Skip to main content

 

          อีกไม่กี่วันนับจากนี้ก็จะถึงงานสัปดาห์หนังสือฤดูร้อนปี 2013 แล้วนะครับ ซึ่งใครหลายคนที่เป็นหนอนหนังสือก็คงรอคอยช่วงเวลานี้กันตาเป็นมันเพื่อจะได้ซื้อหนังสือมาตุนกัน จนหลายคนเรียกงานนี้ว่า งานลดราคาหนังสือเสียด้วยซ้ำ กระนั้นหลายคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้จับจองหนังสือหายาก หนังสือราคาถูกในงานนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ 
 
          เช่นเดียวกับเหล่านักอ่านเยาวชนหัวใจโอตาคุทั้งหลายที่ต่างรอคอยงานหนังสือนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะหนังสือที่เรียกว่า Light Novel หรือนิยายเล่มเล็กที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างมากในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาและน่าจะมากขึ้นไปอีก เมื่อมีค่ายหนังสือทั้งใหญ่และเล็กต่างเปิดแผนก Light Novel หรือเข้ามาในธุรกิจหนังสือนิยายเล่มเล็กนี้กันเต็มไปหมด
 
          นั้นเองที่ทำให้หลายคนแอบเรียกงานหนังสือในยุคหลัง ๆ ว่า งานคอมมิเกะประเทศไทย ก็เพราะมันคล้ายคลึงกับงานขายสินค้าอนิเมะ มังงะ และโดจินอย่างคอมมิคเกะที่จัดที่ญี่ปุ่น และมีสาวกโอตาคุจำนวนมากไปซื้อที่งานนี้จนกระทั่งมีเงินสะพัดนับหลายล้านเยนเลยทีเดียว
 
 
          นักอ่านหลายคนอาจจะงุนงงว่า อะไรคือ Light Novel 
 
          หากจะอธิบายง่าย ๆ ก็ตรงตัวตามอักษรของมันนั้นก็คือ Light ที่แปลว่า เบา คำว่า Novel แปลว่า นิยาย เมื่อรวมกันจึงมีความว่า นิยายเบาหรือนิยายเล่มเล็กนั้นเอง ซึ่งจุดเด่นของนิยายประเภทนี้ก็คือ มีภาษาที่อ่านง่ายคล้ายกับการอ่านการ์ตูนและมีจำนวนเล่มค่อนข้างมากกว่าเล่มเดียวจบ รวมทั้งมีภาพประกอบที่วาดโดยนักเขียนหลายคนช่วยดึงดูดนักอ่าน และเอาไปดัดแปลงเป็นอนิเมะได้ง่ายทำให้นิยายประเภทนี้ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในหมู่โอตาคุทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศเลยทีเดียว 
 
           เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตลาดของ Light Novel นั้นยังไม่ได้กว้างขวางมากถึงขนาดนี้แม้ว่าจะมีสำนักพิมพ์อย่าง Bliss Publishing อันเป็นบริษัทในเครือแกรมมี่ที่ได้บุกเบิกตลาดหนังสือแปลของญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่องรวมทั้งหนังสือนิยายเล่มเล็กที่มีชื่อว่า Light Novel อีกด้วย แน่นอนว่า Bliss ในช่วงนั้นแทบจะผูกขาดตลาดของหนังสือแปลญี่ปุ่นรวมทั้ง Light Novel ไปเกือบหมดเลยทีเดียว
 
           ทว่าเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา สำนักพิมพ์ Bliss ก็ได้ปิดตัวลงท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าสาวก Light Novel ที่ติดตามนิยายของค่ายนี้มาหลายเรื่องเพราะ นิยายหลายเรื่องก็ต้องหยุดตีพิมพ์ลงไปด้วย โดยที่หลาย ๆ คนต่างวิตกกังวลว่า อาจจะมีสำนักพิมพ์อื่น ๆ ต้องปิดตัวไปด้วย
ทว่า
 
            หลังจาก Bliss ได้ปิดตัวลงไปกับมีสำนักพิมพ์อื่น ๆ เปิดตัวขึ้นมาแข่งขันในยุทธจักร Light Novel อีกหลายสำนักพิมพ์ นอกจากนี้สำนักพิมพ์ที่เปิดมาใกล้เคียงกับ Bliss นั้นก็เพิ่มขยายการผลิตขึ้นมาจนทำให้สถานการณ์ของ Light Novel ในไทยตอนนี้ร้อนแรงยิ่งขึ้น รายชื่อของลิขสิทธิ์ใหม่ ๆ ที่ถูกซื้อเข้ามาทำให้หลายคนต้องซี้ดปากกันเลยทีเดียว และเชื่อว่าจะมี Light Novel เรื่องใหม่ ๆ ถูกซื้อเข้ามาในอนาคตแน่นอน
 
            บทความพิเศษนี้ผมจะพาท่านไปดูว่า ในงานหนังสือฤดูร้อนปี 2013 นี้ค่ายใดมี Light Novel เรื่องไหนเป็นที่เชิดหน้าชูตาและสามารถแย่งความสนใจไปจากเหล่าโอตาคุไทยแลนด์ได้มาเพียงใด
 
          Luckpim 
 
 
          ค่าย Luckpim เป็นค่ายหนังสือการ์ตูนที่เริ่มต้นจากบูธเล็ก ๆ เมื่อสี่ห้าปีก่อนกลายเป็นค่ายหนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่มีแฟนหนังสือจำนวนมากเลยทีเดียวนับจากเปิดตัวขึ้นมา พวกเขาเริ่มต้นการนำเข้า Light Novel เรื่องแรกของบริษัทอย่าง School Day ที่ดัดแปลงมาจากอนิเมะและเกมชื่อดังที่หลายคนจดจำกันได้ในฐานะเกมที่มีฉากจบติดตาตรึงใจที่สุดในความทรงจำของใครหลายคน  ซึ่งค่ายนี้ก็มี Light Novel ในสังกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีทั้งเรื่องดังบ้างไม่ดังบ้างคละเคล้ากันไป อาทิเรื่องดังที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมะแล้วอย่าง  Zero No Tsukaima (อสูรรับใช้ของยัยศูนย์สนิท) , Mayo Chiki (ฉันนี่ล่ะพ่อบ้าน) หรือ Haiyore! Nyaruko-san (เนียรุโกะซัง) เป็นต้น หรือพวกนิยายที่ยังไม่ได้ดัดแปลงเป็นอนิเมะแต่ถูกจับตามองอย่างมากมายอย่าง  The Royal Academy of Machinart (สงครามจักรกล มนตรา ราตรี) เป็นต้น 
 
          Luckpim คือครอง ลิขสิทธิ์นิยายของค่าย Media Factory , Enterbrain  และ ค่าย Fujimi Shobo , SOFTBANK Creative Corp แม้จะไม่ใช่ค่ายใหญ่แบบ เดงเกงคิ แต่ก็เป็นสำนักพิมพ์ที่มีนิยายดี ๆ และแปลกใหม่อยู่มากมายเลยทีเดียว
 
 
            แม้ว่าจะไม่มีบิ๊กเนมในงานหนังสือนี้ แต่หนังสือที่ประกาศวางขายในงานนี้อาจจะเป็น Big Name .นอนาคตก็ได้ อาทิเช่น 
 
             Date A live พิชิตรักพิทักษ์โลก ของค่าย Fujimi Shobo ที่กำลังจะได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นฉายทีวีในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ 
             
             หรือ
 
             High School DxD นิยายที่ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะไปแล้วเมื่อปีก่อน เป็นอีกหนึ่งนิยายระดับขุนผลในงานหนังสือครั้งนี้ของค่าย Luckpim 
 
             นอกจากนั้นก็ยังมี Light Novel ใหม่อีกหลายเรื่องที่ออกในงานครั้งนี้ทั้ง บันทึกกิจกรรมสมาคมคนรักเกมของผมกับอิจิโนะ , ความลับในใจของคุณหนูไอดอล , ตำนานพิศวงร้อยเรื่อง ลำดับที่101 รวมทั้ง Light Novel เล่มต่ออีกหลายเล่ม
 
             นั้นเองที่ทำให้หลายคนจับตามอง Luckpim อยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวในงานหนังสือคราวนี้
 
              A-Plus
 
             จากกลุ่มสำนักพิมพ์เล็ก ๆ ที่ทำนิตยสารที่มีชื่อว่า Animag นิตยสารเกี่ยวกับแวดวงอนิเมชั่นและหนังสือการ์ตูนมาหลายปีบัดนี้ Animag ได้เปลี่ยนเป็น A-plus แล้วผลิต Light Novel ออกมาป้อนตลาดหลายเรื่องเลยทีเดียว ซึ่งพวกเขาเริ่มต้นการเข้าสู่วงการนี้ด้วยการนำนิยายของมาโคโตะ ชินไค เรื่อง ยามซากุระร่วงโรยหรือ 5 Centimeter per second และผลงานของชินไค มาโคโตะแล้ว ค่ายนี้ยังยัง Light Novel ที่น่าสนใจทั้งหญิงและชายมาบุกตลาด Light Novel ด้วยเช่นกัน 
 
               ผลงานเชิดหน้าชูตาของค่ายนี้ก็ได้แก่ อัศวินมือใหม่ มังกรป้ายแดง ที่ออกมาแล้วถึงหกเล่ม หรือ เจ้านี่เหรอ ซอมบี้ ผลงานชื่อดังที่กลายเป็นอนิเมชั่นไปแล้
 
           ทว่าสิ่งที่ทำให้ค่ายนี้ได้รับความสนใจสูงสุดก็เนื่องจากการคว้าลิขสิทธิ์ที่หลายคนไม่คิดว่าจะเป็นได้อย่าง  to aru majutsu no index มาได้ท่ามกลางความตกตะลึงของใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว
 
               แน่นอนว่า นี่คือผลพวงของการปิดตัวลงของค่าย Bliss ที่ผูกขาด Light Novel ของสำนักพิมพ์ เดงเกงคิ หลายเรื่อง ซึ่งเมื่อไม่มี Bliss ก็ทำให้ค่ายอื่น ๆ สามารถเข้าไปซื้อลิขสิทธิ์ Light Novel ของค่ายนี้ได้ง่ายขึ้น  
 
 
                to aru majutsu no index นั้นเป็น Light Novel ที่ขายดีที่สุดเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่นและถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะไปถึงสองซีซั่นและมีภาคเสริมอย่าง to aru kagaku no railgun ที่ภาคแยกโดยเอาตัวละครนางเอกคนที่สองของเรื่องอย่าง มิซากะ มิโคโตะแยกออกมาอีกต่างหากและมีอนิเมะตามมาอีกสองภาค ซึ่งทำให้เรารู้ว่า Light Novel เรื่องนี้ฮิตจริง ๆ
 
                แต่ที่หลายคนคิดว่าไม่น่าจะเป็นได้นั้นก็คือ จำนวนเล่มของ Light Novel เรื่องนี้ที่มหาศาลกว่า 22 เล่ม แถมมีภาค 2 ออกมาแล้วอีก 2 เล่มอีกต่างหาก
และ A- Plus ก็ออกนิยายมาแล้วสามเล่มเรียกได้ว่า พยายามทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกต่างหาก 
 
                นี่เองที่ทำให้ A-Plus กลายเป็นอีกอีกหนึ่งค่ายที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในงานหนังสือคราวนี้
 
               Zenshu
 
              สำนักพิมพ์น้องใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวขึ้นเป็นสำนักพิมพ์ในเครือของบริษัท Rose Media entertainment Group ผู้ผลิตธุรกิจ Home Video ขนาดใหญ่ของประเทศไทยที่หลัง ๆ นี้บุกเข้ามาในสื่อสิ่งพิมพ์มากขึ้น ตั้งแต่ออกนิตยสารเกี่ยวกับอนิเมชั่นอย่าง Zenshu เริ่มมีการซื้อลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนมาเรื่อย ๆ จนมีหนังสือการ์ตูนดี ๆ อยู่ในมือมากมาย แต่ที่น่าสนใจก็คือการกระโดดเข้ามาในธุรกิจ Light Novel นั้นเอง
 
               ซึ่ง Light Novel ที่ค่ายนี้ซื้อมาส่วนมากนั้นเป็นของค่ายเดงเกงคิเสียส่วนใหญ่ แถมยังเป็น Light Novel ระดับ Big Name ซึ่งเรียกเสียงซี้ดให้กับสาวกโอตาคุทั้งหลายเป็นอย่างอาทิ
 
 
                น้องสาวผมของผมไม่น่ารักเลยสักนิด , Accel World, Sword Art Online , บาสใสวัยซน  ซึ่งล้วนแต่เป็นระดับชื่อดังและมีอนิเมชั่นออกมาแล้วด้วย
 
 
                โดยเฉพาะ Sword Art Online ที่เมื่องานหนังสือฤดูหนาวปี 2012 ที่ผ่านได้สร้างความตื่นตะลึงอย่างยิ่งกับหลายคนที่ไปงานเมื่อมีการเข้าแถวรอซื้อนิยายเล่มนี้กันอย่างคับคั่งชนิดที่ว่า ไม่เคยเกิดกับนิยายเรื่องใดมาก่อน แม้ว่าจะมีโปสเตอร์กับลายเซ็นนักเขียนเป็นของแถมก็ตามที แต่นี่ก็เป็นสิ่งน่าสนใจว่า ธุรกิจ Light Novel นั้นมีผู้อ่านจำนวนมากจริง ๆ
      
                 อีกอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับค่ายนี้ก็คือการซื้อ Light Novel แนวแปลก ๆ ที่แตกต่างเข้ามาบ้างอย่างแนวสืบสวนอย่าง Cop Craft มือปราบสองโลก หรือกระทั่งแนววิทยาศาสตร์ไซไฟอย่าง Steins ; Gate ฝ่าวิกฤตพิชิตเวลา วังวนแห่งอุโรโบรอส ที่ทำสถิติ Light Novel เล่มที่หนาที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งสองเรื่องแม้ว่าจะทำยอดได้น้อยกว่านิยายชื่อดังเหล่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจให้กับคนอ่านได้ดีทีเดียว
 
               ซึ่งในงานหนังสือนี้ Zenshu ก็มี Light Novel ทั้ง Big Name ที่โด่งดังในญี่ปุ่นมาแล้วอย่าง พี่น้องปริศนาโรงเรียนมหาเวทย์ ,  หนุ่มสามัญกับสาวหลุดโลก และ วานาดีส ราชันกับกระสุนมนตรา ออกมา รวมทั้ง Light Novel แนวสืบสวนเรื่องใหม่อย่าง B.A.D ออกมาให้อ่านกันด้วย
 
                และคาดว่าอาจจะมีการประกาศลิขสิทธิ์ Light Novel เรื่องใหม่ ๆ ในงานหนังสือนี้ด้วย
 
                 Dexpress
 
                 อีกหนึ่งบริษัทที่กระโจนตัวเข้ามาสู่สมรภูมิ Light Novel นี้ก็ได้แก่ Dexpress สำนักพิมพ์ในเครือของ Dex บริษัทโฮมเอ็นเตอร์เทรนเม้นท์ใหญ่ของประเทศไทยที่เข้ามาในธุรกิจนี้เช่นเดียวกับด้วยรูปแบบ Design หนังสือที่แตกต่างจากชาวบ้านตรงที่มักจะมีกล่องสวมเหมือน DVD และรูปเล่มใหญ่กว่า Light Novel ปกติเล็กน้อย รวมทั้งลิขสิทธิ์จากค่าย Hobby Japan ที่ผูกขาดกับทางสำนักพิมพ์อยู่แล้วทำให้มีนิยายค่อนข้างน้อยมาก ๆ ในสังกัด 
 
                แต่ก็มีนิยายที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยอาทิ นักเรียนน้องใหม่สายพันธุ์จอมมาร(ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะไปแล้ว) พระเอกตัวจุ้นวุ่นวันโลกแตก , บ้านพักอลวนคนขั้นเทพ หรือ ซีรีย์ เชือดคืนชีพ (Cutting) Light Novel แนวเขย่าขวัญที่ค่อนข้างแตกต่างกับ Light Novel ในตลาดประเทศไทยพอสมควร
 
 
                 แต่ที่เป็น Big Name จริง ๆ ย่อมไม่พ้นนิยายซีรีย์ Bakemonogatari ของ Nisio Isin ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะไปแล้ว สำหรับเรื่องนี้แล้วถึงไม่ใช่ Light Novel แต่ก็เป็นผลงานที่เหล่าโอตาคุไทยติดตามและอยากจะลองอ่านดูเช่นกัน เชื่อว่า จะมีผลงานของนักเขียนท่านนี้ออกมาให้อ่านอีกเรื่อย ๆ ในอนาคต
 
                  Bongkoch 
 
                  ถ้าพูดสำนักพิมพ์การ์ตูนที่ผู้หญิงหลายท่านต้องนึกถึงย่อมไม่พ้น สำนักพิมพ์บงกชเป็นแน่แท้ ซึ่งหลังจากพิมพ์การ์ตูนผู้หญิงจนเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งไปแล้ว สำนักพิมพ์ก็หันมาจับตลาดการ์ตูนชายและมีผลงานดี ๆ หลายเรื่อง และเป็นอีกสำนักพิมพ์ที่กระโจนเข้ามาในสังเวียนของ Light Novel อีกราย
 
                   กระนั้น Light Novel ของค่ายนี้ก็มีแตกต่างกับชาวบ้านตรงที่มีขนาดใหญ่เหมือนหนังสือปกติ ซึ่งต่างจาก Light Novel ปกติมากเลยทีเดียว จนหลายคนบอกว่า มันไม่ใช่ Light Novel แล้วก็ตาม แต่เนื้อในของมันก็ยังคงเป็นนิยายที่อ่านง่ายอยู่ดีสมชื่อของมัน
 
                    ซีรีย์ Light Novel ส่วนมากมักจะเป็นนิยายที่เป็นเล่มพิเศษจากหนังสือการ์ตูนชื่อดังของค่ายอย่าง Ouran Host Club , Black Bird , Vampire Night เป็นต้น แต่ก็มีการซื้อ Light Novel ที่น่าสนใจมาบ้างเหมือนกันอย่าง baka to test to shoukanjuu , itsuka tenma no kuro usage , Setokai Ichizon เป็นต้น
 
 
                    แต่ที่เป็น Big Name ของค่ายนี้ย่อมไม่พ้น Suzumiya haruhi no yuutsu หรือเรียกเธอว่าพระเจ้า สึซึมิยะ ฮารุฮิ Light Novel แนวไซไฟลึกลับชีวิตโรงเรียนชื่อดังที่ได้รับการดัดแปลงเป็นการ์ตูนเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งปัจจุบันค่ายบงกชได้พิมพ์มาจนถึงเล่มล่าสุดแล้ว
 
                     สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นับจากนี้ค่ายนี้จะสามารถคว้า Big Name เข้ามาได้อีกเรื่องไหม
 
                   Enterbook
 
 
                 สำนักพิมพ์น้องใหม่ล่าสุดในเครือของแจ่มใส สำนักพิมพ์เพื่อสาว ๆ วัยใสที่เข้ามาสู่ยุทธการ Light Novel ที่รายด้วยผลงาน Light Novel เพื่อสาว ๆ หลายเรื่อง ๆ ที่ขายดีอย่างยิ่งจนแทบจะเป็นคนผูกขาด Light Novel สำหรับผู้หญิงในประเทศไทยไปเลยทีเดียว ทว่าค่ายนี้ก็เริ่มที่จะมีการขยับขยายตัวเองไปสู่ฐานใหม่บ้างด้วย Light Novel ระดับ Big Name อย่างเรื่อง Hyouka ซึ่งเป็น Light Novel ที่ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นไปแล้วเมื่อปีก่อนและได้รับความนิยมพอสมควร ซึ่งหลายคนก็ฮือฮากันอย่างยิ่งที่ค่ายนี้กระโดดลงมาในสังเวียนนี้อีกคน แต่ก็ด้วย Light Novel ชายที่น้อยเกินไปทำให้ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่า Enterbook จะก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงสำหรับสังเวียนนี้ได้หรือไม่
 
                 นอกจากนี้เมื่อมองไปยังสำนักพิมพ์ต่าง ๆ อาทิ Vibulkij ก็มีการนำ Light Novel จากการ์ตูนดังของตัวเองอย่าง hayate no gotoku หรือ สามสาวพลังป่วนพิทักษ์โลก เข้าแปลบ้าง แต่ส่วนมากมักจะเน้นไปที่ฉบับนิยายของ คินดะอิจิรุ่นหลาน และ นักสืบรุ่นจิ๋ว โคนัน เป็นต้น
 
                  สยามอินเตอร์ก็แทบไม่มีความเคลื่อนใดในทาง Light Novel นักและค่อนเงียบเมื่อเทียบกับการ์ตูนที่ค่อนข้างคึกคักกว่ามาก
 
                   TKO คอมมิคเองก็มีไม่มีความเคลื่อนไหวอีกนับจากวางแผงนิยายที่เป็นเล่มพิเศษของ เซียนเกมรักขอเป็นเทพนักจีบ อีกเลยเช่นกัน
 
                   เมื่อลองมองดูสถานการณ์ Light Novel ในประเทศไทยนั้นเราจะเห็นภาพว่า ส่วนมากมักจะเป็นการซื้อ Light Novel ตามกระแสของอนิเมะบ้าง หรือ แนวเอาใจโอตาคุบ้างเสียส่วนมาก ซึ่งจะเห็นว่ามีค่ายที่จริงจังกับงานนี้เพียงไม่กี่ค่ายเท่านั้น ส่วนค่ายอื่น ๆ อาจจะต้องจับตามองกันต่อไปในอนาคตว่า จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร ในด้านลิขสิทธิ์ หรือ ผลงานต่อไป
 
                  นั้นทำให้เราไม่สามารถบอกได้ว่า ตลาด Light Novel ของประเทศไทยนั้นมาถึงจุดพีคแบบเดียวกับญี่ปุ่นหรือยัง
 
                   พูดได้แค่ว่า มันพึ่งจะเริ่มเท่านั้นครับ
 
 
 
 
                                                                        ป.ล. ขอให้ช๊อบกันให้สนุกในงานหนังสือปีนี้นะครับ

 

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ