Skip to main content
ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน ปี 49 กระทั่งปัจจุบัน  อันธพาล-ลัทธิพันธมิตร ได้ผลิต ตอกย้ำนำเสนอ วาทกรรมทางการเมืองต่าง ๆ จำนวนมาก ผ่านเครือข่ายการสื่อสารที่กว้างขวางและร่วมด้วยช่วยกันกับองค์กรอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา บุคคลที่มีชื่อเสียง สว. ลากตั้ง ดารา ฯลฯ  ทั้งที่เป็นวาทกรรมเพื่อมุ่งทำลายฝ่ายตรงข้ามและใช้ในการยกยอปอปั้นลัทธิตนเอง


วาทกรรมบางอย่าง ลัทธิพันธมิตรประดิษฐ์ขึ้นโดยตรงสำหรับการกรรโชกข่มขู่รัฐบาลและสังคม แต่บางวาทกรรมไม่ได้คิดขึ้นเองหากแต่นำมาจากประธานองคมนตรี นักวิชาการ ราษฎรอาวุโส สื่อมวลชน และจากบรรดาบุคคลที่เทิดทูนระบอบอมาตยาธิปไตยไว้เหนือหัว แล้วลัทธิพันธมิตรนำมาขยายความเพิ่มเติม  ดัดแปลง ให้ความหมายใหม่

วาทกรรมไม่ใช่ความจริงแต่เป็นกระบวนการสร้างความจริง เป็นกระบวนการที่ทำให้ความเท็จกลายเป็นเรื่องน่าเชื่อถือ และมีน้ำหนักกระทั่งกลายเป็นความจริงที่ยอมรับกันโดยทั่วไป จะว่าไปแล้ว สถาบันและองค์กรในกระบวนการยุติธรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ มากไปกว่านั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสถาปนาความจริง เช่น คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งไม่ใช่แค่ความคิดเห็นแต่ได้กลายเป็นความจริงที่ยุติ

วาทกรรมที่มุ่งทำลายฝ่ายตรงข้าม เช่น "จ๊อกกี้" "ระบอบทักษิณ" "ผลประโยชน์ทับซ้อน" "ไอ้หน้าเหลี่ยม"   "ขายชาติ" "ทหารของพระราชา"  "แทรกแซงสื่อ" "หมิ่นเบื้องสูง"  "เผด็จการรัฐสภา" "รัฐบาลสัตว์นรก" "รัฐบาลหุ่นเชิด" "นอมินี"  "ชาติล่มจมแล้ว" "สงครามครั้งสุดท้าย"ตลอดจนบทเพลงแปลง เพลงแต่ง บทกวีจำนวนมาก  ภาพวาด โลโก้ ฯลฯ

วาทกรรม "จ๊อกกี้" นั้นมาจากพลเอกเปรม  ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยผ่านการเลือกตั้ง โดยหมายถึงรัฐบาลของอดีตนายกฯ ทักษิณ  ชินวัตร ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้อยู่ยั่งยืนและมีความสำคัญอะไรมากนัก วาทกรรมนี้นับเป็นการแสดงออกถึงทัศนคติที่ชัดเจนของประธานองคมนตรีต่อรัฐบาลทักษิณและได้รับการขยายต่ออย่างกว้างขวาง

วาทกรรม "ขายชาติ" วาทกรรมนี้ใช้มาตลอดในประวัติศาสตร์ของการกล่าวหาทางการเมือง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครสามารถนำ "ชาติ" ไปขายได้เพราะ "ชาติ" เป็นเพียงจินตนาการทางการเมืองเท่านั้น ผู้รู้ท่านหนึ่งเคยตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่ชอบกล่าวหาผู้อื่นด้วยคำว่า "ขายชาติ" นั้นมักจะเป็นโจร

วาทกรรม "แทรกแซงสื่อ" คำนี้ได้ยินกันบ่อย เป็นคาถามหานิยมในการป้องกันตัวของบรรดาสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม การที่ลัทธิพันธมิตร บุกยึด NBT ตลอดจนการข่มขู่นักข่าวของนักรบศรีวิชัยนั้นไปไกลกว่าการแทรกแซงสื่อหลายเท่า

วาทกรรม "ระบอบทักษิณ"   ทักษิณไม่ใช่ระบบระบอบหรือนามธรรมที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่เป็นตัวบุคคลที่รู้ร้อนรู้หนาวและจับต้องได้  ดังนั้น "ระบอบทักษิณ" จึงไม่มีอยู่จริง จับต้องไม่ได้ อาจกล่าวได้ว่า วาทกรรม "ระบอบทักษิณ" เป็นวาทกรรมที่งี่เง่าและไร้ความรับผิดชอบของนักวิชาการผู้ชอบประดิษฐ์อะไรเรื่อยเปื่อย

วาทกรรม "รัฐบาลสัตว์นรก" ถ้ารัฐบาลเป็นสัตว์นรก ลัทธินอกรีตอย่างพันธมิตรก็คงไม่ดีไปกว่ากัน ไม่มีลักษณะใด ๆ เลยที่บ่งบอกว่าลัทธินอกรีตอย่างพันธมิตรนั้นดีไปกว่าสัตว์นรกหรือดีไปกว่ากลุ่มคนที่กล่าวหา อันที่จริงโจรด่าโจรคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมากนัก

วาทกรรมต่าง ๆ ที่ลัทธิพันธมิตร ผลิตและนำมาใช้ทำลายฝ่ายตรงข้ามโดยมากแล้วเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหล

วาทกรรมที่มุ่งยกยอปอปั้นลัทธิตนเอง "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" "สันติวิธี" "อารยะขัดขืน" "ชุมนุมอย่างสงบ" "ยามเฝ้าแผ่นดิน" "สื่อแท้"  "กู้ชาติ"  "การเมืองใหม่" "เราจะสู้เพื่อในหลวง" "ผ้าพันคอสีฟ้า"  "พันธมิตรเด็ก" "มหาวิทยาลัยราชดำเนิน" "สาธิตมัฆวาน" "ประชาภิวัฒน์"  ฯลฯ

ลัทธิพันธมิตรพยายามทำให้วาทกรรมว่าด้วยความถูกต้องดีงามของตนเองกลายเป็นเรื่องจริง แต่ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ผ่านมาทำให้เราได้เห็นกันแล้วว่าวาทกรรมด้านนี้ของลัทธิพันธมิตรหลายประการเป็นเรื่องเท็จ

แค่ชื่อลัทธิ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" นั้นเป็นอะไรที่กลืนไม่ลงแล้ว ชื่อเรียกกับการกระทำนั้นไปคนละทาง เหมือนเรียกโจรว่าพระ

วาทกรรม "การชุมนุมโดยสงบ" ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการชุมนุมของลัทธิพันธมิตรทำให้คนจำนวนมากเดือดร้อนและจงใจทำให้เกิดความไม่สงบ การรุมทุบตีคนจนตาย การครอบครองยาเสพติด การขายอุปกรณ์เสพยาเสพติดอย่างเปิดเผย ตลอดจนอาวุธจำนวนมากที่ชาวพันธมิตรมีอยู่นั้นเป็นสิ่งที่บอกชัดอยู่แล้วว่าการชุมนุมของพันธมิตรสงบหรือไม่

วาทกรรม "อารยะขัดขืน" ผมเคยเสนอไปแล้วว่าเราควรจะเรียกว่า "อารยะข่มขืน" ดีกว่าหรือจะเรียกว่า "อนารยะขัดขืน" ก็ได้ เพราะไม่มีอะไรเลยที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ กล้าทำกล้ารับ  หรือความมีอารยะของพันธมิตร

วาทกรรม "ผ้าพันคอสีฟ้า"  แกนนำของลัทธิพันธมิตรต่อสู้โดยพยายาม "เอาหลังพิงวัง" ซึ่งไม่ใช่แนวทางการต่อสู้ที่ยุติธรรม แต่แสดงให้เห็นถึงความไร้น้ำยาของลัทธิพันธมิตรเองที่พยายามเอาใครต่อใครเข้ามาเกี่ยว

วาทกรรม "กู้ชาติ" ว่าที่จริง "ชาติ" ไม่ได้อัญเชิญให้ลัทธิพันธมิตรมาช่วยกู้  ดังที่กล่าวแล้วว่า "ชาติ" เป็นแค่จินตนาการเท่านั้น ไม่ต้องไปกู้ให้เสียเวลา คงจะได้อะไรที่เป็นรูปธรรมมากกว่าหากเปลี่ยนจากกู้ชาติเป็น "กู้แบ๊งค์"

การข่มขู่กรรโชกโดยอันธพาลลัทธิพันธมิตรใกล้ถึงจุดอิ่มตัว การขังตัวเองอยู่ในทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ความชอบธรรมลดลง แนวร่วมหดหาย ผู้คนเบื่อหน่าย แกนนำเพี้ยนหนัก ไม่ช้าไม่นานสังคมไทยจะได้เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าพันธมิตรนั้น นอกจากไร้ประโยชน์แล้วยังทำให้สังคมเสียหายอีกด้วย.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
-1-พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยชูคำขวัญที่ฟังดูดัดจริตและกินไม่ได้ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน”ผมได้ยินหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปล่งคำนี้ออกมาแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าจะมีใครซักกี่คนในโลกนี้เชื่อในสิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ พูดออกมาพรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาส เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ๆ ตามสไตล์ถนัดด้วยการโฆษณาหาเสียงก่อนใครเพื่อน  ในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชาชนนั้นต้องเจอกับอำนาจชั่วที่คอยการสกัดกั้นทุกรูปแบบ-2-ต้องรอดูกันต่อไปว่า พรรคพลังประชาชนจะฝ่าต้านแรงสกัดจากอำนาจชั่วได้มากน้อยแค่ไหน…
เมธัส บัวชุม
อันที่จริง ผมตั้งใจจะหยุดเขียนบทความการเมืองสักระยะด้วยรู้สึกระอากับความวิปริตทางปัญญาของสังคมไทย ผมยังรู้สึกหลอนไม่หายกับการยึดอำนาจของทหารท่ามกลางความดีอกดีใจของพวก “ทาสที่ปล่อยไม่ไป” และพวกที่กลุ้มรุมทึ้งแย่งผลประโยชน์ “แห่งชาติ” ที่ไม่ได้ “เหลือแต่กระดูก” หลังการจากไปของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรกลุ่มคนเหล่านี้ที่เข้ามายึดกุมอำนาจหลังรัฐประหาร ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการสร้างประชาธิปไตยหรือปฏิรูปการเมือง  รัฐบาลเถื่อนของนายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ กับ คมช. คตส. กกต. ที่ผ่านมาได้ทำอะไรบ้างที่เป็นสร้างเสริมประชาธิปไตย หรือปฏิรูปการเมืองไปสู่ครรลองประชาธิปไตยนอกจากสมคบคิดกันกวาดล้างกลุ่ม…
เมธัส บัวชุม
นิตยสาร “ราหูอมจันทร์” เกิดขึ้นท่ามกลางความซบเซาทั้งทางด้านการเขียน การอ่านและการวิจารณ์ของแวดวงเรื่องสั้นไทย ราหูอมจันทร์ เป็นนิตยสารรายครึ่งปีหรือที่ทางผู้จัดทำเรียกว่ารายฤดูกาล เป็นการคัดสรรเรื่องสั้นที่มีผู้ส่งไปจากทั่วสารทิศเพื่อรวมพิมพ์เป็นเล่มบรรดาคอเรื่องสั้น ต่างวาดหวังว่าการมาถึงของราหูอมจันทร์อาจช่วยให้วงการคึกคักขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย   อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านแล้ว ต้องกล่าวตามตรงว่าราหูอมจันทร์ Vol. 3 “วันปลดปล่อยผีเสื้อ” นั้นมีระดับคุณภาพที่น่าผิดหวังไม่น้อย ทางผู้จัดทำนิตยสารนี้คือกองทุน “กนกพงศ์  สงสมพันธุ์” ก็ยอมรับว่า“ราหูอมจันทร์ Vol. 3…