย์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ผลิตดังนั้นจึงมีเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งแสวงหาทางเลือกใหม่ หนึ่งในทางเลือกนั้นคือการทำ ‘เกษตรอินทรีย์'พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา องค์กรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ (มอน.) และสถาบันชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืน (ISAC) จัดกิจกรรมผู้บริโภคสัญจรไร่สตรอเบอรี่อินทรีย์ ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักอินทรีย์…