คุณป้าสองคนนี้ทำให้ฉันคิดถึงแม่ เมื่อตอนเด็กๆ
ในฤดูร้อน แม่มักจะแต่งตัวมิดชิดประมาณนี้ ประกอบไปด้วยหมวก เสื้อแขนยาว ผ้าถุงกรอมเท้า หิ้วถุงพะรุงพะรังเพื่อปั่นจักรยานไปซื้อของในเวียง
บ้านเราเรียกตัวอำเภอว่า “เวียง” เรียกคนในอำเภอว่า “คนเวียง” และเรียกตัวเองว่า “คนบ้านไกล”
สมัยนั้น ระยะทางสัก 5 กิโลเมตร ให้ความรู้สึกว่าไกลสัก 50 กิโลเมตร เพราะเราต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะปั่นไปถึง ก่อนไป ต้องใช้เวลาอีกค่อนชั่วโมงในการตัดเล็บ หวีผม ทาแป้ง แต่งตัว ฯลฯ
แหม เป็นธรรมดาของการไปช็อปปิ้งนิ :-)
วันไปเที่ยวตลาดนัดสันป่าตอง ฉันเห็นคุณป้าสองคนนี้หิ้วของกัน พลางปรึกษาหารือ มองทางนู้นทางนี้ ฯลฯ แต่ดูจากลักษณะไม่รู้ว่าเพิ่งมาถึงหรือกำลังจะกลับบ้านแล้ว
การไปซื้อข้าวของของคนไกลบ้าน มักจะด้วยเหตุผลของการไปซื้อหาสิ่ง “ใช้สอย” หรือของ “จำเป็น” ในการดำรงชีวิต ในช่วงวัยรุ่น ฉันเคยขบคิดหัวแทบแตก หาความแตกต่างของคำว่า “การดำเนินชีวิต” กับ “การดำรงชีวิต” ยิ่งเวลาจ่ายเงินซื้ออะไรแต่ละอย่าง มักจะถามตัวเองเสมอว่า “มันจำเป็นต้องซื้อแค่ไหน” (ทำเองได้เปล่าว้า)
ทุกวันนี้ เรามีซูเปอร์มาเก็ตและศูนย์สินค้ามากมายใกล้บ้าน แต่ละห้างมีแอร์เย็นฉ่ำ แต่งตัวยังไงก็ได้ จะซื้ออะไรก็ได้ ขอแค่มีเงินเท่านั้น
แต่ฉันก็ยังชอบถามตัวเองอยู่ว่า “มันจำเป็นต้องซื้อแค่ไหน” (ทำเองได้เปล่าว้า)
สงสัยจะยังเป็นคนบ้านไกล (รึเปล่าว้า)
ภาพนี้ได้มาด้วยความมานะพยายามอย่างมาก
(พูดให้ฟังดูดีไปงั้นเอง จะได้ดูมืออาชีพดีไง)
ระหว่างเดินตลาดนัด ฉันเหลียวไปเห็นเด็กหนุ่มคนนี้กำลังบรรจงแต่งตัวให้หุ่น อ้ะ...น่ารักนะเด็กคนนี้ ดูซิ ยิ้มนิดๆ อย่างใจเย็น ขณะแต่งตัวให้หุ่นอย่างตั้งอกตั้งใจ
ฉันชอบคนที่มีความสุขในเวลาทำงาน ไม่ว่างานนั้นจะใหญ่หรือเล็ก ค่าตอบแทนมากหรือน้อย ทำด้วยข้อจำกัดหรือทางเลือกที่หลากหลาย
ฉันคิดของฉันเองว่า คนเราหาความสุขได้ไม่ยากในจิตใจ ก็แค่เอาใจอยู่กับสิ่งตรงหน้า อยู่กับปัจจุบัน ไม่ล่วงไปในอดีต ไม่รุกไปในอนาคต ช่วงเวลาที่ความสงบอันลึกซึ้งมาเยือน หัวใจเราจะเหมือนดอกไม้เล็กๆ ที่บานขึ้นตามธรรมชาติ รับแดด รับลม รื่นรมย์กับช่วงเวลาสั้นๆ ของตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่า
เราเป็นแบบนั้นได้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
เด็กหนุ่มคนนี้มีท่าทีเขินกล้องเล็กน้อยเมื่อหันมาเห็นฉัน ส่วนฉันก็อายหน่อยๆ ไม่อยากแอบถ่ายใคร แต่ก็เกินจะอดใจไหว ขออีกสักจึ้กเถอะพ่อคุณ :-p
รอจนเขาหันกลับไปปฏิบัติภารกิจกับหุ่นตัวใหม่ ได้โอกาส ฉันรัวชัตเตอร์ซ้อนๆ กริ๊กๆๆ เพราะไม่ว่าในหัวใจเขาจะคิดสิ่งใด อาจจะตรงข้ามกับสิ่งที่ฉันคิดหรือเห็น
เขาก็เป็นดอกไม้เล็กๆ ของฉัน ในบ่ายวันหนึ่ง.
แววตาของชายคนนี้ อาจเป็นเรื่องสั้นได้สักเรื่อง
ว่าแต่จะเป็นเรื่องอะไรดีล่ะ
ริ้วรอยบนมือของชายเสื้อสีชมพู ก็อาจเป็นบทกวีได้อีกสักบทหนึ่ง
เอ ว่าด้วยอะไรดีนะ
ไก่ในสุ่มไม้ไผ่นั้นเล่า ชื่อเรียงเสียงไร ค่าตัวเท่าไหร่ ป้อนข้าว น้ำ ยา ถูกทนุถนอมแค่ไหน
แล้วฉันเล่า
เก็บภาพพวกเขามาด้วยเหตุใด?