Skip to main content

ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมต้องคิดหนักและเหนื่อยกับการใช้พลังในการพัฒนาโครงการ “กล้าเลือก กล้ารับผิดชอบ” ของเครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย

โครงการนี้เป็นโครงการที่จะสร้างกลไกระดับพื้นที่เพื่อรณรงค์ สร้างความเข้าใจเรื่องเอดส์ เพศศึกษาอย่างรอบด้าน และสนับสนุนให้เยาวชน ตระหนักและมีทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้เรื่องการป้องกันเอดส์ รู้จักประเมินความเสี่ยงของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของตนให้ปลอดภัย

ผ่านการดำเนินการกับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ 8 กลุ่ม ใน 20 จังหวัดกระจายไปในภาคต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการตลอดระยะเวลา 12 เดือน ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการได้ผ่านการอนุมัติแล้วจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข  ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการกำกับการขับเคลื่อนการปฏิบัติการป้องกันโรคเอดส์

โครงการนี้ท้าทายทั้งผมและเพื่อนๆ เครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย อย่างยิ่ง เพราะการดำเนินการที่ผ่านมาหลายกิจกรรม หลายโครงการ เยาวชนมักถูกจับตามองในเรื่องของการ “บริหารจัดการ” อย่างยิ่ง ทั้งการเคลียร์บัญชี การเงิน และการดำเนินการให้ผ่านตามตัวชี้วัดที่กำหนดไว้

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผมก็ได้คิดและเริ่มวางแผนชีวิตตัวเอง ที่จะต้องจัดการให้การดำเนินการของโครงการนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งความรับผิดชอบต่างๆ กับงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ต้องจัดสรรเวลา จังหวะ และโอกาสในการกระทำแต่ละอย่าง

ในเรื่องงานเขียน - พื้นที่ “หนุ่มสาวสมัยนี้” เป็นพื้นที่หนึ่งที่ให้โอกาสผมได้นำเสนอทัศนะ ความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ และเรื่องเล่าต่างๆ นานา ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่กรกฎาคม 2548 เป็นต้นมา ผมได้เรียนรู้การบอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้รับการพัฒนา โดยการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการปั่นต้นฉบับในแต่ละครั้ง

การเขียนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เหมือนที่อาจารย์ด้านวารสารศาสตร์ท่านหนึ่งได้บอกไว้ว่า การฝึกอบรมด้านการเขียนเป็นเพียงเครื่องหมายหรือพิธีกรรมของการเริ่มงานเขียน การอบรมเพียง 3 – 4 วัน ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมเขียนงานเป็น แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ “ชั่วโมงบิน” ที่ต้องเหน็ดเหนื่อย อดทด ฝึกฝนและการที่เราจะเป็นนักเขียนเป็น เราต้องเหนื่อยและหนักกับการลงมือทำงาน ไม่ใช่ “ฝันๆ” ว่าผ่านการอบรมแล้วจะได้เป็นนักเขียน

เมื่อได้ยินคำบอกเล่าดังกล่าวนี้ ผมจึงกลับมาคิดถึงตัวเองว่า กว่าที่เราจะเขียนได้นั้นมันต้องใช้เวลา และความถี่ในการเขียนที่ต่อเนื่อง และมีจังหวะในการนำเสนอที่เข้าใจได้ง่าย ส่วนอีกมุมหนึ่งก็พบว่าตนเองยังไม่มี “วินัย” พอในการเขียนงาน เนื่องเพราะผมไม่สามารถจัดการเวลาสำหรับการเขียนและการทำงานประจำให้สอดคล้องและแบ่งในสัดส่วนที่สมดุลกันได้

ยิ่งเริ่มทำโครงการกล้าเลือก กล้ารับผิดชอบแล้ว ยิ่งต้องให้น้ำหนักกับงานนี้ค่อนข้างสูง จึงทำให้คิดว่าจะทำอย่างไรให้ผลิตงานเขียนได้อย่างสม่ำเสมอและสามารถแบ่งปันเรื่องราวมาลงได้เหมือนเคย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนสำหรับอนาคต

และแล้ววันหนึ่ง ผมก็ได้มีโอกาสสนทนากับหล่อน (ผมขอเรียกว่าหล่อน เพราะหล่อนแทนตัวเองว่าหล่อน) เพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาช่วงเวลาหนึ่ง แม้ว่าเราสองคนเคยพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่การสนทนาผ่านโปรแกรมแชทออนไลน์ก็ทำให้เราได้คุยกันอยู่บ่อยๆ และรู้จักกันมากขึ้นกว่าเดิม

ช่วงขณะที่เราทั้งสองกำลังสนทนากันในเรื่องอื่นๆ ทั่วไปนั้น ผมได้เอ่ยชวนหล่อนมาร่วมสังวาสใน “หนุ่มสาวสมัยนี้” ...... หล่อนเงียบไปนานก่อนจะถามว่า “จะดีเหรอ” ผมตอบกลับด้วยความดีใจ “ดีสิครับ พี่จะได้มาช่วยผม ผมทำคนเดียวไม่ค่อยไหวแล้ว มาช่วยกันนะ งานเยอะๆ” หล่อนเงียบอยู่นาน ก่อนจะตอบว่า “โอเค”

ผมดีใจมากที่ได้เพื่อนมาช่วยเขียน ผมรู้สึกดีที่ มาริยา มหาประลัย (คือชื่อของหล่อน (ผมไม่ค่อยถนัดกับคำนี้เท่าไหร่ แต่หล่อนชอบที่ผมเรียกเช่นนี้) ) มาร่วมสร้างสรรค์งานร่วมกัน ซึ่งเราทั้งสองคนจะช่วยกันเขียนกล่าวเล่าความตามความเป็นอยู่ หูได้ยิน ตาได้เห็น จมูกได้กลิ่น กายได้สัมผัส ใจได้รู้สึก ผ่านสนามแห่งนี้สลับกันตามความสะดวกของแต่ละคน

ใครที่ยังไม่รู้จัก มาริยา มหาประลัย หล่อนก็ได้ให้สรรพคุณของตนไว้ว่า....

“ร้อนแรงทุกสัมผัส ร้อนรักทุกองศา ร้อนฉ่าทุกลีลา เริงร่าทุกนาที” ไม่ใช่แค่สโลแกนประจำตัวของหล่อนเท่านั้น แต่ถือเป็นคติธรรมการดำรงชีวิตแบบมาริยา มหาประลัย ก็ว่าได้ และนั่นคือสิ่งที่คุณจะได้สัมผัสจากตัวหนังสือแสบๆ คันๆ มันๆ ของการมองโลก “เมืองกรุง” ลอดผ่านแว่น D&G สีขาวสนิทที่ดูแล้วน่าหมั่นไส้ของเธอ

ผมอ่านแล้วร้อง “โอ้ว์” ในบัดดล เพราะผมเชื่อว่าลีลาเผ็ดร้อนแสบคันมันสนุกสุขแสบเหล่านี้ จะเกิดขึ้นกับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ติดตาม “หนุ่มสาวสมัยนี้” แน่นอน

มิหนำซ้ำ เรื่องราวมุมมองที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเด็ก “เมืองกรุง” นั้นยังมีอีกเยอะ เพราะผมมันเป็นเด็กต่างจังหวัด เมืองภูธร ไม่ค่อยจะเข้าอกเข้าใจอะไรมากนักหรอก จึงเป็นสิ่งที่ดีที่ มาริยา จะช่วยให้มุมให้ภาพของเด็กเมืองกรุงในแง่มุมต่างๆ ที่ทั้งผมหรือคุณไม่รู้มาก่อน

มาถึงตอนนี้หากใครที่ยังไม่รู้ว่า มาริยา มหาประลัย จะมาทำอะไรกับผมในพื้นที่นี้
คงต้องร่วมกันติดตามในตอนต่อๆ ไป.....คำตอบกำลังเคลื่อนมาถึงในทุกขณะครับ

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
ในสภาวการณ์ใกล้มรสุมช่วงนี้, คนสูงวัยมากมายเหล่านั้นต่างขะมักเขม้นทั้งกายและใจ กับการหาเสียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเพื่อการเข้าร่วมหรือจัดตั้งทางการเมืองครั้งใหม่อย่างสุดกำลังตัวเสริมที่พวกเขานำมาป่าวประกาศเพื่อให้ประชาชนเลือกนั้นคือ “นโยบาย” ของแต่ละพรรค (ไม่รวมปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง – ซึ่งมีมากจนไม่อาจกล่าวในที่นี่ได้) เช่นนี้แล้วเรามาดูกันที่นโยบายของพรรคการเมืองกันดีกว่าว่าได้กล่าวไว้อย่างไรบ้าง ก่อนที่จะเลือกหรือไม่เลือกใคร หลายนโยบายของพรรคการเมืองต่างมุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปทางการเมือง โดยเฉพาะการมุ่งหวังไม่ให้อำนาจเก่าได้กลับมามีอำนาจอีกและยังมีนโยบายต่างๆ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
 ลมฟ้าอากาศเริ่มเปลี่ยนแปรไปตามสภาพ ฝนตกเพิ่งหยุดได้ไม่นาน ลมหนาวเยือนมาพัดผ่านท้องทุ่งจนต้นข้าวโยกเอียง บ้างล้ม บางตั้งตระหง่าน ตอนเช้าๆ อากาศแถวบ้านผม, จังหวัดเชียงราย อำเภอพาน ตำบลแม่อ้อ บ้านแม่แก้วเหนือ อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นทุกขณะ ชีวิตของผมทุกวันนี้ไม่เหมือนห้าเดือนก่อนที่ผ่านมา เพราะต้องย้ายสำมะโนครัวจากเชียงใหม่ กลับมาอยู่บ้านที่เชียงราย ซึ่งตลอดระยะเวลาสี่ปีที่อยู่เชียงใหม่ ผมได้พบเจอเรื่องราวหลายเรื่อง ทั้งการงาน ความรัก ชีวิต ความสัมพันธ์ เพื่อน ฯลฯ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างกับตอนที่อยู่บ้านที่เชียงรายอย่างมากสภาพอากาศ ความสงบ การดำเนินชีวิต…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาถึงเชียงใหม่แสงแดดยามเช้าตรู่ ปลุกให้ผมตื่นจากการหลับใหล – เวลาทั้งคืนที่ผ่านมา, ผมนอนไม่ค่อยหลับ กระวนกระวายใจ และไม่เป็นอันหลับอันนอน ไม่รู้ว่าพี่บัวจะเป็นอย่างไรบ้าง จะเป็นจะตายยังไง เป็นเรื่องที่คิดมาตลอดเส้นทางพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตรงกับฝั่งที่ผมนั่งบนรถ พนักงานบริกรประจำรถพาร่างเล็กๆ ของเขาหยิบข้าวของขนมหวานนมกล่องให้ผู้โดยสารแต่ละคน “ท่านผู้โดยสารทุกท่าน เรายินดีนำท่านมาสู่จังหวัดเชียงใหม่....” พนักงานหญิงแจ้งข่าวแก่ผู้โดยสาร ด้วยท่าทีกระฉับเฉงอรชร เชียงใหม่เช้านี้ ท้องฟ้าไม่ค่อยมีเมฆมาก พระอาทิตย์สีแดงที่เส้นขอบฟ้า ปล่อยแสงแสบปวดตา ผมลงจากรถทัวร์คันใหญ่ เดินมุงหน้าไปหารถแดง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมจะได้รู้จักชีวิตในอีกมุมหนึ่งของคนที่ถูกเรียกว่า “แก๊ง” ได้มากกว่าที่คิดไว้แม้ว่าในช่วงแรกๆ ความสัมพันธ์ของผมกับเขาจะเป็นแบบ ถามเพื่อเอาข้อมูลไปทำโครงการ แต่สิ่งที่ผมได้มากกว่าการเก็บข้อมูล นั้นคือความผูกพันธ์ มิตรไมตรี และการช่วยเหลือกันและกันของเพื่อนๆ พี่ๆ ผมได้เรียนรู้ว่า ความจริงใจ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเรา เมื่อก่อนมีเขาและมีผม แต่ตอนนี้คำว่า “เรา” มันทำให้ไม่มีเขา ไม่มีผม หลายสิ่งที่ผมได้ทำ หรือเพื่อนๆ ได้ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่วัยอย่างพวกเราต้องเผชิญ อาจต่างกันมากน้อยคละเคล้ากันไปตั้งแต่จบมัธยมปลายมาหลายปี…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ต้นเดือนเมษายน – เทศกาลปีใหม่เมืองหรืองานสงกรานต์ใกล้เข้ามาถึงในอีกไม่กี่วัน วันหนึ่งพี่เหน่งโทรศัพท์มาหาผมเพื่อชวนผมไปเยี่ยมรุ่นน้องคนหนึ่งที่คุกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ผมไม่ปฏิเสธ และได้ตระเตรียมข้าวของต่างๆ เพื่อไปเยี่ยมรุ่นน้องพี่เหน่งไม่บอกว่าใครอยู่ในคุก เพราะอยากให้ผมได้รู้ด้วยตัวเองว่ามาหาใคร ไม่กี่นานพี่เหน่งก็มารับผมที่บ้านพัก แล้วรีบบึ่งรถไปยังจุดหมายโดยเร็วแดดร้อนแผดเผาไปทั่วใบหน้า รถชอบเปอร์คันโตของพี่เหน่งพาเราสองคนมาถึงคุกในไม่กี่อึดใจ พี่เหน่งเดินบ่ายหน้าเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อขอเยี่ยมผู้ต้องขัง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ข้อมูลจากการพูดคุยกับคนทำงานด้านเยาวชน พบว่าวัยรุ่นชายที่อยู่ในกลุ่มมีความคึกคะนองสูง ดังนั้นในการเรียนรู้เรื่องสุขภาพ หรือการดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพ จึงเป็นเรื่องที่ถูกละเลย หรือมองข้ามความสำคัญไป หลายคนยังขาดความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพ มีความประมาท ยกตัวอย่างเช่น การสวมถุงยางอนามัย สลับกับไม่ใส่ แกล้งดึงหัวจุกถุงยางอนามัยออกเพื่อแกล้งให้เพื่อนหญิงท้อง พฤติกรรมเหล่านี้เป็นการละเลยเรื่องการติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ไป ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเรื่องที่วัยรุ่น มีเรื่องชกต่อยกันทำให้เกิดการบาดเจ็บและถึงขั้นถูกดำเนินคดีและบางรายถูกตัดสินให้อยู่ในเรือนจำ เป็นต้นนอกจากในกลุ่มจะมีเด็กชายและ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
หากวัยรุ่นคนหนึ่งจะเข้ามาร่วมในกลุ่มนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการสมัคร หรือทดสอบก่อน คือ ใครต้องการเข้าร่วมกลุ่มก็สามารถเข้ามาทำความรู้จักได้เลย เพียงแค่มีความเป็นเพื่อนและจริงใจเท่านั้นการเข้ามาในกลุ่มแก๊งของคนใหม่ๆ หรือการพยายามสร้างตัวแทนของกลุ่ม นับว่าไม่ได้เป็นไปตามกรอบเกณฑ์ เพราะการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในกลุ่มแก๊ง เกิดขึ้นโดยระบบความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับเพื่อน การเคารพผู้ที่อายุมากกว่าว่าคือรุ่นพี่ การเคารพผู้ที่อายุน้อยกว่าหรือรุ่นน้อง เป็นการสร้างความสัมพันธ์แนวราบ คือ การส่งต่อเพื่อนสู่เพื่อน พี่สู่น้อง…