เมื่อทนการรบเร้าจากคนรอบข้างไม่ไหวให้ไปหาหมอ เธอจึงเปิดหีบใบใหญ่ที่ใส่ข้าวของเงินทองที่มีอยู่รวมไปถึงเอกสารประจำตัวต่างๆ เพื่อค้นใบเล็กๆ สีเขียว มันเป็นบัตรเข้ารับการบริการที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ
นับเป็นเวลาเกือบสิบปีที่แม่เฒ่ามะโนไปโรงพยาบาลครั้งสุดท้าย แม่เฒ่าเยียวยาโรคร้ายเล็กน้อยด้วยยาสมุนไพรที่นำติดตัวมาจากประเทศพม่า และเหล้าขาวดีกรีแรง โดยหารู้ไม่ว่า "ยาดี" ที่แม่เฒ่าชอบพูดถึงเวลาใครถามไถ่เรื่องสุขภาพ จะกลายมาเป็นปีศาจร้ายทำลายร่างกายจนต้องเข้ารับการเยียวยาอย่างเร่งด่วน
"โรคตับโต เกิดจากการกินเผ็ดเกินไป เค็มเกินไป ที่สำคัญคนส่วนใหญ่เป็นโรคตับเพราะดื่มเหล้าเป็นประจำ ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นโรคตับแข็งในอนาคตได้ " คุณหมอชี้แจงและเตือนให้แม่เฒ่าเลิกกินอาหารที่เผ็ดและเค็มเกินไป
แต่แม่เฒ่ารู้ดีว่าสาเหตุของการเจ็บป่วยมิใช่เกิดจากการลื่นล้ม หรือกินอาหารรสจัดแต่เป็นเพราะการจิบเหล้าขาวมาเป็นเวลานานนั่นเอง
เมื่อหมออนุญาตให้มะโนกลับบ้าน แม่เฒ่าก็ต้องตกใจกับบิลค่ารักษาเป็นเงินจำนวนกว่าครึ่งหมื่น เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง รู้ดีว่าหญิงกระยันเป็นคนต่างด้าว ไม่มีบัตรทอง ซึ่งต้องรับภาระจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมด แต่โดยทั่วไปจะแจ้งไปยังนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อที่ทางสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลจะมาช่วยจ่ายให้บางส่วน โดยทางผู้ป่วยต้องทยอยจ่ายค่ารักษาส่วนที่เหลือให้กับทางสังคมสงเคราะห์ภายหลัง
วันนั้นแม่เฒ่ามีเงินติดตัวไปโรงพยาบาลเพียงสามพันบาท จึงขอจ่ายก่อนสองพันห้าร้อยบาท แม่เฒ่าบ่นอุบอิบว่าไม่อยากมาโรงพยาบาลเลย เพราะต้องเสียเงินเยอะ แต่ก็ดีใจที่จะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียทีเพราะนอนมาหลายคืนแล้ว
หมอนัดให้มารับยาอีกครั้งในเดือนถัดไป ซึ่งยาโรคตับคงจะต้องทานติดต่อนานเป็นปี แม่เฒ่ารับปากกับหมอว่าจะเลิกเหล้า และรีบไปทำบัตรทองคนต่างด้าว ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งพันห้าร้อยบาทต่อปี เพื่อการมาโรงพยาบาลครั้งต่อๆไปจะได้ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาแพงๆ อีก
บัตรทองคนต่างด้าว ส่วนใหญ่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยจะต้องทำกันแทบทุกคน เพราะสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก ทั้งนี้กฎหมายมิได้ระบุลงไปชัดเจนว่าแรงงานต่างด้าวต้องทำบัตรประกันสุขภาพทั่วหน้ากันทุกคน ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของนายจ้าง และความต้องการตนเอง
ที่หมู่บ้านห้วยเสือเฒ่า มีหญิงกระยันเพียงไม่กี่คนที่มีบัตรดังกล่าว มะนาง ที่ป่วยบ่อยครั้งและต้องไปนอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลืออยู่เสมอ จะต่อบัตรประกันสุขภาพทุกๆ ปี
มีทารกกระยันหลายรายที่เกิดในโรงพยาบาลประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เคยได้บัตรทองจากโรงพยาบาลเมื่อประมาณปี 2548 แต่พอผ่านไปสอง-สามปี โรงพยาบาลก็แจ้งทางผู้ปกครองเด็กว่า บัตรไม่สามารถใช้ได้ ต้องยึดบัตรดังกล่าวคืนโรงพยาบาล และให้ไปแจ้งทำบัตรใหม่โดยเสียค่าธรรมเนียมปีละหนึ่งพันห้าร้อยบาท
ในขณะที่กฎหมายการให้สัญชาติไทยแก่เด็กที่เกิดในราชอาณาจักรไทย สามารถขอลงรายการสัญชาติไทยได้ ตามมาตรา 23 ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ 2551 แม้ว่าบุคคลดังกล่าวจะมีบิดามารดาเป็นคนต่างด้าว ซึ่งถ้าบุคคลนั้นอาศัยอยู่จริงในราชอาณาจักรไทยติดต่อกัน โดยมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร และเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมหรือประเทศไทย ให้ได้สัญชาติไทยตั้งแต่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ
ในอนาคตเด็กกระยันที่เกิดในประเทศไทยก็จะได้รับสัญชาติไทย ดูเหมือนเป็นช่องทางเดียวที่จะทำให้กระยันรุ่นลูกรุ่นหลายคน ได้มีสิทธิใช้บริการการรักษาพยาบาลฟรีจากภาครัฐได้ แต่จะอีกนานแค่ไหน ไม่มีใครรู้เพราะเมื่อผู้ปกครองของเด็กไปดำเนินการขอลงรายการสัญชาติกับทางอำเภอ กลับได้รับกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนข้อความระบุวันเวลานัดหมายสืบหลักฐานพยาน ซึ่งวันเวลาที่ระบุไว้ในกระดาษเพื่อนัดสืบหลักฐานพยาน ต้องรอนานกว่า 2 ปี.