Skip to main content

6_6_01

กรกฎาคม 2550
กาดงัวสันป่าตอง

ฉันหยุดยืนหน้าแผงขายสมุนไพรเจ้านึง คนขายเป็นชายวัยเกินกลางคน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ส่งเสียงดังฟังชัดว่า
“เอาเลย ถ่ายเลย ตามสบาย” พลางทำหน้าอย่างหนึ่ง จะว่ากะลิ้มกะเหลี่ยก็คงไม่ใช่ คาดคะเนอะไรก็เดาไม่ออก ดูท่าทีแล้ว น่าจะเป็นคน “อารมณ์ดี๊ดี” เสียละมากกว่า

“ชอบมั้ยๆ ชื่อดีเน้อ” นั่น ว่าแล้วไง แต่แหม จะให้ฉันทำหน้าตาแบบเฉยเมยได้กระไร เดี๋ยวคนแก่จะผิดหวัง
สาวผมสั้นสวมกางเกงแมนๆ เลยทำหน้าเขินเสียหน่อย
“เอ่อ...ค่ะ” พลางหลบตาคุณลุง (แก่ขึ้นเรื่อยๆ ในสายตา อีตานี่) พอให้หัวใจชราเต้นกระดึบๆ ด้วยความยินดี

แหม รู้ทันน่าลุง ไม่ต้องอ่านออกเสียง ไม่ต้องอ่านออกเสียง

กดชัตเตอร์อีกสองสามครั้งกันพลาด แล้วก็เบ่งแก้มแดง (หวังว่ามันจะแดง) อีกอึดใจหนึ่งถึงเดินออกมา
เสียงหัวเราะลั่น ชัดไปสักเจ็ดแผง
“โอ้ย...สาวๆ เขาเขิน”
เฮ้อ นานๆ ทีได้หลอกคนแก่เล่น ก็เป็นเรื่องเพลินๆ ดีนะ :-)

 

 

6_06_02

วันเดียวกัน
กาดเดียวกัน

แม่เฒ่าสองคนนี้หัวเราะร่าเริงเมื่อฉันถามว่า
“ทำไมยายเอาของมาขายนิดเดียว ดูซิ ซื้อไปก็ไม่เข้ากัน”
บนแผงของสองยาย ประกอบไปด้วย มะระขี้นก 1 กอง, ชะอม 1 กำ, ยอดมะไห่ 3 มัด, ปลาจ่อม 2 ขวด อย่างหลังนี้บรรจุมาในขวดสปอนเซอร์ รัดปากด้วยถุงพลาสติกกับหนังยาง ถ้าเปิดคงกลิ่นฟุ้ง

“ก็เอาเท่าที่มีมาไง” ยายคนหนึ่งตอบ “เก็บๆ มาจากบ้าน”
“แล้วขายยังไงคะ” ฉันพิจารณาว่าจะทำอะไรกินดี จากวัตถุดิบพวกนี้ ถ้าซื้อไป
“ผักไห่กำละสองบาท เอาไปเลยสามกำห้าบาท ชะอมสามบาท มะระขี้นกห้าบาท ปลาจ่อมขวดละยี่สิบ”
ฉันยังคิดไม่ตก ว่าจะแกงยอดผักไห่ใส่ปลาจ่อมได้หรือเปล่า หรือจะเอาชะอมไปผัดไฟแดงดี

“ไม่ซื้อไม่ว่า มาดูเฉยๆ ก็ม่วนใจ๋แล้ว” ยายว่า
“มาขายก็เหมือนมาแอ่ว” ยายอีกคนต่อ แล้วก็ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม เห็นฟันดำๆ
เฮ้อ ยายหนอยาย โลกคงสงบสุขกว่านี้อีกมาก หากอีกหลายๆ คน เป็นแบบยาย ณ เวลานี้
หรือมีคนแบบฉันน้อยๆ หน่อย
คนที่แล้วก็ตกลงซื้อผักยาย
ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรดี (สุดท้ายก็เน่าในตู้เย็น)

 

 

6_06_03

อีกวันต่อมา
ฉันไปกาดงัวอีกรอบ

กดชัตเตอร์เก็บภาพนี้ขณะเพื่อนที่ไปด้วยกันเดินลิ่วไปข้างหน้า ดูเหมือนเธอจะหิวและกำลังมุ่งมั่นหาของกิน
ยายในเสื้อคอกระเช้าสีฟ้านี้ กราบแล้วกราบอีก ก้มแล้วก้มเล่า เพื่อวิงวอนโดยไม่มีเสียงให้คนบริจาคทานให้

ความคิดแรก ฉันนึกถึงประโยคสุดฮิตในใจ “ให้ดี ไม่ให้ดี แกงค์ขอทานหรือไม่ ใช่หรือไม่ใช่ ให้กี่บาท ให้กี่บาท”
ความคิดต่อมา “เอ...ยายมีลูกไหมนะ มีหลานหรือเปล่า บ้านอยู่ที่ไหน สมัยยายสาวๆ มีความคิดฝันอย่างไรบ้างหนอ เคยคิดไหม ตัวเองจะต้องมาขอทานกลางตลาดแบบนี้”

สมองซีกซ้าย “อย่าให้เลยน่า อาจไปสนับสนุนการทารุณคนแก่ เผื่อยายโดนคุมตัวมา”
สมองซีกขวา “ฮู้ย...อย่าระแวงนักเลย ก็เห็นอยู่ว่าแกก้มแล้วก้มอีกขนาดไหน ถ้าเป็นงานคงไม่วิงวอนขนาดนี้”

หัวใจห้องที่ 1 “ฮึก...ฮึก (บ่อน้ำตาตื้น) แก่มาฉันจะเป็นแบบยายไหมเนี่ย ฮึก...ฮึก...
หัวใจห้องที่ 2 “อึก...อึก (คิดถึงยายของตัวเอง คิดถึงแม่ของตัวเอง คิดถึงคนแก่ที่ร่วมโลกกับตัวเอง)”
หัวใจห้องที่ 3 “บ้า อย่าโรแมนติคนักเลย อย่าเป็นคนช่างฝัน ชีวิตใครชีวิตมัน สะท้อนใจแล้วได้อะไรขึ้นมา”
ติ่งหัวใจห้องที่ 5 (ข้ามห้องที่ 4 ไปก่อน เพราะดูเหมือนมันจะยังคิดอะไรไม่ออก)
“เฮ้อ”

ฉันหย่อนเหรียญให้ยาย เสียงกระทบลงขันพลาสติกดังทึบๆ ยายไม่แม้แต่จะเงยหัวขึ้นมองหน้า ปากพร่ำแต่ว่า
“สาธุ เจริญเถอะคุณ สาธุ”
อุ่นๆ ที่ขอบตา ฉันได้แต่บอกตัวเองว่า
ชีวิตก็เหมือนนิยาย อย่าไปเอานิยายอะไร...กับชีวิต.

บล็อกของ ก.ศ.

ก.ศ.
  ควักไส้หนีบไม้ปิ้ง สดจริงๆ ยิ่งย่างหอมเครื่องในล้างให้พร้อม บางตัวไข่อยู่ในพุงไม้นี้ยี่สิบบาท ตัวขาขาดแถมในถุงอย่าต่อเลยน้อลุง นี่กบทุ่งจับจากนาหายากและหาเย็น กว่าจะเป็นอาหารมาแต่เช้านั่งเข่าล้า ขาเป็นเหน็บเจ็บส้นตีนหมดนี้มีแปดไม้ กินไม่ได้ไม่ต้องวีนฝรั่งยังไทยจีน กินต่างกันมันทำไมไม่กินอย่ารังเกียจ กระฟัดเฟียด “กินได้ไง!”ไปเลย ลุงรีบไป ชักหมั่นไส้คนควงมากบ กบ เจ้าข้าเอ๊ย รีบซื้อเลยตามราคาเลือดตกอกฉี่ฉ่า พล่าแกงยำน้ำลายกระเซ็นฯ
ก.ศ.
คุณป้าสองคนนี้ทำให้ฉันคิดถึงแม่ เมื่อตอนเด็กๆ ในฤดูร้อน แม่มักจะแต่งตัวมิดชิดประมาณนี้ ประกอบไปด้วยหมวก เสื้อแขนยาว ผ้าถุงกรอมเท้า หิ้วถุงพะรุงพะรังเพื่อปั่นจักรยานไปซื้อของในเวียง บ้านเราเรียกตัวอำเภอว่า “เวียง” เรียกคนในอำเภอว่า “คนเวียง” และเรียกตัวเองว่า “คนบ้านไกล” สมัยนั้น ระยะทางสัก 5 กิโลเมตร ให้ความรู้สึกว่าไกลสัก 50 กิโลเมตร เพราะเราต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะปั่นไปถึง ก่อนไป ต้องใช้เวลาอีกค่อนชั่วโมงในการตัดเล็บ หวีผม ทาแป้ง แต่งตัว ฯลฯ แหม เป็นธรรมดาของการไปช็อปปิ้งนิ :-) วันไปเที่ยวตลาดนัดสันป่าตอง ฉันเห็นคุณป้าสองคนนี้หิ้วของกัน พลางปรึกษาหารือ มองทางนู้นทางนี้…
ก.ศ.
ฉันชอบภาพเตาอั้งโล่สองตัวนี้มาก ประสาคนช่างจินตนาการ ฉันเห็นมันเป็นเพื่อนชีวิตคู่หนึ่งที่อยู่กันมานานยาวอาจเป็นชายกับหญิง หญิงกับหญิง หรือชายกับชาย นั่นไม่ใช่ประเด็นแต่เป็นการผ่านร้อน ผ่านไฟ ผ่านหนาวด้วยในบางฤดู ดีไม่ดีคงผ่านฝน ผ่านมือคนหลายมืออยู่นี่เป็นเตาที่ใช้ได้ทั้งไม้ฟืนและถ่านตอนเด็กๆ ที่บ้านเราก็เคยใช้เตาแบบนี้ ทุกเช้า แม่จะเริ่มต้นใช้มันด้วยการนึ่งข้าว แกงผัก ปิ้งเนื้อ ในช่องเล็กๆ ที่เป็นจุดกักขี้เถ้า บางวันก็จะมีห่อใบตองยัดเข้าไปเราใส่อะไรได้ตั้งเยอะแน่ะ ในห่อใบตอง แหนมหมูทำเอง, ปลาร้าทำเอง, พริกกับหอมกระเทียม, มะเขือเทศลูกเล็กๆ ฯลฯ อาหารจากช่องขี้เถ้านี้มักจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ…
ก.ศ.
กรกฎาคม 2550กาดงัวสันป่าตองฉันหยุดยืนหน้าแผงขายสมุนไพรเจ้านึง คนขายเป็นชายวัยเกินกลางคน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ส่งเสียงดังฟังชัดว่า“เอาเลย ถ่ายเลย ตามสบาย” พลางทำหน้าอย่างหนึ่ง จะว่ากะลิ้มกะเหลี่ยก็คงไม่ใช่ คาดคะเนอะไรก็เดาไม่ออก ดูท่าทีแล้ว น่าจะเป็นคน “อารมณ์ดี๊ดี” เสียละมากกว่า“ชอบมั้ยๆ ชื่อดีเน้อ” นั่น ว่าแล้วไง แต่แหม จะให้ฉันทำหน้าตาแบบเฉยเมยได้กระไร เดี๋ยวคนแก่จะผิดหวังสาวผมสั้นสวมกางเกงแมนๆ เลยทำหน้าเขินเสียหน่อย“เอ่อ...ค่ะ” พลางหลบตาคุณลุง (แก่ขึ้นเรื่อยๆ ในสายตา อีตานี่) พอให้หัวใจชราเต้นกระดึบๆ ด้วยความยินดีแหม รู้ทันน่าลุง ไม่ต้องอ่านออกเสียง…