ฉันชอบภาพเตาอั้งโล่สองตัวนี้มาก ประสาคนช่างจินตนาการ ฉันเห็นมันเป็นเพื่อนชีวิตคู่หนึ่งที่อยู่กันมานานยาว
อาจเป็นชายกับหญิง หญิงกับหญิง หรือชายกับชาย นั่นไม่ใช่ประเด็น
แต่เป็นการผ่านร้อน ผ่านไฟ ผ่านหนาวด้วยในบางฤดู ดีไม่ดีคงผ่านฝน ผ่านมือคนหลายมืออยู่
นี่เป็นเตาที่ใช้ได้ทั้งไม้ฟืนและถ่าน
ตอนเด็กๆ ที่บ้านเราก็เคยใช้เตาแบบนี้ ทุกเช้า แม่จะเริ่มต้นใช้มันด้วยการนึ่งข้าว แกงผัก ปิ้งเนื้อ ในช่องเล็กๆ ที่เป็นจุดกักขี้เถ้า บางวันก็จะมีห่อใบตองยัดเข้าไป
เราใส่อะไรได้ตั้งเยอะแน่ะ ในห่อใบตอง แหนมหมูทำเอง, ปลาร้าทำเอง, พริกกับหอมกระเทียม, มะเขือเทศลูกเล็กๆ ฯลฯ
อาหารจากช่องขี้เถ้านี้มักจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เวลาใช้ไม้เขี่ยออกมาก็จะเสี่ยงมากด้วยกับความร้อนที่อมระอุ
แต่นั่นล่ะ ความสนุกและสีสันของวัยเยาว์
ปัจจุบันนี้ ชีวิตฉันห่างไกลจากเตาแบบนี้มาก เป็นความไม่สะดวกหลายๆ ประการหากจะกลับไปใช้สิ่งของบางอย่าง แม้จะชอบมันมากก็ตาม (อย่างไร้เหตุผล)
ฉันบอกเพื่อนว่า นอกจากจะเป็นคนแก่ (ชอบรำลึกอดีตไง) มากๆ แล้ว ฉันยังเป็นคนติดข้องกับความทรงจำ ความรัก ความคิดถึง ความผูกพัน
แม้ทั้งหมดนั้น จะดูเป็นเรื่อง...เด็กๆ...ก็เถอะ.
สะดุดตาเข้ากับภาพโฆษณานี้ ข้างแผงขายของคร่ำคร่าในตลาดนัด ความทรงจำแล่นเข้ามาเป็นระลอก นึกถึงสมัยกรอกยาผงรสเปรี้ยวขมอมหวาน (มันรวมรสแบบนี้จริงๆ) เข้าปาก หน้าเหยเก ต้องรีบดื่มน้ำตามอักๆ ก่อนจะใช้หลังมือปาดคราบขาวที่เหลือติด หวังว่าปวดจะหาย ไข้จะหาย
ฉันชอบเดินเล่นในตลาดมาก โดยเฉพาะตลาดเก่าๆ ของเมืองแก่ๆ ด้วยมักจะมีโอกาสพบเจอสิ่งละอันพันละน้อย ซึ่งไม่ได้สลักสำคัญกับชีวิตตรงไหน แต่ก็ทำให้เสี้ยววินาที หรือหลายๆ นาที หัวใจได้เต้นแรงกับความสุข ความซึม (ไม่ถึงกับเศร้าไง) ความคิดถึง ซึ่งอาจเป็นแค่ควันจางๆ ในอีกชั่วโมงถัดไป
ป้ายโฆษณายานี้ ไม่ได้เป็นของเก่ามากแต่อย่างใด หากใจฉันที่คิดถึงซองยาเก่าไปกว่านั้น
มันไม่มีเหตุผลจริงๆ
พ่อเขียนประโยคนี้แปะใต้ถุนเอาไว้ หลังจากลบคำว่า “อย่าแตะต้องส่วนเกิน” ออกไป
ลำพัง คำว่า “อย่าแตะต้องส่วนเกิน” ก็พาเอาใครต่อใครปวดหัวไปหลายวัน เพราะเมื่อถามพ่อว่า “มันแปลว่าอะไร แล้วพ่อเอามาจากไหน”
พ่อก็จะตอบด้วยมาดนิ่งประจำตัว คือเอามือวางทาบบนหน้าอกซ้าย พูดเสียงลอดฟันปลอมว่า
“เอามาจากในนี้ ส่วนความหมายแล้วแต่จะคิด”
โอ้ย พ่อใครเนี่ย ลีลาจริงๆ
แต่เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านครั้งหลังสุด พบประโยคใหม่หมาดนี้ ทำเอาฉันอึ้งหน่อยๆ
หรือพ่อจะประชดว่าฉันนั้นเรียนน้านนานก็ไม่เคยได้สักปริญญา หรือว่านามสกุลของเราชักไม่เข้าที เอ...ชีวิตพ่อไปข้องเกี่ยวอะไรกับเรื่องปริญญา !?!
อีกครั้งที่ฉันถามพ่อว่า
“พ่อ ไปจดคำมาจากไหนเนี่ย แล้วมันมีความหมายยังไง”
แต่คราวนี้พ่อยกมือทาบหน้าขา กระดกเบาๆ แบบมีจังหวะ
“ทายซิ ทายซิ พ่อจะบอกใคร”
!?!