Skip to main content
 

I


ภาพที่ผู้ชายจิกหัวผู้หญิงเสื้อแดง แล้วลากถูลู่ถูกังไปกับถนนด้วยความอาฆาตมาดร้ายท่ามกลางการยืนดูเฉย ๆ ของทหาร นักข่าวและสาธาณชนนั้นน่าสะเทือนใจ ไม่ต่างอะไรกับการมุงดูผู้หญิงที่ถูกข่มขืนในที่สาธารณะ นอกจากไม่คิดจะช่วยแล้ว บางคนอาจจะลุ้นเอาใจช่วยฝ่ายชายอีกต่างหาก


 

หน้าตาที่ปรากฏชัดเจนของผู้ชายทำให้หาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเชื่อว่าชีวิตของชายคนนี้จะหาความสุขไม่ได้ สิ่งที่เขาทำเกินกว่าเหตุและเป็นความรุนแรงที่ผิดขนบปฏิบัติอย่างร้ายแรง


เมื่อภาพนี้ถูกเผยแพร่สู่สายตาของบรรดาผู้แทนในสภา พรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะบิดข้อเท็จจริงให้เกิดความรู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งปวงเกิดจากฝ่ายหญิง แต่ไม่ว่าจะบิดอย่างไรข้อเท็จจริงที่แจ่มแจ้งก็คือผู้หญิงเสื้อแดงถูกล้อมกรอบจากทุกทิศ ทุกทาง เธอสู้แม้ว่าจะสู้ไม่ได้และไม่มีใครช่วยเธอนอกจากเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ร่วมชะตากรรมด้วยกัน


ผมไม่รู้ว่านักสิทธิสตรีและนักสิทธิมนุษยชนทนอยู่ได้อย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ หรือว่าสิทธิสตรีและสิทธิมนุษยชนไม่ครอบคลุมคนเสื้อแดง ?

 

II


ใครที่ได้ดูการประชุมร่วมระหว่างสว.และสส.เมื่อวันที่ 22-23 ที่ผ่านมาคงจะได้เห็นว่าแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความเก่งกาจในการทำให้ความจริงกลายเป็นเรื่องเล่าบิดเบี้ยว ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่สามเหลี่ยมดินแดงซึ่งคนเสื้อแดงถูกสังหารโหด ความจริงที่กระทรวงมหาดไทยที่คนเสื้อแดงถูกยิง (ผมรีบรุดไปที่กระทรวงมหาดไทยทันทีที่ทราบข่าว เดินดูจนทั่ว เห็นนักข่าวสาวคนหนึ่งนั่งร้องไห้ ในขณะที่มีการนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ตกกลางคืน มีข่าวว่าจะมีการเคลื่อนย้ายศพคนเสื้อแดงที่ซุกซ่อนไว้ในกระทรวงมหาดไทยออกมา คนเสื้อแดงจึงไปล้อมไว้)


พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสื่อมวลชนในการช่วยกันทำให้ความจริงสูญสลายไป ทั้งงดเว้นการนำเสนอข่าวคนเสื้อแดงถูกทำร้าย (ภาพที่คนเสื้อแดงถูกรุมทำร้ายไม่ปรากฏในสื่อทั้งที่หาได้ไม่ยากแต่อย่างใด) เสนอความจริงแบบขาด ๆ หาย ๆ บิดผันความจริงให้กลายเป็นความคลุมเครือกระทั่งเป็นความเท็จ

 



 

รวมถึงเชิญพวกเหลืองออกโทรทัศน์ปลุกระดมให้จงเกลียดจงชังคนเสื้อแดง (โทรทัศน์เป็นแดนสนธยาไปแล้วจริง ๆ เมื่อช่องหนึ่งเจอหน้าเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง-เขาเคยผูกขาดรายการโทรทัศน์ที่หากินกับกับชาวบ้านทางช่อง 11 ก่อนที่นายกฯ ทักษิณ ชินวัตรจะยกเลิกการผูกขาดของเขาไป อีกช่องหนึ่งเจอเสรี วงษ์มณฑา)


ความจริงสลายหายไป เหลือแต่เพียงเรื่องเล่าซึ่งไม่อาจเป็นหลักฐานเอาผิดรัฐบาลประชาธิปัตย์และทหารที่เข็นเอาอาวุธสงครามมาปราบประชาชนได้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงไม่อนาทรร้อนใจแม้แต่น้อยที่เก้าอี้รัฐมนตรีวางอยู่บนเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชน


แม้ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์จะทำทุกอย่างเพื่อให้ความจริงสูญสลายไป แต่เรื่องเล่าและเรื่องเล่าจากปากของประจักษ์พยานและผู้ที่ตกเป็นเหยื่อนั้นมีพลังมหาศาลมากพอที่จะทำให้ความจริงเปิดเผยออกมา.

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
การประท้วงของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ภายใต้การนำของ สาวิทย์ แก้วหวาน ผู้ซึ่งเป็นแกนนำสหภาพแรงงาน ฯ เป็นการประท้วงในสไตล์เดียวกับการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร นั่นคือเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตนเอง 
เมธัส บัวชุม
หลังจากอิดออดเพื่อรักษาท่าทีแต่พองามแล้ว “ผู้ร้าย” สองคนก็เปิดตัวเปิดใจกระโจนเข้าสู่วง ”การเมือง” เต็มตัว “ผู้ร้าย” คนแรก
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนในอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปไหน เพื่อนพาไปเที่ยวป่าและแวะที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แลดูลี้ลับ วังเวงและยากไร้
เมธัส บัวชุม
สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่กับความโง่ มีความโง่เป็นเจ้าเรือน นับวันความโง่ยิ่งแผ่ขยายแพร่กระจายไปราวเชื้อโรค หลายคนโง่โดยสุจริต  คนเหล่านี้น่าเห็นใจ ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้  อคติ ความเกลียดชังทำให้ประสิทธิภาพในการคิดเสื่อมถอย สติปัญญาถูกบิดเบือนไป คนประเภทนี้โง่เพราะถูกอคติทำลายจนมืดบอด
เมธัส บัวชุม
  ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังรวนเรเพราะความไร้ฝีมือและความเน่าจากภายใน แทนที่จะทุ่มสมองและแรงงานเพื่อกระหนาบกระหน่ำรัฐบาลโจร คนเสื้อแดงเฉดต่าง ๆ ก็กลับใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์กันรุนแรงกระทั่งแตกออกเป็นสาย
เมธัส บัวชุม
ในโลกโลกาภิวัฒน์ที่มนุษย์กำลังเดินทางไปในอวกาศเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเตรียมหาที่อยู่บนดาวดวงอื่น ทั้งวิตกกังวลกับโรคระบาดชนิดใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์ต้องสูญพันธุ์ ประเทศไทยยังคงสนุกสนานเหมือนเด็กเล่นขายของกับการกล่าวหาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระทั่งล้มสถาบันสนุกครับ สนุก
เมธัส บัวชุม
ตื่นเช้าขึ้นมา หากไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องทำ ผมจะนั่งเขียนโน่น เขียนนี่พร้อม ๆ กับที่เข้าไปในบอร์ดประชาไท อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ มานานจนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตร (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์) แต่หลังเช้าไปแล้ว ผมก็ทำอย่างอื่น ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่อาจติดตามความเคลื่อนไหวในบอร์ดประชาไทได้อีก ดังนั้นจึงได้อ่านเพียงบางกระทู้เท่านั้นและล้วนแล้วแต่เป็นการอ่านผ่านๆ ทั้งสิ้น
เมธัส บัวชุม
พักหลัง ผมเข้าไปเยื่ยมชมเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" บ่อยครั้ง เพื่ออยากรู้ว่าชาวสีเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรคิดอ่านกันอย่างไร มีนวัตกรรมอะไรบ้างในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ศึกษากลวิธีในการเต้าข่าว การใส่ไคล้ การใช้ภาษาของบรรดาคอลัมนิสต์ กระทั่งแวะเข้าไปอ่าน "เรื่องนินทาราวตาเห็น" ของ "ซ้อเจ็ด" ผู้โด่งดัง
เมธัส บัวชุม
หลายวันก่อน ได้อ่านบทความของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่อง “ทางออกจากทักษิณ” (มติชนรายวัน, 20 ก.ค. 52.) บทความนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อเหลืองและแดง  เนื้อหาของบทความ นอกจากปัญญาชนรายนี้จะออกตัวให้กลุ่มพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองโดยยกระดับความคิด และการกระทำของคนกลุ่มนี้ว่าเกิดจากทัศนะและความเข้าใจในประชาธิปไตยที่แตกต่างจากกลุ่มเสื้อแดงซึ่งทั้งสองกลุ่มล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน  
เมธัส บัวชุม
นานมาแล้ว ที่ผมไม่เคยเจ็บป่วยขนาดต้องไปโรงพยาบาลหรือหาหมอ อย่างมากก็แค่ซื้อยาแก้เจ็บคอมากิน แต่ครั้งนี้เจ็บคอหลายวัน บวกกับอาการมึนหัว เบื่ออาหาร เพลีย และปวดเมื่อยเนื้อตัวอย่างหนักขนาดทาถูสบู่ตามตัวยังรู้สึกปวดไปถึงกระดูก เวลานอนต้องนอนตะแคงอย่างเดียวจะนอนหงายหรือคว่ำไม่ได้เพราะปวดเมื่อย(ขนาดนั้น) ผมจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแม้จะยังสงสัยอยู่ว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ น่าตกใจพอสมควรที่คนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เต็มล้นโรงพยาบาล (แต่แทบไม่มีคนที่อยู่วัยเดียวกับผม) ผมคิดในใจว่าถ้าตนเองเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ก็คงจะมารับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลนี่แหละ…
เมธัส บัวชุม
การล่า 1 ล้านรายชื่อของสามเกลอแห่ง "ความจริงวันนี้" เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประเด็นให้คนเสื้อแดงถกเถียงแก้เซ็งไปพลาง ๆ โหมโรงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป มีความคิดเห็นค่อนข้างหลากหลายในหมู่คนเสื้อแดงด้วยกัน ทั้งนี้เพราะคนเสื้อแดงนั้นมีความหลากหลายในตัวเองอยู่แล้ว คือมีตั้งแต่ "แดงอนุรักษ์" ไปจนถึง "แดงถอนรากถอนโคน" ซึ่งลักษณะที่ว่านี้ไม่มีในหมู่คนเสื้อเหลือง
เมธัส บัวชุม
เป็นความคิดที่ดีของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความพยายามจะ “รื้อฟื้น” วันชาติขึ้น เพราะมันมีความหมายและนัยสำคัญต่อประชาธิปไตยและการเมืองไทยอย่างมาก วันชาติเป็นผลพวงของการยึดอำนาจของคณะราษฎรเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยสู่ระบอบการปกครองแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเสียงและความคิดเห็นของประชาชน ภายใต้หลักนิติรัฐที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอกัน