Skip to main content

              เวลาเราเดินไปร้านดีวีดีหรือพวกแผงดีวีดี คุณมักจะเจอหนังหลากหลายประเภทตั้งแต่หนังแอ็คชั่นบู้สุดมัน หนังผีสยองขวัญ ไปจนถึงหนังรักที่ต่างผลิตออกมาขายกันมากมายให้ได้เลือดสอยไปหมด แต่แน่นอนว่า หนึ่งในจำนวนหนังที่เรามักจะเห็นในแผงหนังหรือกระบะลดราคานั้นจะมีหนังประเภทหนึ่งมาให้เสพไม่ขาดสาย

                มันก็คือ พวกหนังเกรดบีนั่นเอง

                ลองดูชื่อหนังเหล่านี้คุณอาจจะถึงกับอุทานคำว่า What the Hell ออกมาเลยก็ได้ เพราะชื่อหนังแต่ล่ะเรื่องก็ทำเอาขึ้นอึ้งแล้วว่า

                คิดได้ยังไงกันฟ่ะ

                ไล่ตั้งแต่ Sharktopus , Sand Shark , Snow Shark , Piranhaconda , Blood Surf , Boa , Anacondas , Deep Rising และหนังอื่น ๆ อีกมากมายที่ต่างพาเหรดกันลงแผ่นเอาใจคนที่ชอบหนังประเภทนี้กันแบบไม่อายใครท่ามกลางสายตาของนักดูหนังคนอื่นที่มองว่า หนังพวกนี้นั้นช่างไร้รสนิยมแท้ แต่ช่างหัวมันปะไรครับ เพราะหนังพวกมันสนุกนี่หว่า

                ที่จริงแล้วหนังเกรดบีพวกนี้ถูกแบ่งแยกขึ้นมานานแล้วครับ เพียงแต่ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า มันถูกเรียกโดยใครตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่มาเด่นชัดที่สุดคงไม่พ้นหนังของปู่โรเจอร์ คอร์แมน ผู้ได้รับราชาว่า ราชาหนังเกรดบีนั่นเอง

โรเจอร์ คอร์แมนราชาหนังเกรดบี

                หนังของแกหลายเรื่องถูกเรียกจากคนดูหนังรสนิยมหรูทั้งหลายว่า เป็นหนังขยะเกรดต่ำ ที่ไม่ได้ให้คุณค่าศิลปะใด ๆ เลย แน่นอนว่า หาก อัลเฟรด ฮิทช์ค๊อกถูกปรามาสในตอนที่ทำเรื่อง Psycho มากแค่ไหน ปู่แกก็โดนมาเยอะกว่านั่นเสียอีก

                แต่นั่นก็ไม่ทำให้ปู่โรเจอร์ คอร์แมนท้อใจอะไรเพราะ แกรู้ดีว่า ถึงอย่างไรคนดูหนังชั้นสูงก็ไม่ได้มีวันมาดูหนังของแกหรอก ดังนั้นแกจึงมุ่งมั่นผลิตหนังเกรดบีของแกต่อไปเพราะ แกเชื่อว่า หนังแบบนี้ถึงจะมีสภาพการถ่ายทำหรืออะไรที่มันสู้หนังสตูดิโอใหญ่ไม่ได้ ทุนเองก็น้อยกว่า แต่ก็สนองความต้องการของคนดูได้อย่างไร้ขัดจำกัดโดยเฉพาะไอเดียที่พวกหนังเกรดบีนี่เข้าขั้นบ้ากว่าเยอะ

                เอาง่าย ๆ คุณไม่มีทางได้เห็นหนังประเภทฉลามผสมกับปลาหมึกไล่กินคนในหนังเกรดเอทั้งหลายหรอกนะครับ

                นั่นเองที่ทำให้หนังเกรดบีมีเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในหนังเกรดเอทั้งหลาย เพราะความที่มันเป็นหนังที่มุ่งเน้นสนองความบันเทิงของคนดูโดยไม่อิดออดใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะคนดูอยากจะเห็น ตูก็ทำให้เห็นไปเลย

                นี่เองที่ทำให้หนังเกรดบีหลายเรื่องอย่างประทับอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนจนถึงทุกวันนี้

                เอาเฉพาะหนังของปู่คอร์แมนก็มีให้เพียบครับ สำหรับเกรดบีที่หลายคนจดจำ

                ตั้งแต่ปลากินคนใน Piranha

                เจ้าดอกไม้กินคนในหนังเพลงประหลาดล้ำโลกอย่าง The Little Horror Shop

                หรือกระทั่งหนังแข่งรถไล่ยิงกันอย่าง Death Race 2000 เป็นต้น

                แน่นอนว่าหนังเกรดบีไม่ได้จำกัดตัวอยู่แค่เพียงหนังสยองขวัญหรือหนังเชือดเท่านั้น แต่ยังมีหนังเกรดบียังมีแบ่งออกเป็นหนังแอ็คชั่นบ้าง หรือกระทั่งหนังสัตว์ประหลาดก็ยังมี

                อย่างที่บอกไปครับว่า หนังพวกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองคนดูหนังโดยเฉพาะทำให้มีหนังเกรดบีประเภทออกมาให้เพียบ ซึ่งผมจะพาไปสำรวจโลกของหนังเกรดบีกันว่า มีอะไรกันบ้างครับ

1.               Action Movie

                  เวลาที่เราไปเดินตามร้านดีวีดี เรามักจะเห็นหนังแอ็คชั่นที่นำแสดงโดยดาราเกรดสองบ้าง พวกตัวประกอบมีชื่อบ้างอยู่เนื่อง ๆ เราคงเห็นชื่อของอดีตดาราค่าตัวแพงอย่าง ณอง คล็อด แวนแดม , ดอล์ฟ ลุนเกรน , สตีเว่น ซีกัล , คิวบา กู้ดดิ้ง จูเนียร์ หรือ คริสเตียน สเลเตอร์ หรือดาราตัวประกอบที่พอจะมีชื่อหรือคุ้นตาคนดูบ้างอย่าง แดนนี่ เทรโจ , มาร์ค ดาคาลอส ไมเคิ่ล เจย์ ไวท์ หรือกระทั่ง แคสเปอร์ แวนดีน รวมไปกระทั่งการปั้นดาราใหม่ขึ้นมาใหม่เลยอย่าง สก๊อต แอดกิน หรือพวกอดีตซุปเปอร์สตาร์วงการมวยปล้ำอย่าง WWE อย่าง Stone Cold Stave Austin หรือ Dave Batista เองก็ตาม

                หนังพวกนี้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างการเล่าเรื่องตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนเท่าไหร่นัก ใครเป็นพระเอกผู้ร้ายเห็นกันในหน้าเดียว ซึ่งเรียกว่า หนังแอ็คชั่นแบบยุค 80 ซึ่งเป็นยุคที่หนังแอ็คชั่นแบบนี้เฟื่องฟูนั่นเอง เพราะเป็นเรื่องราวง่าย ๆ อย่าง หนังคนดีต่อสู้กับคนชั่วเท่านั้น ต่างจากยุคปัจจุบันที่หนังแอ็คชั่นจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ไอเดียไปจนถึงมิติตัวละคร

               แน่นอนว่าหนังพวกนี้ค่อนข้างล้าสมัยไปแล้วในยุคปัจจุบันเห็นได้ชัดจากรายได้ของหนังแบบนี้บนจอใหญ่ ซึ่งมีพวกดาราอย่าง อาร์โนลด์ ชวาร์ซเน็กเกอร์กับ The Last Stand , ซิสเวสเตอร์ สโตนโลนกับ Bullet to the head หรือกระทั่งรุ่นใหม่อย่าง เจสัน แสตรทแทมเองกับหนังอย่าง Parker ก็ไปได้ไม่สวยนักในตารางหนังทำเงินราวกับว่า หนังพวกนี้ไม่เป็นที่ต้องการของคนดูแล้ว

                กลับกันในแผงดีวีดีหนังพวกนี้กลับมีที่ทางของมันอยู่เหมือนเดิม เห็นได้จากจำนวนหนังที่สร้างขึ้นในแต่ล่ะปี เหล่าดาราเกรดรองที่ต่างลงมาเล่นหนังพวกนี้กันอย่างมากมายด้วยเหตุผลที่ว่า หนังพวกนี้ยังมีแฟนตามติดอยู่เหมือนกันสังเกตได้ว่า รายได้ของพวกหนังเหล่านี้มักจะมาจาก DVD หรือพวก Home Entertainment นั่นเอง

              แม้ว่าทุนสร้างอาจจะน้อยเมื่อเทียบกับหนังใหญ่ แต่สิ่งที่หนังแอ็คชั่นเกรดบีทั้งหลายใช้เพื่อทดแทน CG หรือฉากใหญ่ ๆ แบบหนังเกรดใหญ่ก็คือ ฉากบู้แบบดิบ ๆ ที่หนังแอ็คชั่นรุ่นใหญ่ไม่ทำแล้ว (เพราะหันไปเน้น CG กันหมด)

             แน่นอนว่าที่ยังทำเงินได้ทุกวันนี้ก็เพราะ ยังมีคนต้อนรับหนังพวกนี้อยู่เสมอ แม้จะเป็นหนังส่งลงแผ่นก็ตาม

              ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากคุณจะเห็นหนังแอ็คชั่นแบบนี้ในรูปแบบหนังส่งตรงดีวีดีต่อไป

2.               Monster Movie

             สาเหตุที่ผมเลือกที่จะเขียนคอลัมน์นี้ขึ้นมาก็คือ การที่ผมได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Sharktopus หนังสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ระหว่างฉลามกับปลาหมึกที่ดันหลุดจากการควบคุมและออกไล่ล่ากินคน แล้วนึกขึ้นมาได้ว่า เคยมีใครเคยเขียนถึงพวกหนังเกรดบีบ้างไหม

 

             จะว่าไปแล้วถ้าพูดถึงพวกหนังเกรดบีหลายคนย่อมนึกถึงหนังสัตว์กินทั้งหลายก่อนเลยครับ อาจจะเพราะหนังพวกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองคนดูโดยเฉพาะนั่นเอง

             ในประเทศไทย หนังสัตว์กินคนพวกนี้ได้รับความนิยมมากครับ แต่มาได้รับความนิยมสุดขีดก็ไม่พ้นการมาของหนังสัตว์กินคนสองเรื่องในปี 1997 และ 1998 อย่าง Anacondas (เลื้อยสยองโลก) และ Deep Rising (เลื้อยทะลวง 20000 โยชน์) ที่ก่อให้กระแสหนังสัตว์ประหลาดฟีเวอร์ขึ้นในประเทศไทย (และอาจจะโลกด้วย) ที่ทำให้จู่ ๆ มีหนังสัตว์ประหลาดกินคนจำนวนมากพาเหรดเข้ามาในประเทศนี้มากมายทั้งที่เป็นหนังฉายโรงบ้าง หรือ หนังส่งตรงวีดีโอบ้าง

              ความต้องการของหนังสัตว์ประหลาดนั้นมีมากมายในยุคนี้ครับ จนเรียกยุคทองของหนังสัตว์กินคนเลยก็ว่าได้

              เพราะมีกระทั่งปรากฏการณ์เอาหนังส่งลงวีดีโอฉายโรง โปรโมทโฆษณาเก็บเงินคนดูแบบมึน ๆ ก็มีมาแล้วครับ

               แน่นอนว่า หากใครได้ชมหนังพวกนี้บ่อย ๆ จะเห็นสูตรของหนังพวกนี้ว่า มีลักษณะอย่างไร

1.               ตัวละครในหนังเรื่องนี้หลายเรื่องจะเป็นวัยรุ่นหน้าโง่บ้าง นักวิทยาศาสตร์บ้าง ทีมถ่ายสารคดีบ้างที่ชอบไปในสถานที่ที่คนชนบทเขาไม่ไปกันบ้าง และตัวละครต้องมีมากกว่าสี่คนขึ้นไป

2.               ในเรื่องจะต้องมีนักวิทยาศาสตร์บ้าที่สร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมาบ้าง พรานบ้าที่อยากล่าสัตว์พวกนี้บ้าง คนโลภที่พาตัวละครไปสู่ภัยพิบัติบ้าง หรือไม่ก็ตัวละครในกลุ่มที่ดันทำบางอย่างให้เจ้าสัตว์พวกนี้ออกมาไล่ล่า

3.               แน่นอนครับว่า หนังพวกนี้จะต้องมีสัตว์ประหลาด ซึ่งมีตั้งแต่ ปลากินคน งู จระเข้ ฉลาม นก ไดโนเสาร์ หรืออะไรก็ได้ที่มันวิ่งไล่กินคนได้จนกระทั่งไปถึงพวกสัตว์ทดลองกลายพันธุ์เองก็เถอะ

4.               สุดท้ายครับจะต้องมีสาว ๆ สวย หุ่นดีมาวิ่งในหนังพวกนี้เสมอ

                 นั่นเองที่ทำให้หนังพวกนี้ถูกมองว่า ไร้รสนิยม สนองนีดส์คนดูและคนทำมากเกินไป แต่เอาเถอะ ในหนังที่เหมือนจะไม่มีข้อคิดอะไรพวกนี้ แต่จริง ๆ แล้วหนังก็มีความคิดง่าย ๆ อย่างทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว โลภมากลาภหาย หรือกระทั่ง การวิพากษ์กองทัพหรือวิทยาศาสตร์กันไปเลย

                 ไอเดียหนังสัตว์ประหลาดหลายเรื่องก็ค่อนข้างตันครับ ถ้าไม่รีเมคกันใหม่ ก็เป็นการเอาสัตว์นู้นนี่นู้นนั้นมาดัดแปลงให้มีความประหลาดกันไป จนไม่น่าแปลกใจที่คุณจะได้เห็น หนังประเภทอย่าง Sharktopus , Sand Shark , Snow Shark . dinocroc , Mega Shark . giant Octopus กระทั่งล่าสุดอย่าง Sharknado

                และเพราะหนังพวกนื้มันขายง่ายและมีคนรอดูอยู่เสมอ ๆ (อย่างเช่นคนเขียนบทความ) จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังเกรดบีสัตว์ประหลาดกินพวกนี้จะยังได้รับความนิยมอยู่จนกระทั่ง ณ บัดนี้

 

3.               Slather Movie , Horror movie

                แน่นอนว่า หนังเกรดบีอีกประเภทที่เรามักจะเห็นกันตามแผงบ่อย ๆ ย่อมไม่พ้นหนึ่งในหนัง Genre ที่คลาสสิคอย่าง หนังสยองขวัญไปได้

                ทุนน้อย ขายง่าย กำไรงาม แต่ไร้ศิลปะ ไร้รสนิยม และ หนังขยะ คือสิ่งที่นักวิจารณ์ในอดีตเคยปรามาสหนังสยองขวัญต่าง ๆ เอาไว้กระทั่งการเปิดตัวของ Psycho ของฮิตช์ค๊อกที่ทำให้หนังสยองขวัญไม่ได้เป็นเพียงหนังที่ไร้รสนิยมอีกต่อไปแล้ว

               ทว่าหนังสยองขวัญกลับถูกแบ่งเป็นหนังสยองขวัญเกรดเอ กับ เกรดบี แทน (หมายความว่ายังไง)

                แน่นอนว่า หลายคนก็งงว่า ทำไมถึงแบ่งออกมาเช่นนั้นอาจจะต้องโทษไปที่หนังสยองขวัญทุนต่ำขาวดำเรื่องหนึ่งของผู้กำกับหนุ่มคนหนึ่งที่ทำให้มีการแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจนขึ้นพอดี

               ครับ ผมกำลังพูดถึงราชาหนังซอมบี้อย่าง จอร์จ เอ โรเมโร่

                ครั้งที่โรเมโร่ทำหนังซอมบี้ขาวดำนั้นเป็นช่วงที่ยุคสตูดิโอได้จบลงไปแล้ว ส่งผลให้มีนักทำหนังหน้าใหม่โผล่มาเรื่อย ๆ ซึ่งโรเมโร่เป็นหนึ่งในนั้นครับ เขาเริ่มต้นจากร่วมกับเพื่อนหาเงินทุนมาทำหนังซอมบี้ด้วยทุนสร้าง 70000 ดอลลาร์ด้วยทุนสร้างที่น้อยนิดบวกกับฟิลม์ขาวดำเพื่อเอาไปฉายในโรงหนังไดรฟ์อินแถวบ้าน แต่ปรากฏว่าหนังดันทำเงินกระจุยกระจายหลังจากตอนแรกฉายแล้วดันโดนด่าส่งผลให้โรเมโร่และพรรคพวกได้มีโอกาสทำหนังซอมบี้กันต่อไปอีกในภายหลัง

                เอาจริงนะครับ หนังสยองขวัญเกรดบีส่วนมากมักจะโดนปรามาสว่า ไร้รสนิยมบ้าง เลือดสาดไปบ้าง รุนแรงบ้าง ไร้สาระบ้างเสมอ ๆ แต่สิ่งที่มันมีตลอดมาก็คือ หนังมันให้ความบันเทิงแบบสุดขั้วจริง ๆ และไม่มีเม้มความโหดกันเลยด้วยซ้ำ ซึ่งใครจะบ้างว่าหนังเกรดบีสยองขวัญพวกนี้นั้นล่ะได้สร้างนักทำหนังชื่อก้องที่ไม่ได้จบเรียนหนังกันมาเลย แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นระดับพระกาฬของวงการภาพยนตร์ไปแล้วอย่าง เจมส์ คาเมร่อนกับหนังอย่าง Piranha 2 ที่มีปลาปิรันย่าบินได้ , แซม ไรมี่กับ Evil dead , ปีเตอร์ แจ็คสันกับ Bad Taste รวมทั้งพวกจอห์น คาร์เพนเตอร์ , เวส คาร์เว่น , สตีฟ ไมเนอร์หรือกระทั่งรุ่นหลัง อีไล รอธก็ล้วนแล้วเกิดกับหนังสยองขวัญเกรดบีพวกนี้ทั้งนั้น

               ทั้ง Nightmare on the elm Street (นิ้วเขมือบ) , Halloween (วันอำมหิต) , Friday night 13th (ศุกร์สิบสามฝันหวาน) ,Scream (หวีดสุดขีด) , Child Play Z (แค้นฝังหุ่น) , Texas Chainsaw Massacre (สิงหาสับ) , Dawn of the dead (ซอมบี้ คนกัดคน) Evil dead (ผีอมตะ) เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นหนังสยองขวัญเกรดบีที่ปัจจุบันได้กลายเป็นหนังชั้นยอดของวงการนี้ไปแล้วและมันก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ทั้งภาคต่อ รีเมคก็แล้วแต่

             แต่ปัจจุบันหนังเชือดแบบยุค 80-90 ลดลงไปมากตามกาลเวลา แต่หนังพวกนี้ก็ยังมีออกมาให้ได้เก็บกันตลอด หรือไม่ก็มีการเล่าเรื่องซับซ้อนมากขึ้นหรือกระทั่งเปลี่ยนรูปแบบของหนังไปเลย

              สรุปก็ คือ หนังสยองขวัญเกรดบีไม่เคยตายจริง ๆ

4.               Mockbuster (หนังล้อเลียน)

                      เวลาไปเดินแผงดีวีดีหรือวีซีดีนั้นเคยสังเกตไหมครับว่า เวลาที่หนังดัง ๆ อย่าง Transformer , Ailen vs Predators หรือแม้กระทั่ง Snow White เข้าฉายโรงนั้น เราจะเห็นหนังหน้าตาแปลก ชื่อคล้าย ๆ บนแผงดีวีดีหรือวีซีดีเสมอ ๆ อาทิ transmorphers , Alien vs Huster , Grimm's Snow White , American Battleships , Battle of Los Angeles , I Am Omega , Hansel & Gretel และอีกสารพัดหนังที่รอให้คนซื้อหยิบผิดซื้อไปชม

                 หลายคนที่หยิบคงต้องร้องจ้ากว่า นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย

                 หลายคนอาจจะมองว่า นี่เป็นการหลอกลวง แต่บริษัทแห่งหนึ่งที่ในฮอลลีวู้ดที่ชื่อว่า Asylum ผู้ผลิตหนังเลียนแบบหนังใหญ่ของฮอลลีวู้ดที่พวกเขาภูมิใจที่เรียกว่า Mockbuster ที่ล้อชื่อมาจากคำว่า Blockbuster ก็ด้วย

                  หนังพวกนี้ใช้ทุนน้อย แถมใช้ดาราค่าตัวถูกหรือไม่ก็แคสต์มาใหม่กันทำให้ประหยัดทุนสร้างไปได้เยอะ แถมวางขายใกล้กับเวลาหนังดังที่เอาชื่อมาล้อนั่นล่ะครับมาใช้ทำให้สามารถเก็บเงินทำกำไรได้อย่างงามเลยทีเดียว

                  แน่นอนว่า การทำหนังล้อชื่อหนังดังพวกนี้ย่อมไม่พ้นจะโดนฟ้องแน่ ๆ อย่าง กรณีล่าสุดกับหนังเรื่อง American Battleships ที่สุดท้ายแล้ว Asylum ก็ต้องยอมเปลี่ยนชื่อหนัง (แต่ของไทยก็ยังชื่อนี้ หรือกระทั่งหนังอย่าง The Hobbit ที่ใช้ชื่อว่า Age of Hobbit เช่นกันที่ต้องเปลี่ยนชื่อ

                  กระนั้นตัวบริษัทก็ไม่เข็ดยังคงสร้างหนังต่อไปด้วยผลงานอย่าง

                   Jack the giant Killer  และ Apocrypha Earth

                    ปัดโธ่ !!

                   จริงแล้วยังมีหนังอีกหลายประเภทที่ถูกเหมารวมว่า เป็นแค่หนังเกรดบีไม่ว่าจะเป็นหนังฮ่องกงส่งลงวีดีโอที่หลายเรื่องก็กลายเป็นเรื่องคลาสสิคไปแล้วอย่าง ซาลาเปาเนื้อคนเป็นต้น หรือหนังผีญี่ปุ่นต่าง ๆ ที่ถูกสร้างหลังกระแส The Ring และ Ju-on ซึ่งบอกเราว่า วงการนี้ไม่เคยตายเพราะเอาจริง สิ่งสำคัญที่สุดของหนังไม่ว่าจะเป็นเกรดบีหรือเอก็ตาม นั้นอยู่เพียงหนึ่งเดียว

                  ขอให้สนุกก็พอ

                   นั่นคือ สัจธรรมที่แท้จริงของการดูหนังเพื่อความบันเทิงครับ

…..

ป.ล. บทความนี้ยังมีตอนที่ 2 ต่อนะครับ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง นิตยสาร Filmax , Starpics และหนังสือ Filmvirsus ฉบับสางสำแดง 

บล็อกของ Mister American

Mister American
ปี 2515 ณ หมู่บ้านห่างไกลผู้คนในจังหวัดกาญจนบุรี แย้ม เด็กสาวผู้เคยป่วยหนักจนเกือบตายได้มีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น เธอเริ่มพูดจาด้วยคำหยาบคายกับคนในครอบครัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มโกหกและยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกัน รวมทั้งลุกขึ้นมาตอนกลางคืนเพื่อนกินของสดทำให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ หยาด เกิดความสงสัยขึ
Mister American
สัปเหร่อ : คนตายคือ ครู และ คนอยู่คือ นักเรียน           “ความตาย...มันฆ่าเฮาได้แค่ครั้งเดียว แต่ความฮัก มันฆ่าเฉาไปเรื่อยๆๆ จนกว่าเฮาสิตายพุ่นเด้”บักมืด 
Mister American
                ระหว่างที่เขียนต้นฉบับบทความนี้อยู่นั้น การโหวตประธานรัฐสภาและรองประธานสองคนการประชุมสภาวันแรกได้จบลงแล้ว และ ผลคือ คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาคนใหม่ ร่วมกับ รองประธานสภาสองท่านจากพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อ
Mister American
            คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดในซีซั่นนี้ที่เรียกว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบรรดาคนดูอนิเมชั่น และ คนดูหนังหลายคนได้เท่ากับ อนิเมชั่นซีรีย์เรื่อง Oshi no Ko หรือ ชื่อไทยว่า เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานดัดแปลงจากมังงะขายดีของ อากะ อาคาซากะ ที่ได้ฤกษ์ออกฉายไปเมื่อ
Mister American
                "พรมนิ้วลงไป หวังให้อัสนีกึกก้องด้วยละอองแสง                   กระหน่ำตีเข้าไปให้ถึงปลายทางของความเจ็บปวด
Mister American
                พอ Hellraiser ภาคใหม่จะลงฉายใน Hulu กันในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ (ซึ่งไทยจะได้ดูกันใน Disney Plus) นับว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของพินเฮดและเหล่าซีโนไบร์ต หนึ่งในไอค่อนของโลกสยองขวัญที่โด่งดังไม่แพ้ เฟรดดี้ ครูเกอร์ แห่ง Nightmare of elm street , เ
Mister American
พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่
Mister American
“ทำไมถึงไม่มีหนังสัตว์ประหลาดไทยดี ๆ ออกมาสักทีวะ ?”
Mister American
คงไม่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้ หลาย ๆ คนคงให้ความสนใจกับการชุมนุมของบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขับไล่เผด็จการ และ เปลี่ยนแปลงประเทศใหม่ กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของการชุมนุมที่เกิ