เช้าวันที่สองของการไปคลอด ในมือของแม่ยังคงว่างเปล่า ทั้งที่ทุกคนในห้องหลังคลอดต่างมีห่อของขวัญอยู่ในมือกันคนละห่อ
พ่อของลูกเทียวไปมาระหว่างห้องหลังคลอด ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องรอคลอด กับห้องพักเด็กอ่อน ที่อยู่ไกลออกไปอีกหนึ่งช่วงตึก ที่นั่นมีห่อของขวัญของแม่นอนอยู่ในตู้อบเล็กๆ ขนาดเท่ากับตัวลูก
พยาบาลบอกว่าน้ำหนักของลูกน้อยไปหน่อย เกือบจะตกเกณฑ์ ซ้ำยังมีอาการติ้กแมกนีเซียม ลูกจึงต้องได้รับการดูแลจากพยาบาลอย่างใกล้ชิด
พ่อบอกว่ามีเด็กนอนในตู้อบที่ว่าหลายคนมาก พ่อยังไม่ทันเห็นหน้าลูกชัดๆ เพียงแต่มองผ่านตู้กระจกเข้าไป โดยมีพยาบาลชี้บอกว่าลูกนอนตู้ตรงไหน ทำให้พ่อกลัวว่าเด็กจะสลับตัวกันได้
แม่บอกพ่อว่าไม่ต้องกังวล เพราะแม้ว่าแม่จะได้เห็นหน้าลูกเพียงไม่กี่วินาที แต่แม่ก็มั่นใจว่าแม่สามารถจำลูกได้ทันทีที่ได้เห็นหน้ากันอีกครั้ง
ในห้องหลังคลอดนี้ แม่มีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากห้องรอคลอดอย่างริบรับ เสียงร้องระงมของเด็กทารก สลับกับเสียงที่ดังโหวกเหวกไม่เป็นภาษาของบรรดาพ่อแม่ละญาติที่มาเยี่ยม กลับกลายเป็นความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าความรำคาญ
แม่สังเกตเห็นแววตาแห่งความปลาบปลื้ม ที่ฉายออกมาจากดวงตาของผู้เป็นพ่อแม่ แม้ว่าแต่ละคนจะมาจากต่างชาติต่างภาษา แต่เสียงร้องไห้จ้าของบรรดาลูกๆ คือภาษาสากลที่แสดงถึงความต้องการ การเอาใจใส่ดูแลและน้ำนมอุ่นๆจากอกแม่ ที่ต่างตอบสนองลูกด้วยดวงใจที่ไม่แตกต่างกัน
ในห้องหลังคลอดซึ่งเป็นห้องรวม มีเด็กที่เกิดวันเดียวกันกับลูก และก่อนหน้าลูกสองสามวัน ซึ่งยังคงพักฟื้นอยู่อย่างน้อยสามวัน นับดูแล้วมากกว่าสิบคน ทำให้แม่รู้สึกว่าการเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุด ซึ่งยังคงคู่โลกใบนี้มานานแสนนาน ที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นอยู่ทุกวินาที
แม้จะมีพัฒนาการการควบคุมการเกิดให้ลดน้อยลง แต่มนุษย์ก็ยังคงต้องดำรงวิถีแห่งเผ่าพันธุ์ เฉกเช่นเดียวกับความตายที่มาเยือนห้องดับจิตอยู่ทุกโมงยาม
เช้าวันนี้แม่ก็พบกับความแปลกใจที่พ่อออกไปซื้อกับข้าว แล้วกลับมาพร้อมกับดอกกุหลาบในมือ แม่ลืมไปแล้วว่า ลูกเกิดก่อนวันเกิดแม่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น
พ่อของลูกที่ไม่มีวันลืมวันเกิดของแม่ แฮปปี้เบริ์ดเดย์แม่ด้วยดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกและเค้กวันเกิดที่พอเพียงที่สุดในโลก
มันเป็นเค้กก้อนเล็ก ๆ ราคาเพียงห้าบาท แต่แม่กลับรู้สึกว่ามันเป็นเค้กวันเกิดที่อร่อยที่สุดในโลก
แม่อยากจะฉลองวันเกิดนี้พร้อมกับลูก เพราะเป็นวันเกิดแรกที่แม่ไม่ได้เป็นผู้เกิดมาอย่างเดียว แต่กลายมาเป็นผู้ให้กำเนิดลูกอีกคน
แม่รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของแม่ ที่ได้ให้กำเนิดแม่เมื่อยี่สิบแปดปีก่อนอย่างลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา
และแล้วการรอคอยที่จะได้พบหน้าลูกอีกครั้งอย่างทรมานก็จบลง เมื่อพยาบาลอุ้มลูกเข้ามาที่เตียงของแม่ โดยไม่รีรอแม่โผเข้าไปรับลูกมาจากมือของพยาบาล ทั้งที่ยังไม่ทันอ่านชื่อที่ป้ายข้อมือ แม่รู้ทันทีว่าต้องเป็นลูกของแม่อย่างแน่นอน
สาละวินตัวน้อย หลับตาพริ้มในผ้าอ้อมสีขาว ผมของลูกดำขลับยาวระลงมาที่ใบหน้าเล็กๆ คล้ายจอนผม ตัวของลูกแดงนิดๆ ดูบอบบางจนแม่อุ้มลูกไว้ไม่ถูก
พยาบาลเข้ามาสอนวิธีการอุ้ม ซึ่งจะทำให้หน้าของลูกแนบเข้ากับทรวงอกของแม่ และสะดวกต่อลูกในยามที่ลูกต้องการดื่มน้ำนมอุ่นจากอกแม่
ความเป็นแม่ของมนุษย์และสัตว์นั้น อาจจะเกิดได้กับสัตว์ทุกชนิดทั้งสัตว์เลือดเย็นและสัตว์เลือดอุ่น แต่ก็คงจะน้อยกว่าสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม
เพราะความผูกพันและความรู้สึกท่วมท้นที่มีต่อกันหลังจากตัดสายสะดือแล้ว คงจะหลั่งไหลสู่กันด้วยการเป็นผู้รับและผู้ให้น้ำนมอุ่นจากทรวงอกแม่
อาจจะมีแม่ใจบาปไม่กี่คนที่ทิ้งลูกแดงๆ ไว้ได้ ทั้งๆ ที่เต้านมคัดไปด้วยน้ำนม ซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติ ไม่ต่างจากการให้ลูกดื่มนมจากขวดทั้งที่น้ำทิพย์ที่สมบูรณ์ที่สุดมีอยู่กับตัวเอง
แม่เคยคิดว่า การประกวดความสวยงามของผู้หญิงโดยวัดสัดส่วนหน้าอก เอว สะโพก ว่ามีความสมวัดส่วนมากแค่ไหนนั้น เป็นการอุปโลกน์ขึ้นของมนุษย์โดยแท้
ความจริงควรจะวัดกันว่า น้ำนมที่ออกมาจากสองเต้านั้นต่างหาก ที่มีคุณภาพและมากพอที่จะเลี้ยงทารกหรือไม่
เพราะหากจะหาประโยชน์และคุณค่าที่แท้จริงของเต้านมของผู้หญิง ที่พระเจ้าสร้างสรรค์ไว้ให้แต่แรกนั้น ก็เพื่อไว้ผลิตน้ำนมสีขาวเปี่ยมคุณค่าให้แก่ลูกน้อยเท่านั้นเอง
สำหรับแม่แล้วหลังจากได้ห่อของขวัญมาอยู่ในมือแม่กลับพบว่า ความตั้งใจที่จะให้ลูกได้ดื่มนมจากอกแม่นั้นต้องพบกับอุปสรรค เพราะลูกที่ถูกจับกรอกด้วยนมชง (เพราะหมอจะไม่ให้ทารกดื่มนมจากขวดนม) ทำให้ลูกไม่ชินที่จะดูดนมจากแม่
และแม่เองเนื่องจากไม่ได้ให้ลูกดูดนมทันทีหลังคลอด ทำให้น้ำนมไม่ไหลเช่นคนอื่นที่ได้รับการกระตุ้นจากดูดของทารกทันทีหลังคลอด
แม่จึงรู้สึกคัดเต้านมอย่างมาก พยาบาลบอกว่าต้องพยายามให้ลูกดูดนมเราก่อน แล้วสมองของเราจะไปสั่งการให้น้ำนมไหลตามธรรมชาติ
น้ำตาของแม่รินไหลทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของลูกร้องขอกินนม ราวกับว่าจะทดแทนน้ำนมที่ไม่ยอมไหลริน
ลูกจะมีอาการตัวเหลืองเพราะขาดสารอาหาร เมื่อไม่ได้ดื่มน้ำนมอย่างพอเพียงจนแม่ต้องใจอ่อนอุ้มลูกไปให้พยาบาลกรอกนม ทั้งๆ ที่รู้ว่าหากลูกยังถูกกรอกน้ำนมอยู่เรื่อยๆ จะทำให้ลูกไม่ยอมดูดนมแม่
พ่อของลูกคอยปลอบโยนแม่อยู่ใกล้ๆ ให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องอ่อนแอ ไม่ต้องร้องไห้ ลูกต้องรับรู้ถึงความรักที่พ่อแม่มีให้และดูดนมแม่ในที่สุด
เมื่อเราสองคนพยายามอยู่นานกว่าหกชั่วโมง ลูกค่อยๆ ดูดนมแม่ ซึ่งรินไหลออกมาช้าๆ เมื่อลูกดูดนมแม่เป็นแล้ว ทำให้น้ำนมค่อยๆ ไหลรินมากขึ้นเรื่อยๆ จนมากพอที่จะทำให้ลูกอิ่มได้ และหลับในอ้อมอกแม่ในที่สุด
ความพยายามให้นมลูกนั้น มันเป็นความทรมานใจอย่างที่สุด พอๆ กับในวันที่แม่ต้องหย่านมลูกในอีกหนึ่งปีต่อมา ซึ่งแม่จะบันทึกถึงให้ลูกได้รับรู้ต่อไป
เมื่อสายน้ำสีขาวข้นหลั่งไหลจากทรวงอกแม่สู่ลูก สายใยแห่งความรักความผูกพันก็พรั่งพรูสู่หัวใจดวงน้อยของลูกและหัวใจที่พองโตของแม่อย่างไม่รู้จักจบสิ้น
รักลูก
แม่