Skip to main content

หากวัยรุ่นคนหนึ่งจะเข้ามาร่วมในกลุ่มนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการสมัคร หรือทดสอบก่อน คือ ใครต้องการเข้าร่วมกลุ่มก็สามารถเข้ามาทำความรู้จักได้เลย เพียงแค่มีความเป็นเพื่อนและจริงใจเท่านั้น

การเข้ามาในกลุ่มแก๊งของคนใหม่ๆ หรือการพยายามสร้างตัวแทนของกลุ่ม นับว่าไม่ได้เป็นไปตามกรอบเกณฑ์ เพราะการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในกลุ่มแก๊ง เกิดขึ้นโดยระบบความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับเพื่อน การเคารพผู้ที่อายุมากกว่าว่าคือรุ่นพี่ การเคารพผู้ที่อายุน้อยกว่าหรือรุ่นน้อง เป็นการสร้างความสัมพันธ์แนวราบ คือ การส่งต่อเพื่อนสู่เพื่อน พี่สู่น้อง

การที่คนจะเข้ามาในกลุ่มใหม่นั้นเหมือนเป็นการสร้างฐานความยั่งยืนของกลุ่มเพื่อให้กลุ่มมีคนสืบทอดกิจกรรม เจตนารมณ์ ที่กำหนดไว้ คนที่เข้ามาในกลุ่มใหม่อาจมาได้หลายรูปแบบ บางคนเพื่อนชวนมา บางคนอยากเข้ามา บางคนพี่ชวนมา ตัวอย่างเช่น เพื่อนที่รู้จักชวนเล็กจากที่เป็นเด็กไบรท์ ไปชมคอนเสิร์ตพังก์จนเกิดความชอบและเข้าสู่กลุ่ม จนเป็นเด็กพังก์คนหนึ่ง หรือ การที่จอมชวนน้องๆ ในชุมชนมาตั้งกลุ่มเพื่อนไปเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น

บางกลุ่มมีการรับน้องที่แตกต่างกันไปเช่นการรับน้องโดยการให้ดื่มเหล้าเปล่าๆ หนึ่งแก้ว การรับน้องโดยการพาไปเที่ยว สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่กระชับแก่รุ่นน้องที่เข้ามากับรุ่นพี่ที่รู้จัก รุ่นน้องจะเคารพในการตัดสินใจของรุ่นพี่ แต่โดยส่วนมากการตัดสินใจภายในกลุ่มอาจมีได้หลายลักษณะ บางกลุ่มปรึกษาหารือร่วมกัน

บางกลุ่มเกิดผู้นำที่ตัดสินใจโดยธรรมชาติ บางกลุ่มมีพี่ใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ แต่ท้ายที่สุดไม่ว่าที่มาของการตัดสินใจจะเป็นอย่างไร ทุกคนก็ยอมรับการตัดสินใจนั้น

นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกภายในกลุ่มจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อน แบบพี่น้องเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการแบ่งเป็นลูกน้องลูกพี่แต่อย่างใด นอกจากนี้ สมาชิกภายในกลุ่มให้ความเคารพกันตามลำดับความอาวุโส และทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งหมด

การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องมีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อจัดการให้กลุ่มซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากมีขอบเขตและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

ดังนั้นภายในกลุ่มจึงมีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการรักษาสิทธิส่วนบุคคลของสมาชิก แต่ไม่ได้กำหนดขึ้นเป็นกฎของกลุ่มแต่อย่างใด แต่ถ้าหากในกลุ่มเกิดความขัดแย้ง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากการเขม่นกันภายในกลุ่ม หรือหยอกล้อเล่นกันแรงเกินไป ทำให้เกิดความไม่พอใจ แต่หากเกิดข้อขัดแย้งเช่นนี้ สมาชิกภายในกลุ่มสามารถจัดการกันเองได้ และเมื่อคลี่คลายปัญหาแล้วทุกคนยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

จะเห็นได้ว่าการที่วัยรุ่นรวมกลุ่มกันนั้น ทางกลุ่มก็มีการจัดระเบียบ มีข้อตกลงร่วมกันเพื่อควบคุม และดูแลสมาชิกภายในกลุ่มให้อยู่ในขอบเขต และไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่บุคคลภายนอก เพื่อที่จะสามารถลดปัญหาสังคมลงได้อีกทางหนึ่งด้วย

รุ่นต่อรุ่น-เรื่องที่พี่และน้องสืบต่อกัน

แม้ว่าการเข้าสู่กลุ่มนั้นจะไม่ใช่เรื่องยากแต่เรื่องที่สำคัญคือการเปลี่ยนถ่ายรุ่นของคนภายในกลุ่ม การเปลี่ยนถ่ายรุ่นต่อรุ่นนั้นอาจทำได้โดยไม่ยากมากนัก การรวมกลุ่มของเยาวชนเกิดขึ้นโดยกระบวนการทางสังคม มีการรวมกลุ่มโดยธรรมชาติ การสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมานั้น

ส่วนใหญ่เป็นการสร้างผ่านการทำกิจกรรมร่วมกันภายในกลุ่ม เช่น การเต้น การแข่งรถ โดยอาจมีการชวนคนอื่นๆ เข้ามาร่วมกิจกรรมของกลุ่ม บางคนที่ไม่รู้จักอาจเข้ามาโดยความสนใจหรือคนอื่นชวน เช่น กรณีของเล็ก ที่เข้ามาในกลุ่มพังก์โดยการเชิญชวนของรุ่นพี่

การทำกิจกรรมที่ต่อเนื่องของกลุ่มแก๊ง ถือเป็นการผลิตซ้ำทางความคิด เป็นการแสดงออกที่บอกถึงความเป็นตัวเอง บางกลุ่มสะสมการเที่ยว สะสมการแสดงพลังผ่านการแข่งรถ สะสมการเต้น ฯลฯ หรือแม้แต่การจัดการกับกรณีที่มีการชกต่อยทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งเรียกว่า “เคลียร์” ซึ่งเป็นการจัดระบบกับความรู้สึกของคน ทำให้เกิดความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในสิ่งที่กระทำ

ดังนั้นจึงเป็นจุดแข็งที่สมาชิกกลุ่มมีความรู้สึกร่วมในการเป็นตัวของตัวเองในกลุ่มนั้นๆ และมีความรัก ศรัทธาในการกระทำของตน ซึ่งถือเป็นกลไกที่มีความสำคัญในการสร้างรุ่นใหม่ และการเปลี่ยนถ่ายรุ่นที่มีความต่อเนื่องและมีจุดหมายร่วมเหมือนกัน

ความเป็นผู้นำในกลุ่ม

อาจกล่าวได้ว่า กลุ่มแก๊งแต่ละกลุ่มนั้น ไม่ได้มีโครงสร้างอย่างการรวมกลุ่มโดยทั่วไป ไม่ได้มีประธาน รองประธาน หากแต่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หัวหน้ากลุ่มหลายคนที่เรารู้จักมักจะบอกเสมอว่า ไม่ได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม เป็นเพียงแค่ต้นคิดสำคัญ หรือภาษาเหนือเรียก “เก๊า” ในการตัดสินใจบางอย่างบุคคลคนนั้นจะเป็นเหมือนคนที่ชี้บอกว่า จะทำอย่างไร จะไปทางไหน แบบไหน และทุกคนในกลุ่มก็จะทำตามนั้น

ทว่าการเป็นหัวหน้ากลุ่มอาจมาได้หลายๆ ทาง เช่นสายเครือญาติ การเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า หรือ รุ่นพี่รุ่นน้อง หรือ คนที่มีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ มีความกล้าในการตัดสินใจ เป็นที่นับถือของคนในกลุ่ม และมีความจริงใจในการแก้ปัญหาของเพื่อนๆ ในกลุ่มเช่น การช่วยเหลือโดยการตีคืน การช่วยเรื่องเงิน เป็นต้น หรือแม้แต่การทำให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนภายในกลุ่มเพื่อตัดสินใจร่วมกัน

หัวหน้ากลุ่มจึงไม่สามารถบอกได้โดยตรงว่า คนนี้คือหัวหน้า กลุ่มแก๊ง จึงเป็นกลุ่มที่สมาชิกทุกคนภายในกลุ่มมีการตัดสินใจร่วมกัน โดยสมานฉันท์ แบบพี่น้อง โดยมีแกนหลักเป็นผู้จัดการให้เกิดการแลกเปลี่ยนและตัดสินใจ หรือ เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ

แต่ก็พบว่ามีบางกลุ่มจะมีลูกพี่ใหญ่ และลูกพี่จะทำตัวให้เป็นที่เคารพเกรงขาม ไม่ทำตัวเหมือนเด็ก เพราะจะต้องดูแลควบคุมสมาชิกในกลุ่มให้ได้ ซึ่งถ้าไปพูดกับใครว่านี่เด็กผม ถ้าแก๊งนี้เป็นแก๊งใหญ่หน่อย แล้วบอกว่า “นี่เด็กผม” หรือ "ละอ่อนผม" ก็จะดูมีอำนาจและน่าเกรงขาม

กลุ่มกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

เรื่องการรวมกลุ่มของเด็กแก๊ง คือ เมื่อประมาณก่อนปี 2542 ยังไม่มีการรวมกันเป็นแก๊งอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเที่ยว เช่น กลุ่มช้างคลาน สันป่าข่อย สันกำแพง เชียงมั่น กาดก้อม ซึ่งชื่อเหล่านี้ตั้งตามตำบลหรือชุมชนที่อาศัยอยู่ ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นชื่อเฉพาะกลุ่มหรือภาษาอังกฤษ

ชื่อกลุ่มต่างๆ ที่เมื่อก่อนตั้งชื่อตามแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย แต่เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษ บางชื่อที่ตั้งก็เพื่อแสดงถึงการมีอำนาจ บ้างก็ตั้งชื่อตามแหล่งที่มักจะไปเที่ยวกัน หรือตั้งชื่อตามสถาบันที่เรียน หรือตามลักษณะการแต่งการ เช่น พังก์ แซป เป็นต้น

โปรดตามติดอ่านตอนต่อไป....

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
จากที่ข้อเขียนเรื่องเพศวิถีมีชีวิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การวางความคิด เรื่องการเปิดใจคุยเรื่องเพศของตนเอง เรื่องความหลากหลายในรักและความสัมพันธ์ ความรักต่างเพศนิยม เรื่องกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความพยายามที่จะมาสรุปในตอนท้ายของบทความนี้ว่า หากเราจะคุยเรื่องเพศวิถีจากมุมมองภายในจากชีวิตของเรานั้น เพื่อสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในตัวเอง อะไรที่เป็นความท้าทายที่จะนำไปสู่การจุดประกายให้แต่ละคนได้กลับมาสำรวจ ตั้งคำถาม และสร้างการเรียนรู้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ได้โดยอาศัยทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของแต่ละคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในสังคมสมัยก่อน เช่น ในภาคเหนือ การจีบสาวของคนล้านนาจะมีการค่าว (คล้ายลำตัดของภาคกลาง) ตอบโต้กันไปมา การจีบกันต้องให้เกียรติผู้หญิงเป็นคนเลือกคู่ หรือหากจะแต่งงานก็ต้องมีการใส่ผี คือการวางเงินสินสอดจากฝ่ายชายเพื่อบอกกับผีปู่ผีย่าของฝ่ายหญิงให้ทราบว่าจะคบกันแบบสามีภรรยา
กิตติพันธ์ กันจินะ
ความคิด ความเชื่อเรื่องเพศที่หล่อหลอมเรามาว่า ควรมีชายกับหญิงเท่านั้นที่คู่กัน สิ่งนี้เป็นความคิด ความเชื่อที่ฝังหัวเรามาตลอดจนเราไม่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าทำไมเราจึงต้องรักเพศตรงข้าม และการที่เรารักเพศเดียวกันนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
กิตติพันธ์ กันจินะ
สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่และพี่ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้หญิง เห็นการทำงานของผู้หญิงที่ “ศูนย์เพื่อน้องหญิง” จ.เชียงราย เห็นความเข้มแข็งในการทำงานของแม่ของพี่ๆ แต่ละคนแล้ว ทำให้ผมเห็นว่าความเป็นหญิง ความเป็นชาย แท้จริงแล้ว ทุกคนก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกัน แต่ทว่าการเลี้ยงดูหล่อหลอมของสังคมกลับบอกว่าแบบนี้ผู้หญิงควรทำ แบบนี้ผู้ชายควรทำ
กิตติพันธ์ กันจินะ
เปิดใจเรียนรู้ประสบการณ์ภายในตน ผมเริ่มต้นทำงานในประเด็นเรื่องเพศ ตอนอายุน้อยๆ จากวันนั้นมาวันนี้ ระยะเวลาหลายปี ที่อยู่บนเส้นทางนี้ได้เจออะไรหลายอย่าง ได้เรียนรู้ ประสบการณ์ทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทหน้าที่ใด ความรับผิดชอบแบบไหน องค์กรระดับชุมชนหรือเครือข่ายก็ตาม งานต่างๆ เหล่านี้ทำให้ได้ทำประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นไปพร้อมๆ กัน ผมไม่อาจเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่าเป็นคนทำงานเพศวิถี เพราะเข้าใจว่าเรื่องเพศวิถีนี้มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และไม่อาจจะบอกได้ว่าตัวเองเป็นนักพัฒนาสังคม เพราะบ่อยครั้งก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นมากมายกับตัวเองว่าที่ว่าเป็นนักพัฒนาสังคมนั้น…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หายไปเสียนานกับบ้าน “หนุ่มสาวสมัยนี้” เพราะต้องทำงานโครงการป้องกันเอดส์ และเพศศึกษากับเพื่อนๆ เยาวชนในหลายๆ ภาค ทำให้เวลาในการเขียนขีดมีน้อยกว่าเมื่อก่อน ทว่าตอนนี้ก็สามารถจัดการเวลากับตัวเองได้ลงตัวมากขึ้นทำให้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้นทีเดียว
กิตติพันธ์ กันจินะ
อุ่นใจ บัว เขาเสยผมที่ยาวประ่บ่าแล้วรวบไว้ด้านหลังเบาๆ พลางเอื้อมมือดันเพื่อปิดประตูห้องหมายเลข 415 วันนี้เป็นวันที่เขาต้องขนย้ายข้าวของและสัมภาระต่างๆ กลับบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาเดินทางออกจากบ้านเพื่อย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มตัว สี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เขากำลังนึกถึงภาพของความหลังครั้งอดีต โดยเฉพาะความหลังที่เกิดขึ้นภายในห้องพักที่อยู่เบื้องหน้า หนึ่งในเรื่องราวที่ผุดขึ้นมาในม่านความคิดของเขาก็คือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวห้าคน
กิตติพันธ์ กันจินะ
  กิตติพันธ์ กันจินะ -1-วันอาทิตย์สัปดาห์นี้ผมน้อมนำกายไว้ที่กรุงเทพฯ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะกลับเชียงรายเลย และอยากให้วันอาทิตย์นี้เป็นของขวัญแก่ตัวเองในการพักผ่อน หยุดขยับเรื่องงาน และเอาใจมาคิดถึงเรื่องด้านในของตัวเองด้วย เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นี้ ผมตื่นนอนตามปกติ ไม่สายและไม่เช้าจนเกินไป และอยู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้โทร.กลับหนึ่งสาย นั้นคือ พี่จ๋อน แห่งมะขามป้อมนี้เอง สำหรับพี่จ๋อนและพี่ๆ มะขามป้อมแล้ว ผมถือว่ารู้จักมักคุ้นกับพี่ๆ มานานหลายปี โดยผมเริ่มรู้จักกับมะขามป้อม เมื่อตอนยังเด็กเลยแหละ จนถึงทุกวันนี้ก็นานพอควร พี่บางคนพอจำกันได้…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  มาริยา มหาประลัย1เมื่อเดือนก่อน คุณพี่เอก บก. (อันย่อมาจากบรรณาธิการ ไม่ใช่บ้ากาม) นิตยสารผู้ชายฉบับหนึ่งที่ฉันเคยอาศัยเงินเดือนเขายาไส้ แถมยังเป็นเจ้านายที่น่ารักที่สุดตั้งแต่ฉันเคยร่วมงานด้วย โทรศัพท์ตรงดิ่งวิ่งปรี่มาหาฉัน บอกว่ามีงานเขียนให้ฉันทำ คุณพี่เอกยังหยอดคำหวานปานพระเอกลิเก(ย์)อ้อนแม่ยกอีกว่า พอได้รับโจทย์ปุ๊บ หน้าฉันก็โผล่พรวดเด้งดึ๋งขึ้นมาปั๊บ เห็นทีจะเป็นลิขิตจากนรก เอ้ย! สวรรค์ชั้นเจ็ดที่ส่งให้ฉันมาเขียนเรื่องนี้ อู้ย! อยากรู้จริงเชียวว่าเรื่องอะไรหนอ..."คุณพี่อยากให้คุณน้องเขียนเรื่อง Safe Sex ของเกย์ให้เกย์อ่าน"อ๊ายส์! อ๊ายยยส์!!อ๊ายยยยยยส์!!!…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย (หมายเหตุ – อะแฮ่ม! ขอออกตัวว่าฉันเป็นคนรู้เรื่องศาสนาเพียงน้อยนิด ข้อเขียนต่อไปนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตตามภูมิความรู้ที่มี ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ เพียงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ใครจะกรุณาแลกเปลี่ยนทัศนะเพื่อช่วยให้แตกกิ่งก้านสาขาเซลส์สมองของฉัน ก็ขอกราบแทบแนบตักขอบพระคุณงามๆ มา ณ ที่นี้ด้วย...ชะเอิงเอย) วันที่ 9 เดือน 9 ปีนี้ ฉันและผองเพื่อนมีวาระแห่งชาติในการปฏิบัติภารกิจสำคัญอันยิ่งใหญ่ แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือสะพานมัฆวานฯ ใครจะกู้ชาติ กู้โลก หรือกู้เจ้าโลกก็ขอเว้นวรรคความใส่ใจสักวันเถอะ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย สาบานได้ว่า พิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่งซึ่งเพิ่งผ่านพ้นไปสร้างความตะลึงพรึงเพริศ และสามารถตรึงขนทุกเส้นของฉันให้ลุกชันได้ยิ่งกว่าตอนนั่งดูกระโดดน้ำชายเสียอีก (เพราะกระโดดน้ำชายทำให้อย่างอื่นลุกและคันมากกว่า นั่นแน่! คิดอะไร! นั่งดูทีวีนานๆ ยุงมันกัดเลยต้องลุกขึ้นมาเกาเฟ้ย! อ๊ายส์!)  “แม่เจ้าโว้ย! อะไรมันจะ %$#@*&+ ขนาดนั้นฟะเนี่ย!!!” ฉันไม่รู้จะหาคำวิเศษณ์คำไหนมาบรรยายความวิเศษของภาพตรงหน้าได้ ตลอด 3 ชั่วโมงนั้นฉันเผลออ้าปากค้าง ทำตาโต ตบอกผางไปไม่รู้กี่ครั้ง และหลายครั้งเล่นเอาความตื้นตันมาชื้นอยู่ตรงขอบตาเชียวล่ะคุณ อะไรจะขนาดนั้น!
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย    เวลาได้ยินคำว่า “สวยเลือกได้” (แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงฉัน) ฉันอดคิดไม่ได้ว่า “สวย” ในที่นี้เรา “เลือก” กันได้จริงเหรอ เพราะเอาเข้าจริง ความขาว สวย หมวย อึ๋ม ตี๋ ล่ำ หำใหญ่ จมูกโด่ง ฯลฯ ที่เราเรียกคุณลักษณะเหล่านี้ว่า “ความสวย-หล่อ” นั้น ชาติมหาอำนาจเป็นคนกำหนดรูปแบบขึ้นมาและใช้มันเป็นอาวุธในการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม ความสวยจึงไม่ใช่เรื่อง “สวยๆ” อย่างเดียว แต่มันยังแฝงเรื่องอำนาจและชนชั้นทางสังคมมาอย่างแยบคายภายใต้เปลือกอันน่ามอง