Skip to main content

ไม่ต้องเป็นผู้ฉลาดหลังเหตุการณ์เราก็จินตนาการได้ไม่ยากว่าการชุมนุมก่อน 19 กันยายน 2549 ของกลุ่มพันธมิตร ฯ นั้นเป็นการออกบัตรเชิญให้ทหารทำรัฐประหารแม้ว่าบางคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชุมนุมของพันธมิตร ฯ หลังพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ไป ๆ มา ๆ ก็เหมือนเดิมคือการออกบัตรเชิญให้ทหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกคำรบหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลังประชาชนได้บทเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ และได้รู้ว่าความผิดพลาดในรายละเอียดเพียงนิดเดียวอาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจรอบสองได้ รัฐบาลจึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการกับม็อบพันธมิตร ฯ แต่โอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่มี โอกาสที่จะเกิดรัฐประหารก็มีเหมือนกันทั้งนี้เพราะม็อบพันธมิตร ฯ ได้รับการหนุนหลังจากคนหลายกลุ่มรวมทั้งสื่อมวลชนกระแสหลัก

การชุมนุมเคลื่อนไหวของพันธมิตรนั้นเรียกได้ว่า "ทำลายสถิติ" น่าฉงนใจอย่างยิ่งว่าแรงผลักดันชนิดใดหนอที่ทำให้คนมาเข้ากลุ่มรวมตัวกันได้ยาวนานขนาดนี้ บางคนอธิบายว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เมื่อมีคนไปจ้างให้มาชุมนุม ประชาชนก็มา แต่ผมเชื่อว่าหลายคนที่ไปชุมนุมกับพันธมิตร ฯ นั้นไม่เกี่ยวกับค่าจ้าง แต่เป็นความเชื่อฝังหัวบางประการ รวมทั้งความเชื่อที่ว่าในที่สุดกลุ่มพันธมิตร ฯ จะได้รับชัยชนะ

บางคนอธิบายว่าการชุมนุมของพันธมิตร ฯ เป็นเหมือนลัทธิทางศาสนา มีการปลุกใจ ร้องเพลง สวดมนต์ พูดง่าย ๆ ว่ามีพิธีกรรมที่กล่อมเกลาให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนจาก "ประชาชน" กลายเป็น "สาวก" ของลัทธิทางศาสนา เป็นสาวกของลัทธิพันธมิตร ซึ่งจะทำเช่นนี้ได้ก็ต้องอาศัยการโฆษณาชวนเชื่ออย่างเป็นระบบซึ่งลัทธิพันธมิตรทำได้เป็นอย่างดี

การผสมผสานกัน ระหว่างความปรารถนาทางการเมืองกับความเชื่อทางศาสนาก่อให้เกิดลัทธิที่ปนเปกันไปของความเป็นศาสนาและความเป็นการเมือง ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อผู้ฝักใฝ่ในลัทธิพิธีนอกรีต-สันติอโศก เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองด้วย ถือเป็นการบรรจบกันของศาสนาและการเมือง

ลัทธิพันธมิตร ฉลาดที่นำการเมืองและศาสนามารวมเข้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน นอกจากการขึ้นปราศรัยด้วยความกราดเกรี้ยวแล้ว ยังมีรายการบันเทิงสอดแทรกโดยตลอด มีการให้ความหวังถึงอนาคต วาดฝันถึงการเมืองใหม่ที่ไม่มีการโกงกิน การสร้างสังคมใหม่ ผู้ร้ายคือปิศาจทักษิณต้องถูกกำจัด และมีพระเอกคือเหล่าพันธมิตร ฯ การโฆษณาชวนเชื่อแบบศาสนาผสมการเมืองนี้สะกดให้ผู้คนคล้อยตามโดยแทบไม่มีเงื่อนไข

การมอมเมาวันแล้ววันเล่าของลัทธิพันธมิตร ฯ ถึงจุดสูงสุดเมื่อมาถึงวัน "เป่านกหวีดครั้งสุดท้าย" ท่ามกลางความยินดีของบรรดาสาวกที่เชื่อว่าเป็นการขยับเข้าใกล้ชัยชนะ

บางคนวิเคราะห์นี่เป็นการหาทางลงของพันธมิตร ฯ เพราะการปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานอาจสร้างแรงสะเทือนให้รัฐบาลได้แต่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้แน่นอน การดันทุรังปักหลักชุมนุมต่อไปนอกจากจะล้มรัฐบาลไม่ได้แล้ว ยังส่งผลให้รายได้จากการโฆษณาทาง ASTV หดหายไปอีกด้วยแม้ว่าจานดาวเทียมหรือขายของที่ระลึกจะขายได้ก็ตาม ลำพังเพียงแค่เงินบริจาคคงจะเลี้ยงบริษัทไปได้ไม่นานและเหล่าสาวกแม้นจะจงรักภักดีแต่ก็เหนื่อยล้าได้เหมือนกัน การเป่านกหวีดครั้งสุดท้ายจึงเป็นความจำเป็น

ลัทธิพันธมิตรทุ่มเทหมดหน้าตัก ชนิด "ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" อย่างที่สนธิ ลิ้มทองกุลเคยพูดไว้ พวกเขานำนักรบศรีวิชัย-นักรบรับจ้างไร้วินัย ที่พกพาทั้งปืน มีด และยาเสพติดบุกเข้าไปในตึกที่ทำการสถานีโทรทัศน์ NBT ทุบกระจก ขุ่มขู่พนักงาน หยุดยั้งการออกอากาศของ NBT แล้วพยายามเชื่อมต่อสัญญาณของ ASTV แทน

นี่เป็นการกระทำที่อุกอาจ บ้าบิ่น เราคงไม่อาจเรียกคนที่บุกเข้าไปในที่ทำการของ NBT ว่าเป็นพวกที่มีความกล้าหาญเพราะความกล้าหาญนั้นยังถูกกำกับด้วยสติ แต่สิ่งที่สาวกของลัทธิพันธมิตรทำนั้นเลยเส้นแห่งความมีสติไปมากแล้ว

เสียงสะท้อนจากการบุกเข้าไปในที่ทำการของ NBT นั้นมีแต่ด้านลบ กลุ่มนักวิชาการหัวก้าวหน้าออกแถลงการณ์ประณามพันธมิตรในทันที ความล้มเหลวในปฏิบัติการนี้ทำให้สูญเสียแนวร่วมไป ความชอบธรรมพลอยลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์จากกลุ่มต่าง ๆ ก็มุ่งไปที่การเรียกร้องจากรัฐบาลเสียมากกว่า

แกนนำลัทธิพันธมิตรบางรายออกตัวด้วยสำนวนเก่า ๆ ว่าคนที่บุกเข้าไปใน NBT ไม่ใช่คนของพันธมิตร ฯ แต่หลักฐานความเป็นสาวกของลัทธิพันธมิตรนั้นชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คนที่ถูกจับก็ได้รับการเอาอกเอาใจจากกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งโดยการเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจ

ด้วยความหละหลวมของตำรวจและด้วยความก้าวร้าวของลัทธิพันธมิตร ทำเนียบรัฐบาลจึงถูกยึดอย่างง่ายดาย ใช้คนจำนวนมากพังประตูเข้าไป จัดตั้งเวทีถ่ายทอดออกอากาศผ่าน ASTV ทั่วประเทศ ปราศรัยโจมตีรัฐบาลหนักข้อขึ้น

รัฐบาลพยายามจัดการกับม็อบโดยละมุนละม่อมโดยยืมมือของศาล คำสั่งของศาลนั้นฝ่าฝืนไม่ได้ แต่พันธมิตร ฯ ก็เฉไฉไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มนปก. รวมตัวกันอีกครั้งกระทั่งเผชิญหน้ากัน เป็นสงครามกลางเมืองย่อย ๆ และรัฐบาลก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามมาด้วยแถลงการณ์จากกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่คล้ายกันคือเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดใช้ความรุนแรงและลาออก แถลงการณ์เหล่านี้ไม่แตะต้องการใช้ความรุนแรงขอพันธมิตร ฯ เลยแม้แต่น้อย

เนื้อหาของความขัดแย้งจะเป็นอย่างไรต่อไป ที่สุดแล้วลัทธิพันธมิตรจะพาไปไกลได้แค่ไหน บทสรุปของละครการเมืองตอนนี้จะลงเอยอย่างไร คงต้องใจเย็นรอดู.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
-1-พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยชูคำขวัญที่ฟังดูดัดจริตและกินไม่ได้ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”ผมได้ยินหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปล่งคำนี้ออกมาแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าจะมีใครซักกี่คนในโลกนี้เชื่อในสิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ พูดออกมาพรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาส เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ๆ ตามสไตล์ถนัดด้วยการโฆษณาหาเสียงก่อนใครเพื่อน  ในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชาชนนั้นต้องเจอกับอำนาจชั่วที่คอยการสกัดกั้นทุกรูปแบบ-2-ต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคพลังประชาชนจะฝ่าต้านแรงสกัดจากอำนาจชั่วได้มากน้อยแค่ไหน…
เมธัส บัวชุม
อันที่จริง ผมตั้งใจจะหยุดเขียนบทความการเมืองสักระยะด้วยรู้สึกระอากับความวิปริตทางปัญญาของสังคมไทย ผมยังรู้สึกหลอนไม่หายกับการยึดอำนาจของทหารท่ามกลางความดีอกดีใจของพวก “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” และพวกที่กลุ้มรุมทึ้งแย่งผลประโยชน์ “แห่งชาติ” ที่ไม่ได้ “เหลือแต่กระดูก” หลังการจากไปของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกลุ่มคนเหล่านี้ที่เข้ามายึดกุมอำนาจหลังรัฐประหาร ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการสร้างประชาธิปไตยหรือปฏิรูปการเมือง  รัฐบาลเถื่อนของนายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ กับ คมช. คตส. กกต. ที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้างที่เป็นสร้างเสริมประชาธิปไตย หรือปฏิรูปการเมืองไปสู่ครรลองประชาธิปไตยนอกจากสมคบคิดกันกวาดล้างกลุ่ม…
เมธัส บัวชุม
นิตยสาร “ราหูอมจันทร์” เกิดขึ้นท่ามกลางความซบเซาทั้งทางด้านการเขียน การอ่านและการวิจารณ์ของแวดวงเรื่องสั้นไทย ราหูอมจันทร์ เป็นนิตยสารรายครึ่งปีหรือที่ทางผู้จัดทำเรียกว่ารายฤดูกาล เป็นการคัดสรรเรื่องสั้นที่มีผู้ส่งไปจากทั่วสารทิศเพื่อรวมพิมพ์เป็นเล่มบรรดาคอเรื่องสั้น ต่างวาดหวังว่าการมาถึงของราหูอมจันทร์อาจช่วยให้วงการคึกคักขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย   อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านแล้ว ต้องกล่าวตามตรงว่าราหูอมจันทร์ Vol. 3 “วันปลดปล่อยผีเสื้อ” นั้นมีระดับคุณภาพที่น่าผิดหวังไม่น้อย ทางผู้จัดทำนิตยสารนี้คือกองทุน “กนกพงศ์  สงสมพันธุ์” ก็ยอมรับว่า“ราหูอมจันทร์ Vol. 3…