Skip to main content

หลังจากอิดออดเพื่อรักษาท่าทีแต่พองามแล้ว “ผู้ร้าย” สองคนก็เปิดตัวเปิดใจกระโจนเข้าสู่วง ”การเมือง” เต็มตัว


ผู้ร้าย” คนแรก


เป็นหัวหน้าพรรค “การเมืองใหม่” (ไม่รู้ว่าใหม่ตรงไหน) ผันตัวเองมาจากจ้าวลัทธิ-แก๊งก่อการร้าย-ลอบบี้ยิสต์-นักโฆษณาชวนเชื่อ ฯลฯ มาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการ


ผู้ร้ายรายนี้ทั้งสันหลังหวะทั้งมีชนักติดหลังมากมายนับไม่ถ้วน คดีหมิ่นประมาทใครต่อใครไม่เลือกหน้าทั่วราชอาณาจักร คดียึดสนามบิน ยึดช่อง11 ยึดทำเนียบ และยิบย่อยอีกมากมาย มีความโดดเด่นมากในเรื่องการปั้นน้ำเป็นตัว โกหกใส่ร้ายคนอื่น-แม้ว่าจะเส้นใหญ่มากเพียงใดแต่ข้อเท็จจริงที่เห็นอยู่ทนโท่ทำให้ศาลไม่อาจปฏิเสธในเรื่องนี้ได้


อย่างไรก็ตาม เขายังคงเดินหน้าต่อไป เขาบอกผู้สนับสนุนเขาว่า “พี่น้องครับ พรรคการเมืองใหม่และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น แต่เราจะเป็นศัตรูกับคนโกงชาติกินบ้านกินเมือง ขายชาติขายบ้านขายเมือง พี่น้องเอ้ย พี่น้องเอ้ย ภารกิจพวกเราจะหนักและเหนื่อย เราจะสู้เต็มที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่ามาถามว่า เราจะมี ส..ได้กี่คน แต่ให้ถามตัวเราเองว่า จะกี่คนก็ตาม เราต้องรักษา เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และทำงานเป็น เอาไว้จนวันตาย ใช่ไม่ใช่พี่น้อง ขอบคุณมากครับ” http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000118183

 

การสนับสนุนให้ “ผู้ร้าย” รายนี้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ว่าเป็นอย่างไร บางคนอาจถามว่าพรรคการเมืองใหม่นี้จะเป็นตัวเลือกที่สร้างความแตกต่างได้หรือไม่ คงไม่ต้องวิเคราะห์กันให้เสียเวลา ชีวประวัติของหัวหน้าพรรคคือคำตอบที่ดี


ว่าที่จริงประเด็นสำคัญที่หลายคนคั้งคำถามก็คือว่า “ผู้ร้าย” รายนี้เคยยืนยันเสียงแข็งหนักแน่นว่าจะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ พูดง่าย ๆ ว่าจะไม่เข้าไปสู่การเมืองในระบบ มาดูกันสิว่าเขาเคยพูดว่าอะไร


วันนี้มาด้วยใจบริสุทธิ์และไม่มีทางยอมรับตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ในอนาคตเพียงต้องการเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน หากผิดคำพูด เจอที่ไหนถ่มน้ำลายใส่หน้าหรือถอดรองเท้าตบหน้าผมได้เลย เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นไปเพื่อชาติ ศาสนา อีกทั้งวันที่ 4 .. ในประวัติศาสตร์เป็นวันวีรชนบางระจัน แต่บางระจันยุคนี้ต่อสู้กับคนขายชาติที่เปิดให้สิงคโปร์มาซื้อประเทศไทย”

http://www.youtube.com/watch?v=7PhSAkMC1HI

http://picasaweb.google.co.th/lh/photo/aPmPMVWkORON1ngrpe5zOQ?feat=directlink (ต้องขอขอบคุณ “noname” แห่งบอร์ดประชาไท สำหรับการทำ Link ข้อมูล)


อย่างไรก็ตาม ขอบอกว่าไม่มีอะไรน่าแปลกใจสำหรับการพลิกลิ้นหรือกลืนน้ำลายของ “ผู้ร้าย” รายนี้ เคยได้ยินไหมคำพูดที่ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร”


ผู้ร้าย” คนที่สอง


ผู้ร้าย” รายนี้เรียกได้ว่าเป็น “ฝันร้ายของประชาธิปไตย” อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะเป็นหัวหน้ากบฏล้มล้างระบอบการเมืองของประชาชน ผลงานโดดเด่นที่สุดคือการทำรัฐประหาร 49 ตามมาด้วยก่อตั้งองค์กรมากมาย อาทิ คตส. ปปช กกต. สิ่งที่มาพร้อมกับรัฐประหารอีกอย่างก็คือ “งบลับ” ที่ทำให้พรรคพวกรวยกันถ้วนหน้า ดูเหมือนว่าในยุคที่เขาครองเมืองเรืองอำนาจอยู่นั้นประเทศไทยมีลักษณะเหมือนซ่องโจรคือไม่มีขื่อมีแป ไม่มีมาตรฐาน ไม่มีหลักการ


เรารู้กันแล้วสิ่งที่เขาทำเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตยและชีวิตปกติอย่างใหญ่หลวง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการพาประเทศถอยหลังหลายสิบปี ทำให้สังคมปั่นป่วนวุ่นวายโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่ นำทหารออกจากกรมกองเพื่อมาเพ่นพ่านใน “การเมือง” ฝันร้ายได้กลายเป็นจริงแล้วด้วยฝีมือของเขา


นวมทอง ไพรวัลย์ ชายคนขับแท็กซี่ผู้ขัดข้องหมองใจ เขาตัดสินใจปลิดชีพตนเองเพื่อต่อต้านสิ่งที่ผู้ร้ายรายนี้กระทำ


อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน “ผู้ร้าย” รายนี้ไม่สำนึกผิดในบาปกรรมแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เมื่อเวลาผ่านไป เขายังยืนว่าสิ่งที่เขาทำนั้นทำให้ประชาชนมีความสุขมากขึ้น!


เขาให้สัมภาษณ์สำนักข่าว INN ยอมรับว่า “ได้รับคำเชิญจาก พรรคเพื่อไทย ให้เดินทางไปร่วมการจัดสัมมนาใหญ่ ครบรอบ 3 ปี แห่งหารปฏิวัติ 19 กันยายนจริงแต่ได้ตอบปฏิเสธไป ซึ่งดูรายละเอียดแล้วเห็นว่า ไม่สะดวก พร้อมยืนยันว่า การปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยาน 2549 ทำให้คนไทยมีความสุข แต่ยอมรับว่า การเมือง หลังการปฏิวัติจนถึงปัจจุบัน ยังคงมีปัญหา ซึ่งก็แล้วแต่ผู้นำในรัฐบาลว่าจะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาอย่างไร


ส่วนข้อเรียกร้อง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนขอยืนยันว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ไม่ได้เป็นปัญหา อย่างที่บรรดานักการเมือง วิพากษ์วิจารณ์ อย่างไรก็ดี หากจะมีการแก้ไข เพื่อประโยชน์ของประชาชน ตนเองก็เห็นด้วย แต่หากแก้ เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง ตนไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ดี หากสภาวะการเมือง ยังคงเป็นเช่นในปัจจุบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่จะกระทำ”

http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=190807

 

ผู้ร้ายรายที่สองนี้กำลังจะทำเช่นเดียวกับผู้ร้ายรายแรก นั่นคือกระโจนเข้าสู่วงการเมือง ยิ่งเหมือนเข้าไปอีกเมื่อกำลังจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรค “มาตุภูมิ” ของกลุ่มวาดะห์ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจากพรรคราษฎร ความคล้ายคลึงอย่างไม่น่าประหลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือชอบอวดอ้างคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ พร้อมทั้งเอาหลังพิงสิ่งที่เรียกว่าชาติ ศาสน์ กษัตริย์


ฝนตกขี้หมูไหล เหมือนละครที่มีผู้ร้ายหลายตัว ผู้ชมรอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่านอกจากผู้ร้ายประจำรัฐสภาอย่างประชาธิปัตย์แล้ว จะมีผู้ร้ายเพิ่มขึ้นมาสร้างสีสันอีกสองคน กำไรของคนดูแท้ๆ

 

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
การประท้วงของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ภายใต้การนำของ สาวิทย์ แก้วหวาน ผู้ซึ่งเป็นแกนนำสหภาพแรงงาน ฯ เป็นการประท้วงในสไตล์เดียวกับการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร นั่นคือเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตนเอง 
เมธัส บัวชุม
หลังจากอิดออดเพื่อรักษาท่าทีแต่พองามแล้ว “ผู้ร้าย” สองคนก็เปิดตัวเปิดใจกระโจนเข้าสู่วง ”การเมือง” เต็มตัว “ผู้ร้าย” คนแรก
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนในอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปไหน เพื่อนพาไปเที่ยวป่าและแวะที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แลดูลี้ลับ วังเวงและยากไร้
เมธัส บัวชุม
สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่กับความโง่ มีความโง่เป็นเจ้าเรือน นับวันความโง่ยิ่งแผ่ขยายแพร่กระจายไปราวเชื้อโรค หลายคนโง่โดยสุจริต  คนเหล่านี้น่าเห็นใจ ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้  อคติ ความเกลียดชังทำให้ประสิทธิภาพในการคิดเสื่อมถอย สติปัญญาถูกบิดเบือนไป คนประเภทนี้โง่เพราะถูกอคติทำลายจนมืดบอด
เมธัส บัวชุม
  ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังรวนเรเพราะความไร้ฝีมือและความเน่าจากภายใน แทนที่จะทุ่มสมองและแรงงานเพื่อกระหนาบกระหน่ำรัฐบาลโจร คนเสื้อแดงเฉดต่าง ๆ ก็กลับใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์กันรุนแรงกระทั่งแตกออกเป็นสาย
เมธัส บัวชุม
ในโลกโลกาภิวัฒน์ที่มนุษย์กำลังเดินทางไปในอวกาศเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเตรียมหาที่อยู่บนดาวดวงอื่น ทั้งวิตกกังวลกับโรคระบาดชนิดใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์ต้องสูญพันธุ์ ประเทศไทยยังคงสนุกสนานเหมือนเด็กเล่นขายของกับการกล่าวหาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระทั่งล้มสถาบันสนุกครับ สนุก
เมธัส บัวชุม
ตื่นเช้าขึ้นมา หากไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องทำ ผมจะนั่งเขียนโน่น เขียนนี่พร้อม ๆ กับที่เข้าไปในบอร์ดประชาไท อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ มานานจนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตร (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์) แต่หลังเช้าไปแล้ว ผมก็ทำอย่างอื่น ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่อาจติดตามความเคลื่อนไหวในบอร์ดประชาไทได้อีก ดังนั้นจึงได้อ่านเพียงบางกระทู้เท่านั้นและล้วนแล้วแต่เป็นการอ่านผ่านๆ ทั้งสิ้น
เมธัส บัวชุม
พักหลัง ผมเข้าไปเยื่ยมชมเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" บ่อยครั้ง เพื่ออยากรู้ว่าชาวสีเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรคิดอ่านกันอย่างไร มีนวัตกรรมอะไรบ้างในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ศึกษากลวิธีในการเต้าข่าว การใส่ไคล้ การใช้ภาษาของบรรดาคอลัมนิสต์ กระทั่งแวะเข้าไปอ่าน "เรื่องนินทาราวตาเห็น" ของ "ซ้อเจ็ด" ผู้โด่งดัง
เมธัส บัวชุม
หลายวันก่อน ได้อ่านบทความของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่อง “ทางออกจากทักษิณ” (มติชนรายวัน, 20 ก.ค. 52.) บทความนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อเหลืองและแดง  เนื้อหาของบทความ นอกจากปัญญาชนรายนี้จะออกตัวให้กลุ่มพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองโดยยกระดับความคิด และการกระทำของคนกลุ่มนี้ว่าเกิดจากทัศนะและความเข้าใจในประชาธิปไตยที่แตกต่างจากกลุ่มเสื้อแดงซึ่งทั้งสองกลุ่มล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน  
เมธัส บัวชุม
นานมาแล้ว ที่ผมไม่เคยเจ็บป่วยขนาดต้องไปโรงพยาบาลหรือหาหมอ อย่างมากก็แค่ซื้อยาแก้เจ็บคอมากิน แต่ครั้งนี้เจ็บคอหลายวัน บวกกับอาการมึนหัว เบื่ออาหาร เพลีย และปวดเมื่อยเนื้อตัวอย่างหนักขนาดทาถูสบู่ตามตัวยังรู้สึกปวดไปถึงกระดูก เวลานอนต้องนอนตะแคงอย่างเดียวจะนอนหงายหรือคว่ำไม่ได้เพราะปวดเมื่อย(ขนาดนั้น) ผมจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแม้จะยังสงสัยอยู่ว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ น่าตกใจพอสมควรที่คนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เต็มล้นโรงพยาบาล (แต่แทบไม่มีคนที่อยู่วัยเดียวกับผม) ผมคิดในใจว่าถ้าตนเองเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ก็คงจะมารับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลนี่แหละ…
เมธัส บัวชุม
การล่า 1 ล้านรายชื่อของสามเกลอแห่ง "ความจริงวันนี้" เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประเด็นให้คนเสื้อแดงถกเถียงแก้เซ็งไปพลาง ๆ โหมโรงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป มีความคิดเห็นค่อนข้างหลากหลายในหมู่คนเสื้อแดงด้วยกัน ทั้งนี้เพราะคนเสื้อแดงนั้นมีความหลากหลายในตัวเองอยู่แล้ว คือมีตั้งแต่ "แดงอนุรักษ์" ไปจนถึง "แดงถอนรากถอนโคน" ซึ่งลักษณะที่ว่านี้ไม่มีในหมู่คนเสื้อเหลือง
เมธัส บัวชุม
เป็นความคิดที่ดีของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความพยายามจะ “รื้อฟื้น” วันชาติขึ้น เพราะมันมีความหมายและนัยสำคัญต่อประชาธิปไตยและการเมืองไทยอย่างมาก วันชาติเป็นผลพวงของการยึดอำนาจของคณะราษฎรเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยสู่ระบอบการปกครองแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเสียงและความคิดเห็นของประชาชน ภายใต้หลักนิติรัฐที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอกัน