Skip to main content

ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข

บางคนบอกว่าโลกใบนี้คือโรงละคร และก็มีบางคนที่เห็นว่ามันคือ ‘คุก’ และคุณว่ามันคืออะไร

20080601 james

0 0 0

"หากพระเจ้ากำหนดให้อ่านหนังสือได้เพียงเล่มเดียว จงอ่านเล่มนี้เถิด"

นี่คือคำสรรเสริญที่มีต่อวรรณกรรมคลาสสิก ‘ดอน กีโฮเต้’ ของ มิเกล เด เซรบันเตส นวนิยายเรื่องแรกของโลก ที่ได้รับการคัดเลือกจากนักเขียนรางวัลโนเบล 100 คน ว่าเป็นนวนิยายที่ดีที่สุดในโลก และองค์การยูเนสโกระบุว่า ถูกแปลแพร่หลายไปในประเทศต่างๆ มากที่สุด มีจำนวนผู้อ่านมากที่สุดในโลก เป็นรองก็แต่พระคัมภีร์ไบเบิ้ลเท่านั้น

400 กว่าปีของวรรณกรรมคลาสสิกเล่มนี้พอจะบ่งชี้ว่ามันเป็นอมตะ ทว่าสำหรับคนร่วมสมัย ความเป็นอมตะของวรรณกรรมเล่มนี้ ยังอาจเป็นเพราะมันยังคงยั่วยวนให้ตีความ ท้าทาย ชวนฝัน และกล้าที่จะฝัน

เรื่องของคนแก่ที่ถูกหาว่า ‘บ้า’ เรื่องของผู้เฒ่าที่ใฝ่ฝันว่าเป็นอัศวิน ลุกขึ้นมาสู้กับกังหันลมที่ตัวเองหยั่งรู้ว่าเป็น ‘ยักษ์’ ในยุคที่ไม่มีใครคิดหรือกล้าจะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม โดยมี ซานโช่ คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ขี่ล่อคอยติดตาม

ในสมัยแห่งเอนิเมชั่น เรื่องนี้ถูกนำมาตีความใหม่หรือไม่? ไม่ทราบได้ แต่น่าสนใจที่ภาพยนตร์เอนิเมชั่นเรื่อง ‘ชเล็ค’ พระเอกไม่ได้ถูกหาว่า ‘บ้า’ แต่ร้ายกว่านั้น เพราะพระเอกกลายเป็น ‘ยักษ์’ ที่คน ‘กลัว’ นักหนา ทว่ากลับใจดีต่อสู้กับมารร้าย มีลาคอยติดตาม มีฉากกังหันลมคอยให้เปรียบเทียบ ในสมัยอาณาจักรของเจ้าผู้ครองนครผู้กดขี่บีทา
พระเอกจากคนบ้ากลายเป็นยักษ์ใจดี

อย่างไรเสีย การตีความที่ดีที่สุดของวรรณกรรมเรื่อง ‘ดอน กีโฮเต้’ ซึ่งฉุดรั้งความเป็นมนุษย์ออกมาจากมุมโลกที่โหดร้ายที่สุด ยังคงเป็นฉบับละครเพลงเรื่อง ‘Man of La Mancha’ โดย เดล วาสเซอร์มัน (Dale Wasserma) ที่นำวรรณกรรมเรื่องนี้มานำเสนอในรูปบทละครซ้อนละครแห่งบรอดเวย์อันลือลั่น และสร้างเพลง ‘The Impossible Dream’ อันโด่งดัง เพลงเดียวกับที่ อาซีโม หุ่นยนต์ที่คนรักทั่วโลกโชว์ความสามารถในการเป็นวาทยากรควบคุมวงออร์เคสตราให้บรรเลง

ฉากในบทละครเกิดขึ้นในยุคศาสนจักรเรืองอำนาจ ผู้กำหนดนิยามความดีความงาม ผูกขาดการติดต่อกับพระเจ้า และปกครองด้วยความกลัว และลงทัณฑ์ผู้เห็นต่าง

มิเกล เด เซรบันเตสนักละคร คือผู้เห็นต่างผู้นั้น และถูกพระเจ้ากำหนดโทษให้ต้องไปอยู่ในคุกซึ่งแออัดไปด้วยนักโทษผู้สิ้นหวัง

มิเกล เด เซรบันเตส เปลี่ยนคุกให้เป็นโรงละคร ด้วยเรื่องราวของอัศวินเฒ่า ดอน กีโฮเต้ และที่นั่นกลายเป็นโลกแห่งความหวังและความฝันใฝ่

นักโทษคนหนึ่งวิจารณ์ละครเรื่องนี้กระแทกใส่หน้ามิเกล เดอ เซบาลเตส ว่า นี่มันเรื่องบ้าๆ ของคนบ้า
เซรบันเตส ตอบและพูดถึงความบ้าว่า

“...ผมอยู่มาเกือบห้าสิบปี ได้เห็นชีวิตอย่างที่มันเป็น เห็นความเจ็บปวดทุกข์ยาก หิวโหย เป็นความโหดร้ายเกินกว่าจะทำใจให้เชื่อ … ในเมื่อชีวิตนั้นเองคือความบ้า ใครจะบอกได้ว่าความวิกลจริตมันอยู่ตรงไหน บางทีการพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เป็นอยู่นั่นแหละคือความบ้า การยอมล้มเลิกความใฝ่ฝันสิอาจเป็นความบ้า การไขว่คว้าหาดวงแก้วในที่ซึ่งมีแต่สิ่งปฏิกูล การพยายามเหนี่ยวรั้งสติสัมปชัญญะไว้ในโลกของเหตุผลนั่นแหละคือความวิกลจริต และที่สุดของความบ้าทั้งปวง คือการมองชีวิตอย่างที่มันเป็น แทนการมองชีวิตอย่างที่มันควรจะเป็น”

ในประเทศไทย เมื่อมันถูกนำมาแสดงบนโรงละครแห่งชาติ โดยคณะละครสองแปดเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คนหนุ่มคนสาวไทยในทศวรรษ 2530 หลายๆ คน มองบทละครและวรรณกรรมเรื่องนี้ กลายเป็นคัมภีร์ความใฝ่ฝันเล่มใหญ่

เพราะละครเรื่องนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้คนจำนวนหนึ่งได้รู้จักวรรณกรรมเลื่องชื่อ รู้จักบทละครอันโด่งดัง และรู้จักตัวละครอมตะที่โลดแล่น แต่ยังมีส่วนเปิดประตูบานใหญ่ ให้ใครหลายคนได้ลิ้มลองก้าวเท้าออกจากโลกใบเก่าสู่โลกใบใหม่

โลกที่มี ‘ความจริง’ เป็นดั่งยักษ์ มีเราๆ ท่านๆ เป็นอัศวินผู้ฟาดฟัน มีการตั้งคำถามเป็นหอกดาบ มีความมุ่งมั่นศรัทธาเป็นเกราะสวมใส่ บนการเดินทางอันยาวไกลแห่งการค้นหาสัจจะและความหมายแห่งชีวิต

โจทย์มีอยู่ว่า 20 ปีผ่านไป ‘ยักษ์’ ตนนั้นคืออะไร และเรากำลังศรัทธาอะไร

โจทย์มีอยู่ว่า ในสมัยที่โลกบอกตัวเองว่า เป็นยุคสิ้นสุดประวัติศาสตร์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อีกแล้ว และเดินหน้าเข้าสู่ระบบการผลิตทุนนิยมเสรีอันไร้ขอบเขตเต็มตัว ยักษ์ตนนั้นได้ปลาสนาการหายไปด้วยหรือไม่

หรืออัศวินเฒ่าผู้ศรัทธามุ่งมั่นในความใฝ่ฝันถึง ‘โลกใหม่ที่เป็นไปได้’ ต่างหากที่หายไป

“ที่สุดของความบ้าทั้งปวง คือการมองชีวิตอย่างที่มันเป็น แทนการมองชีวิตอย่างที่มันควรจะเป็น” จึงเป็นดั่งคำประกาศอันสำคัญ ที่เซรบานเตสประกาศต่อเพื่อนนักโทษ ถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาจึงนำเรื่องราวของอัศวินเฒ่าผู้บ้าๆ บวมๆ แต่ใฝ่ฝันจะเป็นอัศวินผู้ปราบอธรรมความชั่วร้ายที่คนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ยอมจำนน มาเล่าให้ฟังในวันที่เราต่างก็อับจนอยู่ในคุกด้วยกันทั้งสิ้น

อายุของเรื่อง ‘ดอน กีโฮเต้’ ที่ประพันธ์โดยเซรบานเตสนั้นราว 400 ปี แต่ละครเพลง ‘แมน ออฟ ลามันช่า’ ที่ ‘วาสเซอร์มัน’ ประพันธ์ขึ้นเพื่อบอกเรื่องราวของเซบานเตสและ ‘ดอน กีโฮเต้’ นั้น ยังไม่ถึง 50 ปี

400 ปีที่แล้ว คือปลายยุคที่เขาเรียกกันว่า ฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ดอนกีโฮเต้ เกิดขึ้นในยามที่ผู้ประพันธ์ต้องต่อสู้กับศาสนาจักรผู้ครอบงำชีวิต

50 ปีที่แล้ว วาสเซอร์มัน นำเอาดอน กีโฮเต้ พร้อมกับเซรบานเตส มาโลดแล่นอีกครั้งในรูปของละครเพลงในช่วงที่โลกกำลังย่อยยับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสังคมนิยมกำลังบานเบ่งไปทั่วโลก

20 ปีที่แล้ว ‘คณะละครสองแปด’ เลือกเรื่องนี้มาแปลบทและแสดง ในยามที่ฝ่ายซ้ายในประเทศไทยออกจากป่าจนหมดสิ้น สองปีต่อมา กำแพงเบอร์ลินก็ทลายลง และต่อจากนั้นไม่นานสหภาพโซเวียตก็ล่มสลาย ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมินก็นองไปด้วยเลือด หลังรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนตัดสินใจใช้กำลังเข้าบดขยี้ผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในจีน

หลังละครจบลง ใครต่างใครก็ตีความต่างกัน บางคนลิ้มลองที่จะฝัน บางคนซึมซับเอาความกล้าหาญ หลายคนตัดสินใจทิ้งชีวิตเมือง หันกลับสู่หมู่บ้านดงดอย ค่อยๆ สร้างโลกใหม่ เป็นโลกใหม่ที่เป็นไปได้

หลังละครจบลง 20 ปี ใครต่างใครยังคงตีความต่างกัน และใครๆ ก็เป็นดอน กีโฮเต้ ปราบอธรรมได้ทั้งนั้น

ไม่ใช่เพราะเขารักความเป็นธรรม แต่เพราะเขาชี้นิ้วบอกได้ว่า อะไรที่เขาจะปราบ สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นธรรมเสมอ

ใครต่างใครยังคงตีความต่างกัน กระทั่งปีที่ผ่านมา เพลง ‘ดิ อิมพอสสิเบิ้ล ดรีม’ ยังก้องกังวาลบนถนนราชดำเนินในนามของการปราบอธรรม ทว่าได้กดคนจำนวนมหาศาลมิให้กล้าใฝ่ฝัน กระทั่งความใฝ่ฝันกลายเป็นความทะเยอทะยาน โลภ และไม่รู้จักพอเพียง

หรือ 20 ปีที่ผ่านมา เราสูญเสียความสามารถในการแยกแยะว่า อะไรคือ ‘สิ่งที่เป็น’ และอะไรคือ ‘สิ่งที่ควรจะเป็น’ ไปเสียแล้ว

0 0 0

ในการกลับมาอีกครั้งของบทละครเพลง ‘สู่ผันอันยิ่งใหญ่’ โดยคณะละครสองแปด บางคนอาจจะทำให้เราได้ดึงส่วนลึกของความเป็นมนุษย์ออกมาถามว่า โลกใบนี้คือโรงละคร หรือว่ามันคือ ‘คุก’ และเราคือใคร

................................................................
หมายเหตุ : บางส่วนของงานเขียนชิ้นนี้ดัดแปลงจากงานเขียนเดิม Don Quixote สู่ ‘มายาภาพ’ อันยิ่งใหญ่
ในคอลัมน์ ‘โรมานซ์ไม่ได้สร้างในวันเดียว’ นิตยสาร ‘way’

20080601 poster

พื้นที่โฆษณา (ฟรี)

ความฝันของบุรุษแห่งลามันช่า กำลังจะเริ่มต้น

วันนี้ ความฝันจะลุกโชนได้อีกไหม ความฝันแบบนี้ยังสามารถกลับมาโบยบินสู่ฟ้าของคนรุ่นใหม่ได้หรือเปล่า คนรุ่นใหม่ๆ ในวันนี้ คงต่างจาก 20 ปีที่แล้วแน่ๆ เขามองโลกอย่างที่มันเป็น เพราะโลกที่มันเป็น และโลกที่เขาเหล่านั้นกำลังเป็น มันช่างดูง่ายดายเหลือเกิน มีพื้นที่ให้ยืนอยู่เหมือนกันเหลือเกิน จนไม่สามารถมองข้ามไปหาความฝันที่มากไปกว่าความรวยจน หรือความดังได้ บรอดเวย์ มิวสิคัล สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ จะทรงพลังและนำด้านดีของมนุษย์ออกมาให้เราต่างมีความหวัง ความฝันและแรงบันดาลใจ ได้อย่างไร

มาพิสูจน์ และสัมผัสความฝันอันยิ่งใหญ่ ของดอนกีโฮเต้ว่าจะคงมีอยู่หรือไม่ ตั้งแต่เจมส์ เรืองศักดิ์ ที่คุณจะต้องแปลกใจในพลังการแสดง และพลังเสียงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พร้อมกับเบน ชลาทิศ เมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล โอ อนุชิต สุเมธ องอาจ แป๋ว นภาดา สุขกฤต ร่วมด้วยนักแสดงสุดยอดฝีมือมือกว่า 30 ชีวิต ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน ถึง 22 มิถุนายน นี้ เว้นวันจันทร์ เวลา 19.30 น. เสาร์ อาทิตย์ เพิ่มรอบ 14.00 น. ณ โรงละคร “เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์” จองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร.02-2623456

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…