Skip to main content

รายงานข่าวเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า มียอดเด็กที่กำพร้าจากพ่อแม่ที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนหลายพันคน ซึ่งภาครัฐยังคงต้องหาแนวทางการดูแลเด็กที่เผชิญกับปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องการเข้าถึงการศึกษา และการดูแลคุ้มครองปกป้องสวัสดิภาพของเด็ก

ทว่าอย่างไรเสีย  แม้ว่าเรื่องราวความรุนแรงในเหตุการณ์ดังกล่าว จะยังคงปรากฏให้เห็นอยู่เสมอทั้งหน้าจอโทรทัศน์หรือหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ แล้ว ยังมีเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ ระหว่างคนในพื้นที่กับคนนอกพื้นที่ที่ได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ในพื้นที่เกิดเหตุ ตามบทบาทหน้าที่ต่างๆ อาทิ หมอ ทหาร ครู

เรื่องราวที่ “ไม่ค่อยปรากฏ” ออกมาเป็นข่าวในแง่ด้านอื่นๆ เช่นเรื่องการ “พบรัก” ของคนสองคน หรือมิตรภาพที่มีแก่กันนั้น ยังไม่ค่อยเป็นที่รับรู้ของสาธารณชนเท่าใดนักและเรื่องที่จะเล่านี้ ก็เป็นหนึ่งในหลายกรณีของการพบรักที่เกิดขึ้นในที่เกิดเหตุ

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ “แนน” – เธอเป็นวัยรุ่นหญิงและเป็นคนในพื้นที่ยะลา และยังเป็นแกนนำในการทำกิจกรรมของกลุ่มเยาวชนกลุ่มหนึ่งในพื้นที่เกิดเหตุความไม่สงบ เธอเล่าว่า ตั้งแต่มาเข้าร่วมกระบวนการกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องเพศ สิ่งที่เกิดกับตัวเองคือความเปลี่ยนแปลงจากเดิมคือ อย่างแรก รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่นการอบรม กล้าที่จะพูด การกล้าแสดงออก เธอบอกว่าส่วนใหญ่เด็กทางใต้จะไม่ค่อยพูด อยู่คนเดียวก็เงียบๆ ไม่กล้าคุยให้เพื่อนรู้

“อย่างเราคือแรกๆ ก็เงียบๆ พอมาอยู่กับพี่ๆ ก็มีอาการ ... อาการคือกล้าแสดงออก จะอยู่เงียบๆ ไม่ได้ มีอะไรก็จะถามไปเลย” เธอเล่าย้อนอดีตให้ฟัง “อย่างเวลาคุยเรื่องเพศ ก็นึกถึงว่า เวลาท้องขึ้นมาจะคุยกับใคร จะปรึกษาใคร อย่างที่เราไปคุยกับพี่ๆ ได้ เพราะเราเคยมีแฟนแล้วท้อง เราก็ถามเขา ถามว่าทำยังไงไม่ให้เพื่อนรู้ ไม่อายเพื่อน คือเราไม่อยากให้เพื่อนรู้ เราคุยกับพี่ของเราดีกว่า ไม่กล้าบอกให้ที่บ้านรู้ กลัวเขามองเราว่าเป็นคนไม่ดี”

เธอยกตัวอย่างต่อว่า “ถ้าจะคุยคนอื่นๆ ก็ไม่กล้า เพราะกลัวเขาเอาไปเล่าต่อ บอกต่อๆ กันไป พี่เราที่อยู่ในกลุ่ม เขาสามารถเก็บความลับของเราได้ อย่างเพื่อนเราบางคนก็มีแบบเข้ามาคุยกับเรา อย่างตอนเรียน มีเพื่อนที่เขามีแฟน เขาเสียตัว ไปอยู่กับแฟน เราก็ถามเขา คุยกับเขา เขาก็บอกว่าเขากลัวเราไปฟ้องคนอื่นๆ แต่พอเราได้อธิบายกับเขาจนเขาไว้ใจเรา เพราะเราเก็บความลับของเขาได้ เวลาคุยกับพี่ๆ ก็ไม่ค่อยอึดอัด โล่งสบาย รู้สึกปลอดภัย ไม่อึดอัด ไม่มีผลกระทบอะไรที่จะกระทบกับเราอีกต่อไป แฟนเราบางทีก็หึง เวลาเขาหึง เราก็บอกว่าเราไปไหนมา บอกให้ไปถามพี่ในกลุ่มดู”

เธอเล่าถึงเรื่องแฟนว่า ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว และก็สามารถคุยกับแฟนได้หลายเรื่อง เช่น เรื่องที่มีความไม่สบายใจ เรื่องอะไรก็จะถามแฟนว่าอะไรที่ควรทำ อะไรไม่ควรทำ  

เวลาคุยเรื่องเพศกับแฟน, เธอบอกว่า เธอไม่เคยคุยกับแฟนเรื่องถุงยาง เรื่องท่าทาง ไม่เคยพูดในเชิงลึก แต่เธอจะถามพี่ๆ ในกลุ่มมากกว่า ว่าท่าไหนดี “เราไม่กล้าคุยกับแฟน เพราะเขาจะหัวเราะใส่เรา ถ้าเกิดอยากบอกให้แฟนรู้ก็ไม่กล้าบอก เดี๋ยวเขาว่าเราเป็นคนชอบมีเซ็กส์ บางครั้งเราก็อยากคุยกับแฟน มีอะไรเราก็ถาม เขาก็ตอบมา คือแฟนเราจะชอบถามว่าแบบนี้ยังไงๆ เราก็ตอบไม่ได้”

เธอเล่าเรื่องที่เกิดกับตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอมีรอยยิ้มที่โผล่ออกมา “คิดว่าเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียว ถามว่ารู้ได้ไง คือเราก็สืบมาก่อน ว่าเขาเคยมีแฟนมั้ย เพื่อนๆ ก็มาเล่าให้ฟัง คือเขาเป็นคนต่างจังหวัด มาทำงานแถวบ้าน เราสืบเขาก่อนว่าเป็นคนอย่างไร ตอนรู้จักกันก็ไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่ก็คุยกันมาตลอด”

แล้วยังไงต่อ? – ผมเอ่ยถาม

“อย่างเราไม่เคยมีความรักกับใคร เราไม่ชอบคนขาว ชอบคนเข้มๆ อย่างเขาถูกใจเรา เป็นแบบที่เราชอบ เขาชอบเรา เราก็ชอบเขา ก็ติดต่อกันเรื่อยๆ จนมาเป็นแฟนกัน เวลาเขากลับบ้านต่างจังหวัดเราก็ไปหา เราไม่ได้กลัวว่าเขาจะมีแฟนใหม่นะ เพราะเราเชื่อใจเขา เรารักเขา”

น้ำเสียงซื่อๆ ของเธอบอกให้ผมรับรู้ว่า เธอจริงจังกับแฟนหนุ่มอย่างยิ่ง

ผมถามเธอว่า “อย่างนี้จะบอกได้ไหมว่าความไม่สงบทำให้เกิดความรักขึ้น”
เธอพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

ส่วนผมเองก็มีรอยยิ้มจากการรับฟังเรื่องของแนน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งเรื่องราวของคนในพื้นที่ที่ได้พบรักกับคนนอกพื้นที่ที่มาทำงาน อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้น ทว่าผมก็ไม่เคยได้ยินใครหรือได้คุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนกับการคุยกับแนนเลย

เรื่องราวของแนน, ฟังดูก็น่ารัก น่าชัง
ทว่า ในความน่ารัก น่าชังนี้ ย่อมเกิดจากความรู้สึกข้างในจิตใจของเธอต่อชายคนรัก

สำหรับผมแล้ว, แม้ว่าเรื่องราวของเธอจะมีมากมายจนไม่สามารถจะซึมซับมันเข้ามาในโสตประสาทได้  แต่สิ่งที่ผมสนใจอย่างยิ่งคือเรื่องที่เธอ ‘กำลังบอก’ กับฉัน และ ‘ท่าที’ ในการเล่าเรื่องของเธอมากกว่า

มันคือจุดเริ่มต้นของการเปิดใจ เรียนรู้ เรื่องราวชีวิตทางเพศของเราแต่ละคน ให้เกิดสัมพันธภาพและความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต ท่ามกลางความต่างกันทางศาสนาและวัฒนธรรมและนำไปสู่การเปิดดวงใจของเราให้รับฟังเพื่อนที่เล่าเรื่องราวของตนอย่างตั้งใจและไม่มีอคติต่อกัน

เหมือนที่ใครคนหนึ่งบอกว่า การได้คุยเรื่องเพศของตนในบรรยากาศที่ปลอดภัย ถือเป็นการทบทวนบทเรียนชีวิตและเรียนรู้ภาวะด้านในของตนอย่างมิอาจประเมินค่าได้ ซึ่งผมเชื่อว่าแนนเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเพื่อนวัยรุ่นที่ได้เริ่มเรียนรู้ในเรื่องเหล่าอย่างมีความสุข

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
ในสภาวการณ์ใกล้มรสุมช่วงนี้, คนสูงวัยมากมายเหล่านั้นต่างขะมักเขม้นทั้งกายและใจ กับการหาเสียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเพื่อการเข้าร่วมหรือจัดตั้งทางการเมืองครั้งใหม่อย่างสุดกำลังตัวเสริมที่พวกเขานำมาป่าวประกาศเพื่อให้ประชาชนเลือกนั้นคือ “นโยบาย” ของแต่ละพรรค (ไม่รวมปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง – ซึ่งมีมากจนไม่อาจกล่าวในที่นี่ได้) เช่นนี้แล้วเรามาดูกันที่นโยบายของพรรคการเมืองกันดีกว่าว่าได้กล่าวไว้อย่างไรบ้าง ก่อนที่จะเลือกหรือไม่เลือกใคร หลายนโยบายของพรรคการเมืองต่างมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปทางการเมือง โดยเฉพาะการมุ่งหวังไม่ให้อำนาจเก่าได้กลับมามีอำนาจอีกและยังมีนโยบายต่างๆ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
 ลมฟ้าอากาศเริ่มเปลี่ยนแปรไปตามสภาพ ฝนตกเพิ่งหยุดได้ไม่นาน ลมหนาวเยือนมาพัดผ่านท้องทุ่งจนต้นข้าวโยกเอียง บ้างล้ม บางตั้งตระหง่าน ตอนเช้าๆ อากาศแถวบ้านผม, จังหวัดเชียงราย อำเภอพาน ตำบลแม่อ้อ บ้านแม่แก้วเหนือ อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นทุกขณะ ชีวิตของผมทุกวันนี้ไม่เหมือนห้าเดือนก่อนที่ผ่านมา เพราะต้องย้ายสำมะโนครัวจากเชียงใหม่ กลับมาอยู่บ้านที่เชียงราย ซึ่งตลอดระยะเวลาสี่ปีที่อยู่เชียงใหม่ ผมได้พบเจอเรื่องราวหลายเรื่อง ทั้งการงาน ความรัก ชีวิต ความสัมพันธ์ เพื่อน ฯลฯ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับตอนที่อยู่บ้านที่เชียงรายอย่างมากสภาพอากาศ ความสงบ การดำเนินชีวิต…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาถึงเชียงใหม่แสงแดดยามเช้าตรู่ ปลุกให้ผมตื่นจากการหลับใหล – เวลาทั้งคืนที่ผ่านมา, ผมนอนไม่ค่อยหลับ กระวนกระวายใจ และไม่เป็นอันหลับอันนอน ไม่รู้ว่าพี่บัวจะเป็นอย่างไรบ้าง จะเป็นจะตายยังไง เป็นเรื่องที่คิดมาตลอดเส้นทางพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตรงกับฝั่งที่ผมนั่งบนรถ พนักงานบริกรประจำรถพาร่างเล็กๆ ของเขาหยิบข้าวของขนมหวานนมกล่องให้ผู้โดยสารแต่ละคน “ท่านผู้โดยสารทุกท่าน เรายินดีนำท่านมาสู่จังหวัดเชียงใหม่....” พนักงานหญิงแจ้งข่าวแก่ผู้โดยสาร ด้วยท่าทีกระฉับเฉงอรชร เชียงใหม่เช้านี้ ท้องฟ้าไม่ค่อยมีเมฆมาก พระอาทิตย์สีแดงที่เส้นขอบฟ้า ปล่อยแสงแสบปวดตา ผมลงจากรถทัวร์คันใหญ่ เดินมุงหน้าไปหารถแดง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมจะได้รู้จักชีวิตในอีกมุมหนึ่งของคนที่ถูกเรียกว่า “แก๊ง” ได้มากกว่าที่คิดไว้แม้ว่าในช่วงแรกๆ ความสัมพันธ์ของผมกับเขาจะเป็นแบบ ถามเพื่อเอาข้อมูลไปทำโครงการ แต่สิ่งที่ผมได้มากกว่าการเก็บข้อมูล นั้นคือความผูกพันธ์ มิตรไมตรี และการช่วยเหลือกันและกันของเพื่อนๆ พี่ๆ ผมได้เรียนรู้ว่า ความจริงใจ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเรา เมื่อก่อนมีเขาและมีผม แต่ตอนนี้คำว่า “เรา” มันทำให้ไม่มีเขา ไม่มีผม หลายสิ่งที่ผมได้ทำ หรือเพื่อนๆ ได้ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่วัยอย่างพวกเราต้องเผชิญ อาจต่างกันมากน้อยคละเคล้ากันไปตั้งแต่จบมัธยมปลายมาหลายปี…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ต้นเดือนเมษายน – เทศกาลปีใหม่เมืองหรืองานสงกรานต์ใกล้เข้ามาถึงในอีกไม่กี่วัน วันหนึ่งพี่เหน่งโทรศัพท์มาหาผมเพื่อชวนผมไปเยี่ยมรุ่นน้องคนหนึ่งที่คุกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ผมไม่ปฏิเสธ และได้ตระเตรียมข้าวของต่างๆ เพื่อไปเยี่ยมรุ่นน้องพี่เหน่งไม่บอกว่าใครอยู่ในคุก เพราะอยากให้ผมได้รู้ด้วยตัวเองว่ามาหาใคร ไม่กี่นานพี่เหน่งก็มารับผมที่บ้านพัก แล้วรีบบึ่งรถไปยังจุดหมายโดยเร็วแดดร้อนแผดเผาไปทั่วใบหน้า รถชอบเปอร์คันโตของพี่เหน่งพาเราสองคนมาถึงคุกในไม่กี่อึดใจ พี่เหน่งเดินบ่ายหน้าเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อขอเยี่ยมผู้ต้องขัง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ข้อมูลจากการพูดคุยกับคนทำงานด้านเยาวชน พบว่าวัยรุ่นชายที่อยู่ในกลุ่มมีความคึกคะนองสูง ดังนั้นในการเรียนรู้เรื่องสุขภาพ หรือการดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ จึงเป็นเรื่องที่ถูกละเลย หรือมองข้ามความสำคัญไป หลายคนยังขาดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพ มีความประมาท ยกตัวอย่างเช่น การสวมถุงยางอนามัย สลับกับไม่ใส่ แกล้งดึงหัวจุกถุงยางอนามัยออกเพื่อแกล้งให้เพื่อนหญิงท้อง พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการละเลยเรื่องการติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ไป ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเรื่องที่วัยรุ่น มีเรื่องชกต่อยกันทำให้เกิดการบาดเจ็บและถึงขั้นถูกดำเนินคดีและบางรายถูกตัดสินให้อยู่ในเรือนจำ เป็นต้นนอกจากในกลุ่มจะมีเด็กชายและ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หากวัยรุ่นคนหนึ่งจะเข้ามาร่วมในกลุ่มนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการสมัคร หรือทดสอบก่อน คือ ใครต้องการเข้าร่วมกลุ่มก็สามารถเข้ามาทำความรู้จักได้เลย เพียงแค่มีความเป็นเพื่อนและจริงใจเท่านั้นการเข้ามาในกลุ่มแก๊งของคนใหม่ๆ หรือการพยายามสร้างตัวแทนของกลุ่ม นับว่าไม่ได้เป็นไปตามกรอบเกณฑ์ เพราะการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในกลุ่มแก๊ง เกิดขึ้นโดยระบบความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับเพื่อน การเคารพผู้ที่อายุมากกว่าว่าคือรุ่นพี่ การเคารพผู้ที่อายุน้อยกว่าหรือรุ่นน้อง เป็นการสร้างความสัมพันธ์แนวราบ คือ การส่งต่อเพื่อนสู่เพื่อน พี่สู่น้อง…