Skip to main content

  

ภาพจาก reuters

คิม ไชยสุขประเสริฐ

วันฝนตก ฉันนั่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงษ์ <1> ในหนังหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับภาพของ นางการ์เม่ ชาคอน (Carme Chacon) วัย 37 ปี ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The International Herald Tribune ขณะที่นางชาคอน ผู้ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อนเป็นรัฐมนตรีการเคหะ กำลังเดินตรวจพลสวนสนามครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 14 เม.ย.

... เธออยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อคลุมท้อง และสวมรองเท้าส้นสูง...

นางชาคอนได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสเปน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมคณะรัฐมนตรีอีก 16 คน โดยการนำของนายกรัฐมนตรีโฆเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร จากพรรคสังคมนิยมแรงงาน ซี่งชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.

พร้อมกับคำสัญญาว่า สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลชุดนี้จะทำให้ประชาชนชาวสเปนได้เห็นกันก็คือ การมุ่งส่งเสริมสิทธิ เสรีภาพความเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย

ยืนยันได้จากการที่นายโฆเซ่ก็ได้แต่งตั้งรัฐมนตรีผู้ชายมีอยู่ 8 คน และรัฐมนตรีหญิงถึง 9 คน ซึ่งมีรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นอีก 1 คน ประจำกระทรวงใหม่ 1 แห่ง คือ กระทรวงความเท่าเทียมกัน (the Equality Ministry) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเรื่องสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างชาวสเปน โดยมีนางสาวบิบิอาน่า ไอโด้ เป็นเจ้ากระทรวง

อย่างไรก็ตามนางชาคอนไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโลก เพราะก่อนหน้านี้ ในประเทศญี่ปุ่นก็มีนางยูริโกะ โคอิเขะ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของญี่ปุ่น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนแรกของประเทศเมือปี 2550 หรือการประกาศของประธานาธิบดีราฟาเอล คอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์ ที่ยืนยันจะแต่งตั้งสตรีเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แทนนางกัวดาลูเป ลาร์ริวา รัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศ ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อปลายเดือน ม.ค.50 หลังจากเพิ่งได้รับตำแหน่งเพียง 1 สัปดาห์

แต่การก้าวสู่ตำแหน่งเจ้ากระทรวงกลาโหมของชาคอนเป็นที่จับตามอง เพราะในขณะนั้นเธอท้องได้ 7 เดือน เมื่อเข้ารับตำแหน่งในช่วงแรกเธอต้องเริ่มสะสางงาน แต่อีก 2 เดือนต่อจากนั้นเธอต้องลาคลอด และสามารถลาคลอดได้ถึง 16 สัปดาห์ ที่สำคัญการที่เธอไม่เคยเป็นทหาร และไม่มีประสบการณ์ในกองทัพมาก่อนเลย ทำให้เธอถูกปรามาสจากกลุ่มหัวอนุรักษ์นิยม ว่าจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ <2>

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์นั้น ก็มีความคิดเห็นที่ว่าการแต่งตั้งผู้หญิงที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางทหาร และไม่เคยผ่านการฝึกทหารเลย มาเป็นผู้นำกองทัพ เท่ากับเป็นการส่งสารให้โลกรู้ว่า โลกเราต้องการความสงบสุข "เพราะผู้หญิงเกลียดสงคราม" และ "การที่ผู้หญิงได้เป็นผู้นำกองทัพ แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งผู้นำกองทัพไม่จำเป็นต้องมีแต่ความบึกบึน แข็งแกร่งเป็นชาย แต่สามารถมีความอ่อนโยน และมีมนุษยธรรมมากขึ้น" <3>

สำหรับสังคมไทย อาชีพทหาร' เองก็ยังถูกมองว่าเป็นอาชีพของ ผู้ชาย' เพราะทหารต้องเข้มแข็งอดทนตามแบบฉบับของชายชาตรี แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปิดสมัครรับราชการทหารทั้งเพศชายและหญิง แต่ก็ยังไม่เคยมีทหารหญิงคนใดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่โตทางการทหารให้เห็น เมื่อเห็นภาพของนางนางชาคอนในชุดคลุมท้องเดินตรวจแถวทหาร นักสิทธิมนุษยชนด้านสตรีศึกษาและเพศสภาพอดที่จะชื่นชมไม่ได้

ในภาพของความเป็นผู้หญิง และเป็นแม่ ที่ได้รับความเชื่อมั่นในศักยภาพให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงทั้งในรัฐบาล โดยแบกรับมีความรับผิดชอบส่วนตัว และความรับผิดชอบต่องานเอาไว้ โดยที่คุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงไม่ได้ติดอยู่ที่ความอ่อนแอ แต่ความอ่อนโยนของพวกเธอมีคุณสมบัติพิเศษที่ความเข้มแข็งตามแบบเพศชายไม่อาจทำได้

การที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบใน ตำแหน่งแห่งที่' ซึ่งเคยผูกขาดไว้เฉพาะเพศชาย ผู้ยึดถือในความเป็นปิตาธิปไตยจึงอาจมองว่านี่คือ ความเสื่อมถอย' แต่แน่นอนว่า สำหรับผู้เชิดชูสิทธิสตรีและความเท่าเทียมกัน ย่อมเห็นพ้อง (ค่อนข้าง) ตรงกันว่า นี่คือ ความก้าวหน้า' ครั้งสำคัญ

................................................

หากมองย้อนกลับมายังสังคมบ้านๆ ของเรา...การดำรงฐานะใหญ่โตระดับประเทศชาติของ ผู้หญิง' เป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างมานานแล้ว แม้ว่าเท่าที่ผ่านมา การรับภาระเพื่อชาติจะยังจำกัดอยู่แค่ไม่กี่พื้นที่ เช่น ดูแลเรื่องสุขอนามัย เรื่องแรงงาน หรือไม่ก็เรื่องประเพณีวัฒนธรรม...ซึ่งถ้าจะมองอย่างเ้ข้าข้างกันถึงที่สุด ก็พอเข้าใจได้ว่า เรื่องเหล่านี้เกี่ยวพันกับทุกผู้คน และแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน การที่มีเพศหญิงซึ่งมีความละเอียดรอบคอบเป็นผู้ดูแลในด้านนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีของสังคมแล้ว

และมันก็ทำให้ใครหลายคนชื่นใจว่า...นี่คือสังคมที่มีความเท่าเทียมกันทั้งสองเพศ...

ฟังดูเหมือนเป็นอย่างนั้น...จนกระทั่งประเด็นร้อนฉ่าเกี่ยวกับนักแสดงที่ถูกขนานนามว่าเป็น เจ้าพ่อวีซีดี (โป๊)' ออกมาแดกดัน เกย์คนหนึ่ง' ซึ่งเป็นห่วงเป็นใยต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดตามมาในเรื่องค่านิยมและทัศนคติทางเพศของคนในสังคม หลังจากที่ฝ่ายแรกออกมาเผยเรื่องราวแทบจะทุกซอกทุกมุมที่เกี่ยวกับประสบการณ์ทางเพศที่มีกับผู้หญิง 2 คนออกอากาศผ่านสื่อโทรทัศน์ที่มีคนดูทั่วประเทศ และพูดถึงหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศที่โจ๋งครึ่มพอๆ กับที่พูดออกอากาศไป

เกย์ผู้นั้นออกมาติติงเจ้าพ่อวีซีดีผ่านสื่ออีกสื่อหนึ่ง เป็นผลให้โดนตอกกลับอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน...

ฝ่ายหนึ่งถูกเหน็บแนมว่าเป็น ผู้ชายป้ายเหลือง' ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งตอบโต้กลับว่า เป็นเกย์หนักแผ่นดิน'

การวิวาทะระหว่าง ชายแท้' ผู้พร้อมจะแฉผู้หญิงที่เคยเกี่ยวข้อง กับผู้มีเพศสภาพเป็นชาย แต่มีหัวใจค่อนไปทางเพศแม่ จึงกลายเป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่า ที่ทางการสื่อสารสำหรับเพศอื่นๆ นอกเหนือจากความเป็นหญิงและชายในบ้านเรา...มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

ที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องถกเถียงว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ระหว่างคนที่ให้สัมภาษณ์เรื่องใต้สะดือออกอากาศ กับคนที่เป็นห่วงเรื่องการสื่อสารเรื่องเพศที่เกินพอดีต่อสาธารณชน เพราะเป็นสิทธิ์ของทั้งคู่ที่ทำได้ (แต่คนที่รอดตัวไปได้จากกรณีนี้ก็คือ สื่อ' ที่เป็นช่องทางให้ทั้งสองฝ่ายได้ออกมาฉะกันเพื่อสร้างเรตติ้ง และไม่มีใครลากโยงให้ต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาแต่อย่างใด)

ในความเป็นจริงแล้ว ในสังคมที่ ดูเหมือนจะ' ให้เกียรติผู้หญิง และเชิดชูเพศแม่ แต่ความคาดหวังของสังคม ต่อการเป็นเพศชาย เพศหญิง ที่ปลูกฝังและถ่ายทอดมานานผ่านวัฒนธรรม จารีตประเพณี ได้สร้างบรรทัดฐานทางสังคมที่ผู้หญิงและผู้ชายควรเป็น หรือ ต้องเป็น จนกลายเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความแตกต่างและเหลื่อมล้ำกันระหว่างเพศ เกิดเป็นความดีเลว ถูกผิด อีกทั้งยังส่งผลถึงการกีดกันคนที่ต่างไปจากจากความคาดหวังให้เป็นตามสองเพศนี้ ให้กลายเป็น เพศที่ผิดปกติ'

ความเป็นผู้หญิง' ถูกจำกัดวงไว้เพียงความเรียบร้อย ความนุ่มนวล และความรักนวลสงวนตัว

ผู้หญิงดีๆ จึงหมายถึงผู้หญิงที่ไม่เคยข้องแวะเกี่ยวกับเรื่องฉาวๆ คาวๆ เลย ส่วนผู้หญิง (อย่างน้อยก็ 2 สาว) ที่มีพฤติกรรมโลดโผน และถูกผู้ชายคนหนึ่งพูดถึงอย่างไม่ไว้หน้าในสื่อแห่งหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครในสื่อแห่งนั้นรู้สึกว่าพวกเธอเป็นฝ่ายเสียหาย หรือเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงที่สื่อควรจะปกป้องสิทธิ ด้วยเหตุผลว่า นั่นคือผลจากการกระทำ (ที่ไม่งดงาม) ของสตรีที่ไม่สุภาพเหล่านั้นเอง

ในขณะที่ ผู้ชายอกสามศอก พูดจาตรงไปตรงมา' สามารถนำผู้หญิงมาวิพากษ์วิจารณ์โขกสับอย่างไรก็ได้ ถ้าหากผู้หญิงเหล่านั้นไม่ได้มาตรฐานของสังคมไทย

เช่นเดียวกับคนที่เป็นเกย์ หากออกมาตำหนิติติงผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (เป็นห่วงสังคม, หรือ อยากดัง ฯลฯ) ก็ต้องทำใจยอมรับแต่เนิ่นๆ ว่า การเป็นเกย์' จะเป็นสิ่งที่ทำลายเหตุผลและความชอบธรรมในสิ่งที่คุณพูดไปทั้งหมด เพราะสำหรับใครบางคน การเป็นเกย์' ได้ถูกตัดสินไปแล้วว่า เป็นความผิดปกติ' และเป็นความป่วยไข้ของสังคม'

...........................

 

ข้อมูลจาก

<1>หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 16 พ.ค.51

<2>วิกิพีเดีย, http://www.oknation.net/blog/inter/category/ANALYSIS และ www.independent.ie <3>หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11006

<4>"นิกกี้" ฉุน "เกย์นที" ด่าหนังสือเซ็กซ์ บอกมันเข้าตูดคุณเหรอ ?!

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 ภาพจาก reutersคิม ไชยสุขประเสริฐวันฝนตก ฉันนั่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงษ์ <1> ในหนังหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับภาพของ นางการ์เม่ ชาคอน (Carme Chacon) วัย 37 ปี ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The International Herald Tribune ขณะที่นางชาคอน ผู้ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อนเป็นรัฐมนตรีการเคหะ กำลังเดินตรวจพลสวนสนามครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 14 เม.ย.... เธออยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อคลุมท้อง และสวมรองเท้าส้นสูง...นางชาคอนได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสเปน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บไซต์ artshole โดย Richard Sayerตติกานต์ เดชชพงศ เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจารย์ 2 ท่านจากสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ ออกแถลงการณ์เตือนให้ ‘คนทำสื่อ' และ ‘คนบริโภคสื่อ' ระมัดระวังภาวะ ‘สื่อเป็นพิษ' อันเนื่องมาจากการบริโภคข้อมูลปนเปื้อน ‘ความรุนแรง' ที่แฝงเร้นมากับข่าวและบทความอันท่วมท้นล้นหลามในยุคสารสนเทศครองเมืองไม่แน่ใจนักว่า ‘สื่อเป็นพิษ' จะก่อให้เกิดอาการอะไรที่เป็นผลร้ายแรงกับสุขภาพร่างกายหรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงอาการ ‘อาหารเป็นพิษ' ซึ่งคนส่วนใหญ่ ‘บริโภค' เข้าไปเพราะไม่รู้เท่าทัน จะทำให้ผู้บริโภคอาเจียน ท้องเสีย หน้ามืดหมดแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะพิษเข้าสู่กระแสเลือด...…
Hit & Run
  [^_^]/ระเบิด (bomb) [n.] คือวัตถุที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' จะบรรจุ ‘วัตถุระเบิด' หรือสารที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' ไว้ภายใน00025 เมษายน 2551 เวลา 6.30 น.วัดแสนฝาง ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่นายนที อนันทปัญญสุทธิ์ อายุ 45 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้า กำลังรถไปจอดภายในบริเวณวัดแสนฝาง เขาพบกล่องพัสดุสีขาวไม่ระบุชื่อผู้รับ วางอยู่หน้าทางขึ้นศาลาวัด  นายนทีหยิบกล่องนั้นขึ้นมารู้ว่ามีน้ำหนัก คิดว่าเป็นของมีค่าอยู่ภายในจึงได้แกะดูพร้อมกับเดินไปตามถนนเพื่อเข้ามาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดวโรรสหรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า ‘กาดหลวง'แต่พอใกล้ถึงร้านเขาเปิดฝากล่องออกมาดูพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจริงๆ…
Hit & Run
  มุทิตา เชื้อชั่ง โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ....สุ้มเสียงเธอเป็นอย่างไร ไม่สู้จำได้ ตราตรึงไว้เพียงริมฝีปากทำนองเพลงฟังผ่านๆ ไป แต่ทำนองการเคลื่อนไหวเร้าใจกว่ามากบุคลิกแคล่วคล่องว่องไว หนุ่มๆ ขอใกล้ ป้าๆ ขอจากยาลม ยาดม ยาหม่อง เร่งเอามากอง อย่าให้หายาก  โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่....สีสันแห่งยุคสมัย ขายได้ ขายไว เลื่อนไหลเชี่ยวกรากจับเธอมาใส่ชุดไทย น่ารักสดใส เซ็กซี่ไม่เหลือซากปกติเสื้อหาย กางเกงหด คราวนี้งามงด โอ้... ไทยมั่กๆเด็กชอบ ผู้ใหญ่อมยิ้ม ดูหนังสือพิมพ์ คอนทราสต์หายอยากหยดเยิ้ม หยาดย้วย หยอดย้อย ผู้ใหญ่หวังคอยเด็กไทยรู้รากแต่ราฟฟี่ แนนซี่ กอล์ฟ ไมค์…
Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม' (Dream Team) ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แสนน่ารักออกมายั่วยวนคนรักเด็กแล้ว ในสัปดาห์แรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายซึ่งประจวบเหมาะเป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นมีเด็กตัวเล็กๆ มาดูกันคับโรงไปหมด เช่นเคย ทุกครั้งก่อนภาพยนตร์จะได้ฉาย คนดูหนังจะต้องลุกขึ้นยืนเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขึ้น และอาจจะด้วยความไร้เดียงสา เด็กคนหนึ่งพูดออกมาเสียงงอแงค่อนข้างดังว่า "มาดูหนัง ทำไมต้องยืนด้วย"อาจไม่แปลกที่เด็กน้อยไม่คุ้นชินกับธรรมเนียมที่โลกของผู้ใหญ่ปฏิบัติกันมายาวนาน แต่นั่นยังไม่ซับซ้อนน่าสงสัย…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว)กระแสหนังสือ ‘ลับ ลวง พราง: ปฏิวัติปราสาททราย' ของ คุณวาสนา นาน่วม กำลังมาแรง และวันนี้เราลองมาคุยกันถึงเรื่องนี้หน่อย ผมได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ของลูกพี่ไปอ่าน ทีแรกไม่ได้ตั้งใจอ่านม้วนเดียวจบ แต่คุณวาสนา เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง (?) น่าติดตาม และสนุกไปกับกลวิธีการเขียน --- ผมอ่านจากหน้าไปหลัง หลังไปหน้า ดูสารบัญแล้วเปิดอ่าน แต่สรุปแล้วก็อ่านจบทุกบท เพราะมันคล้ายๆ หนังสือกอสซิปดาราถามว่าอ่านแล้วได้อะไรบ้าง? สิ่งที่สำคัญที่ผมได้ก็คือ รู้สึกว่ากลยุทธ์ของทหารไทย ไม่ได้หนีไปจากยุคสามก๊กเท่าไร และมันทำให้ได้รู้ว่า ชายชาติทหารก็คือปุถุชนคนธรรมดา…
Hit & Run
   จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ ตลอดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนเรื่องร้อนๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องจะ ‘แก้-ไม่แก้' รัฐธรรมนูญ บางคนบอกว่า ไม่ควรแก้กันตอนนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เรียบร้อย ผู้เขียนกลับเห็นว่า ควรจะแก้เสียตอนนี้เลย เพราะแม้ว่า รัฐธรรมนูญไทยจะถูกฉีกเป็นว่าเล่น ต้องร่างใหม่กันบ่อยๆ จนตอนนี้ปาเข้าไปฉบับที่ 18 คำนวณอายุโดยเฉลี่ยของรัฐธรรมนูญก็ตกอยู่ราวๆ ฉบับละ 4 ปีนิดๆ พอๆ กับอายุบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัย สั้นกว่ากฎหมายและระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[1] หรือแม้กระทั่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับเก่า ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2473 (ที่ตอนนี้…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองตั้งใจจะพักเรื่องการเมืองที่กำลังร้อนขึ้นหลังวันที่ 28 มี.ค.นี้ เลยหลบไปแถวแม่น้ำเพื่อให้ลมเย็นๆ กับสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำๆ ไหลมาชโลมให้ชื่นจิตชื่นใจ แต่ไปจนถึงริมฟังแม่โขง กลับมาไม่วายร้อนรุ่มใจดังเดิม ไม่ใช่เพราะดื่มไปหลายกลมจนตัวร้อน แต่ได้ไปฟังข่าวแว่วๆ มาแล้วท่าทางไม่ค่อยจะดี....วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็น ‘วันหยุดเขื่อนโลก' และตรงกับงานบุญ 100 วัน คุณมด ‘วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์' ที่ ตำบลพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี หลังไปร่วมงาน เลยไปอีกหน่อยเป็นอำเภอโขงเจียม ติดแม่น้ำโขง ได้ดูแม่น้ำอันกว้างใหญ่สมใจ แต่ชาวบ้านที่งานบุญคุณมดเล่าให้ฟังว่า หลังท่านสมัคร สุนทรเวช…
Hit & Run
   พวกปาหินหนักแผ่นดิน น่าจะตายไปเสียให้หมด...ขอให้จับคนร้ายได้ไวๆ แล้วเอาตัวไปประหารชีวิต...พวกวัยรุ่นปาหินสมควรตาย... {ตติกานต์ เดชชพงศ}ประโยคที่ถูกส่งผ่านทาง SMS มายังหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังเสนอรายการประเภท ‘เล่าข่าว' เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือ การแสดงความเกลียดชังต่อผู้ก่อเหตุ ‘ปาหิน' ไปโดนศีรษะเด็กชายอนุพงษ์ สายเพ็ชร หรือ ‘น้องมอส' อายุ 12 ปี ซึ่งนั่งรถมากับพ่อผู้เป็นคนขับรถบรรทุก และน้องมอสได้เสียชีิวิตในเวลาไม่นานหลังจากนั้นหลายคนสาปแช่งคนลงมือก่อเหตุให้ตายตกไปตามกัน ในขณะที่อีกบางส่วนก็แสดงความเห็นใจผ่านข้อความที่ส่งมา…
Hit & Run
คิม ไชยสุขประเสริฐ กับภาพเคลื่อนไหวในจอตู้สี่เหลี่ยม...คุณครูคนหนึ่งกับกิจวัตรประจำวันในการสอนหนังสือ... ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่สะกิดใจฉันอย่างจังคือประโยคที่ว่า"จะรู้ว่าใครเก่งแค่ไหนต้องรอดูว่าใคร (สอบ) ได้ที่หนึ่ง... ได้ที่หนึ่งแล้วจะบอกว่าไม่เก่งก็คงไม่ได้"ครูซึ่งดูก็รู้ว่าเชี่ยวกรำกับวิชาชีพนี้มานานนับสิบปี พูดถึงการวัด ‘ความเก่ง’ ของเด็กนักเรียน โดยใช้ลำดับที่ของการสอบ ถูกนำไปผูกโยงกับ ‘ตัวสินค้า’ ในฐานะรถกระบะคันเก่งที่ขายได้เป็น ‘อันดับหนึ่ง' ซึ่งมีสโลแกนว่า ‘รถกระบะอันดันหนึ่งของคนไทย' ทั้งนี้ เมื่อว่าด้วยเรื่องของการตลาดแล้ว ในฐานะที่ไม่ได้ติดตามในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้ว่า…
Hit & Run
 ถ้าจะสร้างวิวาทะอะไรที่มันๆ ให้ NGO's นักวิชาการ หรือแอคทิวิสต์แนวชุมชนโรแมนติก ที่เราเรียกพวกเขาว่า "ปัญญาชน" แลกเปลี่ยนกันมันๆ นั้น วันนี้เรามาพูดถึงความดีของ "ทักษิณ ชินวัตร" กันดีกว่า...วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว) *ผมเป็นคนจน คนแถวบ้านผมก็เป็นคนจน เราเป็นคนจนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแบบว่าไม่มีต้นทุนเป็นผืนป่า แม่น้ำ หรือภูเขาเป็นของตัวเอง ไม่มีการสร้างโครงการขนาดใหญ่จากรัฐหรือนายทุน ปัญหาที่เราต้องเจอก็มีแค่การหาเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีออกไปขายแรงในเมือง หรือตามเทือกสวนไร่นา แปลงเล็กๆ ที่ยังเหลืออยู่…
Hit & Run
  พืชผักผลไม้ในท้องตลาด เสี่ยงต่อการมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงตกค้างจากการผลิตแบบเกษตรเชิงพาณิชย์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ผลิตดังนั้นจึงมีเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งแสวงหาทางเลือกใหม่ หนึ่งในทางเลือกนั้นคือการทำ ‘เกษตรอินทรีย์'พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา องค์กรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ (มอน.) และสถาบันชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืน (ISAC) จัดกิจกรรมผู้บริโภคสัญจรไร่สตรอเบอรี่อินทรีย์ ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักอินทรีย์…