Skip to main content

มาริยา มหาประลัย

20080527

1

“ขอโดลเช่ เดอ ลาเช่ ขนาดกลางแก้วหนึ่งค่ะ เพิ่มกาแฟอีกชอตและะ No whip cream ค่ะ อ้อ! ขอแบบไลท์ด้วยนะคะ Low Calories ด้วย ขอบคุณค่ะ”

เฮือก! โล่งอก! ฉันพูดประโยคยาวยืดนี่จบซะที! จะมีใครรู้ไหมนะว่าฉันต้องฝึกพูดคำว่า “โดลเช่ เดอ ลาเช่” มาตั้งกี่ครั้งกว่าจะมาเสนอหน้าสั่งกาแฟชื่อประหลาดอย่างคล่องปากนี่ได้ แต่คริๆ...คงไม่มีใครรู้หรอก เพราะฉันวางมาดดีไม่มีหลุดราวกับเรียนการแสดงจากครูแอ๋วมาเสียขนาดนี้ ใครๆก็ดูแต่เปลือกกันทั้งนั้นแหละเธอ! เอาล่ะ สะบัดบ๊อบไปนั่งรอกาแฟได้แล้วย่ะยัยมาริยา อ๊ายส์! จ่ายเงินก่อนสิยะเธอ!!
 
ฉันใช้ริมฝีปากที่ทาลิปสติค Christian Dior อย่างบรรจง ค่อยๆ ดูดกาแฟ Starbucks ราคาเฉียดสองร้อยบาททุกหยาดหยดในมืออย่างเนิบช้า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ต้องกำซาบรสชาติกาแฟแถมยังต้องประคองจริตในเวลาเดียวกัน

“ต๊าย! เริ่ด! นี่มันคือการจุมพิตกันระหว่างสองแบรนด์ดังระดับโลกจากปาริเซียงและซีแอตเทิลเชียวนะเนี่ย!” ฉันรำพึงในใจอย่างหมั่นไส้ตัวเอง ชิ!

หลังจากอุดอู้อยู่ในบ้านมาหลายวัน วันนี้ฉันนึกทำเก๋อยากออกมาลัลล้านอกบ้านบ้าง แต่นอกจากบ้านและที่ทำงานแล้ว จะมีอีกสักกี่ที่กันเชียวในกรุงเทพฯ ที่เราจะไปกันได้ไม่รู้จักเบื่อถ้าไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า และการดื่มกาแฟนอกบ้านก็เป็นกิจกรรมที่ฉันดัดจริตเลือกทำให้สมกับเป็น “คนเมือง” ชิ! Cool โคตรเลยกู!!

แต่เฮ้อ! สาบานได้ว่าลิ้นจระเข้อย่างฉันไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างกาแฟได้ สำหรับฉัน กาแฟอร่อยก็คือกาแฟอร่อย...แค่นั่นแหละ แล้วกาแฟ Starbucks ก็อร่อยมากและแพงมากในเวลาเดียวกัน แต่แหม...ฉันรู้สึกเริ่ดๆ เชิดๆ ชะมัดเวลาได้สั่งกาแฟชื่อยาวๆ เรียกยากๆ อย่าง “โดลเช่ เดอ ลาเช่” ฟังดูเก๋ไก๋และแสดงทักษะการพูดขั้นสูงกว่าคำว่า “มอคค่าปั่น” อยู่เห็นๆ เท่สมกับที่วันนี้ฉันดื่มกาแฟแก้วเดียวแพงกว่ากินข้าวสามมื้อรวมกันเสียอีก!

“ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์...” ฉันท่องคาถากล่อมประสาทไว้ โฆษณาทั้งหลายก็กรอกสมองเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่า เราจะเหนือว่าคนอื่นได้ก็ด้วย “ไลฟ์สไตล์” เวลาออกเสียงตัว “L” ต้องเอาลิ้นแตะเพดานปากด้วยนะคะ ไม่งั้นจะกลายเป็น “ไล้-สะ-ตาย”...อ๊ายส์! เสร่อค่ะ ไร้สไตล์กันพอดี!

2

ระหว่างที่เดินแรดลัลล้าไปมาอยู่ในห้างหรูนั้น พลันฉันก็สังเกตเห็นว่า ผู้คนรอบตัวของฉันล้วนดูดีมีระดับราวกับหลุดมาจากโฆษณาในนิตยสารชั้นนำ เสียงรองเท้าส้นเข็มคู่แล้วคู่เล่ากระทบพื้นหินอ่อนสีขาวเป็นเงา โอ้ว! นั่น Jimmy Choo! นั่น Gucci! นั่น Manolo Blahnik! และนั่นอิมพอร์ตจากประตูน้ำ! ท่วงท่าของแต่ละนางนายดูมาดมั่นราวกับกำลังเดินบนรันเวย์แฟชั่นโชว์ที่มิลาน ต่างกันตรงที่ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่นางแบบต้องทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตลอดเวลา อันนี้ไม่รู้ทำไม แต่ละคนถือเดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นหอบถุงชอปปิ้งพะรุงพะรังแต่มาดยังสวยอยู่ตลอดเวลา เครดิตการ์ดใบแล้วใบเล่ารูดปรื๊ดรูดปรื๊ดสลับกันไม่เว้นสักนาที

ถ้าความคิดมีเสียงได้ ฉันอาจได้ยินเสียงลิ้นแตะเพดานปากออกเสียงตัว “L” เป็นระวิง ในคาถากล่อมประสาท “ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์...” อยู่ก็ได้!     

“ชิ! ใครว่าคนไทยจนวะ!” ฉันแอบสบถอยู่ในใจ


ถ้าทุนนิยมนับถือเงินเป็นพระเจ้า และการบริโภคคือวิถีปฏิบัติเพื่อให้ลัทธินี้อยู่ยั้งยืนยงคงกระพัน กรุงเทพฯ ของฉันก็นับเป็นเมืองที่มีเทวสถานในนามว่า “ห้างสรรพสินค้า” อยู่อย่างมากมาย (เอาแค่ว่าลงรถไฟฟ้าที่สยาม คุณก็ไปได้ไม่รู้ตั้งกี่ห้าง) และแน่นอนว่ามีผู้เข้าลัทธิที่ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดอยู่ล้นหลาม

เมื่อเช้าน้ำมันเพิ่งขึ้นพรวดรวดเดียว 80 สตางค์ และมีทีท่าว่าจะพุ่งปรี๊ดไม่มีหยุด บางประเทศกำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนอาหาร ราคาข้าวแพงเป็นประวัติการณ์ มีแนวโน้มว่าหากรัฐบาลพม่าไม่ยอมให้ต่างชาติเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุนาร์กริส จะมีชาวพม่าล้มตายเกือบครึ่งล้าน! ไหนจะแผ่นดินไหวที่จีนอีกเล่า มีคนตายและสูญหายตั้งเท่าไร คนที่นั่นจะใช้ชีวิตกันอย่างไร และหากใครได้รับรู้ถึงอันตรายจากภาวะโลกร้อนคงรู้ว่า อีก 10 ปีข้างหน้าเราอาจจะไม่มีอะไรเหลือแม้แต่ชีวิตของเราเอง!

ราวกับอยู่กันคนละโลก โลกที่ฉันเห็นในหนังสือพิมพ์เมื่อเช้าช่างโหดร้าย ดู “เป็นจริง” เหลือเกิน ในขณะที่โลกในห้างหรูแห่งนี้ดูงดงามเฉิดฉายและรุ่มรวยความสุข โลกทั้งสองดูต่างกันมากราวกับว่าหากเปิดประตูห้างออกไปคงมีแต่เสียงร่ำไห้โหยหาลมหายใจของผู้คนที่เดือดร้อน เสียงสบถด่าของผู้คนที่แตกแยก แต่แวบเข้ามาในเขตห้างเมื่อไรจะได้ยินแต่เสียงรองเท้าส้นเข็ม เพลง Chill Out จากอัลบั้ม Pink Martini เสียงหัวเราะฮิฮะคิกคักของผู้คนที่ดูงดงามแต่ดูเหมือนกันไปหมดจนขาดอัตลักษณ์ และแน่นอน...เสียงเอาลิ้นแตะเพดานปาก “ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์...”

อ๊ายส์!!! นี่เราอยู่บนโลกใบเดียวกันแน่ชิมิเคอะ!

3

มีคำกล่าวว่า “เวลาเรารู้สึกแย่ให้มองลงไปที่คนที่แย่กว่าเราแล้วจะสบายใจ” ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่า ต่อให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายแค่ไหน เราก็ยังมีคำปลอบประโลมให้ตัวเองอยู่เสมอว่า ยังมีคนที่แย่กว่าฉันอีก ว่าแล้วก็เชิดหน้าสะบัดบ๊อบกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม น้ำมันแพงเรอะ เอาวะ! ดีกว่าคนพม่าโดนพายุถล่ม, ต๊าย! น้ำหนักขึ้น เอาวะ! ดีกว่าเด็กซูดานที่ไม่มีอะไรกิน แต่เห็นทีฉันไปหาอะไรที่ Low-Carb ทานหน่อยดีกว่า ฯลฯ เรารู้ว่าเมื่อเรารู้สึกแย่เราจะ “มองลง” ไปหาใครได้บ้าง แต่แล้วคนที่อยู่ ณ ฐานล่างสุดของพีระมิดเล่าจะมองไปที่ไหนได้อีก!

ปัญหาของคนอื่นดูใหญ่และยากกว่าเราเสมอ และการมองปัญหาว่า นี่ปัญหาของฉัน นั่นปัญหาของเธอ ก็ทำให้เรามองไม่ออกว่าโลกของเราเชื่อมโยงถึงกันอย่างไร เรานึกไม่ออกว่ามีพายุที่พม่าแล้วจะมีผลกระทบต่อเราที่กำลังเดินอยู่ในห้างสบายใจเฉิบอย่างไร และต่อให้เรานึกออกว่าภาวะโลกร้อนอันตรายแค่ไหน แต่เราก็จินตนาการไม่ออกว่าจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีแอร์ ฯลฯ

ปฏิกิริยาของผู้คนก็คงเหมือนอย่างประโยคหนึ่งในหนังเรื่อง Hotel Rwanda ที่ว่า “พวกเขาก็จะดูภาพพวกนี้ในทีวีแล้วพูดว่า ‘พระเจ้า! นั่นมันโหดร้ายเหลือเกิน’ แล้วก้มลงกินอาหารค่ำต่อไป...”

4

โดลเช่ เดอ ลาเช่ ของฉันหมดไปตั้งนานโขแล้ว ฉันนึกอยากกลับบ้านไปกินอะไรที่มันอิ่มท้องมากกว่าเสียที แต่ให้ตายสิ! ฝนดันมาตกเสียนี่ เสียงบ่นพึมพำของคนแปลกหน้าใกล้ๆ ตัวทำให้ฉันรู้ว่าฝนตกหนักมาเป็นชั่วโมงๆ แล้ว

ตราบเท่าที่เราใช้ไลฟ์สไตล์อยู่ใต้ร่มเงาอันแสนสบายของโลกในห้างนี้ เราจะไม่มีวันรู้เลยว่าโลกข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ฝนจะตก แดดจะออก มีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกบ้าง เวลาไม่เคยสำคัญสำหรับโลกในห้างนี้ ฉันไม่เคยเห็นห้างไหนมีนาฬิกาไว้ประจานเวลา ไม่แปลกหรอกที่บางครั้งเราจะเผลอปรนเปรอไลฟ์สไตล์ของเราในห้างจนหมดวันอย่างไม่ทันรู้ตัว แหม...ปล่อยให้คนเดินนานๆเข้าเดี๋ยวก็เสียตังค์เพิ่มเองแหละน่า!  

“อย่าออกไปเลย เดี๋ยวเปียก อยู่ในห้างนี้แหละ สบายกว่ากันเยอะ เดี๋ยวไปหาเค้กกินแก้เซ็งกันดีกว่านะเธอ” ว่าแล้วกลุ่มเพื่อนสาวก็เดินหัวเราะฮิฮะสะบัดบ๊อบจากไป

ใช่... “อย่าออกไปเลย อยู่ในห้างสบายกว่าเยอะ” ชิมิเคอะคุณ!!!

บล็อกของ กิตติพันธ์ กันจินะ

กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะ บางทีแล้วการที่เราออกมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น มันก็มีรูปแบบที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามบริบทของการทำงานและพื้นที่สภาพแวดล้อม ซึ่งนั่นล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการทำงานของกลุ่มคนที่มากมายหลายประเภทเฉกเช่นดอกไม้ในสวนน่ายล ท่ามกลางบรรยากาศสังคมอมยิ้มไม่ออกเช่นนี้ เยาวชนคนหนุ่มสาวก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่เข้าไปอยู่ในบริบทของความย้อนแย้งขัดเกลาเราเขาเช่นนี้ กล่าวคือมีทั้งเยาวชนที่เห็นด้วยกับแนวทางของซีกพันธมิตร และเยาวชนที่ไม่เห็นด้วยก็มีมาก ส่วนกลุ่ม “สองไม่เอา” นั่นก็มีไม่น้อย ทว่า กลุ่มที่ดูจะมีคือ “กรูไม่เอาสักอย่าง” เสียอีกที่มีเยอะ
กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นเมื่อมีการชุมนุมของพี่ๆ ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และ กลุ่มต้านพันธมิตรฯ คือ “อีกแล้วเหรอ”  ซึ่งเป็นความรู้สึกที่กลัวว่าเหตุการณ์จะนำพาไปสู่เหตุการณ์ “รัฐประหาร” เหมือนเมื่อครั้งปี 2549 อีกหนที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ถูกมองว่า เป็น “เงื่อนไข” สำคัญที่ทำให้เกิดการรัฐประหารในครั้งล่าสุด แถมยังไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในการต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งเลยแม้แต่นิด ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่คนอื่นๆ ทั่วไป เขาจะมองว่ากลุ่มพันธมิตร เอาดี เห็นงาม กับการทำให้เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนั้นสำหรับนักประชาธิปไตยอีกฝากแล้ว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
กิตติพันธ์ กันจินะ หลายวันที่ผ่านมาผมและเพื่อนๆ หลายคน ที่ติดตามข่าวเรื่องการชุมนุมของ “พันธมิตร” ต่างใจจดใจจ่ออยู่กับจุดมุ่งหมายท้ายสุดที่จะเดินไปถึง พร้อมๆ กับกระแสข่าวการ “ปฏิวัติ” ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็เชื่อมั่นว่าการชุมนุมโดย “สันติ” อย่างมี “สติ” เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่สามารถดำเนินการได้ แต่การสลายการชุมนุมโดยการใช้ “ความรุนแรง” ที่ “ไร้สติ” นั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์และปรารถนายิ่งนัก
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย1“ขอโดลเช่ เดอ ลาเช่ ขนาดกลางแก้วหนึ่งค่ะ เพิ่มกาแฟอีกชอตและะ No whip cream ค่ะ อ้อ! ขอแบบไลท์ด้วยนะคะ Low Calories ด้วย ขอบคุณค่ะ” เฮือก! โล่งอก! ฉันพูดประโยคยาวยืดนี่จบซะที! จะมีใครรู้ไหมนะว่าฉันต้องฝึกพูดคำว่า “โดลเช่ เดอ ลาเช่” มาตั้งกี่ครั้งกว่าจะมาเสนอหน้าสั่งกาแฟชื่อประหลาดอย่างคล่องปากนี่ได้ แต่คริๆ...คงไม่มีใครรู้หรอก เพราะฉันวางมาดดีไม่มีหลุดราวกับเรียนการแสดงจากครูแอ๋วมาเสียขนาดนี้ ใครๆก็ดูแต่เปลือกกันทั้งนั้นแหละเธอ! เอาล่ะ สะบัดบ๊อบไปนั่งรอกาแฟได้แล้วย่ะยัยมาริยา อ๊ายส์! จ่ายเงินก่อนสิยะเธอ!!  ฉันใช้ริมฝีปากที่ทาลิปสติค Christian Dior อย่างบรรจง ค่อยๆ ดูดกาแฟ…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัยปล. คาวีเป็นชื่อพระเอกในละครตบจูบเรื่อง “สวรรค์เบี่ยง” ทางช่อง 3 ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้สวัสดีค่ะ คุณคาวี พักนี้มีข่าวข่มขืนขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์กันพรึ่บพรั่บ ราวกับคนในบ้านเมืองของเราร่วมแรงแข็งขัน (และแข่งขัน) กันข่มขืนเป็นเมกะโปรเจ็กต์ ตั้งแต่รุ่นเด็กประถมยันอาจารย์มหาวิทยาลัย ดูแล้วชวนห่อเหี่ยวละเหี่ยใจเสียฉิบ ไม่ยักเหมือนเวลาดูคุณคาวีข่มขืนเลยนะคะ ดูแล้วได้ความบันเทิงเริงเมืองปนโรแมนติค ก็แหม…เวลาพูดถึงคนร้ายข่มขืนผู้หญิงทีไร ใครๆ ก็นึกถึงแต่ผู้ชายตัวดำๆ ไว้หนวดเครารุงรัง หน้าเถื่อนๆ ยืนดักอยู่ตามซอกตึก เหม็นกลิ่นเหล้าคุ้งเคล้ากลิ่นเหงื่อปนกลิ่นคาวปลาตามตัว…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมต้องคิดหนักและเหนื่อยกับการใช้พลังในการพัฒนาโครงการ “กล้าเลือก กล้ารับผิดชอบ” ของเครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย โครงการนี้เป็นโครงการที่จะสร้างกลไกระดับพื้นที่เพื่อรณรงค์ สร้างความเข้าใจเรื่องเอดส์ เพศศึกษาอย่างรอบด้าน และสนับสนุนให้เยาวชน ตระหนักและมีทัศนคติที่ดีในการเรียนรู้เรื่องการป้องกันเอดส์ รู้จักประเมินความเสี่ยงของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของตนให้ปลอดภัยผ่านการดำเนินการกับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนในพื้นที่ 8 กลุ่ม ใน 20 จังหวัดกระจายไปในภาคต่างๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการตลอดระยะเวลา 12 เดือน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
มาริยา มหาประลัย
กิตติพันธ์ กันจินะ
ประมาณวันที่ 14 เมษายน 2551 นี้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550  ก็จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวและได้มีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551ส่งผลให้ต้องมีการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกลุ่ม องค์กร เยาวชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับพื้นที่ อย่างขะมักเขม้นอย่างไรก็ตามสำหรับเจตนารมณ์แล้ว กฎหมายฉบับดังกล่าวมีขึ้นมาเพื่อให้เกิดกลไกการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและเอกชน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ผมได้แรงบันดาลจากการเขียนเรื่องนี้จากภาพยนตร์เรื่อง “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น” หนังใหม่ ที่กำลังฉายในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่านๆ ว่ากันด้วยเรื่องของเนื้อหาในหนังนั้น ผมก็ยังไม่ได้ไปชม เพียงแต่ดูเนื้อในจากเว็บไซต์ก็พอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องราวของวัยรุ่น 4 วัยในความรัก 4 มุม ทั้ง รักที่ต้องแย่งกัน รักนักร้องดาราคนโปรด รักนอกใจ และรักข้างเดียว ....อืม เอาเป็นว่า ใครอยากรู้เรื่องมากขึ้นลองเข้าเว็บไซต์ www.pidtermyai.com  ดูแล้วกันนะครับในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอชีวิตที่เกิดขึ้นของวัยรุ่นจำนวนหนึ่งในช่วงปิดเทอมใหญ่ ซึ่งบางคนก็ใช้เวลาไปแข่งกันขอเบอร์ผู้หญิง…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ใครจะไปรู้ว่าเทคโนโลยีบางอย่างจะทำให้เราไม่พลาดการสื่อสารที่สำคัญได้จริงๆ เรื่องเกิดเมื่อวันหนึ่ง, ขณะที่ผมกำลังออนไลน์โปรแกรมแชทยอดนิยมนั้น พี่ต้าร์ (วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แห่งกลุ่ม Y-ACT) ก็ได้เข้าโปรแกรมออนไลน์ MSN จากในค่ายแห่งหนึ่ง ณ สวนแสนปาล์ม นครปฐม ซึ่งเป็นการอบรมนักศึกษาอาชีวศึกษากว่า 30 สถาบัน  “อยากดูป่ะ” พี่ต้าร์ถามและได้เปิดโปรแกรมวิดีโอออนไลน์ขึ้นมาผมตอบว่าอยาก – สักพัก ภาพเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ปรากฏออกมา และมีภาพของเพื่อนๆ เยาวชนที่เข้าร่วมค่ายกำลังทำกิจกรรมอย่างสนุกสนานผมถามพี่ต้าร์ว่ามาทำอะไรกัน?พี่ต้าร์ บอกว่า “วันนี้น้องอาชีวะกว่า สามสิบสถาบัน…
กิตติพันธ์ กันจินะ
ในที่สุดนายกทักษิณ ก็ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากที่ต้องเร่ร่อนรอนแรมอยู่ต่างประเทศตั้งปีกว่า กลับมาหนนี้ถือว่าได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองในคดีต่างๆ ที่ตกเป็นจำเลย และยังได้กลับมาอยู่ใกล้ครอบครัวของตนเสียด้วย ยังไม่นับรวมถึงการที่จะต้องเข้ามาเคลียร์เรื่องอะไรอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในพรรคและการเมืองที่ยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าใดนัก  ผมดูการกลับมาของคุณทักษิณ แล้วนึกถึงชีวิตของเด็กๆ ที่เร่ร่อนไร้บ้านอีกหลายคน ที่ต่างก็พเนจรไปในที่ต่างๆ ไม่ได้กลับบ้าน หรือบ้างก็ไม่มีบ้านอยู่อาศัย ซึ่งชะตากรรมของเขาหลายๆ คน ถือว่า "หนัก" กว่าคุณทักษิณหลายเท่า…
กิตติพันธ์ กันจินะ
  หลังจากที่โครงการเยาวชนไทยไม่ทอดทิ้งสังคม หรือ โครงการเยาวชน1000ทาง 1 ได้ดำเนินการมาจนจบวาระหนึ่งปีก็ถือว่าเรียนจบครบเทอมพอดี เพื่อนๆ พี่ๆ ทีมงานหลายคนต่างได้รับความรู้และประสบการณ์ในการทำงานเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าโครงการเยาวชน1000ทาง จะเกิดจากความร่วมมือของเครือข่ายเยาวชนที่ทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาหลายปี แต่สำหรับประเทศไทยนั้นนับว่ามีโครงการที่สนับสนุนกิจกรรมของเยาวชน "มือใหม่" ไม่มากนัก ฉะนั้นโครงการเยาวชน1000ทาง ถือว่าเป็นโครงการที่ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการทำงานโดยเยาวชนดำเนินการ มีผู้ใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นที่ปรึกษาการทำงาน…