อ้ายไพทูรย์ พรหมวิจิตร เคยบอกว่า นี่เป็นที่นาผืนสุดท้ายของเชียงใหม่ ว่าก็คือมันเป็นที่นาผืนสุดท้ายที่อยู่ใกล้เมืองมากที่สุด นั่นคือบริเวณบ้านทุ่งเกวียน บ้านสันป่าสัก ตำบลหนองจ๊อม วันนั้นมันก็เป็นทุ่งนาที่มีคลองน้ำไหลผ่าน ชาวบ้านชาวนาหาปลาจากคลองซึ่งมีอยู่มากมาย ตกค่ำฝูงนกกระยางบินตัดฟ้ามาเป็นกลุ่ม แปลขบวนเป็นเส้นเป็นสาย เมื่อล่วงเข้าสู่เวลาค่ำ เสียงทุ่งนา เสียงรัตติกาลของทุ่งนา นั่นก็คือแมลงกลางคืนดังท่วมทุ่ง รอบๆ บริเวณผืนนานี้อาจมีบ้านจัดสรรอยู่บ้าง หลายคนที่มาอยู่ในแถบนี้ที่ย้ายมาจากในเมืองบอกว่าที่นี่น่าอยู่ มันเงียบสงบด้วย และก็ไม่ลำบากกับการเข้าเมือง นั่นอาจเป็นภาพทีเราพบเมื่อสามปีที่แล้ว วันที่เรากำลังเริ่มร่วมกันไปสร้างบ้านดินกลางทั่งนั้นให้กับผู้เฒ่า แสงดาว ศรัทธามั่น
ลุงปั๋น ผู้เฒ่าวัยเจ็ดสิบหก ยังปั่นจักรยานคันเดิมที่เราพบเมื่อสามปีก่อน ภาพที่เราเห็นแกก็ยังเป็นภาพคล้ายเดิม คือภาพที่ลุงปั๋นก้มๆ เงยๆ อยู่ตามคันนานั้น แต่ปีนี้มีอะไรที่เปลี่ยนไปมาก ที่นาบางที่ถูกถมไปแล้ว กลายเป็นบ้านช่องเรือนชาน บ้านจัดสรร หรือกระทั่งเป็นสวน เป็นพื้นที่เกษตรแบบใหม่ที่ไม่ใช่นา ว่าก็คือ มีคนมาอยู่แถบถิ่นนี้มากขึ้นแล้ว
บ้านดินรักดาว บ้านดาวรักดิน ชื่อที่อ้ายไพทูรย์ ตั้งไว้ ป้ายภาษาเมืองหลานหายไปแล้วแผ่นหนึ่ง ตัวบ้านโดยรอบสีผุกร่อนไปมาก เนื่องจากเผชิญกับลมฝนมาสามฤดู พร้อมกับที่เจ้าของบ้านมีเวลาอยู่บ้านน้อยเหลือเกิน ต้นไม้โตขึ้นมาก ทั้งต้นที่มีอยู่เดิม ทั้งต้นที่ปลูกเมื่อช่วงมาอยู่ที่นี่
ด้วยเงื่อนไขบางอย่าง ผู้เฒ่าแสงดาว จะต้องย้ายที่ ด้วยที่นาผืนนั้นต้องขายไป บ้านดินมันย้ายไปไม่ได้ และหลังจากนี้ไม่ว่าบ้านดินจะยังมีอยู่หรือไม่ มันก็จะไม่ได้เป็นบ้านดินของแสงดาวอีกต่อไปแล้ว พวกเราหลายคนนั่งคุยกันถึงการสร้างบ้านหลังนี้เมื่อสามปีก่อน บ้านที่ใช้คนเยอะมาก ทีมสุดสะแนน ทั้งฮวก ชวด เปี๊ยก คิง ตุ๊กตา ทิพย์ แวะเวียนมาร่วมลงแรงแทบทุกวัน ทั้งๆที่พวกเขาทำงานกลางคืนตื่นกันสาย แล้วค่ำก็ต้องรีบกลับไปเปิดร้าน แต่กระนั้นทีมนี้ก็ยังเป็นแรงงานหลักทีเดียว พี่แก้ว เอก และต้อ ที่มาปักเต้นท์อยู่ร่วมกันนานนับเดือน ที่วิ ที่แวะเวียนมาส่งเสบียงอยู่มิได้ขาด พี่ต้อม พี่กบ ลุงตุ๋ย จากแม่โจ้ก็มาทั้งทำอาหารและลงแรงเกือบตลอดงาน พี่น้องกลุ่มต่างๆ อีกมากมายที่แวะมาเยือนระหว่างนั้น พี่น้อยอัคนี มูลเมฆ อ้ายถนอม ไชยวงแก้ว พี่ยาย แพร จารุ พี่น้องจากมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ จากร้านเหล้า ครูตี๋ กิตติ เพื่อนทางเชียงของ พี่น้อง กลุ่มต่างๆ ที่แวะเวียนมาเป็นกำลังใจมิได้ขาด
คุยกับฮวก สุดสะแนนว่า สามปีผ่านไป ยังไงเราก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพิเศษนี้ แม้ว่าสามปีกับการอยู่อาศัยแล้วอาจจะดูไม่คุ้มอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ได้ร่วมกันทำงานชิ้นนี้ขึ้นมา และถึงเหนื่อย แต่เราก็สนุกกัน
วาระนี้ ถือเป็นการอำลาบ้านดินรักดาวอย่างเป็นทางการ ถ้าพูดแบบหนังนักรบย้อยยุคฝรั่งก็ต้องบอกว่า ยินดีที่ได้ร่วมรบกับทุกท่าน