Skip to main content

ใครจะไปรู้ว่าเทคโนโลยีบางอย่างจะทำให้เราไม่พลาดการสื่อสารที่สำคัญได้จริงๆ เรื่องเกิดเมื่อวันหนึ่ง, ขณะที่ผมกำลังออนไลน์โปรแกรมแชทยอดนิยมนั้น พี่ต้าร์ (วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แห่งกลุ่ม Y-ACT) ก็ได้เข้าโปรแกรมออนไลน์ MSN จากในค่ายแห่งหนึ่ง ณ สวนแสนปาล์ม นครปฐม ซึ่งเป็นการอบรมนักศึกษาอาชีวศึกษากว่า 30 สถาบัน
 
“อยากดูป่ะ” พี่ต้าร์ถามและได้เปิดโปรแกรมวิดีโอออนไลน์ขึ้นมา
ผมตอบว่าอยาก – สักพัก ภาพเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ปรากฏออกมา และมีภาพของเพื่อนๆ เยาวชนที่เข้าร่วมค่ายกำลังทำกิจกรรมอย่างสนุกสนาน

20080320 การอบรมนักศึกษาอาชีวศึกษากว่า 30 สถาบัน

ผมถามพี่ต้าร์ว่ามาทำอะไรกัน?
พี่ต้าร์ บอกว่า “วันนี้น้องอาชีวะกว่า สามสิบสถาบัน จากกลุ่มโรงเรียน จตุจักร ชัยสมรภูมิ ธนบุรี และสวนหลวง ร.9 ได้มาจัดกิจกรรมโครงการ คาราวานความดี อาชีวศึกษาพัฒนาสังคม ซึ่งจะอบรมกันสามวันเลยนะ จากวันที่ 4 ถึงวันที่ 6 มีนาคม เลยแหละคุณเต้า”  

“นี่มันน่าสนุกมากๆ เพราะว่าน้องๆที่มาจากโรงเรียนต่างๆ ล้วนแต่เป็นคนที่คิดโครงการดีๆ ที่จะไปทำเพื่อพัฒนาสังคม”

ไม่ทันได้ถามต่อพี่ต้าร์ก็เล่ามาอย่างตื่นเต้น “วันนี้น้องๆ มีโครงการที่จะได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ โครงการละ สองหมื่นบาท กว่า สี่สิบโครงการ มีเด็กๆ กว่า แปดสิบคน นี่แหละ คือพลังสังคมต่อๆไป และที่สำคัญ มีคุณครูกว่าสี่สิบคนที่เป็นที่ปรึกษาโครงการมาร่วมด้วย”
    
แถมย้ำท้ายด้วยว่า “เห็นมั้ยว่านี่แหละคือพลังในการขับเคลื่อนสังคม ในระดับรากหญ้าเลยทีเดียวและที่สำคัญ โครงการของน้องๆ ล้วนเกี่ยวกับวิชาชีพอาชีวศึกษา ที่น้องๆร่ำเรียนกันมา”
     
ผมตื่นเต้นและถามว่ามีโครงการอะไรที่น้องๆ ทำบ้าง? พี่ต้าร์จึงได้ยกตัวอย่างโครงการของเพื่อนอาชีวะโครงการหนึ่ง ชื่อว่า “คืนความสุขให้น้อง” ที่โรเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค เป็นโครงการที่จะจัดกิจกรรมกับเด็กๆ ในชุมชนสุเหร่าคลองหนึ่ง โดยจะจัดเตรียมอุปกรณ์และจัดสร้างเครื่องเล่นให้กับชุมชน
     
เพื่อนๆ เจ้าของโครงการบอกว่า ปัญหาในชุมชนมีอยู่มาก เด็กๆมักจะเล่นเกมและใช้ยาเสพติด น้องๆเห็นว่านี่เป็นปัญหาสำคัญ เลยอยากแก้ไขปัญหา เลยจะไปสร้างสนามเด็กเล่น เพื่อให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายและสวนเด็กเล่น ที่จะอยู่ในชุมชน เพื่อให้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ปกครองและสร้างสัมพันธ์ให้คนในชุมชน
     
ผมและพี่ต้าร์ต่างออกเสียง “วู้ว์” พร้อมๆ กันในการสนทนา และผมคิดก็ในใจว่าจะถามความรู้สึกของครูที่ดูแลเป็นพี่เลี้ยงในค่ายว่าเขาคิดยังไง...
    
ไม่ทันได้ถามพี่ต้าร์ก็บอกว่า เมื่อบ่ายหลังกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ คุณครูจำนวนหนึ่งได้มานั่งคุยกันกับทีมงาน ถึงบทบาทในการเป็นพี่เลี้ยงที่ปรึกษา ให้กับน้องเยาวชนกลุ่มนี้หลังจากที่แนะนำตัว ก็ได้บอกเล่าความคาดหวังของครูกว่าสี่สิบคนที่มาร่วมค่ายกันในครั้งนี้
     
เช่น  “ผมมีความหวัง ความฝันว่า อยากให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความคิด เพื่อให้เค้าสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่ตนเองมีไปใช้เพื่อบริการชุมชน เพื่อที่ตนเองจะได้มีประสบการณ์และทำประโยชน์กับชุมชน ทำให้ชุมชนเห็นประโยชน์”

หรือ “อยากให้เด็กและเยาวชนใช้ความรู้ของตัวเองช่วยเหลือสังคม”
หรือ “เค้าจะได้นำความรู้ไปพัฒนาต่อ จากการที่มาร่วมกิจกรรม”
หรือ “อยากให้นักเรียนอาชีวศึกษา รู้จักกันเพื่อพัฒนาเป็นเครือข่าย เป็นพี่น้องกันและร่วมกันแก้ไขปัญหาสังคมในอนาคต”
หรือ “อยากให้เด็กรู้จักกัน มีการรวมตัวกันสร้างกลุ่ม เพื่อพัฒนาไปถึงเป้าหมายของตนเอง”    
หรือ “เกิดความร่วมมือระหว่างสถาบัน สร้างความรู้จักส่งเสริมให้เด็กทำงานเป็นทีม และพัฒนาให้เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบัน เกิดการประสานเชื่อมโยงกัน”
หรือ “อยากให้กิจกรรมที่นักเรียนทำ นักเรียนทำด้วยความสุข เกิดจากการวางแผน คิด และดำเนินการของเด็กเอง นำความรู้ออกไปสู่สังคมได้”
หรือ “สังคมได้รับสิ่งดีๆ คุ้มค่า จากการทำกิจกรรมของเด็ก และสิ่งที่เค้าน่าจะได้รับกลับมาคือคุณค่าของตนเอง และความภาคภูมิใจในตัวของเด็กและเยาวชนเอง”

ผมได้รับรู้ถึงสิ่งที่พี่ต้าร์เล่าแล้วทำให้คิดไปไกลถึงกระบวนการพัฒนาเยาวชนของประเทศเราที่มักจะเอาเด็กมาลงโทษด้วยการจำกัดสิทธิบางอย่าง แต่ไม่ได้บอกเด็กในฐานะทรัพยากรสำคัญของสังคม ซึ่งกระบวนการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ตามที่ตัวเองต้องการและมีส่วนร่วมน่าจะเป็นอีกมิติหนึ่งที่คนทำงานด้านนี้ควรจะรับไปพัฒนาให้เกิดในกลไกของตนอย่างจริงจัง
    
ในขณะที่พิมพ์เรื่องนี้อยู่ ผมก็เปิดโปรแกรมแชทขึ้นมาอีกครั้ง ปรากฏว่าพี่ต้าร์ออกจากโปรแกรมแชทนี้ไปเสียแล้ว เหลือไว้แค่เพียงเรื่องราวที่ได้เล่ามาเป็นช๊อตๆ ให้ผมได้รับรู้

ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ค่ายอบรมจะเป็นอย่างไรต่อไป หากเพียงผมเห็นอนาคตที่ดีของประเทศไทยอยู่กลายๆ.....

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
ในสภาวการณ์ใกล้มรสุมช่วงนี้, คนสูงวัยมากมายเหล่านั้นต่างขะมักเขม้นทั้งกายและใจ กับการหาเสียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเพื่อการเข้าร่วมหรือจัดตั้งทางการเมืองครั้งใหม่อย่างสุดกำลังตัวเสริมที่พวกเขานำมาป่าวประกาศเพื่อให้ประชาชนเลือกนั้นคือ “นโยบาย” ของแต่ละพรรค (ไม่รวมปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง – ซึ่งมีมากจนไม่อาจกล่าวในที่นี่ได้) เช่นนี้แล้วเรามาดูกันที่นโยบายของพรรคการเมืองกันดีกว่าว่าได้กล่าวไว้อย่างไรบ้าง ก่อนที่จะเลือกหรือไม่เลือกใคร หลายนโยบายของพรรคการเมืองต่างมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปทางการเมือง โดยเฉพาะการมุ่งหวังไม่ให้อำนาจเก่าได้กลับมามีอำนาจอีกและยังมีนโยบายต่างๆ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
 ลมฟ้าอากาศเริ่มเปลี่ยนแปรไปตามสภาพ ฝนตกเพิ่งหยุดได้ไม่นาน ลมหนาวเยือนมาพัดผ่านท้องทุ่งจนต้นข้าวโยกเอียง บ้างล้ม บางตั้งตระหง่าน ตอนเช้าๆ อากาศแถวบ้านผม, จังหวัดเชียงราย อำเภอพาน ตำบลแม่อ้อ บ้านแม่แก้วเหนือ อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นทุกขณะ ชีวิตของผมทุกวันนี้ไม่เหมือนห้าเดือนก่อนที่ผ่านมา เพราะต้องย้ายสำมะโนครัวจากเชียงใหม่ กลับมาอยู่บ้านที่เชียงราย ซึ่งตลอดระยะเวลาสี่ปีที่อยู่เชียงใหม่ ผมได้พบเจอเรื่องราวหลายเรื่อง ทั้งการงาน ความรัก ชีวิต ความสัมพันธ์ เพื่อน ฯลฯ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับตอนที่อยู่บ้านที่เชียงรายอย่างมากสภาพอากาศ ความสงบ การดำเนินชีวิต…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาถึงเชียงใหม่แสงแดดยามเช้าตรู่ ปลุกให้ผมตื่นจากการหลับใหล – เวลาทั้งคืนที่ผ่านมา, ผมนอนไม่ค่อยหลับ กระวนกระวายใจ และไม่เป็นอันหลับอันนอน ไม่รู้ว่าพี่บัวจะเป็นอย่างไรบ้าง จะเป็นจะตายยังไง เป็นเรื่องที่คิดมาตลอดเส้นทางพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตรงกับฝั่งที่ผมนั่งบนรถ พนักงานบริกรประจำรถพาร่างเล็กๆ ของเขาหยิบข้าวของขนมหวานนมกล่องให้ผู้โดยสารแต่ละคน “ท่านผู้โดยสารทุกท่าน เรายินดีนำท่านมาสู่จังหวัดเชียงใหม่....” พนักงานหญิงแจ้งข่าวแก่ผู้โดยสาร ด้วยท่าทีกระฉับเฉงอรชร เชียงใหม่เช้านี้ ท้องฟ้าไม่ค่อยมีเมฆมาก พระอาทิตย์สีแดงที่เส้นขอบฟ้า ปล่อยแสงแสบปวดตา ผมลงจากรถทัวร์คันใหญ่ เดินมุงหน้าไปหารถแดง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมจะได้รู้จักชีวิตในอีกมุมหนึ่งของคนที่ถูกเรียกว่า “แก๊ง” ได้มากกว่าที่คิดไว้แม้ว่าในช่วงแรกๆ ความสัมพันธ์ของผมกับเขาจะเป็นแบบ ถามเพื่อเอาข้อมูลไปทำโครงการ แต่สิ่งที่ผมได้มากกว่าการเก็บข้อมูล นั้นคือความผูกพันธ์ มิตรไมตรี และการช่วยเหลือกันและกันของเพื่อนๆ พี่ๆ ผมได้เรียนรู้ว่า ความจริงใจ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเรา เมื่อก่อนมีเขาและมีผม แต่ตอนนี้คำว่า “เรา” มันทำให้ไม่มีเขา ไม่มีผม หลายสิ่งที่ผมได้ทำ หรือเพื่อนๆ ได้ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่วัยอย่างพวกเราต้องเผชิญ อาจต่างกันมากน้อยคละเคล้ากันไปตั้งแต่จบมัธยมปลายมาหลายปี…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ต้นเดือนเมษายน – เทศกาลปีใหม่เมืองหรืองานสงกรานต์ใกล้เข้ามาถึงในอีกไม่กี่วัน วันหนึ่งพี่เหน่งโทรศัพท์มาหาผมเพื่อชวนผมไปเยี่ยมรุ่นน้องคนหนึ่งที่คุกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ผมไม่ปฏิเสธ และได้ตระเตรียมข้าวของต่างๆ เพื่อไปเยี่ยมรุ่นน้องพี่เหน่งไม่บอกว่าใครอยู่ในคุก เพราะอยากให้ผมได้รู้ด้วยตัวเองว่ามาหาใคร ไม่กี่นานพี่เหน่งก็มารับผมที่บ้านพัก แล้วรีบบึ่งรถไปยังจุดหมายโดยเร็วแดดร้อนแผดเผาไปทั่วใบหน้า รถชอบเปอร์คันโตของพี่เหน่งพาเราสองคนมาถึงคุกในไม่กี่อึดใจ พี่เหน่งเดินบ่ายหน้าเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อขอเยี่ยมผู้ต้องขัง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ข้อมูลจากการพูดคุยกับคนทำงานด้านเยาวชน พบว่าวัยรุ่นชายที่อยู่ในกลุ่มมีความคึกคะนองสูง ดังนั้นในการเรียนรู้เรื่องสุขภาพ หรือการดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ จึงเป็นเรื่องที่ถูกละเลย หรือมองข้ามความสำคัญไป หลายคนยังขาดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพ มีความประมาท ยกตัวอย่างเช่น การสวมถุงยางอนามัย สลับกับไม่ใส่ แกล้งดึงหัวจุกถุงยางอนามัยออกเพื่อแกล้งให้เพื่อนหญิงท้อง พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการละเลยเรื่องการติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ไป ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเรื่องที่วัยรุ่น มีเรื่องชกต่อยกันทำให้เกิดการบาดเจ็บและถึงขั้นถูกดำเนินคดีและบางรายถูกตัดสินให้อยู่ในเรือนจำ เป็นต้นนอกจากในกลุ่มจะมีเด็กชายและ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หากวัยรุ่นคนหนึ่งจะเข้ามาร่วมในกลุ่มนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการสมัคร หรือทดสอบก่อน คือ ใครต้องการเข้าร่วมกลุ่มก็สามารถเข้ามาทำความรู้จักได้เลย เพียงแค่มีความเป็นเพื่อนและจริงใจเท่านั้นการเข้ามาในกลุ่มแก๊งของคนใหม่ๆ หรือการพยายามสร้างตัวแทนของกลุ่ม นับว่าไม่ได้เป็นไปตามกรอบเกณฑ์ เพราะการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในกลุ่มแก๊ง เกิดขึ้นโดยระบบความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับเพื่อน การเคารพผู้ที่อายุมากกว่าว่าคือรุ่นพี่ การเคารพผู้ที่อายุน้อยกว่าหรือรุ่นน้อง เป็นการสร้างความสัมพันธ์แนวราบ คือ การส่งต่อเพื่อนสู่เพื่อน พี่สู่น้อง…