แตกต่างจากวงดนตรี "เพื่อชีวิต" ทั่ว ๆ ไป แม้จะมีหนวดเครายาวรุงรัง แต่แฮมเมอร์ดูสะอาด ไม่มีลีลาหรือพิธีรีตองอะไรมาก ไม่ต้องเก๊กหน้าให้ดูเหมือนกับคนมีความคิดลึกซึ้งหรือดัดเสียงให้ฟังซึ้งเศร้าหรือด่านักการเมืองก่อนเข้าเพลง วงดนตรีแฮมเมอร์เป็นอะไรที่น่าจดจำ
อย่างไรก็ตาม เสียงเพลงและการแสดงของแฮมเมอร์ไม่น่าประทับใจและน่าจดจำอีกแล้วเมื่อแฮมเมอร์เลือกที่จะสร้างอะไรใหม่ ๆ ให้กับตนเองโดยการกระโดดขึ้นเวทีของแก๊งค์ก่อการร้ายพันธมิตร เดินตามรอยวงดนตรีอย่าง "คาราวาน" เข้าสมทบเป็นหนึ่งของกลุ่มเสื้อเหลือง ฝักใฝ่ศักดินา ใช้ความเป็นศิลปินฉวยโอกาสเกาะไปกับกระแสเพื่อหาที่ปักหลักให้กับตนเอง
วงแฮมเมอร์เกิดขึ้นมาในบริบทของการต่อสู้ทางการเมืองแห่งเดือนตุลาคม ร้องเล่นอยู่ในหมู่กรรมกรและนักศึกษา เปลี่ยนชื่อวงไปเรื่อย ๆ เพื่อความปลอดภัย กระทั่งกลายเป็นแฮมเมอร์ในที่สุด
เพลง "บินหลา" ซึ่งเป็นเพลงสร้างชื่อของแฮมเมอร์ (มีการนำไปประกอบภาพยนตร์) เพลงนี้มีการแก้ไขคำเพียงเล็กน้อยจากบทเพลงที่ วิสา คัญทัพ แต่งให้กับขบวนการฝ่ายซ้าย ทำนองโดย จิ้น กรรมาชน (เกิดกรณีเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ช่วงหนึ่งระหว่างแฮมเมอร์กับวิสา คัญทัพ เพราะแฮมเมอร์ไม่ให้เครดิตกับเจ้าของเพลงตัวจริง) ส่วนเพลง "แม่" ก็ดัดแปลงมาจากเพลง "ความแค้นของแม่" ของวงคาราวาน
การรำลึกถึงเหตุการณ์ในเดือนตุลาคมที่จัดขึ้นตามที่ต่าง ๆ วงดนตรีเพื่อชีวิตหลายวงรวมทั้งแฮมเมอร์จะได้โอกาสขึ้นแสดง ดังนั้นเราอาจกล่าวได้ว่าวงแฮมเมอร์เติบโตมาพร้อมกับการต่อสู้ทางการเมืองของขบวนการประชาธิปไตย
ความขัดแย้งทางการเมือง และการเกิดขึ้นของกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรถือเป็นอีกวาระหนึ่งที่เหล่าวงดนตรีเพื่อชีวิตจะได้แสดงบทบาท ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายที่วงดนตรีที่เป็นตำนานและสร้างเพลงดี ๆ ไว้มากอย่างคาราวานเลือกไปยืนกับฝ่ายเหลือง พร้อมพ่วงเอาแฮมเมอร์และเหล่ากวีซีไรท์ล้าหลังเข้าไปด้วยโดยคิดเอาง่าย ๆ ว่าแค่ต่อต้านอะไรที่มันดูเป็นทุนนิยมก็ถือว่าใช้ได้แล้วทั้งที่ตามจริงแล้วทุกลมหายใจเข้าออกในยุคปัจจุบันไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ทุนนิยม การทำทีเป็นต่อต้านทุนนิยมที่แท้แล้วคือการปฏิเสธ "ปิศาจ" ที่อยู่ในตัวเอง
การเลือกข้างสีเหลืองทำให้แฮมเมอร์มีแฟนเพลงที่หลากหลาย และกลับมามีชื่ออีกครั้งหลังจากที่เป็นที่รู้จักกันในวงแคบ ๆ เท่านั้น หากไม่ใช่เพราะความเป็นสีเหลือง หากไม่ใช่เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้วคงเป็นไปได้ยากที่แฮมเมอร์จะจัดคอนเสิร์ตในอินดอร์ สเตเดื้ยม หัวหมาก ในวาระที่ครบรอบ 30 ปี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
อารี ประธาน นักร้องนำของวงกล่าวถึงคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเขาว่า
"จุดประสงค์ของแฮมเมอร์หวังเพียงว่าฝันของเราคือ 30 ปีคอนเสิร์ต ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำได้เมื่อไหร่ แต่เวลานี้ทำได้ กลุ่มมวลชนพันธมิตรฯ ก็จะเป็นกำลังใจสูงด้วย ฉะนั้นหากเราทำแล้วมันเกิดประโยชน์ต่อสังคมร่วมไปกับเอเอสทีวี ดูน่าจะเป็นความน่ารักในการสร้างประวัติศาสตร์ 30 ปีด้วย"
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000012705
ความพิเศษของคอนเสิร์ตนี้นอกจากจะมีแขกรับเชิญจากกลุ่มพันธมิตรอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ศรัณยู วงศ์กระจ่างและมงคล อุทกแล้ว แฮมเมอร์ยังได้ขับขานบทเพลง "พ่อของเรา" ที่แต่งโดย "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" เป็นครั้งแรกด้วย
"ป๋าเปรมเป็นคนเขียนเพลงนี้ แล้วส่งมาให้แฮมเมอร์, ให้แฮมเมอร์ได้นำเสนอต่อไป ให้ทำในสไตล์ของแฮมเมอร์ เป็นเพลงที่ป๋าเขียนถึงในหลวง เราก็อยากให้คนไทยคิดตามเพลงนั้น" อารีเล่าต่อ "แต่การสื่ออารมณ์ของเพลง ป๋าเปรมบอกให้แฮมเมอร์ใช้อารมณ์ความเป็นแฮมเมอร์ อันนี้จึงเป็นเอกสิทธิ์หนึ่งที่ท่านบอกให้นำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนให้มากที่สุด การนำเพลงของป๋าเปรมมาไว้ในคอนเสิร์ตแล้วเป็นการเทิดทูนในหลวง เป็นเรื่องที่เรากตัญญู แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือเกียรติยศของเราด้วย กับ 30 ปีที่เราทำงานมา"
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000012705
ภาพการสวมกอดกันระหว่างสมาชิกวงแฮมเมอร์กับสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นอะไรที่เหนือคำบรรยาย ความเขลาทำให้เสื่อมได้จริง ๆ .