Skip to main content

ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง >

ความมืดเริ่มแผ่ปกคลุมรอบๆบริเวณ หญิงเฒ่ากำเศษเหรียญจำนวนสามบาทห้าสิบสตางค์เอาไว้ในมือ สายตามองตามรถปรับอากาศติดแอร์สีส้มสาย 60 ที่เพิ่งผ่านไปอย่างเลื่อนลอย แต่ด้วยจำนวนเงินที่มีในมือคงทำได้เพียงอดทนรอเหมือนที่ริ้วรอยย่นบนหน้าผากและผิวพรรณที่แห้งกร้านแสดงออกมาทั้งชีวิต การรอคอยยังมีความหวัง เพราะอีกไม่นานรถเมล์คันสีแดงคงจะขับผ่านมาอีกรอบ เมื่อไม่นานมานี้เองเศษเงินราคาไม่ถึงห้าบาทยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของเส้นทางกลับบ้าน� �

เพียงกระพริบตากาลเวลาก็ล่วงผ่าน ถึงพุทธศักราช 2551 ภายในรอบครึ่งปีแรก ราคาน้ำมันในตลาดโลกทุนนิยมเสรีถีบตัวขึ้นสูงลิ่วจ่อทะลุ 40 บาทต่อลิตรจากเดิมที่มีราคาไม่ถึงยี่สิบบาท ทำให้ค่าตั๋วรถเมล์ประจำทางต้องขยับปรับราคากันหลายขยัก เงินห้าบาทไม่สามารถขึ้นรถเมล์ได้อีกแล้ว

ในคืนวันที่ 29 พฤษภาคม 2551 ฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เป็นที่รู้กันว่าช่วงเวลาแบบนี้รถจะติดมาก ที่อยู่ไกลหน่อยถึงมีรถส่วนตัวกว่าจะถึงบ้านก็ดึกดื่น แต่วันนี้รถเมล์สีขาว รถปรับอากาศสีน้ำเงิน หรือแม้แต่รถเมล์คันเล็กๆสีเขียวที่เรียกกันว่า ‘รถร่วม’ หยุดวิ่งให้บริการหมดแล้ว เขาบอกว่ามันไม่คุ้มกับการวิ่งที่ต้องแบกรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

.....มันคงไม่คุ้มค่ากับการแบกความหวังของการกลับบ้านของผู้คนเอาไว้ด้วย....

ฝนยังคงตกหนัก แต่ที่ป้ายรถเมล์คนยังออกันแน่น ผลัดกันชะเง้อออกมองไปลิบๆของถนน คอยรถเมล์คันต่อไปด้วยความหวังและอ่อนล้า แม้ว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยการจัดหารถมาเสริมแทนที่ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนักเมื่อเทียบกับปริมาณผู้คนที่เดิมทีก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว แท็กซี่และสามล้อถูกเรียกใช้สำหรับผู้พอมีพอกินที่กัดฟันได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสามารถตัดสินใจทำเช่นนั้นได้

ชุดนักเรียนสีขาวเริ่มเปียกชุ่มละอองฝน มือกอดอกสะท้านขนตั้งเป็นหนังไก่ หลังตรากตรำความเครียดของการศึกษามาเกือบสิบชั่วโมง คุณพ่อ คุณแม่บางคนนำรถมาเทียบจอดเฉื่อยฉิวรับลูกกลับบ้านอย่างอบอุ่น แต่อีกหลายคนกำลังล้วงกระเป๋านับเศษเหรียญเพราะรถเมล์ขยับราคาหลายครั้งจนจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานจ่ายค่าตั๋วไปกี่บาท

ในบางเส้นทางเคยมีแต่ ‘รถร่วม’ วิ่งอย่างเป็นปกติ แต่วันนี้ที่ไม่ปกติรถเสริมที่จัดหามาแทนที่มีแต่รถปรับอากาศราคาก็ต้องสูงขึ้นตามเส้นทาง เศษเงินในกระเป๋ากระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง แต่ไม่มีทางเลือก ลมฝนซ่อนความหนาวสะท้าน ในขณะที่ถนนไม่ได้มีทางเท้า หลังคาหรือแม้แต่ทางเดินที่ปลอดภัยในทุกช่วง บนเส้นทางกลับบ้าน แม้แต่การเดินเท้าก็ยังดูตีบตันเหลือเกิน

กรุงเทพมหานครเมืองใหญ่ที่มีแสงสีและมีความฝันมากมาย แต่ความหวังของคนจนในเมือง เส้นทางกลับบ้านยังคงเป็นเรื่องโหดร้ายยากเย็น

ท้ายที่สุด ถึงตอนนี้แม้จะมี ‘รถร่วม’ กลับมาวิ่งตามปกติแล้ว แต่.....หลายอย่างก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและคงไม่หวนกลับคืนมาอีก

วันนี้ คุณยายชราที่กำลังรอเมล์สาย 60 คนนั้นจะกลับถึงบ้านหรือยังหนอ....


บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
  ตติกานต์ เดชชพงศ  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูฉากโหดๆ อาทิ หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย กระสุนเจาะกระโหลกเลือดกระฉูด ในหนังไทย (ทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท!) เรื่อง ‘โอปปาติก'  รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้รอดพ้นเงื้อมมือกองเซ็นเซอร์ผู้เคร่งครัดมาได้ยังไง?เพราะด้วยการทำงานของหน่วยงานเดียวกันนี้ ทำให้หนังเรื่องหนึ่งถูกห้ามฉาย เพราะมีฉากพระสงฆ์เล่นกีตาร์, และฉากนายแพทย์บอกเล่าว่าตนก็มีึความรู้สึกทางเพศ แม้แต่ฉากเด็กผู้หญิงอาบน้ำ (ซึ่งเป็นเพียงตัวการ์ตูนญี่ปุ่น) ก็ยังถูกเซ็นเซอร์มาแล้ว ด้วยข้อหา ‘ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี'…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรือง ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ... (กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า…
Hit & Run
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ 26 กันยายน 2550ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง   ภาพที่เห็นคือ...ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้นก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด…
Hit & Run
  อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาดูเหมือนเรื่องน่าจะจบลงไปแล้ว กับความพยายามของ สนช.กว่า 60 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่สุดท้าย สนช.จะตัดสินใจถอนการแก้ไขออกไปก่อนแม้เรื่องนี้มีนัยยะที่น่าสนใจหลายประเด็น แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ กระแสความคิดที่เกิดขึ้น แม้ภายหลังการถอยและถอนการเสนอแก้กฎหมายแล้วก็ตามสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีจำนวน 242 คน โดย สนช. สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอหรือแก้ไขกฎหมายได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียงจำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์นอกจาก 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย และ (อดีต) วันชาติแล้ว วันสำคัญที่เงียบเหงารองลงมา (อีกวัน) ก็คงหนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519 ที่รับรู้กันว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เพราะเข้าใจว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สำหรับปีที่แล้ว วันนี้อาจคึกคัก เพราะถึงวาระตัวเลขกลมๆ 30 ปี ซ้ำยังเพิ่งผ่านพ้นรัฐประหาร 19 กันยายน มาหมาดๆ กระแสเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงยังมีอยู่ แต่พอปีนี้กระแสกลับไปเงียบเหงาเหมือนปีก่อนๆ วันที่ 6 ตุลาในปีนี้ กลายเป็นวันเสาร์ธรรมดาๆเมื่อถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา กับหลายๆ คน…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นข่าวคราวกันพักใหญ่ในรอบสัปดาห์จนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องรีบออกมาเต้นเร่าร้อนกันทั่ว เมื่อคุณหนูสาวๆ มีแฟชั่นเทรนใหม่เป็นการนุ่งกระโปงสั้นจุ๊บจิมโดยไม่สวมใส่ ‘กุงเกงลิง’ ความนิยมนี้เล่นเอาหลายคนหน้าแดงผ่าวๆจนพากันอุทาน ต๊ายยย ตาย อกอีแป้นจะแตก อีหนูเอ๊ยย ทำกันไปได้อย่างไร ไม่อายผีสาง เทวดาฟ้าดินกันบ้างหรืออย่างไรจ๊ะ โอ๊ย..ย สังคมเป็นอะไรไปหมดแล้ว รับแต่วัฒนธรรมตะวันตกมาจนไม่ลืมหูลืมตา วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยไปไหนโม๊ดดดดเรื่องนี้มองเล่นๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ คล้ายกับว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘กุงเกงลิง’…