Skip to main content

ไม่ต้องเป็นผู้ฉลาดหลังเหตุการณ์เราก็จินตนาการได้ไม่ยากว่าการชุมนุมก่อน 19 กันยายน 2549 ของกลุ่มพันธมิตร ฯ นั้นเป็นการออกบัตรเชิญให้ทหารทำรัฐประหารแม้ว่าบางคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชุมนุมของพันธมิตร ฯ หลังพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ไป ๆ มา ๆ ก็เหมือนเดิมคือการออกบัตรเชิญให้ทหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกคำรบหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลังประชาชนได้บทเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ และได้รู้ว่าความผิดพลาดในรายละเอียดเพียงนิดเดียวอาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจรอบสองได้ รัฐบาลจึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการกับม็อบพันธมิตร ฯ แต่โอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่มี โอกาสที่จะเกิดรัฐประหารก็มีเหมือนกันทั้งนี้เพราะม็อบพันธมิตร ฯ ได้รับการหนุนหลังจากคนหลายกลุ่มรวมทั้งสื่อมวลชนกระแสหลัก

การชุมนุมเคลื่อนไหวของพันธมิตรนั้นเรียกได้ว่า "ทำลายสถิติ" น่าฉงนใจอย่างยิ่งว่าแรงผลักดันชนิดใดหนอที่ทำให้คนมาเข้ากลุ่มรวมตัวกันได้ยาวนานขนาดนี้ บางคนอธิบายว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เมื่อมีคนไปจ้างให้มาชุมนุม ประชาชนก็มา แต่ผมเชื่อว่าหลายคนที่ไปชุมนุมกับพันธมิตร ฯ นั้นไม่เกี่ยวกับค่าจ้าง แต่เป็นความเชื่อฝังหัวบางประการ รวมทั้งความเชื่อที่ว่าในที่สุดกลุ่มพันธมิตร ฯ จะได้รับชัยชนะ

บางคนอธิบายว่าการชุมนุมของพันธมิตร ฯ เป็นเหมือนลัทธิทางศาสนา มีการปลุกใจ ร้องเพลง สวดมนต์ พูดง่าย ๆ ว่ามีพิธีกรรมที่กล่อมเกลาให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนจาก "ประชาชน" กลายเป็น "สาวก" ของลัทธิทางศาสนา เป็นสาวกของลัทธิพันธมิตร ซึ่งจะทำเช่นนี้ได้ก็ต้องอาศัยการโฆษณาชวนเชื่ออย่างเป็นระบบซึ่งลัทธิพันธมิตรทำได้เป็นอย่างดี

การผสมผสานกัน ระหว่างความปรารถนาทางการเมืองกับความเชื่อทางศาสนาก่อให้เกิดลัทธิที่ปนเปกันไปของความเป็นศาสนาและความเป็นการเมือง ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อผู้ฝักใฝ่ในลัทธิพิธีนอกรีต-สันติอโศก เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองด้วย ถือเป็นการบรรจบกันของศาสนาและการเมือง

ลัทธิพันธมิตร ฉลาดที่นำการเมืองและศาสนามารวมเข้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน นอกจากการขึ้นปราศรัยด้วยความกราดเกรี้ยวแล้ว ยังมีรายการบันเทิงสอดแทรกโดยตลอด มีการให้ความหวังถึงอนาคต วาดฝันถึงการเมืองใหม่ที่ไม่มีการโกงกิน การสร้างสังคมใหม่ ผู้ร้ายคือปิศาจทักษิณต้องถูกกำจัด และมีพระเอกคือเหล่าพันธมิตร ฯ การโฆษณาชวนเชื่อแบบศาสนาผสมการเมืองนี้สะกดให้ผู้คนคล้อยตามโดยแทบไม่มีเงื่อนไข

การมอมเมาวันแล้ววันเล่าของลัทธิพันธมิตร ฯ ถึงจุดสูงสุดเมื่อมาถึงวัน "เป่านกหวีดครั้งสุดท้าย" ท่ามกลางความยินดีของบรรดาสาวกที่เชื่อว่าเป็นการขยับเข้าใกล้ชัยชนะ

บางคนวิเคราะห์นี่เป็นการหาทางลงของพันธมิตร ฯ เพราะการปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานอาจสร้างแรงสะเทือนให้รัฐบาลได้แต่ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้แน่นอน การดันทุรังปักหลักชุมนุมต่อไปนอกจากจะล้มรัฐบาลไม่ได้แล้ว ยังส่งผลให้รายได้จากการโฆษณาทาง ASTV หดหายไปอีกด้วยแม้ว่าจานดาวเทียมหรือขายของที่ระลึกจะขายได้ก็ตาม ลำพังเพียงแค่เงินบริจาคคงจะเลี้ยงบริษัทไปได้ไม่นานและเหล่าสาวกแม้นจะจงรักภักดีแต่ก็เหนื่อยล้าได้เหมือนกัน การเป่านกหวีดครั้งสุดท้ายจึงเป็นความจำเป็น

ลัทธิพันธมิตรทุ่มเทหมดหน้าตัก ชนิด "ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" อย่างที่สนธิ ลิ้มทองกุลเคยพูดไว้ พวกเขานำนักรบศรีวิชัย-นักรบรับจ้างไร้วินัย ที่พกพาทั้งปืน มีด และยาเสพติดบุกเข้าไปในตึกที่ทำการสถานีโทรทัศน์ NBT ทุบกระจก ขุ่มขู่พนักงาน หยุดยั้งการออกอากาศของ NBT แล้วพยายามเชื่อมต่อสัญญาณของ ASTV แทน

นี่เป็นการกระทำที่อุกอาจ บ้าบิ่น เราคงไม่อาจเรียกคนที่บุกเข้าไปในที่ทำการของ NBT ว่าเป็นพวกที่มีความกล้าหาญเพราะความกล้าหาญนั้นยังถูกกำกับด้วยสติ แต่สิ่งที่สาวกของลัทธิพันธมิตรทำนั้นเลยเส้นแห่งความมีสติไปมากแล้ว

เสียงสะท้อนจากการบุกเข้าไปในที่ทำการของ NBT นั้นมีแต่ด้านลบ กลุ่มนักวิชาการหัวก้าวหน้าออกแถลงการณ์ประณามพันธมิตรในทันที ความล้มเหลวในปฏิบัติการนี้ทำให้สูญเสียแนวร่วมไป ความชอบธรรมพลอยลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์จากกลุ่มต่าง ๆ ก็มุ่งไปที่การเรียกร้องจากรัฐบาลเสียมากกว่า

แกนนำลัทธิพันธมิตรบางรายออกตัวด้วยสำนวนเก่า ๆ ว่าคนที่บุกเข้าไปใน NBT ไม่ใช่คนของพันธมิตร ฯ แต่หลักฐานความเป็นสาวกของลัทธิพันธมิตรนั้นชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คนที่ถูกจับก็ได้รับการเอาอกเอาใจจากกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งโดยการเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจ

ด้วยความหละหลวมของตำรวจและด้วยความก้าวร้าวของลัทธิพันธมิตร ทำเนียบรัฐบาลจึงถูกยึดอย่างง่ายดาย ใช้คนจำนวนมากพังประตูเข้าไป จัดตั้งเวทีถ่ายทอดออกอากาศผ่าน ASTV ทั่วประเทศ ปราศรัยโจมตีรัฐบาลหนักข้อขึ้น

รัฐบาลพยายามจัดการกับม็อบโดยละมุนละม่อมโดยยืมมือของศาล คำสั่งของศาลนั้นฝ่าฝืนไม่ได้ แต่พันธมิตร ฯ ก็เฉไฉไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มนปก. รวมตัวกันอีกครั้งกระทั่งเผชิญหน้ากัน เป็นสงครามกลางเมืองย่อย ๆ และรัฐบาลก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามมาด้วยแถลงการณ์จากกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่คล้ายกันคือเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดใช้ความรุนแรงและลาออก แถลงการณ์เหล่านี้ไม่แตะต้องการใช้ความรุนแรงขอพันธมิตร ฯ เลยแม้แต่น้อย

เนื้อหาของความขัดแย้งจะเป็นอย่างไรต่อไป ที่สุดแล้วลัทธิพันธมิตรจะพาไปไกลได้แค่ไหน บทสรุปของละครการเมืองตอนนี้จะลงเอยอย่างไร คงต้องใจเย็นรอดู.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ก่อนอื่นคงต้องขอยอมรับในความสามารถของชัย ราชวัตร ที่สามารถตรึงใจผู้อ่านคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันและดูเหมือนว่าสามารถสร้างแฟนการ์ตูนรุ่นใหม่ ๆ ได้ไม่น้อย ความน่าสนใจประการหนึ่งของการ์ตูนคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” อยู่ที่การสร้างบทสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สื่อความหมายได้มากมายเสียยิ่งกว่าบทความที่ยาวเต็มหน้ากระดาษชัย ราชวัตร ใช้วาจาสั้น ๆ ในการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือบางครั้งเป็นการกล่าวหาใส่ความเกินจริง โดยที่เขาตัวเขาเองไม่ต้องรับผลอันใดจากการกระทำของตนเอง ตัวอย่างเช่นไทยรัฐ, 26…
เมธัส บัวชุม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ชัย ราชวัตร แสดงความหยาบของตัวเองผ่านการ์ตูนชุด “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ ชัดเจนอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเมืองสมัยทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ชัย ราชวัตร เอาการเอางานอย่างมากในการใช้ตัวการ์ตูนโจมตีฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ บางครั้งเขาออกอาการก้าวร้าวผิดปกติเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม เป็นผลให้การ์ตูนของเขาแตกต่างจากการ์ตูนของคนอื่น ๆ คือเป็นการ์ตูนที่เด็ก ๆ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะอ้างอิงกับข้อมูลและความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงความน่าสนใจของหนังสือการ์ตูนโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่การใช้ “ภาพ” เป็นตัวเล่าเรื่อง…
เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม…
เมธัส บัวชุม
คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี…
เมธัส บัวชุม
การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด และได้ผลของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อดีอันเป็นรูปธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือยาเสพติดได้ลดหายไปจากสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน-นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผม “คิดถึง” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร การเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเดือดร้อนถูกจับกันถ้วนหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ซื้อและขายอย่างสะดวกสบายโดยที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจะจัดการได้ ผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถซื้อตำรวจได้ทั้งจังหวัด…
เมธัส บัวชุม
อาจารย์สมศักดิ์  เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นกลางบางกลุ่มที่เป็นพวก “สองไม่เอา” คือไม่เอาทั้ง “ทักษิณ” และ “ไม่เอารัฐประหาร” จนเป็นประเด็นถกเถียงน่าสนใจทางโลกไซเบอร์นักวิชาการบางคนพยายามที่จะไปให้พ้นจาก “สองไม่เอา” โดยพูดถึง “ทางเลือกที่สาม” แต่ที่สุดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม” นั้นคืออะไร การพยายามค้นหาหรือสร้าง “ทางเลือกที่สาม” มีข้อดีในแง่ที่ว่าอาจช่วยเปิดจินตนาการทางการเมืองให้กว้างขึ้นแต่ก็นั่นแหละใครจะบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม”  เป็นอย่างไร  “ทางเลือกที่สาม” มีจริงหรือ ?เมื่อ “ทางเลือกที่สาม” ไม่มีอยู่จริง…
เมธัส บัวชุม
คุณสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดถึง “มือสกปรก” และ “มือที่มองไม่เห็น” ที่พยายามสอดเข้ามาจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่าเป็นมือที่อยู่ “นอกวงการเมือง” เป็นมือที่จะเข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก โดยมีความต้องการที่จะขัดขวางพรรคพลังประชาชนไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล“ไอ้มือสกปรกที่อยู่ข้างนอก ที่จะยื่นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนั้น ผมขอแถลงว่า เราต้องทำอย่างนี้ เพื่อรักษาเกียรติยศ เกียรติคุณของ กกต.ไม่ให้ท่านโดยอำนาจมืดมาบีบบังคับ มาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นการเฉไฉ ทั้ง 4 พรรค เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะดำเนินการตั้งรัฐบาล ซึ่งตั้งได้แน่นอน…
เมธัส บัวชุม
-1-ครั้งที่แล้ว ผมเขียนแสดงความคิดเห็นต่อบทความของศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งเขียนยกย่องว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความสง่างามออกมาสามเรื่องจนทำให้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ถึงเวลานี้ไม่ทราบว่าศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะยังเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความสง่างามอยู่อีกหรือไม่เพราะหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนแล้ว เขาก็ออกอาการที่เรียกได้ว่า "ขี้แพ้ชวนตั้งพรรค"ด้วยแรงหนุนจากบุคคลบางกลุ่ม และองค์กรบางองค์กร ตลอดจนการได้รับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในกรุงเทพมหานครที่มีชัยเหนือพรรคพลังประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับสอง…
เมธัส บัวชุม
ผมรู้สึกประหลาดใจ คาดไม่ถึง เหลือเชื่อ รับไม่ได้ ต่อบทความของศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2550  ผมอ่านอย่างตั้งใจทีคำ ทีละประโยค  เมื่ออ่านจบแล้ว ได้แต่ส่ายหัว บ่นงึมงัมอยู่คนเดียวว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนอย่างที่เขียนไปแล้วได้อย่างไร เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นิธิ  เอียวศรีวงศ์ ในวัยชรา ได้ทำลายตัวเองด้วยการเขียนบทความอันน่าสะอิดสะเอียนเพื่อชื่นชม คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหน้ามืดตามัว เขาเขียนว่า“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป (…
เมธัส บัวชุม
-1-เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน…
เมธัส บัวชุม
-1-การยึดอำนาจโดยกลุ่มทหาร ที่เรียกตัวเองด้วยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับคนที่พบเห็นหรือศึกษาเกี่ยวกับการรัฐประหารมาบ้างว่า “คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (คปค.) ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นถือเป็นฝันร้ายยาวนานสำหรับสังคมการเมืองไทย และเชื่อว่าจะตามหลอกตามหลอนประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยไปตลอดคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเสียใหม่แต่ก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อยู่ดีว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) บัดนี้คำว่า “ความมั่นคง” ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในรูปของชื่อเรียกและนับจากนี้เป็นต้นไป วาทกรรม “ความมั่นคง”…
เมธัส บัวชุม
หนังสือที่มีชื่อโดนใจใครหลาย ๆ คนเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากคนที่เห็นด้วยและคนที่รับไม่ได้แน่นอนว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกอกถูกใจที่มีคนมาช่วย "ด่า" รัฐธรรมนูญปี 2550เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่หัวหน้าพรรคฝีปากกล้าของพลังประชาชนเคยลั่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"นักวิชาการน้อยใหญ่หลายคนเห็นตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องทำโพลล์ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นเฮงซวยจริง ๆ ทั้งนี้เพราะมันไม่ตอบโจทย์ที่กำลังเป็นปัญหาของสังคม ไม่ตอบคำถามของคนชั้นกลางที่อยากมีชีวิตมั่นคงภายใต้กระแสของโลกาภิวัฒน์ ทั้งยังไม่ช่วยให้คนระดับล่างมองเห็นอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับปี 2550…