Skip to main content
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพิ่งจบลงเมื่อวานนี้ ตอนค่ำ ผลสรุปจากการกากบาทลงคะแนนให้กับคนที่รัก พรรคที่ชอบ ได้ผลออกมาอย่างไม่เป็นทางการ บางคนอาจถูกใจ บางคนอาจไม่ถูกใจ

หลังจากลงคะแนนเสียงเสร็จ ผมได้เดินทางไปยังเขตชายแดนอำเภอแม่สายกับพี่ๆ เจ้าหน้าที่ศูนย์เพื่อน้องหญิง เพื่อจับจ่ายซื้อของและเดินเล่นไปมาตามประสาคนที่อยากพักผ่อนเที่ยวท่องให้คล่องใจ

เวลาในการเดินทางไป การเดินทางจับจ่ายซื้อของ และการเดินทางกลับ เริ่มจากตอนสาย จนถึงตอนหัวค่ำ ระหว่างที่อยู่เขตอำเภอแม่สาย ผมแยกตัวจากพี่ๆ เจ้าหน้าที่อีก 4 คน เดินเล่นเองคนเดียว เพียงเพื่อจะหาร้านกาแฟสดดีๆ ที่มีหนังสืออ่านและมีเพลงฟัง

ผมเดินไปทั่ว สองข้างทางมีของขายวางเรียงรายไปหมด ทั้งอาหาร ขนมกิน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน เสื้อผ้า ฯลฯ พ่อค้าแม่ค้าทั้งคนไทยและประเทศเพื่อนบ้านต่างหวังจะขายของของตนให้ได้มากที่สุด

ผมไม่ได้ซื้ออะไรเลย นอกจากมุ่งเดินตามหา ร้านหนังสือ-ร้านกาแฟ เพื่อพักผ่อนและนั่งสงบตามลำพัง, เวลา 2 ชั่วโมงผ่านไป ผมยังไม่เจอร้านหนังสือและร้านกาแฟที่ปรารถนา จนเมื่อเดินกลับไปยังจุดจอดรถ ที่เรียกว่า “สายลมจอย” ก็พบร้านกาแฟร้านหนึ่ง อยู่ไม่ไกลจากกัน และเมื่อพบผมก็เข้าไปยังร้านสั่งกาแฟสดคาปูชิโน พร้อมกับหยิบโปสการ์ดและหนังสือขึ้นมาอ่านและเขียนสลับกัน

“ที่จริงร้านกาแฟพี่น่าจะมีโปสการ์ดขายด้วยนะครับ” ผมเสนอกับพี่ผู้ชายที่ชงกาแฟสดให้ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน และบอกอีกว่า “ผมเดินไปทั่วแม่สายไม่เห็นร้านกาแฟสดเลย ไม่มีร้านค้าขายโปสการ์ดด้วย บางคนที่เดินทางท่องเที่ยวอาจจะอยากซื้อของตามวิธีปกติแต่บางคนก็เลือกที่จะเขียนโปสการ์ดส่งให้คนที่ตัวเองคิดถึงหรือเขียนไปที่ไหนสักแห่งก็ได้นะครับ”

พี่ผู้ชายไม่ตอบอะไร เพียงแต่พยักหน้าแล้วส่งถ้วยกาแฟให้ผม

สำหรับผมแล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายของฝูงชนที่เดินจับจ่ายซื้อของไปมาตามบริเวณเขตชายแดนแห่งนี้ ยังมีจุดเล็กๆ อีกหลายแห่งที่เราไม่ค่อยได้คิดคะนึงถึง เช่น ความเรียบง่ายของการนั่งพัก ร้านค้านั่งจิบชา กาแฟ ฟังเพลงเพราะๆ หรือแม้แต่บนสะพานข้ามชายแดนที่มีเด็กน้อยวิ่งเข้ามาขอเงินจากผู้เที่ยว เป็นต้น

ท่ามกลางเข็มนาฬิกาที่หมุนไป เราต่างสนใจสิ่งใหญ่ๆ ใกล้ตัวจนหลงลืมไปว่ามีสิ่งเล็กๆ ที่สำคัญปรากฏอยู่ แต่เราเผลอใจให้กับเรื่องบางอย่างที่คนส่วนมากสนใจ จนเราก็สนใจตามกระแสไปกับเขา

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมอยู่เสมอ....

บ่อยครั้งที่ผมสนใจเรื่องการเลือกตั้ง จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว
บ่อยครั้งที่ผมสนใจการทำงานเชิงนโยบายระดับชาติ จนลืมการขับเคลื่อนงานนโยบายระดับพื้นที่
บ่อยครั้งที่ผมพูดเรื่องงานจนลืมไปว่าคนในครอบครัวยังไม่พร้อมที่จะพูดฟังหรือสนทนา
บ่อยครั้งที่พรรคการเมืองสนใจการได้มาซึ่งอำนาจจนลืมนึกถึงนโยบายสำหรับคนที่ด้อยโอกาสในสังคม
บ่อยครั้งที่สื่อนำเสนอเรื่องเยาวชนเป็นปัญหา จนลืมนำเสนอเยาวชนที่ทำดีเพื่อสังคม


ฯลฯ อีกมากมาย ที่เราหลงลืมไป แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ หรือได้รับความสนใจแต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญและมีคุณค่า ทว่าอาจยังไม่ได้เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปก็เป็นได้

ร้านกาแฟเล็กๆ ในแม่สายอาจไม่สามารถอยู่ได้ หากผู้คนที่มาเพียงหวังจะเดินทางมาซื้อของราคาถูกๆ แล้วเดินทางกลับ โดยที่ไม่ได้พักนั่งนิ่งฟังลมฟ้าอากาศ

สิ่งเล็กๆ อุปมาคล้ายดั่งเช่นเด็กๆ ที่ผู้ใหญ่มักหลงลืมหรือมักคิดคำนึงถึงเป็นอันดับท้ายๆ ทั้งๆ ที่หลายคนบอกว่าเด็กสำคัญแบบนั้น เด็กสำคัญแบบนี้ แต่การกระทำแล้ว กลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง

เขาบอกว่าต้องมีสื่อเพื่อเด็ก แต่รายการทีวียังหาเงินกับเด็กอย่างไม่หยุดนิ่ง
เขาบอกว่าต้องให้เด็กมีส่วนร่วม แต่ผู้ใหญ่ยังให้เด็กๆ ทำกิจกรรมได้เท่าที่ผู้ใหญ่ต้องการ
เขาบอกว่าปัญหาเรื่องเพศของวัยรุ่นสำคัญ แต่ไม่เห็นมีนโยบายป้องกันและให้ความรู้อย่างแท้จริง
เขาบอกว่าต้องมีวาระเพื่อเด็ก แต่ไม่รู้ว่าเด็กได้มีส่วนร่วมจัดทำมากเพียงใด
เขาบอกว่าเยาวชนเป็นวิกฤติสังคม แต่ไม่มีหนทางการพัฒนาเยาวชนในเชิงบวกแม้แต่นิด


คำพูดที่ยิ่งใหญ่กับการกระทำที่เล็กน้อย ตรงข้ามกันเช่นนี้นั้น ที่ผ่านมาถือว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่ร่ำไป (บางครั้งเด็กๆ เองก็หวังกับผู้ใหญ่มากจนเกินไป เรียกร้องผู้ใหญ่จนเกินไป แต่ไม่ได้มองถึงศักยภาพตัวเองที่มีอยู่ว่าแท้จริงแล้วไม่ต้องไปเรียกร้องอะไรมากมาย เพียงแต่เราอาจจะเริ่มต่อสู้ด้วยตัวเอง พัฒนาตนเอง เรียนรู้จากตัวเอง ฝึกคิด ฝึกทำด้วยตนเอง จะหวังพึ่งพิงผู้ใหญ่อย่างเดียวก็คงทำได้ยากนัก)

ปีที่ผ่านมานี้ เกิดเรื่องราวมากมายกับเยาวชน ทั้งที่เรียนหนังสือ ไม่ได้เรียนหนังสือ เป็นคนที่ถูกละเมิดสิทธิ เป็นคนที่ด้อยโอกาสทางสังคม เป็นคนที่ยังเข้าไปถึงสวัสดิการพื้นฐาน เป็นคนที่สุขภาพไม่ได้ และอื่นๆ อีกมากนั้น ยังคงได้รับความสนใจค่อนข้างน้อย เพราะผู้ใหญ่ โดยเฉพาะรัฐนั้น สนใจแต่เรื่องใหญ่ๆ สนใจแต่การขจัดขั้วอำนาจเก่า สนใจแต่เรื่องผลประโยชน์ อำนาจ จนลืมนึกถึงคนตัวเล็ก ลืมเด็ก ลืมเยาวชนไป

ของขวัญสำหรับปีใหม่นี้ ผมคงไม่ขออะไรมากครับ – เพียงแต่ว่าหากจะคิดถึงเรื่องอะไรที่มันใหญ่โตแล้ว ขอให้คิดถึงทรัพยากรของแผ่นดินอย่างเช่นพวกเรา เด็กและเยาวชน เพียงรับฟังเสียงเราอย่างแท้จริง สนับสนุนการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ปกป้องคุ้มครองสิทธิอย่างแท้จริง และคิดคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดที่พวกเราจะได้รับด้วย ก็น่าจะเพียงพอ

ไม่ได้ขอจากดวงจันทร์
ไม่ได้ขอแก้วแหวนเงินทอง
แต่ขอร้องมายังผู้ใหญ่ทุกคน

หมายเหตุ:
เนื่องจากผมสนใจเรื่องใหญ่ๆ มามากจนลืมนึกถึงเรื่องเล็กของตัวเองไป จึงได้ให้ของขวัญตัวเองด้วยการหยุดพักจากการทำงานต่างๆ ในระหว่างท้ายปีปีนี้และต้นปีหน้า ด้วยมุ่งจะพักจิต ชำระใจ ด้วยการเจริญสติวิปัสสนา ทั้งนี้หากที่ผ่านมาผมได้ล่วงเกินพี่ๆ ผู้อ่านด้วยวาจา ข้อเขียน และความคิดใดๆ ก็ตาม ผมขออโหสิกรรมมา ณ โอกาสนี้ และขอให้ทุกๆ ท่าน มีความสดชื่น สมหวัง อยู่อย่างมีความสุขทุกลมหายใจ อยู่อย่างมีความหมายกับชีวิตที่งดงาม

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะ บางทีแล้วการที่เราออกมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น มันก็มีรูปแบบที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามบริบทของการทำงานและพื้นที่สภาพแวดล้อม ซึ่งนั่นล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการทำงานของกลุ่มคนที่มากมายหลายประเภทเฉกเช่นดอกไม้ในสวนน่ายล ท่ามกลางบรรยากาศสังคมอมยิ้มไม่ออกเช่นนี้ เยาวชนคนหนุ่มสาวก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่เข้าไปอยู่ในบริบทของความย้อนแย้งขัดเกลาเราเขาเช่นนี้ กล่าวคือมีทั้งเยาวชนที่เห็นด้วยกับแนวทางของซีกพันธมิตร และเยาวชนที่ไม่เห็นด้วยก็มีมาก ส่วนกลุ่ม “สองไม่เอา” นั่นก็มีไม่น้อย ทว่า กลุ่มที่ดูจะมีคือ “กรูไม่เอาสักอย่าง” เสียอีกที่มีเยอะ
กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นเมื่อมีการชุมนุมของพี่ๆ ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และ กลุ่มต้านพันธมิตรฯ คือ “อีกแล้วเหรอ”  ซึ่งเป็นความรู้สึกที่กลัวว่าเหตุการณ์จะนำพาไปสู่เหตุการณ์ “รัฐประหาร” เหมือนเมื่อครั้งปี 2549 อีกหนที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ถูกมองว่า เป็น “เงื่อนไข” สำคัญที่ทำให้เกิดการรัฐประหารในครั้งล่าสุด แถมยังไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในการต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งเลยแม้แต่นิด ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่คนอื่นๆ ทั่วไป เขาจะมองว่ากลุ่มพันธมิตร เอาดี เห็นงาม กับการทำให้เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนั้นสำหรับนักประชาธิปไตยอีกฝากแล้ว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะ หลายวันที่ผ่านมาผมและเพื่อนๆ หลายคน ที่ติดตามข่าวเรื่องการชุมนุมของ “พันธมิตร” ต่างใจจดใจจ่ออยู่กับจุดมุ่งหมายท้ายสุดที่จะเดินไปถึง พร้อมๆ กับกระแสข่าวการ “ปฏิวัติ” ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็เชื่อมั่นว่าการชุมนุมโดย “สันติ” อย่างมี “สติ” เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่สามารถดำเนินการได้ แต่การสลายการชุมนุมโดยการใช้ “ความรุนแรง” ที่ “ไร้สติ” นั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์และปรารถนายิ่งนัก
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย1“ขอโดลเช่ เดอ ลาเช่ ขนาดกลางแก้วหนึ่งค่ะ เพิ่มกาแฟอีกชอตและะ No whip cream ค่ะ อ้อ! ขอแบบไลท์ด้วยนะคะ Low Calories ด้วย ขอบคุณค่ะ” เฮือก! โล่งอก! ฉันพูดประโยคยาวยืดนี่จบซะที! จะมีใครรู้ไหมนะว่าฉันต้องฝึกพูดคำว่า “โดลเช่ เดอ ลาเช่” มาตั้งกี่ครั้งกว่าจะมาเสนอหน้าสั่งกาแฟชื่อประหลาดอย่างคล่องปากนี่ได้ แต่คริๆ...คงไม่มีใครรู้หรอก เพราะฉันวางมาดดีไม่มีหลุดราวกับเรียนการแสดงจากครูแอ๋วมาเสียขนาดนี้ ใครๆก็ดูแต่เปลือกกันทั้งนั้นแหละเธอ! เอาล่ะ สะบัดบ๊อบไปนั่งรอกาแฟได้แล้วย่ะยัยมาริยา อ๊ายส์! จ่ายเงินก่อนสิยะเธอ!!  ฉันใช้ริมฝีปากที่ทาลิปสติค Christian Dior อย่างบรรจง ค่อยๆ ดูดกาแฟ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัยปล. คาวีเป็นชื่อพระเอกในละครตบจูบเรื่อง “สวรรค์เบี่ยง” ทางช่อง 3 ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้สวัสดีค่ะ คุณคาวี พักนี้มีข่าวข่มขืนขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์กันพรึ่บพรั่บ ราวกับคนในบ้านเมืองของเราร่วมแรงแข็งขัน (และแข่งขัน) กันข่มขืนเป็นเมกะโปรเจ็กต์ ตั้งแต่รุ่นเด็กประถมยันอาจารย์มหาวิทยาลัย ดูแล้วชวนห่อเหี่ยวละเหี่ยใจเสียฉิบ ไม่ยักเหมือนเวลาดูคุณคาวีข่มขืนเลยนะคะ ดูแล้วได้ความบันเทิงเริงเมืองปนโรแมนติค ก็แหม…เวลาพูดถึงคนร้ายข่มขืนผู้หญิงทีไร ใครๆ ก็นึกถึงแต่ผู้ชายตัวดำๆ ไว้หนวดเครารุงรัง หน้าเถื่อนๆ ยืนดักอยู่ตามซอกตึก เหม็นกลิ่นเหล้าคุ้งเคล้ากลิ่นเหงื่อปนกลิ่นคาวปลาตามตัว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมต้องคิดหนักและเหนื่อยกับการใช้พลังในการพัฒนาโครงการ “กล้าเลือก กล้ารับผิดชอบ” ของเครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย โครงการนี้เป็นโครงการที่จะสร้างกลไกระดับพื้นที่เพื่อรณรงค์ สร้างความเข้าใจเรื่องเอดส์ เพศศึกษาอย่างรอบด้าน และสนับสนุนให้เยาวชน ตระหนักและมีทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้เรื่องการป้องกันเอดส์ รู้จักประเมินความเสี่ยงของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของตนให้ปลอดภัยผ่านการดำเนินการกับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ 8 กลุ่ม ใน 20 จังหวัดกระจายไปในภาคต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการตลอดระยะเวลา 12 เดือน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย
กิตติพันธ์ กันจินะ
ประมาณวันที่ 14 เมษายน 2551 นี้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550  ก็จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวและได้มีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551ส่งผลให้ต้องมีการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกลุ่ม องค์กร เยาวชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับพื้นที่ อย่างขะมักเขม้นอย่างไรก็ตามสำหรับเจตนารมณ์แล้ว กฎหมายฉบับดังกล่าวมีขึ้นมาเพื่อให้เกิดกลไกการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและเอกชน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ผมได้แรงบันดาลจากการเขียนเรื่องนี้จากภาพยนตร์เรื่อง “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น” หนังใหม่ ที่กำลังฉายในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่านๆ ว่ากันด้วยเรื่องของเนื้อหาในหนังนั้น ผมก็ยังไม่ได้ไปชม เพียงแต่ดูเนื้อในจากเว็บไซต์ก็พอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น 4 วัยในความรัก 4 มุม ทั้ง รักที่ต้องแย่งกัน รักนักร้องดาราคนโปรด รักนอกใจ และรักข้างเดียว ....อืม เอาเป็นว่า ใครอยากรู้เรื่องมากขึ้นลองเข้าเว็บไซต์ www.pidtermyai.com  ดูแล้วกันนะครับในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอชีวิตที่เกิดขึ้นของวัยรุ่นจำนวนหนึ่งในช่วงปิดเทอมใหญ่ ซึ่งบางคนก็ใช้เวลาไปแข่งกันขอเบอร์ผู้หญิง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ใครจะไปรู้ว่าเทคโนโลยีบางอย่างจะทำให้เราไม่พลาดการสื่อสารที่สำคัญได้จริงๆ เรื่องเกิดเมื่อวันหนึ่ง, ขณะที่ผมกำลังออนไลน์โปรแกรมแชทยอดนิยมนั้น พี่ต้าร์ (วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แห่งกลุ่ม Y-ACT) ก็ได้เข้าโปรแกรมออนไลน์ MSN จากในค่ายแห่งหนึ่ง ณ สวนแสนปาล์ม นครปฐม ซึ่งเป็นการอบรมนักศึกษาอาชีวศึกษากว่า 30 สถาบัน  “อยากดูป่ะ” พี่ต้าร์ถามและได้เปิดโปรแกรมวิดีโอออนไลน์ขึ้นมาผมตอบว่าอยาก – สักพัก ภาพเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ปรากฏออกมา และมีภาพของเพื่อนๆ เยาวชนที่เข้าร่วมค่ายกำลังทำกิจกรรมอย่างสนุกสนานผมถามพี่ต้าร์ว่ามาทำอะไรกัน?พี่ต้าร์ บอกว่า “วันนี้น้องอาชีวะกว่า สามสิบสถาบัน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ในที่สุดนายกทักษิณ ก็ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากที่ต้องเร่ร่อนรอนแรมอยู่ต่างประเทศตั้งปีกว่า กลับมาหนนี้ถือว่าได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองในคดีต่างๆ ที่ตกเป็นจำเลย และยังได้กลับมาอยู่ใกล้ครอบครัวของตนเสียด้วย ยังไม่นับรวมถึงการที่จะต้องเข้ามาเคลียร์เรื่องอะไรอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในพรรคและการเมืองที่ยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าใดนัก  ผมดูการกลับมาของคุณทักษิณ แล้วนึกถึงชีวิตของเด็กๆ ที่เร่ร่อนไร้บ้านอีกหลายคน ที่ต่างก็พเนจรไปในที่ต่างๆ ไม่ได้กลับบ้าน หรือบ้างก็ไม่มีบ้านอยู่อาศัย ซึ่งชะตากรรมของเขาหลายๆ คน ถือว่า "หนัก" กว่าคุณทักษิณหลายเท่า…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  หลังจากที่โครงการเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม หรือ โครงการเยาวชน1000ทาง 1 ได้ดำเนินการมาจนจบวาระหนึ่งปีก็ถือว่าเรียนจบครบเทอมพอดี เพื่อนๆ พี่ๆ ทีมงานหลายคนต่างได้รับความรู้และประสบการณ์ในการทำงานเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าโครงการเยาวชน1000ทาง จะเกิดจากความร่วมมือของเครือข่ายเยาวชนที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาหลายปี แต่สำหรับประเทศไทยนั้นนับว่ามีโครงการที่สนับสนุนกิจกรรมของเยาวชน "มือใหม่" ไม่มากนัก ฉะนั้นโครงการเยาวชน1000ทาง ถือว่าเป็นโครงการที่ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการทำงานโดยเยาวชนดำเนินการ มีผู้ใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นที่ปรึกษาการทำงาน…