อันที่จริงคงไม่ได้เป็นเรื่องราวในยุคปัจจุบัน หรือยุคใดยุคหนึ่งหรอกกระมัง แต่จากเรื่องราวมากมายทำให้พอเชื่อได้ว่า ในสังคมมนุษย์ เรามีการแบ่งข้างอยู่ตลอดเวลา ถ้าว่าตามทฤษฎีไท่เก๊ก จักรวาลก็ถูกแบ่งออกเป็นหยินกับหยาง เพียงแต่ว่าในทฤษฎีไท่เก๊กนั้น เมื่อพูดถึงการแบ่งข้างก็ได้พูดถึงความสมดุลอยู่ด้วย เช่นนั้นเองชีวิตก็จึงมีเขา มีเรา มีชอบ มีไม่ชอบ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของเราอย่างไร????
เมื่อเราพูดถึงความแตกต่างหลากหลาย นั่นเราก็ว่าถึงการแบ่งข้าง ว่าถึงข้างหลายๆ ข้าง ที่มากกว่าสองข้าง ว่ากันว่า ในความต่างนั่นเองที่ชีวิตจะหมายถึงความงอกงาม หมายถึงการเรียนรู้ร่วมกัน หมายถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ หมายถึงการเติบโตทั้งทางความคิดและจิตวิญญาณ หมายถึงการสังสันต์ทางความคิด และปัญญา ในทางที่ลึกซึ้งลงไป มันก็อาจหมายถึงการสืบค้นเข้าไปในตัวตนของตัวเองด้วย ในมิตินี้ มันจะเป็นการแบ่งข้างที่เป็นไปอย่างงดงามหรือไม่
หากเมื่อเราพูดถึง ความต่างในอุดมคติ ซึ่งนั่นมันเชื่อมโยงอยู่กับความเชื่อ ความรู้ พื้นฐานชีวิต และในเงื่อนไขนี้ที่เราจะปักใจเชื่อว่า เรา ฝ่ายเราเท่านั้นถูกที่สุด ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด งดงามที่สุด ปลอดภัยที่สุด ส่วนฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่เราล้วนเป็นทัศนะที่เลวร้าย ไม่งาม น่ากลัว ไม่ปลอดภัย และในที่สุดก็เกิดการต่อสู้ ว่ากันตั้งแต่ทางความคิด ทางอุดมการณ์ และอาจนำพาไปสู่การลงมือทำร้ายกัน นั่นก็อาจจะด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ที่จะก่อผลประการใด แต่ที่แน่ๆ มันย่อมเกิดผลในวงที่กว้างออกไปแน่นอน ใหญ่ หรือเล็กก็ตามแต่ปัจจัยที่จะเป็นไปนั่นเอง และนั่นเราก็อาจเห็นการแบ่งข้างที่อยู่บนพื้นฐานของความกลัวหรือไม่
เชื่อว่าสิ่งสำคัญที่ให้เราอยู่บนฐานของ งาม หรือ กลัว นั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า อัตตา ยิ่งเมื่อเราเห็นอุดมการณ์ที่ต่างออกไป และเราไม่เห็นด้วย ขั้นแรกก็อาจมีความพยายามที่จะอธิบายความ ว่าเราดีกว่าอย่างไร แน่นอนว่าวาระนั้นเราก็พยายามถึงที่สุดที่จะให้เขา เชื่อตามเรา เมื่อไม่ได้ การอธิบายก็อาจรุนแรงขึ้น และสิ่งสำคัญที่เป็นเงื่อนไขให้เกิดการทะเลาก็คือ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ฟังกันนั่นเอง
ความเชื่ออันหนึ่งก็คือ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้มีการแบ่งข้าง แต่สามารถก่อเกิดความงามได้ ประเด็นนี้ ใครๆ ก็ย่อมรู้ และโดยไม่ได้ยึดเอาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายถูก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ แต่ละฝ่ายเรียนรู้ได้มากเพียงใด ยิ่งถ้าแต่ละฝ่ายมีภาวะของการเรียนรู้เป็นฐานสำคัญแล้ว สิ่งที่จะได้ก็อาจเป็นสิ่งใหม่ นวัตกรรมใหม่ ความรู้ใหม่ ปัญญาใหม่ และความงามที่สุดของมันก็คือ มันไม่ได้เกิดจากใครฝ่ายใด แต่มันเกิดมาจากการหลอมรวมนั่นเอง
ทั้งหมดนี้ เราเลือกได้ว่าเราจะเป็นฝ่ายไหนและเป็นฝ่ายอย่างไร.......