Skip to main content
-1-


เมื่อกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตร ฯ แยกย้ายสลายตัว เดินลงจากเวทีหลังจากสร้างความยับเยินสาธารณะจนสาแก่ใจ แล้วส่งพรรคประชาธิปัตย์วิ่งราวเข้าไปเป็นฝ่ายรัฐบาลโดยผนวกรวมกลุ่มงูเห่าของพวกเนวิน ชิดชอบ เข้าไปด้วยแล้ว การเมืองก็หมดสีสันลงอย่างมากเหมือนกับละครน้ำเน่าที่ตัวอิจฉาหายไปจากจอ


ยอมรับนะครับ ว่ากลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรที่เป็นม็อบมีเส้นนั้นดึงดูดกระแสความสนใจการเมืองขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด แม้แต่คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยใส่ใจเรื่องการเมืองเลยนั้นก็หันไปใส่เสื้อเหลือง เสื้อแดงกับเขาด้วย บางคนใส่ได้ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลืองแล้วแต่ว่ากระแสความนิยมของฝ่ายใดจะมาแรงกว่า


เหตุที่กลุ่มเสื้อเหลืองของพันธมิตรสามารถดึงความสนใจจากคนทุกกลุ่มได้ ก็เพราะรูปแบบการเคลื่อนไหวที่สุดขั้ว สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าพันธมิตรจะทำ พันธมิตรก็ทำได้ ไม่มีอะไรเกินคาดจริงๆ สำหรับม็อบพันธมิตร


การบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT อันอุกอาจซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นในโลกปัจจุบันก็เกิดขึ้น การบุกยึดสนามบินสองแห่งอย่างสนุกสนานก็เกิดขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของนานาประเทศ การเปลี่ยนทำเนียบรัฐบาลเป็นแหล่งซ่องสุมของคนทำผิดกฎหมาย และมั่วสุมเสพยาเสพติดแห่งใหม่ การด่าคนทุกคนแบบไม่เลือกหน้าหากไม่ยืนข้างเดียวกับตน ฯลฯ


พฤติกรรมเหนือความคิดฝันของคนโดยทั่วไปเหล่านี้ทำให้พันธมิตรได้รับการพูดถึงไปทุกหย่อมหญ้า คนตั้งแต่ระดับล่างสุดไปจนถึงบนสุดต่างเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมกับการเมือง


รูปแบบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรนั้นเน้นความบันเทิงสนุกสนาน บวกกับการปลดปล่อยความรุนแรงซึ่งทั้งสองอย่างมีความคล้ายคลึงกัน กลุ่มผู้หญิงรำฟ้อนอยู่หน้าเวทีในขณะที่กลุ่มผู้ชายถ้าไม่เมามายอยู่ด้านหลังก็ตระเตรียมจะใช้ความรุนแรงกับใครก็ตามที่พลัดหลงเข้าไป


ความบันเทิงและความรุนแรงขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดเมื่อมีการปะทะกันในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เมื่อตำรวจถูกกลุ่มพันธมิตรบีบคั้นไม่มีทางเลือก การปะทะกันกลายเป็นมหรสพให้พูดถึงไม่รู้เบื่อและผู้เสียชีวิตฝั่งพันธมิตรถูกยกให้เป็นฮีโร่


ความบันเทิงและความรุนแรงพุ่งขึ้นจุดสูงสุดอีกครั้งเมื่อมีการเคลื่อนขบวนไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ทำให้การจราจรทางอากาศหยุดชะงัก ห้ามเครื่องบินเข้าออกจากสนามบิน


ความบันเทิงอันบ้าคลั่งและความรุนแรงที่ไร้ขอบเขต เหนือความคาดหมายกระชากเรทติ้งได้จากทั่วโลก การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตอย่างเห็นได้ชัดที่สุด


--2--


แล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มเสื้อเหลืองยุติบทบาท ก็ถึงคราวของกลุ่มเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยเป็นฝ่ายแสดงบทบาทบนเวทีให้คนได้ดูบ้าง


แต่ชาวเสื้อแดงนั้นเรียบร้อยอยู่เกินไป อยู่ในกรอบวินัยราวกับเด็กนักเรียน ไม่ออกนอกลู่นอกแถว มีขอบเขตและรู้จักระมัดระวังในการเคลื่อนไหว หรือ “เคลื่อนไหวแบบพอเพียง” นั้นกระแสความสนใจการเมืองก็พลอยถดถอยลงไปด้วย


การทำตัวเป็นพระเอกมีคุณธรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่รู้จักใช้วิธีสกปรกหรือไม่ปั้นเรื่องเท็จขึ้นโจมตีฝ่ายตรงข้าม ไม่พูดถ้อยคำหยาบคาย ไม่กักขฬะก้าวร้าว ทำให้สีสันวูบวาบในทางการเมืองลดลง


ความบันเทิงแบบสุดขั้วหาไม่ได้ ความรุนแรงที่อัดอั้นตันใจก็ไม่ได้รับการปลดปล่อย การจัดองค์กรไม่ดีเท่าเสื้อเหลือง ความเป็นมืออาชีพในเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อก็มีน้อยกว่า สื่อส่วนใหญ่ไม่เข้าข้าง เหล่านี้ทำให้การสร้างกระแสความสนใจจากผู้ชมคนดูน้อยกว่าที่กลุ่มพันธมิตรทำได้


ยิ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของคนเสื้แดงได้คุณเฉลิม อยู่บำรุง มาเป็นหัวหอก ก็ยิ่งไม่มีอะไรให้ได้ลุ้นกันอีกต่อไป เพราะบุคลิกและภาพลักษณ์ของคุณเฉลิม อยู่บำรุง นั้นไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ ความสามารถในเชิงบริหารไม่เป็นที่ปรากฎ กล่าวได้ว่าคุณเฉลิม อยู่บำรุง ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคประชาธิปัตย์


แม้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่อาจทำให้กระแสการเมืองพุ่งขึ้นเหมือนที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองทำ แต่การที่การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสุดขีดจนแทบจะกลายเป็นการปลงหรือปล่อยวางเหมือนในขณะนี้นั้นหาได้เกิดจากเสื้อแดงแต่อย่างใด หากแต่เกิดจากเล่นการเมืองในแบบของพรรคประชาธิปัตย์


ความเก่งกาจสามารถประการหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์คือการทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ ทำให้ประเด็นและนโยบายสาธารณะเป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนกลายเป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจง่าย ๆ ที่จบแล้วจบเลย ทาสีให้คนที่ทำผิดกฎหมายเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำให้บทเรียนในอดีตเลือนหายไปกาลเวลา


พรรคประชาธิปัตย์ทำให้การเมืองน่าเบื่อหน่าย คำพูดคำจาของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย้ำซ้ำบุคลิกแบบชวน หลีกภัย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยหากคนจะเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ทันทีที่เห็นหน้าอภิสิทธิ์.



บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
การประท้วงของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ภายใต้การนำของ สาวิทย์ แก้วหวาน ผู้ซึ่งเป็นแกนนำสหภาพแรงงาน ฯ เป็นการประท้วงในสไตล์เดียวกับการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร นั่นคือเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตนเอง 
เมธัส บัวชุม
หลังจากอิดออดเพื่อรักษาท่าทีแต่พองามแล้ว “ผู้ร้าย” สองคนก็เปิดตัวเปิดใจกระโจนเข้าสู่วง ”การเมือง” เต็มตัว “ผู้ร้าย” คนแรก
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนในอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปไหน เพื่อนพาไปเที่ยวป่าและแวะที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แลดูลี้ลับ วังเวงและยากไร้
เมธัส บัวชุม
สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่กับความโง่ มีความโง่เป็นเจ้าเรือน นับวันความโง่ยิ่งแผ่ขยายแพร่กระจายไปราวเชื้อโรค หลายคนโง่โดยสุจริต  คนเหล่านี้น่าเห็นใจ ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้  อคติ ความเกลียดชังทำให้ประสิทธิภาพในการคิดเสื่อมถอย สติปัญญาถูกบิดเบือนไป คนประเภทนี้โง่เพราะถูกอคติทำลายจนมืดบอด
เมธัส บัวชุม
  ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังรวนเรเพราะความไร้ฝีมือและความเน่าจากภายใน แทนที่จะทุ่มสมองและแรงงานเพื่อกระหนาบกระหน่ำรัฐบาลโจร คนเสื้อแดงเฉดต่าง ๆ ก็กลับใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์กันรุนแรงกระทั่งแตกออกเป็นสาย
เมธัส บัวชุม
ในโลกโลกาภิวัฒน์ที่มนุษย์กำลังเดินทางไปในอวกาศเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเตรียมหาที่อยู่บนดาวดวงอื่น ทั้งวิตกกังวลกับโรคระบาดชนิดใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์ต้องสูญพันธุ์ ประเทศไทยยังคงสนุกสนานเหมือนเด็กเล่นขายของกับการกล่าวหาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระทั่งล้มสถาบันสนุกครับ สนุก
เมธัส บัวชุม
ตื่นเช้าขึ้นมา หากไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องทำ ผมจะนั่งเขียนโน่น เขียนนี่พร้อม ๆ กับที่เข้าไปในบอร์ดประชาไท อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ มานานจนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตร (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์) แต่หลังเช้าไปแล้ว ผมก็ทำอย่างอื่น ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่อาจติดตามความเคลื่อนไหวในบอร์ดประชาไทได้อีก ดังนั้นจึงได้อ่านเพียงบางกระทู้เท่านั้นและล้วนแล้วแต่เป็นการอ่านผ่านๆ ทั้งสิ้น
เมธัส บัวชุม
พักหลัง ผมเข้าไปเยื่ยมชมเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" บ่อยครั้ง เพื่ออยากรู้ว่าชาวสีเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรคิดอ่านกันอย่างไร มีนวัตกรรมอะไรบ้างในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ศึกษากลวิธีในการเต้าข่าว การใส่ไคล้ การใช้ภาษาของบรรดาคอลัมนิสต์ กระทั่งแวะเข้าไปอ่าน "เรื่องนินทาราวตาเห็น" ของ "ซ้อเจ็ด" ผู้โด่งดัง
เมธัส บัวชุม
หลายวันก่อน ได้อ่านบทความของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่อง “ทางออกจากทักษิณ” (มติชนรายวัน, 20 ก.ค. 52.) บทความนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อเหลืองและแดง  เนื้อหาของบทความ นอกจากปัญญาชนรายนี้จะออกตัวให้กลุ่มพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองโดยยกระดับความคิด และการกระทำของคนกลุ่มนี้ว่าเกิดจากทัศนะและความเข้าใจในประชาธิปไตยที่แตกต่างจากกลุ่มเสื้อแดงซึ่งทั้งสองกลุ่มล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน  
เมธัส บัวชุม
นานมาแล้ว ที่ผมไม่เคยเจ็บป่วยขนาดต้องไปโรงพยาบาลหรือหาหมอ อย่างมากก็แค่ซื้อยาแก้เจ็บคอมากิน แต่ครั้งนี้เจ็บคอหลายวัน บวกกับอาการมึนหัว เบื่ออาหาร เพลีย และปวดเมื่อยเนื้อตัวอย่างหนักขนาดทาถูสบู่ตามตัวยังรู้สึกปวดไปถึงกระดูก เวลานอนต้องนอนตะแคงอย่างเดียวจะนอนหงายหรือคว่ำไม่ได้เพราะปวดเมื่อย(ขนาดนั้น) ผมจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแม้จะยังสงสัยอยู่ว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ น่าตกใจพอสมควรที่คนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เต็มล้นโรงพยาบาล (แต่แทบไม่มีคนที่อยู่วัยเดียวกับผม) ผมคิดในใจว่าถ้าตนเองเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ก็คงจะมารับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลนี่แหละ…
เมธัส บัวชุม
การล่า 1 ล้านรายชื่อของสามเกลอแห่ง "ความจริงวันนี้" เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประเด็นให้คนเสื้อแดงถกเถียงแก้เซ็งไปพลาง ๆ โหมโรงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป มีความคิดเห็นค่อนข้างหลากหลายในหมู่คนเสื้อแดงด้วยกัน ทั้งนี้เพราะคนเสื้อแดงนั้นมีความหลากหลายในตัวเองอยู่แล้ว คือมีตั้งแต่ "แดงอนุรักษ์" ไปจนถึง "แดงถอนรากถอนโคน" ซึ่งลักษณะที่ว่านี้ไม่มีในหมู่คนเสื้อเหลือง
เมธัส บัวชุม
เป็นความคิดที่ดีของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความพยายามจะ “รื้อฟื้น” วันชาติขึ้น เพราะมันมีความหมายและนัยสำคัญต่อประชาธิปไตยและการเมืองไทยอย่างมาก วันชาติเป็นผลพวงของการยึดอำนาจของคณะราษฎรเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยสู่ระบอบการปกครองแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเสียงและความคิดเห็นของประชาชน ภายใต้หลักนิติรัฐที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอกัน