Skip to main content
บนถนนที่ทอดยาวสู่หุบเขาทางทิศตะวันตกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เส้นทางที่ห่างออกมาเพียงสามสิบกิโลเมตรเศษ ลัดเลาะไปตามภูเขาบนถนนสายรพช. ซึ่งค่อยๆ แปรสภาพเป็นดินและหินลูกรังก่อนจะถึงสุดสายปลายทาง อันเป็นสถานที่คล้ายด่านกักกันมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ไร้ประเทศและเสรีภาพ


หมู่บ้านกลางป่าที่ปลูกเบียดเสียดเรียงรายทุกซอกหลีบของพื้นที่จัดสรร คนนับหมื่นอัดแน่นในที่อาศัยกว้างกว่าเท้าและหัวจะพาดวางเพียงไม่กี่วา ที่นี่คือศูนย์ผู้พักพิงบ้านในสอย

 

  

 

ฉันและสามี เดินทางมาที่นี่แม้จะไม่บ่อยครั้งนักด้วยหนทางที่แสนจะทุรกันดาร แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นภาพของผู้คนที่เบียดเสียดยัดเยียดใช้ชีวิตเพื่อรอบางสิ่งและหลายหลายชีวิตอยู่อย่างไร้จุดหมาย ยังคงตรึงตาติดใจให้ไม่อาจลืมเลือน จึงหาโอกาสเดินทางมาพบปะผู้คนที่นี่อยู่เสมอ


ครั้งนี้เรามาเยี่ยมญาติ ก่อนหน้านั้นญาติของเราหลายครอบครัวได้อาศัยในหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวบ้านใหม่ในสอย พวกเขาตัดสินใจทิ้งหมู่บ้านข้างนอก ยอมรับสถานภาพของผู้ลี้ภัยทางการสู้รบด้วยความเต็มใจ เพื่อเลือกสู่เส้นทางแห่งเสรีภาพที่ประเทศที่สามพร้อมจะหยิบยื่นให้


นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาจะมีสิทธิ์เลือก เมื่อครั้งหนึ่งหลายครอบครัวได้ตัดสินใจผิดพลาด โดยการเลือกย้ายครอบครัวไปอยู่ "หมู่บ้านอนุรักษ์วิถีชีวิตชนเผ่ากระเหรี่ยง (ประด่อง) เพื่อความมั่นคงจังหวัดแม่ฮ่องสอน" ตามคำชักชวนของทางราชการ แต่แล้วก็พบว่าหลายสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้


มะแทะวัย 58 ปี บัดนี้ร่างกายซูบผอมทรุดโทรม ผมยาวที่เคยม้วนเก็บอย่างเรียบร้อยปล่อยสยายรุ่มร่ามไร้ความสนใจ ด้วยเธอได้ถอดห่วงสีทองที่เคยใส่มาค่อนชีวิต จึงดูเหมือนว่าลำคอนั้นยืดยาวเรียวเล็กและเปาะบางอย่างน่ากลัว แม่เฒ่ารินน้ำให้เราสองคนด้วยมือที่ดูสั่นเทาเล็กน้อย


เรานั่งกันอยู่หน้าบ้านที่เล็กและแคบ มองลงไปสุดขั้นบันไดเห็นแม่หมูตัวใหญ่ใกล้คลอด นอนร้องครวญคราง กลิ่นและควันจากเพื่อนบ้านที่ห่างออกไปไม่กี่วา ตลบอบอวลทั่วทั้งบริเวณ

"แม่สบายดีไหม" ฉันเอ่ยถามด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวแต่แกล้งฝืนน้ำเสียงให้สดใส พลางใสหมากและพูที่ซื้อมาฝากไปทางแม่เฒ่า

"สบายดี ไม่ป่วยไม่ไข้อะไร" เธอพูดพลางแกะห่อหมากพูตรงหน้า เหม่อมองออกไปทางผู้คนที่พลุกพล่านบนถนนหน้าบ้าน

"ดูแม่ผอมไปนะ ถอดคอแล้วไปไหนมาไหนสะดวกหรือเปล่า เห็นว่าแม่และลูกๆ สมัครไปประเทศที่สามด้วย"


แม่เฒ่าถอดถอนใจ ก่อนจีบหมากพลูใส่ปาก เมื่อฉันพูดถึงประเทศที่สาม ความหวังเดียวที่ครอบครัวคิดว่าจะได้ลืมตาอ้าปาก ตามคำบอกเล่าของคนอื่นๆ ที่เล่าต่อๆ กันมาว่า ญาติของตนที่ได้ไปประเทศที่สามส่งข่าวมาถึงว่าอยู่สุขสบายกว่าเดิมมากมาย ทำให้ผู้คนที่เคยอยู่อย่างไร้จุดหมายเริ่มมีความหวังริบรี่กว่าหิ้งห้อยในคืนเดือนหงาย


"แม่ก็รออยู่อย่างเดียว ไม่คิดอะไรแล้ว อยากไปประเทศที่สาม ลูกๆ จะได้สบายกันเสียที" แม่เฒ่าที่มีลูกสาวและลูกชายรวมกันเจ็ดคน ยังเหลืออีกสี่คนที่ยังไม่พ้นอก ล้วนอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่ใฝ่ฝันถึงอนาคตบนดินแดนแห่งใหม่ เป็นแรงกระตุ้นให้แม่เฒ่าคล้อยตามอย่างง่ายดาย


ฉันเองไม่แน่ใจสักนิดว่า ดวงเทียนที่ริบหรี่เช่นแม่เฒ่าจะส่องแสงได้นานถึงเวลาแห่งตะวันอบอุ่นจะฉายลงมาทันหรือไม่ ความหวังที่เรืองรอง เส้นทางกลับมืดบอดตรงกันข้าม ไม่มีใครรู้ได้ว่า ครอบครัวใดที่มือของพระเจ้าจะยื่นเข้ามาช่วยให้สมความปรารถนา


โครงการส่งผู้ลี้ภัยทางการเมืองและผู้อพยพ ไปประเทศที่สามนั้น ฉันเองก็ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเขามีวิธีการในการคัดเลือกส่งคนไปอย่างไร รู้เพียงแต่ว่า UNDP ได้เริ่มโครงการดังกล่าวกับศูนย์ผู้พักพิงฯ และศูนย์อพยพต่างๆ ในประเทศไทยที่มีจำนวนกว่าสิบแห่ง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548

ในจำนวนผู้คนราวสองแสนคน มีผู้ที่ได้เดินทางไปแล้วกว่าสองหมื่นคน หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ในแต่ละปีจะมีผู้ถูกเลือกไม่ถึงสามเปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ลี้ภัยฯและผู้อพยพทั้งหมดของประเทศเท่านั้น

แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ลี้ภัยฯ ว่าจะอยากสมัครขอไปประเทศที่สามหรือไม่ เพราะหลายครอบครัวมีความเข้าใจในโลกใหม่ที่ว่านั้นไม่เท่ากัน


ฉันเคยได้ยินโจ๊ักที่เล่าต่อๆ กันมาเรื่องประเทศที่สามว่า มีคนถามพ่อเฒ่าคนหนึ่งว่าอยากไปประเทศที่สามหรือไม่ พ่อเฒ่าคนนั้นถามกลับมาว่า ประเทศที่สามมีหน่อไม้หรือเปล่า ถ้าไม่มีหน่อไม้พ่อเฒ่าก็จะไม่ไป


ประเทศที่สามเช่น อเมริกา, ฮอลแลนด์ ซึ่งยอมรับภาระดูแลกลุ่มคนดังกล่าว จะจัดสวัสดิการเช่นที่อยู่อาศัยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มยารักษาโรค และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เคยได้สัมผัสข้าวของเหล่านั้นมาทั้งชีวิต ไม่นับถึงการได้มีเสรีภาพ ได้รับสัญชาติ และโอกาสการเดินทาง การทำงาน จนถึงการศึกษาเป็นแรงจูงใจทำให้หลายคน โดยเฉพาะหนุ่มสาวใฝ่ฝันถึงการเดินทางไปประเทศที่สาม จนไม่ได้ทบทวนถึงผลกระทบอื่นที่เป็นด้านลบ


ในขณะที่คนวัยใกล้ฝั่งอย่างแม่เฒ่ากระยัน ที่มีสังคมวัฒนธรรมที่เชื่อมร้อยหล่อเลี้ยงวิถีชีวิต อาจจะต้องใช้ทั้งชีวิตที่เหลือในการปรับตัว


หากแม่เฒ่า-พ่อเฒ่าเหล่านั้น ได้เป็นผู้รับเลือกแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีที่จะนานพอให้เธอและเขา ชาชินกับสภาพอากาศ อาหารการกิน สังคมรอบตัว และระบบวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเดิมราวหน้ามือกับหลังมือ


หรือชีวิตที่สดใสของลูกหลาน จำต้องแลกมากับชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขา.


บล็อกของ เจนจิรา สุ

เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก เมื่อคืนเรานั่งดูรูปถ่ายเก่าๆ ที่เราไปเที่ยวกันมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่พาลูกเดินทางไกล จากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุได้เจ็ดเดือนเศษ  มีรูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์และเที่ยวงานพืชสวนโลก 2008 ที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ สวยราวกับภาพถ่ายต่างเมืองที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่เมืองไทย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   เมื่อคืนลูกมีไข้ขึ้นสูง แม้เช้านี้อาการไข้ของลูกจะลดลงแล้วแต่ตัวลูกก็ยังอุ่นๆ เหมือนเครื่องอบที่เพิ่งทำงานเสร็จใหม่ๆ แม่จึงตัดสินใจให้ลูกขาดโรงเรียนอีกหนึ่งวัน
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก หากมีคำถามจากใครสักคนถามแม่ว่า เดือนไหนของปีที่รู้สึกว่ายาวนานกว่าเดือนอื่นๆ คำตอบของแม่อาจจะแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆ เพราะแม่คิดว่าเดือนที่มีจำนวนวันน้อยที่สุดเป็นเดือนที่แม่รู้สึกว่ายาวนานกว่าทุกๆเดือน
เจนจิรา สุ
สาละวิน, ลูกรัก  นานแล้วที่แม่ไม่ได้หอมกลิ่นดอกเหงื่อ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เราได้ลงทุนครั้งใหญ่เพื่อติดตั้งน้ำประปาหลวง ทำให้บ้านของเราที่เคยแห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ดอกเหงื่อที่เกิดจากการจับจอบเสียมเพื่อขึ้นแปลงผักและปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ทำให้แม่มีความสุข เจริญอาหาร และอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก   สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกบทหนึ่งก็คือ เมื่อมีพบก็ต้องมีการลาจาก และบางครั้งลูกก็อาจจะต้องเจอกับการพลัดพลาดจากบางสิ่ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก สิ่งที่แม่เป็นกังวลใจมาตลอดในความเข้าใจถึง “ตัวตน” ของลูกเริ่มก่อแววให้เห็นขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ลูกอายุได้เกือบสามขวบแล้ว ซึ่งทุกวันแม่จะได้รับคำถามจากลูกมากมาย เช่น ทำไมแม่ไม่ใส่ห่วงที่คอ ทำไมกระเม (หมายถึงแขกที่มาเที่ยว) มาบ้านเราล่ะแม่ ฯลฯ
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก  ในยามเช้าที่สายหมอกยังไม่ทันจาง เราตื่นขึ้นด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ ที่เข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง พวกเขาเดินมาพลางร้องเรียกไปพลาง เพื่อจะดูชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่เขาหมายมั่นมาดู
เจนจิรา สุ
สาละวิน,ลูกรัก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม่อยากจะเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างพ่อกับแม่ ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆในสังคม
เจนจิรา สุ
เชียงใหม่ยามเช้าที่อาเขต พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาและกำลังจะจากเมืองใหญ่ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางความเจริญในภาคเหนือของประเทศ